ฟู่จาวหนิงรีบเดินไปที่ข้างเตียงเขาทันที คุกเข่าลงมา กุมมือเขาไว้"ท่านปู่ ข้าอยู่ที่นี่"ผู้เฒ่าฟู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น แสงในดวงตาที่ยังดูโรยรา ค่อยๆ กลับมารวมกันลุงจงที่กำลังปาดน้ำตาอย่างน่าเวทนาตอนที่เห็นลูกชายพอเห็นท่านผู้เฒ่าได้สติกลับมาจริงๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมา"ท่านผู้เฒ่าฟื้นแล้วจริงๆ!"พวกเขาเดิมทีคิดว่าครั้งนี้ท่านผู้เฒ่าคงทนต่อไม่ไหวแล้ว ไม่คิดว่าคุณหนูจะช่วยเขากลับมาได้จริง!คุณหนูเก่งจริงๆ!"จาวหนิง เจ้า เจ้าเป็นอย่างที่อาสะใภ้พูดจริง จริงหรือ?" ผู้เฒ่าฟู่กุมมือของฟู่จาวหนิงไว้แน่นเขารู้สึกว่าในปากตนเองมีชิ้นโสมอยู่ รสโสมหวานชื่อทำให้เขาได้สติขึ้นมาหน่อย แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว แค่อยากรุ้ว่าหลานสาวที่รักถูกจวนอ๋องเซียวถอนหมั้นแล้วจริงไหม"เซียว รัฐทายาทเซียวถอนหมั้นกับเจ้ากลางถนนจริงหรือ?"หลังจากผู้เฒ่าฟู่รีบร้อนถามประโยคนี้ก็ไอขึ้นมา เขาไอจนในคอหอยเหมือนมีกังหันกำลังหมุนอยู่ ฟังแล้วเหมือนที่ปอดเต็มไปด้วยรูอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ใจคนไม่วางใจขึ้นมาด้วยเช่นกันฟู่จาวหนิงรีบเข้าไปบีบง่ามนิ้วมือเขาทันที"ท่านปู่ ท่านไม่ต้องร้อนรน! ข้าไม่ใช่บอกกับท่านแล้วหรือ? ข้า
ฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนมาด้วยตนเองนางมองเห็นชิงอี ยังคิดว่าชิงอีมาแค่คนเดียวเสียอีก"ไม่ใช่บอกว่า ตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นพระชายาหรอกหรือ?"ฟู่จาวหนิ่งตอนนี้พอเจออ๋องเจวี้ยน ในใจก็กังวลขึ้นมา นางสะกดความคิดที่จะยื่นมือไปลูบผมลงไป บางทีอ๋องเจวี้ยนก่อนหน้านี้คงไม่ทันสังเกตถึงปิ่นปักผมกับกำไลของนางกระมังแล้วถ้าเกิดพบว่าในวันแต่งงานใหญ่นางเอาเครื่องประดับของจวนอ๋องเจวี้ยนไปจำนำล่ะก็ คงไม่รู้เลยว่าจะมองนางเช่นไรพรุ่งนี้ต้องขึ้นเขาจันทร์ลับฟ้า นางต้องขุดยาให้ดี กลับมาแล้วจะเอาไปขายแล้วไถ่ของทั้งสองชิ้นนั้นคืนมา"นายท่าน ม้าตัวนี้" ชิงอีเดินเข้ามาอย่างกระอักกระอ่วน "ข้านอยพามันกลับไปไม่ได้"เดิมทีคิดว่าฟู่จาวหนิงคงจะต้องขึ้นรถม้ากลับไปกับท่านอ๋องแน่ แล้วม้าตัวนั้นเขาต้องพากลับไป ผลลัพธ์คือพอเขาเตรียมจะเข้าใกล้ม้าตัวนั้น ม้าตัวนั้นก็พ่นลม ก้าวเดินอย่างฮึดฮัด ดูแล้วเหมือนจะพัดถีบเขาได้ตลอดเวลาชิงอีในใจทั้งตกตะลึงและจำใจม้าตัวนี้ทำไมจึงยอมให้คุณหนูฟู่ขี่กัน ไม่มีอานม้า แต่นางก็ยังควบทะยานจากจวนอ๋องเจวี้ยนกลับมาบ้านตระกูลฟู่ได้ราวกับสายลมอ๋องเจวี้ยนมองฟู่จาวหนิง สา
เซียวชิงซานคิดแทนรุ่นหลังคนนี้อย่างจริงใจ"นั่นมันคำเหลวไหลทั้งเพ" อ๋องเซียวพอเห็นเขากราดด่าลูกชายตนเองเช่นนี้ ก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาพอควร "ท่านลุงตอนนั้นยังไม่ยอมเห็นด้วยกับหญิงชราตระกูลฟู่ที่จะให้เหยียนเซียวกับหลานสาวของนางหมั้นหมายกันอยู่เลย แล้วตอนนี้ตระกูลฟู่ตกต่ำลง สภาพบ้านเช่นนั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรกับพวกเขาอยู่แล้ว"พอเขาได้ยินเรื่องวันนี้ ก็รู้สึกโกรธแค้นต่อฟู่จาวหนิงอย่างมากจวนชินอ๋องเซียวต้องมาถูกคนหัวเราะเยาะก็เพราะนางตระกูลฟู่ตอนนี้เป็นเหมือนตะวันจะลับเขาแล้ว ฟู่จาวหนิงไม่รู้อะไรเสียเลยจริงๆ"ใช่แล้วท่านปู่ หรือท่านไม่หวังให้ข้าได้มีพระชายารัฐทายาทดีหรือไรกัน?" เซียวเหยียนจิ่งก็เต้นเร่าขึ้นมา เนื้อตัวก็ยังเจ็บอยู่ เขาดูไม่เลือกคำพูดขึ้นมาเสียแล้ว "ท่านปู่เองตอนวัยหนุ่มก็ไม่ใช่เพราะช่วงเวลาหนึ่งกับฮูหยินตระกูลฟู่...""เซียวเหยียนจิ่ง!"ฟู่ชิงซานเดือดดาล ตะคอกขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อเขาในฐานะที่เด็กกว่า แต่กลับกล้าหยิบเรื่องนี้มาเย้ยหยันเขาสงสัยเขาหรือ?"ท่านลุง เหยียนจิ่งวันนี้เองก็ได้รับบาดเจ็บ ข้าให้คนไปเชิญหมอเทวดาหลี่มาดูเขาแล้ว แต่หลังจากท่านเข้ามาก้ไม่เห็นพู
"จี๊ด!""อ๊า" หงจั๋วตกใจสะดุ้งโหยง แต่ก็ยังกรีดร้องไปด้วยพลางโบกตะเกียงไปทางหนตัวนั้นด้วยนางปกป้องฟู่จาวหนิงด้วยสัญชาตญาณพอเห็นข้อมือฟู่จาวหนิงขยับ เข็มเล่มหนึ่งก็พุ่งไปทางหนูตัวนั้น"จี๊ด!"หนูร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง ชักกระตุกอยู่บนพื้นครู่หนึ่งก็แน่นิ่งไปฟู่จาวหนิงยื่นมือไปตบบ่าของหงจั๋ว "ไม่ต้องกลัว"หงจั๋วมองนางอย่างตะลึงงัน ปลายจมูกร้อนขึ้นมาฮือๆ คุณหนูฟู่ดีจังเลย คุณหนูฟู่ความสามารถยอดเยี่ยมจริงๆ!ตะเกียงเพิ่งถูกนางสะบัดไปทางหนู ร่วงอยู่บนพื้น ไส้ตะเกียงด้านในลุกติดขึ้นมา เผาตัวตะเกียงกระดาษจนทะลุไปแล้ว วัชพืชทางนั้นเองก็ถูกเผาไหม้ขึ้นมาเช่นกัน ชั่วขณะหนึ่งเปลวไฟก็ส่องสว่างตัวเรือนที่มืดมิดขึ้นเฝิ่นซิงถือกระถางใส่น้ำรีบวิ่งเข้ามา สาดไปบนเปลวไฟ เสียงชี่ดังขึ้น เปลวไฟถูกดับ ควันดำลอยขึ้น กลิ่นค่อนข้างแย่"คุณหนูฟู่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?"ฟู่จาวหนิงสั่นหัว "ไม่เป็นไร"นางยกเท้าเดินตรงเข้าไปในห้อง ห้องหลักนี้แบ่งเป็นด้านในและนอกสองห้อง ถูกกั้นแยกด้วย ประตูโค้งครึ่งวงกลมบานหนึ่ง ด้านบนประตูโค้งเดิมทีแขวนผ้าม่านไว้ แต่ตอนนี้กลับว่างเปล่า ยืนที่ประตูสามารถกวาดมองเข้าไปเห็น
คนในวังล้วนไม่อยากให้ฟู่จาวหนิงผ่านไปได้ด้วยดีด้านนอกจวนอ๋อง ราชองครักษ์รออยู่แล้ว มากันนับสิบคน ล้วนขี่ม้ากำยำ คาดดาบยาว สีหน้าเคร่งขรึมกันหมดท่าทางเช่นนี้ อย่างกับกลัวว่านางจะหนีอย่างไรอย่างนั้นฟ้าของเดือนเก้า ช่วงเช้าตรู่ก็หนาวเย็นเอาเรื่อง"เตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ? ฮองเฮารับสั่งมา จากที่นี่ไปยังเขาจันทร์ลับฟ้าค่อนข้างไกล จึงไม่อยากให้คุณหนูฟู่ต้องเสียเวลา รีบออกเดินทางให้เช้าที่สุด"ราชองครักษ์ที่พูดคิ้วหนาดกดำ เห็นชัดถึงความโหดเหี้ยม พูดจาด้วยยากอะไรแบบนั้นตอนที่พูดประโยคนี้เขาก็พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงไปด้วยชิงอีพูดกับฟู่จาวหนิงว่า "นี่คือรองขุนพลหลิว"ฟู่จาวหนิงหันหน้ากลับไปทางจวนอ๋อง ชิงอีเข้าใจความหมายของนางผิด พอคิดๆ ก็อธิบายออกมาว่า "ท่านอ๋องจะไม่ออกมาหรอก"เขาคิดว่านางกำลังรออ๋องเจวี้ยนออกมาส่งนาง?ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน"คุณหนูฟู่ รีบเดินทางเถิด รถม้าเตรียมไว้ให้เจ้าแล้ว อย่าชักช้ายืดยาด พวกเข้าเองก็ไม่ได้ว่างขนาดนั้น" รองขุนพลหลิวเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเย็นชาฟู่จาวหนิงจึงเพิ่งเห็นรถม้าเบื้องหน้า นี่ไม่ใช่รถม้าของในวังแน่ และไม่รู้ว่าไปขอยืมชั่วคราวมาจากไหน รถม้าคั
"ฟู่จาวหนิงขวางรถม้าของข้า ข้าเองก็อยากจะได้พระชายาคนหนึ่งจริงๆ เห็นว่านางใจกล้าบ้าบิ่น แล้วยังบอกว่ามีวิชาหมอ ก็เลยรับนางไว้"อ๋องเจวี้ยนสายตาตกอยู่บนกระดาษบนโต๊ะ ตอนที่เขาพูด ในมือก็ยังไม่หยุดเขียนพู่กันลายมือของเขาอ่อนช้อยงดงาม เฉียบขาดเปล่งประกายคม"หลังจากรับปาก ข้าจึงรู้ว่านางก็คือลูกของตระกูลฟู่ในอดีตครั้งนั้น"ผู้ดูแลยังไม่ทันตั้งตัวติด "เช่นนั้นท่านอ๋องทำไมจึงยอมรับนางกันเล่า?"อ๋องเจวี้ยนเผยรอยยิ้มเย็นชา"เพราะอะไรน่ะหรือ? พวกเขาจนป่านนี้ก็ยังไม่โผล่ออกมา ก่อนหน้าที่จะหาพวกเขาเจอ ข้าจะรีดนาทาเร้นจากตัวลูกสาวพวกเขาเสียก่อนไม่ได้หรือ?"จะว่าไป ถ้าหากฟู่อวิ๋นชงกับหลินหรงหลันกลับมา แล้วพบว่าลูกสาวพวกเขาแต่งงานกับเขาล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะมีปฏิกิริยากันอย่างไรตอนนี้พอคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้น เขาก็รู้สึกเฝ้ารอขึ้นมาผู้ดูแลอ้าปากพงาบ อยากจะพูดว่า เรื่องในตอนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูฟู่เลย ตอนนั้นคุณหนูฟู่ก็เป็นแค่เด็กทารกยังไม่ครบขวบปีด้วยซ้ำ นางจะไปรู้เรื่องอะไร?แต่ตอนนี้เอง อ๋องเจวี้ยนก็ไอขึ้นอย่างรุนแรงยิ่งไปกว่านั้นยังไอจนกระอักเลือดอีก"ท่านอ๋อง!"ชิงอีกลับมาพอเห็นสถ
ตอนนี้ผู้หญิงตัวหนักขนาดนี้กันแล้วหรือ?"คุณหนูฟู่ยังไม่!รีบ!ออกไปอีก!"รองขุนพลหลิวหน้าผากเหงื่อผุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฟู่จาวหนิงก็ทำเป็นเชื่องช้า ซ้ำยังกระพริบตาปริบ ผ่านไปพักหนึ่งจึงทำท่าเข้าใจขึ้นมา รีบถอยออกไปข้างๆ "อ๊ะ ขอโทษด้วย เกือบจะลืมไป"เรื่องนี้มันลืมกันได้ด้วยหรือ!ฟู่จาวหนิงหันหน้าไปมองภูเขาตรงหน้า เขาสูงใหญ่ตระการตา ทิวภาพทัศนียสวยสด มองไกลออกไปยังเห็นใบไม้เหลืองต้นไม้สีแดง สีเขียวนานาก็ถูแต่งแต้มทาไว้เบาบางเช่นกัน ทับซ้อนสลับเป็นชั้นๆ งดงามเสียเหลือเกินป่าเขาเช่นนี้ น่าจะเป็นสถานที่ที่มีปุ๋ยและน้ำอุดมสมบูรณ์ดวงตาของนางเป็นประกาย เดาได้เลยว่าในภูเขานี้จะต้องได้อะไรมาบ้างแน่นอน"ที่นี่คือเขาจันทร์ลับฟ้าหรือ?"ถูกต้อง คุณหนูฟู่อย่าได้ชักช้าเลย ตอนนี้รีบขึ้นเขาเถิด พวกเราจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ สามวันถัดจากนี้ คุณหนูฟู่ต้องออกมาทางนี้รองขุนพลหลิวสะกดอาการกอดเท้ากระโดดเหยงเอาไว้เจ็บชมัด"ไม่ส่งคนตามข้าเข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่จำเป็น พวกเราอยู่ที่นี่คอยคุ้มกันทางเข้าออกภูเขาไว้ ในสามวันนี้ถ้ามีคนเข้ามาพวกเราจะเข้าขวาง นี่ก็เพื่อตัวคุณหนูฟู่เอง จะได้ไ
ฟู่จาวหนิงหันตัวกลับมา วางตะกร้าหลังลงอย่างไม่ลนลานจากป่าที่ไม่ไกลนักมีชายหนุ่มหลายคนเดินออกมาคนที่พูดเมื่อครู่เป็นคนปากแหลมหน้าตอบ และชายหนุ่มคนสุดท้ายที่เดินออกมากลับเป็นคนร่างใหญ่กำยำพวกเขาพอเห็นหน้าของฟู่จาวหนิงก็ล้วนมีสีหน้าตะลึงในความงาม"หญิงสาวคนนี้หน้าตาดีเสียเหลือเกิน พี่ใหญ่ อาสะใภ้ไม่ใช่เอาแต่เร่งให้ท่านหาลูกสะใภ้หรอกหรือ? จับนางกลับไป ท่านก็มีภรรยาแล้ว อาสะใภ้จะได้ตายตาหลับ"ชายหนุ่มดำเตี้ยคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับชายร่างกำยำ คนอื่นเองก็ทยอยกันขานรับ"เถี่ยจู้พูดถูก!""ข้าว่าได้อยู่!""เอาตามนี้เลย!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกน่าขัน เอ่ยขึ้นตัดบทพวกเขา "พวกเจ้ากำลังพูดถึงข้าหรือ?""เอ๊ะ หญิงสาวคนนี้กล้าไม่เลวเลย เห็นพวกพราแต่กลับไม่กลัว ซ้ำยังกล้าพูดกับพวกเราด้วย!" ชายปากแหลมหน้าตอบรู้สึกแปลกใจมาก"ข้าจะข้ามสะพาน พวกเจ้าถ้าหากคิดจะทะเลาะล่ะก็ไวไวหน่อย ถ้าไม่อยากทะเลาะก็รีบๆ ไสหัวไป" ฟู่จาวหนิงเชิดคางขึ้นชายหนุ่มหลายคนนั้นเดือดขึ้นมาทันที ทยอยกันถกแขนเสื้อขึ้น"ข้าทนไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ขนาดพวกผู้หญิงก็ยังกล้ามาต่อปากต่อคำกับพวกเราแล้วหรือ?""ก่อนหน้าที่นางจะมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ
เจ้าอารามสูดลมหายใจลึก"ผลลัพธ์นี้ไม่ค่อยดีนัก สิ่งที่มันชี้นำไป ทำให้อายวนเดินไปยังทางเลือกที่จะพาสู่ความพินาศ"พอได้ยินคำพูดเขา ฟู่จาวหนิงก็หน้าเปลี่ยนสีแต่นางกลับโมโหขึ้นมา"เฮอะ"ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกว่าจะอย่างไรก็ได้แต่ว่าตัวนางจะเป็นอย่างไร นางก็ยังไม่สนใจได้ เพราะนางไม่ใส่ใจ และไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับตัวนางแต่เรื่องดันไปอยู่บนตัวเซียวหลันยวน นางก็ไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วยิ่งไปกว่านั้น นางไม่รู้ว่าเซียวหลันยวนจะได้รัรบผลกระทบไหม ตัวนางเป็นคนที่ผ่านการข้ามภพมา แต่เขาไม่ใช่"อายวน" นางยื่นมือไปประคองเซียวหลันยวนเขาจับมือนางลุกขึ้นยืน มองดุนาง ยื่นมือลูบใบหน้านาง สีหน้าดูซับซ้อน"เจ้าลองดู"ฟู่จาวหนิงใจดำดิ่งหน่อยๆเพราะเขารู้สึกแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด ปฏิกิริยานี้คือถูกส่งผลกระทบเข้าแล้วเมื่อครู่เขายังบอกนางอยู่เลยว่าถ้าไม่อยากคะเนทำนายก็ไม่ต้องทำ ตอนนี้เขากลับบอกว่าให้ลองดูเสียแล้วจิตใจต่อต้านกับความอยากเอาชนะของฟุ่จาวหนิงถูกกระตุ้นขึ้นมาแล้ว"ได้"นางขานรับ และไม่ลังเลอีก นั่งลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามผืนนั้น"ไข่มุกหมึก"เซียวหลันยวนส่งไข่มุกหมึก
เขาไม่อยากให้นางต้องฝืนตัวทำอะไรเพื่อตัวเขา"ข้ายินยอมทดสอบดู ไม่เป็นไร" ฟู่จาวหนิงบอกเขาเซียวหลันยวนชะงักไป "เช่นนั้นข้าก่อนแล้วกัน เจ้าลองดูผลลัพธ์ของข้าก่อนว่าเป็นอย่างไร แล้วค่อยตัดสินใจ"ตอนนี้เขาเองก็ยอมที่จะคะเนทำนายด้วย เพราะคำพูดประโยคนั้นที่เจ้าอารามพูดเมื่อครู่สามปีก่อนตอนที่เขาจะกลับเมืองหลวง ก็มีการวัดคะเนดาราไว้จริงๆ ทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าเขาควรจะออกจากยอดเขาโยวชิงเวลานั้น และไปถึงเมืองหลวงในวันนั้นเขาเจอกับจาวหนิงถอนหมั้นกลางถนนในวันนั้น แต่งงานกับนางในวันนั้น ตอนนี้พอมาคิดก็ดูจะเป็นคู่รักวาสนาที่ฟ้าประทานมาจริงๆเพื่อความแม่นยำครั้งนี้ เขาเองก็ไม่กังขากับการวัดคะเนดาราเซียวหลันยวนนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้ามิติดาราทั้งสามชิ้น ยื่นมือไปทางเจ้าอาราม "ไข่มุกหมึก""เจ้าจำไว้ด้วยว่าต้องขจัดสิ่งรบกวนออก อย่าต่อต้านการชี้นำ" เจ้าอารามส่งไข่มุกหมึกให้เขา จากนั้นจึงจุดธูปขึ้นเซียวหลันยวนหลับตา สองมือกุมไข่มุกหมึกตอนที่เขาเข้าสู่สภาวะลืมตนอย่างสมบูรณ์ ฟู่จาวหนิงก็แหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยสัญชาตญาณ เหมือนจะพบว่าแสงดาวเต็มท้องฟ้าจะสว่างเจิดจ้ากว่าเดิมเซียวหลันยวน
เจ้าอารามถอนใจอย่างจนใจอีกครั้ง ร้องเรียกพวกเขาไว้"กลับมาก่อน ทำไมพูดไม่ถูกหูหน่อยเดียวก็จะไปแล้วล่ะ? เดี๋ยวนี้อารมณ์ขึ้นง่ายขนาดนี้เชียว? ข้าก็แค่พูดเฉยๆ ไม่ใช่ว่ามองเสี่ยวฟู่แบบนี้เสียหน่อย"ฟู่จาวหนิงเองก็ยืนนิ่ง นางดึงเซียวหลันยวนไว้ตอนนี้นางเองก็น่าจะมองการวัดคะเนดาราของเจ้าอารามเป็นเหมือนเกมลึกลับเกมนึง เมื่อครู่ที่เห็นการเปลี่ยนแปลงขององค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเจ้าอารามทำให้นางจับทางไม่ถูกเหมือนกัน คนผู้นี้ต้องมีตัวตนที่ไม่ธรรมดาสำหรับเซียวหลันยวนแน่นอนสำหรับฮูหยินเฉิง เซียวหลันยวนบทจะไม่ยอมรับก็ไม่ยอมรับได้ จะหมดความผูกพันนั่นก็หมดไป แต่สำหรับเจ้าอารามนั้นไม่ได้เด็ดขาดไม่เช่นนั้นคงไม่พานางเดินทางนับพันลี้มายอดเขาโยวชิงแค่เพราะคำๆ เดียวของเจ้าอารามหรอกนางเองก็อยากรู้มาก สาเหตุอะไรที่ต้องให้พวกเขามาทำนายชะตาอะไรนี่ เจ้าอารามคิดจะทำอะไรกันแน่นอกเหนือจากนี้ ตัวนางเองก็ยังอยากรู้ ว่าการที่นางมายังแคว้นเจานี่ เป็นเพราะมีพลังลึกลับอะไรหรือเปล่าถ้าไม่ทำให้ชัดเจน หลังจากนี้นางคงจะตั้งรับไม่ไหวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นถึ
เขามองไปทางเจ้าอารามอีกครั้ง น้ำเสียงเข้มงวดขึ้นมา"ท่านน้าเฉิงถ้าพูดแบบนี้จริง เช่นนั้นสายตานางก็ตื้นเขินไม่รู้จักกาลเทศะ นางเองก็ไม่เข้าใจจาวหนิง และยิ่งไม่เข้าใจว่าจาวหนิงผ่านอะไรมาบ้าง แล้วมีสิทธิ์อะไรถึงใช้ความคิดของตัวเองมาสรุป ดูท่าหลายปีนี้คงถูกเอาอกเอาใจในเมืองจื่อซวีจนเสียคนแล้วจริงๆ"เดิมทีเขาได้ยินว่าฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำลงจากเขาไป ยังเคยคิดว่าว่าเพราะช่วยนี้เย็นชากับนางมากเกินไปหรือเปล่า เอาไว้ตอนที่จะกลับ พอผ่านอุทยานเขาเฉิงอวิ๋น ยังคิดจะเข้าไปบอกลานางเสียหน่อยแต่ตอนนี้เขารู้สึกแล้วจริงๆ ว่าใจคนมันพังไปแล้ว เช่นนั้นก็ยากที่จะได้รับการเคารพจากคนอื่นจริงๆ"ข้าจดจำได้ว่าตอนที่ข้ายังเล็กท่านน้าเฉิงเคยมาดูแลอยู่หลายครั้ง แต่อันที่จริงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น หลังจากข้าโตมา พวกเราก็เจอกันน้อยครั้งมาก เจอกันก็เพียงแค่ทักทาย ข้าเรียกนางว่าท่านน้า ก็เพราะเคยชินมาจากตอนเด็กเท่านั้น"เซียวหลันยวนตอนพูดถึงจุดนี้น้ำเสียงก็เย็นลงมา"ตอนยังเล็กนางดูแลข้ามาหลายครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาเจ้าอุทยานกำชับไว้ ข้าจึงเคารพนาง แต่นางก็ควรวางตัวให้ถูก ไม่ใช่จะขึ้นมาเป็นผู้อาวุโสของข้าจริ