เซียวหลันยวนรู้ว่าเสิ่นเชี่ยวอยู่ด้านนอก แต่จุดที่นางยืนอยู่ในโถงนี้มองไม่เห็ฯ ดังนั้นพ่อลูกคู่นี้จึงไม่รู้เมื่อครู่ ฮูหยินอู๋พูดถึงจูเฉียนเฉี่ยนใจกว้างมีไมตรีอะไรนั่น นับถือศรัทธาอะไรนั่น คิดจะตอบแทนอะไรนั่นถึงอย่างไร ด้วยความคิดของตัวเขา ถ้าหากนางได้ยินว่ามีคนรักฟู่จาวหนิงขนาดนี้ เขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน เสิ่นเชี่ยวจะรับได้หรือ?ฟู่จิ้นเชินมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ลุกขึ้นยืนเดินออกไปนอกโถง พอออกไปก็เห็นเสิ่นเชี่ยวอยู่ด้านนอกจริงๆเสิ่นเชี่ยวตอนนี้สีหน้าดูซับซ้อน"ฮูหยิน""ท่าน ท่านกับแม่นางจูคนนั้น..."ตอนอยู่ที่เมืองเจ้อน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฮูหยินอู๋ที่ออกไปเมื่อครู่คนนั้น เสิ่นเชี่ยวเองก็มองออกว่านางไม่ธรรมดานางยื่นมือมาสอดระหว่างฟู่จิ้นเชินกับแม่นางอีกคนหนึ่ง นั่นจะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กแน่กระมัง?เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้บอกนางนี่?"เรื่องนี้ข้าแค่ยังไม่ทันได้เล่าให้เจ้าฟัง เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น" ฟู่จิ้นเชินเดินมาตรงหน้านาง"แม่นางจูคนนั้นคิดจะตอบแทนท่านจริงๆ หรือ? ท่านไปมีบุญคุณอะไรกับนางมา?"เสิ่นเชี่ยวจิตใจซับซ้อนสับสนมากก
เสิ่นเชี่ยวคิดมาตลอด หนีเอาตัวรอดมาสิบกว่าปีแบบนี้ ต้องรู้สึกไม่ปลอดภัยกับรู้สึกหวาดผวาทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วยังกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกสภาพของนางเองก็คงจะเหนื่อยล้ามาก จิตใจก็ชอกช้ำแต่ว่าก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าพอไหวแต่ในพริบตานี้ พอเห็นจูเฉียนเฉี่ยนที่สดใสราวกับดอกไม้ที่ชุ่มด้วยน้ำค้างยามเช้า นางก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่า พอเทียบกับแม่นางตัวเล็กๆ แบบนี้ นางก็แก่ไปแล้วจริงๆนางไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ก็รู้สึกด้อยค่าขึ้นมาใครก็คิดไม่ถึงว่าจูเฉียนเฉี่ยนจะไล่ตามมาถึงเมืองหลวงกระทั่งฟู่จาวหนิงยังรู้สึกว่า ผู้บริหารท้องถิ่นโหยวอย่างน้อยก็น่าจะคุมนางไว้ดีดีเสียอีกแต่นางไม่ใช่แค่ไล่ตามมา มาจนถึงจวนตระกูลฟู่ แล้วยังบุกเข้ามาในจังหวะนี้อีกฟู่จาวหนิงพริบตานี้ก็อยากจะตบที่หน้าผากตัวเองเสียจริง ทนดูไม่ได้เอาเสียเลย"ผู้มีพระคุณ! ท่านพี่เชิน!"จูเฉียนเฉี่ยนวิ่งมาตรงหน้าฟู่จิ้นเชิน แต่ยังตะโกนเรียกเขาว่าท่านพี่เชินอีกเหล่าคนใช้กับเหล่าคนคุ้มครองเรือนที่ตามเข้ามาก็ตะลึงงันไปแล้ว พวกเขาล้วนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองกันไป มองกันมาเฉินซานตั้งตัวได้ ตะคอกขึ้นมาคำหนึ่ง"ไปทำงานกันสิ จะมีลอมอยู่ท
ทำให้เสิ่นเชี่ยวงงงันไปเลย"ไม่ใช่สิ แม่นาง ข้าอายุแทบจะเป็นแม่เจ้าได้แล้ว เจ้าทำไมถึงมาเรียกว่าพี่หญิงกัน?" เสิ่นเชี่ยวตอบกลับไปด้วยสัญชาตญาณ"เฮ้อ พี่หญิง พวกเราไม่ต้องถือสาเรื่องอายุกันหรอก" จูเฉียนเฉี่ยนมองนาง เอ่ยชมนางอย่างจริงใจ "แต่ว่า พี่หญิงเองก็สวยมากเลย ยิ่งไปกว่นั้นยังดูอายุน้อยมากด้วย พวกเราถ้าเดินจูงมือกันออกไป จะบอกว่าเป็นพี่น้องกันก็ไม่มีใครไม่เชื่อหรอก"จูเฉียนเฉี่ยนตอนนี้เข้าใจแล้ว ทำไมฟู่จาวหนิงถึงได้สวยขนาดนั้น เพราะพ่อแม่ของนางหน้าตาชั้นยอดกันทั้งนั้นนี่เองฟู่จาวหนิงยังเอาส่วนที่ดีที่สุดมาหมดด้วย แล้วจะไม่งามได้อย่างไร"ยิ่งไปกว่านั้นพี่หญิงก็ยังดูอบอุ่นอ่อนโยนอีก ข้าแค่เห็นก็ชอบท่านพี่หญิงแล้ว""นี่เจ้า...""พี่หญิง ท่านน่าจะยังไม่รู้จักชื่อข้าสินะ?" จูเฉียนเฉี่ยนค่อนข้างเป็นกันเอง "ข้าชื่อจูเฉียนเฉี่ยน ลุงของข้าคือโหยวจางเหวินผู้บริหารท้องถิ่นเมืองเจ้อ หลายวันก่อนหน้านี้ พระชายาอ๋องเจวี้ยนกับท่านพี่เชินอยู่ที่เมืองเจ้อ ข้าเองก็ไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเรายังเจอกันระหว่างทางที่ไปเมืองเจ้ออีก ท่านว่าพวกเรามีวาสนาต่อกันไหม?"จูเฉียนเฉี่ยนเล่าเรื่องออกมาหมดใน
ฟู่จิ้นเชินเรียกเฉินซานเข้ามาแล้ว"เฉินซาน ส่งแม่นางจูออกไป"เขาตัดสินใจเด็ดขาดไม่เก็บคนไว้ ไม่ให้ความหวังนางเลยแม้แต่น้อยจูเฉียนเฉี่ยนแม้ก่อนหน้านี้จะเคยคิดว่าเขาเย็นชามาก และไม่มีทางยอมรับตนเอง แต่ตอนนี้ก็รู้สึกขึ้นมาจริงๆ ว่ามันเสียใจเอามากๆ"ท่านพี่เชิน..."นางยังคิดจะอ้อนวอน แต่ฟู่จิ้นเชินก็ไม่เหลือบตามอง ความเย็นชาในสายตานั่นทำให้นางพูดคำด้านหลังไม่ออก"แม่นางจู"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา ยื่นมือมาเกี่ยวผมทิ้งถูกลมพันจนยุ่งเหยิงไปเกี่ยวหลังหู เข้าประชิดตัวนางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา"เจ้ารีบไปเถอะ ไม่เช่นนั้น ข้าจะใช้เข็มแทงเจ้าเสีย เจ้าอย่าคิดว่าเข็มของข้าทำได้แค่รักษาคนนะ อันที่จริงมันก็ทำร้ายคนได้ด้วย""ท่าน ข้า..."จูเฉียนเฉี่ยนตกตะลึงถลึงตาโตอยู่ในเมืองเจ้อมาตั้งนาน ฟู่จาวหนิงไม่เคยเย็นชาโหดร้ายใส่นางแบบนี้ แต่ตอนนี้ เสียงแผ่วเบาของฟู่จาวหนิงนี่ มันเหมือนกับสายตาเมื่อครู่ของฟู่จิ้นเชินไม่ผิดเพี้ยนพ่อลูกทั้งสองคนตอนนี้แทบจะให้ความรู้สึกแบบเดียวกันกับจูเฉียนเฉี่ยนนางยิ้มไม่ออกแล้ว"ใต้เท้าอันเองก็ไม่แน่ว่าจะยินดีต้องรับแม่นางจูที่จู่ๆ ก็จะบุกเข้าจวนตระกูลอันด้วย ถ
ฟู่จาวหนิงน้ำเสียงเย็นชา"เจ้าคิวด่าตัวเองวิ่งมาถึงในบ้านคนอื่นแบบนี้ บอกว่าจะเนียนเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ มันสนุกนักหรือ? เจ้าเองก็ไม่คิดเสียหน่อย ว่าคนอื่นเขาต้อนรับเจ้าเข้ามาไหม? พวกเราทั้งครอบครัวอยู่กันดีดี จำเป็นต้องมีคนนอกอย่างเจ้าเพิ่มมาอีกคนหรือ? พวกเรามีห้องในบ้านเยอะเกินไป หรือมีเสบียงมากเกินจนกินไม่หมดหรือไรกัน?"ถ้าไม่ใช่จูเฉียนเฉี่ยนพูดคำเหล่านั้นออกมา ฟู่จาวหนิงคงไม่ลงมือด้วยแต่ว่าคำพูดเหล่านั้น นางฟังแล้วรู้สึกเป็นอัปมงคลมาก"เจ้ามันหน้าใหญ่เสียเหลือเกิน รู้สึกว่าแค่เจ้ายินดีจะเข้ามาในบ้านคนอื่น คนอื่นก็ควรจะต้อนรับเจ้าหรือ? เจ้าเป็นวัตถุมงคลหรือ หรือว่าเป็นกุมารกวักเงินกวักทอง? เจ้ามีอะไรดีที่จะให้คนอื่นมาต้อนรับขับสู้? สำคัญตัวเองผิดไปหน่อยไหม?"ฟู่จาวหนิงช่วงนี้เอาแต่พยายามเป็นหมอฟู่ที่ดีของนางมาตลอด กระทั่งก่อนหน้าที่ถูกเฉินเซียงทำแบบนั้น นางก็ยังคิดถึงว่าต้องดูภาพสถานการณ์รวมใหญ่ก่อน และไม่มีเรี่ยวแรงจะไปทะเลาะกับคนอื่นแต่ตอนนี้นางมีเวลาว่างแล้ว"พ่อแม่ข้าเดิมทีก็เป็นสามีภรรยาที่รักกันดี สองคนถ้อยทีถ้อยอาศัยประคับประคองกันมาเกือบยี่สิบปี เจ้าคิดอยากจะเสียบก็เส
ฟู่จิ้นเชินมองฟู่จาวหนิง สีหน้าดูซับซ้อนเสิ่นเชี่ยวตาแดงรื้นตอนนี้ นางรักลูกสาวเหลือเกิน!นางถูกลูกสาวปกป้องขนาดนี้! ด่ากราดใส่แม่นางที่คิดจะมาแย่งสามีเพื่อแม่ของตัวเอง จาวหนิงนาง...ทำใจนางอบอุ่นเหลือเกิน!เดิมทีการมาถึงของจูเฉียนเฉี่ยน ทำให้เสิ่นเชี่ยวมีอารมณ์ซํบซ้อน แต่ตอนนี้ไม่เหลือความปวดใจใดๆ อีกแล้วในช่วงเวลาที่นางกับฟู่จิ้นเชินไม่ได้อยู่ข้างกาย จาวหนิงเติบโตขึ้นมามีนิสัยเช่นนี้ ทำยังไงดี? นางอยากจะไปโขกหัวกับกำแพงให้ลูกสาวเสียจริง!"ท่านพี่ ท่านก็กล้าด่าดีจริงๆ" ฟู่จาวเฟยยกนิ้วโป้งให้กับฟู่จาวหนิงแต่ผู้เฒ่าฟู่ลังเลอยู่พักหนึ่ง "เด็กคนนั้นอายุพอพอกับเจ้ากระมัง? โดนด่าไปขนาดนี้ นางคงไม่คิดอะไรโง่ๆ หรอกกระมัง?"แม่นางน้อยทั่ไวป ถ้าถูกชี้จมูกด่าแบบนี้ ปกติจะรับไม่ได้กันกระมัง?เขากังวลว่าจูเฉียนเฉี่ยนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องกังวลไป นางไม่มีทางคิดอะไรโง่ๆ หรอก"ด้วยนิสัยแบบนั้นของจูเฉียนเฉี่ยน คงจะเสียใจบ้าง คิดอะไรไม่ออกบ้าง แต่ไม่มีทางคิดอะไรโง่ๆเขาชะงักไป จากนั้นก็รับต่อว่า "จะว่าไป ต่อให้นางคิดอะไรโง่ๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่นางทำ
ถ้าใครจะมารังแกท่านพี่ เขาจะโบกดาบใหญ๋นำทัพไปบดขยี้อีกฝ่ายเสีย!ถ้าองค์จักรพรรดิจะมารังแกท่านพี่ เขาจะพาทหารก่อกบฏเสีย!ไม่มีใครรู้ว่าฟู่จาวเฟยมีปณิธานเช่นนี้ฟู่จาวหนิงโยนจูเฉียนเฉี่ยนทิ้งไว้หลังสมองหมด ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นกัน สองสามีภรรยาเตรียมตัวกลับจวนอ๋องส่วนฟู่จิ้นเชินคืนนี้จะอธิบายกับภรรยาอย่างไร พวกเขาเองก็ไม่คิดจะไปอยากรู้อยากเห็น"ถึงยังไงด้วยความฉลาดของท่านพ่อตา จะง้อฮูหยินก็คงง่ายมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ทำไม ทำไมข้าฟังความหมายของท่านแล้ว เหมือนจะดูอิจฉาอยู่หน่อยๆ กัน?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขา"ฟังออกด้วยหรือ?" เซียวหลันยวนหัวเราะเบาๆ "ก็มีจริงๆ นั่นล่ะ เจ้ามันฉลาดจนไม่รู้จะง้อยังไงนี่สิ"จาวหนิงง้อยากกว่าเสิ่นเชี่ยวจริงๆ นั่นล่ะ"ไร้สาระน่า ข้าไม่ใช่คนที่หึงคนง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย ท่านเคยคิดไหม ว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ข้าไม่มีทางหึงเลยด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนถอนหายใจ"เจ้าคิดว่าการไม่หึง มันง้อง่ายหรือ?""ทำไมล่ะ? ก็ไม่ต้องง้อสิ""ไม่หึง ไม่ต้องง้อ ข้านี่ล่ะต้องกลุ้มใจ"เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้ ""อย่างครั้งนี้ที่ฝูอวิ้นมาที่เมืองเจ้อ วันวันลอยชายอยู่ต่อหน้าเ
เซียวหลันยวนตอนนี้เชื่อใจฝีมือฟู่จิ้นเชินมากดังนั้นเขาจึงมีเรื่องมอบหมายให้เขาทำจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในวังราชนิเวศน์กับหยวนอี้ เนื่องจากพวกเขาต้องพักฟื้น น่าจะไม่ออกจากเมืองหลวงเร็ววันนี้แน่ ท่านคอยจับตาดูสถานการณ์พวกเขาไว้ก็พอ ข้าจะทิ้งองครักษ์ลับไว้ให้ท่านแปดคน""ดีเลย"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงหยวนอี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆหลายวันนี้เขาเองก็คอยจับตาดูการกระทำของทูตจากแคว้นหมิ่นอยู่ แต่ก็ไม่เห็นหยวนอี้มาตลอด"ข้าหาคนไปตรวจสอบสถานการณ์พวกเขาในวังราชนิเวศน์ได้" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนรู้สึกเกินคาดขึ้นหน่อยๆเขาเองก็ส่งคนลอบเข้าไปในวังราชนิเวศน์ได้ แต่ก็เป็นองครักษ์ลับที่คอยจับตาดูอยู่ในความมืด ทว่าความหมายของฟู่จิ้นเชินคือ คนของเขาสามารถปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งในวังราชนิเวศน์ได้หรือ?"ข้ารู้จักคนตัดแต่งกิ่งไม้ในวังราชนิเวศน์คนหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินมองออกถึงความประหลาดใจของเขา อธิบายออกมาคำหนึ่ง"ใช้ได้เลยท่านพ่อตา"เซียวหลันยวนยกนิ้วโป้งให้เขามิน่าฟู่จิ้นเชินในตอนนั้นถึงมีวิะีพาเสิ่นเชี่ยวหนีออกไปจากเมืองหลวง ความสามารถเรื่องเส้นสายนี่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆเขาเป็นพวกปัญญาช
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ