"ข้าอยากจะไปทักทายอ๋องเจวี้ยนหน่อย ได้ไหม?" ถังอู๋เยว่ถามอีกครั้ง"ได้แน่นอน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นทันทีมีอะไรไม่ได้กัน?ถังอู๋เจวี้ยนกลับรู้สึกแปลกใจ "เจ้าอยากเจออ๋องเจวี้ยนหรือ?""ใช่แล้ว" ถังอู๋เยว่พยักหน้า "ท่านพี่เองก็หยิ่งทะนงมาตลอด แต่ก็พูดมาหลายครั้ง ว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ด้อยกว่าตัวท่านเลย อ๋องเจวี้ยนเป็นคนส่วนน้อยมากๆ ที่ท่านพี่นับถือและยอมรับ ข้าอยากพบเขามาตลอด"ถังอู๋เจวี้ยนมองไปทางฟู่จาวหนิงแล้วก็เห็นฟู่จาวหนิงอยู่ในท่าทางกลั้นขำตามคาด"เจ้าก็ให้เกียรติข้าบ้างสิ" ถังอู๋เจวี้ยนพูดกับน้องชาย "อยู่ต่อหน้าพวกเขา ข้าไม่เคยพูดเลยนะว่าอ๋องเจวี้ยนไม่ได้ด้อยกว่าตัวข้า"เขาไม่อยากยอมรับว่าเคยชมอ๋องเจวี้ยนไปตอนนี้ถูกถังอู๋เยว่พูดแบบนี้ออกมา เขาก็รู้สึกเขินขึ้นมาอยู่เหมือนกันถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เขาก็ยังจงใจแสดงออกว่าอ๋องเจวี้ยนไม่คู่ควรกับฟู่จาวหนิง ให้ฟู่จาวหนิงกลับมาเขาชิงถงกับเขา เพื่อจงใจยั่วโมโหอ๋องเจวี้ยนด้วยเถอะตอนนี้ถ้าให้อ๋องเจวี้ยนรู้ว่าตนเองชมเขาลับหลัง ไม่รู้ว่าจะทำตัวภูมิใจแค่ไหน"อู๋เยว่ งั้นพวกเราไปกันเถอะ"ถังอู๋เยว่หยิบหมวกผ้าคลุมขึ้นมาสวมเขาสามารถตั้ง
ถังอู๋เยว่รู้สึกจริงๆ ว่าร่างกายของเขาดีขึ้นเล็กน้อยเรื่อย ๆถึงแม้ในกระจก เขายังคงมีใบหน้าแก่ชรา ผมขาวยังคงอยู่ แต่ความรู้สึกเขาไม่ผิดแน่ เขารู้สึกว่าดีขึ้นแล้วจริงๆนี่ทำให้เขาดีใจจนร้องไห้ จับมือถังอู๋เจวี้ยนแล้วร้องไห้ออกมาหลังจากร้องไห้ไปก็พบว่าฟู่จาวหนิงยังอยู่ที่นี่ เขาจึงรู้สึกเขินขึ้นมา"ดีใจจนร้องไห้ไม่มีอะไรน่าอายเสียหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังรู้สึกว่าที่ถังอู๋เยว่ร้องไห้ออกมาถือว่าเป็นเรื่องดี"ฟู่จาวหนิงไม่ได้หัวเราะเยาะเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแต่นางไม่พูด ถังอู๋เจวี้ยนเองก็เข้าใจความหมายของนาง นี่แสดงว่าเสี่ยวเยว่คงจะเก็บกดมาตลอด ไม่ได้รับการระบายที่เหมาะสมเสี่ยวเยว่ก่อนหน้านี้คงไม่อยากให้เขาเห็นการพังทลายของตัวเขาแน่เสแสร้งมาตลอดว่าไม่ใส่ใจ ยอมรับความเป็นจริงได้แล้ว และสามารถเผชิญหน้ากับความตายได้อย่างสงบ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากยิ่งเป็นอย่างที่ฟู่จาวหนิงพูด ตอนนี้เขาร้องไห้ออกมาได้ถือเป็นเรื่องดีถังอู๋เจวี้ยนตบบ่าอู๋เยว่ ถามเขาว่า "งานเลี้ยงคืนนี้ เสี่ยวเยว่อยากไปเข้าร่วมไหม?"ก่อนหน้านี้อันที่จริงเขาก็ไม่เคยคิดจะให้อู๋เยว่ไปเข้าร่วม เพราะงานเลี้ย
"พี่หญิงฟู่บอกสภาพของข้ากับอ๋องเจวี้ยนแล้วหรือยัง?" ถังอู๋เยว่ถาม"บอกไปแล้ว" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา "บอกไปตรงๆ เลย บอกว่าเจ้านั้นป่วย และเพราะป่วยผมจึงได้ขาว หน้าตาดูแก่ชรา มีริ้วรอยึ้นก่อนวัยอันควร แต่ว่า ถ้าหลังจากนี้ถ้าเจ้าแก่ขึ้นจริงๆ ก็จะเป็นแบบตอนนี้ เป็นผู้เฒ่าที่ดูหล่อเหลามาก"นางชะงักไปครู่หนึ่ง "แต่ข้าก็บอกกับเขาแล้ว ว่าข้ามั่นใจว่าจะรักษาเจ้าได้เจ็ดส่วน หลังจากนี้เขาจะได้เห็นหน้าตาหล่อเหลาวัยเยาว์ของเจ้าแน่ ท่านอ๋องบอกว่า ชายชาตรี ถึงหน้าตาจะแก่นิดแก่หน่อยก็ช่างมันเถอะ รักษาตัวให้หายคือสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าอย่าได้อ่อนไหวนักเลย"เซียวหลันยวนพูดทำนองนี้มาจริงๆ เดิมทีคำพูดเหล่านี้ฟู่จาวหนิงไม่ควรบอกกับถังอู๋เยว่ตรงๆแต่การพบกันสองครั้งนี้ ฟู่จาวหนิงพบว่า ถังอู๋เยว่ อาจจะไม่ได้เป็นแบบที่ถังอู๋เจวี้ยนคิดไว้ถังอู๋เจวี้ยนรู้สึกว่า ทุกคนเวลาพูดต่อหจ้าเขาต้องระมัดระวัง อย่าทำให้เขารู้สึกเสียใจแต่หลังจากฟู่จาวหนิงสังเกตเห็น ถังอู๋เยว่อันที่จริงก็รับไม่ค่อยได้ที่คนทั้งหมดปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง ต่อหน้าเขาต้องแสร้งทำเป็นทุกอย่างเรียบร้อยดี ทำเหมือนเขาเป็นของเปราะ
ฟู่จาวหนิงได้ยินน้ำเสียงถังอู๋เยว่ตอนที่พูด ดูรวดเร็วกว่าเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด"เหนื่อยน่ะมันก็เหนื่อย ข้าไม่พูดโกหกหรอก" นาวหัวเราะขึ้นมา "แต่ว่า คุณชายน้อยเองก็ให้ความร่วมมือมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังเชื่อมั่นตัวข้าอีก ทำให้รางกายและจิตใจตอนที่รักษาผ่อนคลาย ข้าเองก็ดีใจมาก แบบนี้จะทำให้ผลการรักษาของเราดีมากยิ่งขึ้น""ข้าเชื่อหมอเทวดาฟู่""ถังอู๋เยว่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองนางอย่างรู้สึกคาดหวัง เมือนจะพูดแต่ก็หยุดไป""คุณชายน้อยอยากจะพูดอะไรหรือ?" ฟู่จาวหนิงถามเห็นเขาเป็นแบบนี้ เหมือนจะพูดอะไรที่ดูลำบากใจออกมา"ข้าขอเรียกท่านว่าพี่หญิงฟู่ได้ไหม?" ถังอู๋เยว่รู้สึกลำบากใจ หลังจากถามไปก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างชัดเจน "เพราะข้าเป็นแบบนี้ คนในตระกูลที่อายุมากกว่าข้าหลายปี ก็ล้วนเรียกข้าว่าคุณชายน้อยอย่างสุภาพต่อหน้าข้า"ทั้งที่บางคนเขาควรจะเรียกพี่ชายเรียกลุงอะไรแบบนี้ แต่เขาเคยเรียกออกมา สีหน้าของอีกฝ่ายก็ดูประหลาดอย่างชัดเจน ลุกขึ้นยืนโดยสัญชาตญาณ เห็นได้ชัดว่าอยากจะพูดประมาณว่ามิกล้าๆ อะไรแบบนั้นหลังจากกลับมาห้องนอน เขาก็เห็นตนเองในกระจก ริ้วรอยเต็มใบหน้า ผมขาวไปทั้งหัว เขาจึงเข้าใจขึ
เขาจำเสื้อผ้าชุดนั้นได้แม่นยำ เพราะมันเป็นชุดที่เขาและจาวหนิงใส่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่แต่งงานกันอย่างเป็นทางการตอนนั้นเขาบอกกับพวกหงจั๋วว่าให้เตรียมชุดสำหรับกลับบ้านวันที่สามดังนั้นจึงมีสีแบบนั้นขึ้นมาถ้าเป็นวันปกติเขาจะใส่เสื้อผ้าสีแบบนั้นได้ยังไง เป็นผู้ชายทั้งแท่งดันใส่เสื้อคลุมยาวสีแดงเข้มแต่ว่า หลังจากที่เขาสวมมันในวันนั้น ฟู่จาวหนิงกลับตาเป็นประกาย บอกว่าเขาสวมเสื้อผ้าแบบนั้น ดูเย็นชาน้อยลง ดูอ่อนโยน งดงามมากดังนั้น ถึงแม้จะไม่ได้สวมชุดนั้นอีก เขาก็ยังหใ้คนเก็บเอาไว้อย่างระมัดระวังตอนนี้เสี่ยวเยว่พอพูดขึ้นมา เซียวหลันยวนก็ใจสั่นกึก พยักหน้าให้ "อืม สวมชุดนั้นแล้วกัน"เสื้อผ้าสองชุดนั้นพอสวมแล้ว ทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน แค่มองก็เป็นสามีภรรยากัน แล้วยังเป็นสามีภรรยาที่รักกันมากด้วยเซียวหลันยวนรู้สึกว่าดีมากเอามาสวมในงานคืนนี้ เหมาะสมมากจริงๆ"ข้าคิดไม่ถึงว่า พวกเจ้าจะเอาเสื้อชุดนั้นมาด้วย" เขารู้สึกเกินคาดจริงๆฟู่จาวหนิงอดขำขึ้นมาไม่ได้ "นี่เป็นพวกเสี่ยวเยว่จัดเก็บมาน่ะ""ข้าน้อยตอนนั้นก็คิดอยู่ ท่านอ๋องถ้ารีบมาหาคุณหนู ระหว่างทางที่อยู่ด้านนอก อาจจะมีโอกาสใส่ส
วันถัดมา ตอนเช้าตื่นขึ้นมา เซียวหลันยวนก็รู้สึกว่าบรรยากาศแตกต่างออกไปเสี่ยวเยว่นำที่คาดผมแปลกๆ สองชิ้นที่ทำจากผลไม้ร้อยเรียงกันเข้ามา บอกว่าคนของเขาชิงถงส่งมาให้"พวกเขาบอกว่าตอนเข้างานเลี้ยงคืนนี้ สามารถสวมสิ่งนี้ได้ พวกเขาเรียกมันว่ามงกุฎร้อยไม้ผล ถึงตอนนั้นทุกคนก็จะมีหมด ยิ่งไปกว่านั้น ผลไม้ที่นำมาทำมงกุฎร้อยไม้ผลก็แตกต่างกันออกไป""มงกุฎร้อยไม้ผล?""เจ้าค่ะ พวกเราเองก็มี มงกุฎร้อยไม้ผลของท่านอ๋องกับคุณหนู พวกเขาบอกว่าคุณชายใหญ่ถังลงมือร้อยให้เองเลย ผลไม้ที่ใช้ก็หาได้ยากบนภูเขาด้วย"เซียวหลันยวนรับมา "ให้หนิงหนิงนอนอีกหน่อย ไปเตรียมข้าวเช้าเถอะ"เมื่อคืนฟู่จาวหนิงค้นคว้าวิะีการรักษาถังอู๋เยว่ทั้งคืน นอนดึกมาก"เจ้าค่ะ"เสี่ยวเยว่ออกไปเตรียมข้าวเช้า เซียวหลันยวนมองมงกุฎร้อยไม้ผลสองชิ้นนี้ ก็พบว่าผลไม้นั้นยังดูสดอยู่ แต่ว่าผลไม้พวกนี้ก็ไม่เคยเห็นเลยจริงๆ สีเองก็ยังนำมาจับคู่กันอย่างประณีต เขียวสด เหลืองนวล ม่วงเข้ม สีแดงก็มีโดยเฉพาะชิ้นที่ให้ฟู่จาวหนิง เต็มไปด้วยชีวิตชีวาน่าสนใจมาก แน่นอนว่าพวกเขาเลือกผลไม้ที่เล็กและเบามา แล้วยังแทรกดอกไม้มาหลายดอกอีกด้วยสวยงามดีแต่ว่า