ถ้าใครจะมารังแกท่านพี่ เขาจะโบกดาบใหญ๋นำทัพไปบดขยี้อีกฝ่ายเสีย!ถ้าองค์จักรพรรดิจะมารังแกท่านพี่ เขาจะพาทหารก่อกบฏเสีย!ไม่มีใครรู้ว่าฟู่จาวเฟยมีปณิธานเช่นนี้ฟู่จาวหนิงโยนจูเฉียนเฉี่ยนทิ้งไว้หลังสมองหมด ทั้งครอบครัวกินอาหารเย็นกัน สองสามีภรรยาเตรียมตัวกลับจวนอ๋องส่วนฟู่จิ้นเชินคืนนี้จะอธิบายกับภรรยาอย่างไร พวกเขาเองก็ไม่คิดจะไปอยากรู้อยากเห็น"ถึงยังไงด้วยความฉลาดของท่านพ่อตา จะง้อฮูหยินก็คงง่ายมาก" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น"ทำไม ทำไมข้าฟังความหมายของท่านแล้ว เหมือนจะดูอิจฉาอยู่หน่อยๆ กัน?" ฟู่จาวหนิงเหลือบมองเขา"ฟังออกด้วยหรือ?" เซียวหลันยวนหัวเราะเบาๆ "ก็มีจริงๆ นั่นล่ะ เจ้ามันฉลาดจนไม่รู้จะง้อยังไงนี่สิ"จาวหนิงง้อยากกว่าเสิ่นเชี่ยวจริงๆ นั่นล่ะ"ไร้สาระน่า ข้าไม่ใช่คนที่หึงคนง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย ท่านเคยคิดไหม ว่าถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ข้าไม่มีทางหึงเลยด้วยซ้ำ"เซียวหลันยวนถอนหายใจ"เจ้าคิดว่าการไม่หึง มันง้อง่ายหรือ?""ทำไมล่ะ? ก็ไม่ต้องง้อสิ""ไม่หึง ไม่ต้องง้อ ข้านี่ล่ะต้องกลุ้มใจ"เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้ ""อย่างครั้งนี้ที่ฝูอวิ้นมาที่เมืองเจ้อ วันวันลอยชายอยู่ต่อหน้าเ
เซียวหลันยวนตอนนี้เชื่อใจฝีมือฟู่จิ้นเชินมากดังนั้นเขาจึงมีเรื่องมอบหมายให้เขาทำจริงๆ"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นอยู่ในวังราชนิเวศน์กับหยวนอี้ เนื่องจากพวกเขาต้องพักฟื้น น่าจะไม่ออกจากเมืองหลวงเร็ววันนี้แน่ ท่านคอยจับตาดูสถานการณ์พวกเขาไว้ก็พอ ข้าจะทิ้งองครักษ์ลับไว้ให้ท่านแปดคน""ดีเลย"ฟู่จิ้นเชินคิดถึงหยวนอี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆหลายวันนี้เขาเองก็คอยจับตาดูการกระทำของทูตจากแคว้นหมิ่นอยู่ แต่ก็ไม่เห็นหยวนอี้มาตลอด"ข้าหาคนไปตรวจสอบสถานการณ์พวกเขาในวังราชนิเวศน์ได้" ฟู่จิ้นเชินเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนรู้สึกเกินคาดขึ้นหน่อยๆเขาเองก็ส่งคนลอบเข้าไปในวังราชนิเวศน์ได้ แต่ก็เป็นองครักษ์ลับที่คอยจับตาดูอยู่ในความมืด ทว่าความหมายของฟู่จิ้นเชินคือ คนของเขาสามารถปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งในวังราชนิเวศน์ได้หรือ?"ข้ารู้จักคนตัดแต่งกิ่งไม้ในวังราชนิเวศน์คนหนึ่ง" ฟู่จิ้นเชินมองออกถึงความประหลาดใจของเขา อธิบายออกมาคำหนึ่ง"ใช้ได้เลยท่านพ่อตา"เซียวหลันยวนยกนิ้วโป้งให้เขามิน่าฟู่จิ้นเชินในตอนนั้นถึงมีวิะีพาเสิ่นเชี่ยวหนีออกไปจากเมืองหลวง ความสามารถเรื่องเส้นสายนี่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆเขาเป็นพวกปัญญาช
เจ้าอารามยอดเขาโยวชิงไม่ชอบนาง แล้วจะเป็นอย่างไร?ก่อนที่จะได้ยินคำเหล่านั้นของเสิ่นเชี่ยว ฟู่จาวหนิงก็ไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนจริงๆหลังจากแยกกับพวกเขา เซียวหลันยวนก็ไปเดินเที่ยวในตลาดซื้อของเป็นเพื่อนนาง ฟู่จาวหนิงก่อนหน้านี้มีความคิดจะเลือกของขวัญพบหน้าไปให้กับเจ้าอารามยอดเขาโยวชิงอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าจะมาเตรียมหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้"เจ้าอารามชอบอะไร?" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเพิ่งมาถามคำถามนี้ มันก็ดูไม่ใส่ใจเกินไปหน่อยก่อนหน้านี้เซียวหลันยวนบอกนางไว้ ว่าไม่ต้องมอบของขวัญอะไรให้"เขาชอบ..." เซียวหลันยวนครุ่นคิด ยิ้มขืน "ข้าเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน บางครั้งก็รู้สึกว่าสิ่งที่เขาชอบมันเยอะเหลือเกิน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเขาไม่ได้สนใจกับอะไรเลย""นี่ท่านเหมือนไม่ได้ตอบเลยนะ" ฟู่จาวหนิงตำหนิขึ้นมา"หลายปีมานี้ ข้าเองก็ไม่เคยให้อะไรเขา ถ้าหากจะมอบของขวัญให้ ก็น่าจะเป็นตอนที่ข้าทำเรื่องที่เขาอยากให้ข้าทำสำเร็จ แบบนั้นเขาจะดีใจมาก""ปกติเขาจะให้ท่านไปทำเรื่องอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามจู่ๆ นางก็รู้สึกว่า นางกับเซียวหลันยวนไม่เคยคุยเรื่องอดีตของเขา กับเรื่องคนข้างกายเขาดีด
เขาเคยถามไทเฮา ว่าอยากจะออกจากวังไหม แต่ไทเฮาปฏิเสธ"ไทเฮาน่าจะชินกับการอยู่ในวัง" ฟู่จาวหนิงชะงักไปหน่อย เอ่ยขึ้นว่า "หลักๆ คือก่อนหน้านี้จวนอ๋องเจวี้ยนของท่านเงียบเหงาน่าเบื่อมาก ท่านเองก็ไม่ค่อยจะอยู่ ดังนั้นสู้อยู่ในวังไปดีกว่า"เซียวหลันยวนอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ "นางพูดแบบนี้ บอกว่าคนเหล่านั้นในวังทะเลาะกันไปมาบ้าง อย่างน้อยก็ยังคึกคักหน่อย""ก็มีเหตุผล" ฟู่จาวหนิงบอกออกมา ถ้าให้นางต้องไปอยู่ในวังนางเองก็ไม่เอาแน่นอน"แม้ตอนนี้ข้าจะมีพระชายาแล้ว แต่พระชายาคนนี้ก็ยุ่งกว่าข้าเสียอีก ไม่ค่อยจะอยู่ในจวนอ๋องเลย"เซียวหลันยวนถอนหายใจดังนั้นตอนนี้จวนอ๋องเจวี้ยนส่วนใหญ่จึงเงียบเหงาพวกเขาถัดจากนี้จะไปยอดเขาโยวชิงอีก กลับจากยอดเขาโยวชิงก็อาจจะไปตงฉิงอีกดังนั้น ให้ไทเฮาอยู่ในจวนอ๋องเจวี้ยนก็ไม่มีความหมายอะไร"นี่ท่านจะพาข้าไปไหน?"ฟู่จาวหนิงเดินมาพักหนึ่งจึงพบว่าเซียวหลันยวนมีเป้าหมายที่จะพานางเดินไป"เห็นร้านนั้นไหม?" เซียวหลันยวนชี้ไปยังร้านที่ไม่ค่อยสะดุดตาร้านหนึ่งด้านหน้า ถึงจะไม่สะดุดตาแต่ก็ยังมองเห็น เพราะป้ายร้านที่แขวนไว้เขียนอักษรไว้สามตัวว่า "ร้านแผงลอย"ฟู่จาวหนิงตอ
"ตาซา ยายซา"เซียวหลันยวนกดเสียงต่ำบอกฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกประหลาด ถ้านี่กำลังบอกนาง ก็เรียกสองสามีภรรยาเฒ่านี้เลยก็จบแล้วเรียกตาซาตรงๆ แบบนี้ได้หรือ?"ท่านอ๋องไม่ได้มาร้านแผงลอยของเราเป็นครั้งแรก ถือเป็นลูกค้าเก่าอยู่" ยายซายิ้มละไมเอ่ยขึ้น แม้จะพูดถึงเซียวหลันยวน แต่สายตากลับตกอยู่บนตัวฟู่จาวหนิงนางมองฟู่จาวหนิงด้วยสีหน้าพึงพอใจ"นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราพบพระชายา ก่อนหน้านี้เตรียมของขวัญอวยพรไว้ชิ้นหนึ่ง ตอนนี้ในที่สุดก็มอบให้ได้เสียที"ตาซาเองก็เงยหน้าขึ้นมองฟู่จาวหนิง จากนั้นจึงพยักหน้า แล้วก็หันไปถักเชือกต่อแต่ฟู่จาวหนิงก็พบว่าเชือกหญ้าที่เขาถักประณีตอย่างมาก เชือกที่ใช้หญ้านั่นถักออกมาไม่ธรรมดาเลย ราวกับเป็นเชือกสีขาวเงินอย่างไรอย่างนั้น ถ้าสวมไว้บนข้อมือ คงจะดูสง่าไม่น้อยในใจฟู่จาวหนิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก"ยายซาเตรียมของขวัญให้ข้าด้วยหรือ?""ท่านกับท่านอ๋องแต่งงานกัน พวกเราเองก็ไม่สะดวกส่งของขวัญไปจวนอ๋อง จึงรอให้ท่านอ๋องพาท่านเข้ามาน่ะ คิดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะมาเอาป่านนี้" ยายซาพูดพลางให้พวกเขานั่งลงแล้วมาดูของในกล่องไม้นี้ "พวกท่านเลือกกันไปก่อน ข้าจ
คนที่เข้ามา ฟู่จาวหนิงไม่รู้จักฮูหยินคนหนึ่ง พาสาวใช้กับองครักษ์มาอีกอย่างละหนึ่งคนที่เขามาก่อนคือฮูหยิน ไม่คุ้นหน้าเลยแต่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายดูหรูหรา อยู่ในชุดกระโปรงสีดำคราม ปักลายดอกมู่หลันสีขาวเงินกับนกเซียนไว้ บนมวยผมมีปิ่นปักผมอัญมณีแดงและทองเสียบอยู่ ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาหงส์ ริมฝีปากอวบอิ่ม ดูงดงามแบบโบราณ เหมือนตัวละครที่ฟู่จาวหนิงเคยเห็นในภาพวาดโบราณดูสง่างามมากสาวใช้กับองครักษ์คนนั้น ตอนนี้ฟู่จาวหนิงก็เหมือนจะมองออก ว่าน่าจะมีฝีมือไม่เลวอยู่"ตาซา กำไลหยกดาราตงฉิงวงนั้นยังอยู่ไหม?" ฮูหยินคนนั้นพอเข้ามาก็เอ่ยปากถามพอสิ้นเสียงสายตาก็จับไปบนตัวเซียวหลันยวนกับฟู่จาวหนิงนางงงงันไปเล็กน้อย "อายวน?"ฟู่จาวหนิงแหงนหน้ามองเซียวหลันยวน เรียกชื่อเขาแบบนี้ น่าจะเป็นคนที่สนิทกันกระมัง? ฮูหยินคนนี้ดูแล้วอายุสี่ห้าสิบ เป็นอะไรกับเขานะ?นางไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"ท่านน้าเฉิงมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไรกัน?" เซียวหลันยวนถามฮูหยินเฉิงเดินมาตรงหน้าเขา ยื่นสองมือออกมา เซียวหลันยวนจึงสวมกอดนางเบาๆฟู่จาวหนิงเลิกคิ้ว หลักๆ คือไม่เคยเห็นเซียวหลันยวนสนิทกับใครแบบนี้มาก่อน ขนาดไทเฮาเอง เขา
มองไปทางเซียวหลันยวนหมายความว่ายังไง? คือจะให้เขาเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะให้นางสละกำไลวงนี้ให้หรือเปล่าหรือ?อันที่จริงพวกเขายังไม่ได้จ่ายเงิน แต่ตอนนี้กำลังอยู่บนข้อมือนางนะ ต่างหูคู่นั้นก็อยู่บนมือนางฟู่จาวหนิงไม่มีนิสัยสละของที่ชอบให้ใครมาแต่ไหนแต่ไรในเมื่อลวี่กั่วมองไปทางเซียวหลันยวน เช่นนั้นนางก็ยังไม่ต้องพูดอะไร"ท่านน้าเฉิงกำลังหากำแพงหยกดาราหรือ?" เซียวหลันยวนมองไปทางท่านน้าเฉิงท่านน้าเฉิงพยักหน้า "ใช่แล้ว หามานานมาก ก่อนหน้านี้หาข่าวได้ว่ามีคนได้หยกดารามาก้อนหนึ่ง เดิมทีจะหาหยกดาราก้อนนั้นแล้วเอามาให้ยายซาตีกำไลให้ คิดไม่ถึงว่าพอถามไปถามมา ถึงรู้ว่าหยกดาราก้อนนั้นเป็นยายซานี่เองที่ได้มา"ตาซายังนั่งถักเชือกต่อไปในที่ของเขา เหมือนไม่ได้สนใจกับบทสนทนาของพวกเขาเลย แต่ประโยคที่พูดเมื่อครู่ก็เหมือนเล่าเรื่องจบไปแล้ว ที่เหลือก็ให้พวกเขาจัดการกันเองฟู่จาวหนิงจึงฟังออกถึงความไม่ธรรมดาของสามีภรรยาซา พูดเช่นนี้คือหยกดาราตงฉิงนั้นหายากมากจริงๆ หากันไปหากันมาก็ปรากฏมาแค่ก้อนเดียวแล้วก้อนนี้ก็ถูกยายซาตีเป็นกำไลกับต่างหู่คู่หนึ่งไปแล้ว"หยกดาราตงฉิงยังมีประโยชน์อีกอย่าง คือถ้าเลือ
ฟู่จาวหนิงมองเซียวหลันยวนนางไม่ใช่ว่าสละให้ไม่ได้แต่ไม่รุ้เพราะอะไรครั้งนี้ในใจมันไม่เป็นสุขเอาเสียเลยนางยอมรับว่าตนเองดูพลาดไป ความประทับใจแรกต่อท่านน้าเฉิงที่ดูเงียบสงบสง่างาม แต่รู้สึกจะเหินห่างกับนางหน่อยๆ ดูไม่ค่อยชอบนางนักจุดนี้นางไม่ใส่ใจ นางไม่ใช่ทองคำ ที่ทุกคนจะชื่นชอบแต่ว่าตอนนี้นางเพิ่งรู้ ว่าท่านน้าเฉิงอันที่จริงยังเป็นพวกหมกมุ่นคนหนึ่งอีกด้วยนางจะสละกำไลให้ก็ได้ แต่นางก็เป็นพวกหัวขบถมาแต่ไหนแต่ไร ชอบอ่อนไม่ชอบไม้แข็ง ท่านน้าเฉิงพูดจายอมถอยเพื่อรุก ส่วนลวี่กั่วก็มีท่าทีบีบคั้นนาง นี่ชัดเจนแล้วว่าจะให้เซียวหลันยวนเป็นคนตัดสินใจ บอกให้นางปลดกำไลลงเซียวหลันยวนก็ฟังด้วย"กำไลนี้ข้า..." ชอบมันมากคำพูดของฟู่จาวหนิงยังไม่ทันออกมา ท่านน้าเฉิงก็กระแอมขึ้นทีหนึ่ง ยื่นมือมาจับหลังมือเซียวหลันยวน "อายวน ของที่ให้พระชายาแอล้วจะเอาคืนมาได้อย่างไร ข้าไม่เป็นไรจริงๆ..."ไม่เป็นไร แต่มือของนางเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งตอนนี้อากาศเริ่มอบอุ่นแล้ว มือของนางกลับยังเย็นขนาดนั้นมือของนางทาบอยู่บนหลังมือเซียวหลันยวน แต่ก็ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่สบายทางร่างกายนางได้เลยเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ