ฟู่จิ้นเชินไม่เชื่อคำนี้ของเสิ่นเชี่ยวอยู่แล้วแค่ไร้ยางอายไปหน่อยเท่านั้นหรือ?แต่ว่า ภรรยาไม่อยากจะพูดมากนัก เขาเองก็จะไม่ถามต่อถึงยังไงเซียวหลันยวนก็จะพูดกับเขาแน่ๆเขาถามเรื่องสาวใช้หลายคนพวกนี้ ก็รู้ว่าสาวใช้พวกนี้อยากจะตามพวกเขาไป ส่วนเซียวหลันยวนก็ส่งเรื่องนี้ให้นางจัดการ เขาแนะนำขึ้นมาสองสามจุด จากนั้นก็ออกจากห้องไปฟู่จาวเฟยเอาเรื่องที่เจอในวันนี้เล่าให้เซียวหลันยวนฟังรอบหนึ่งแล้ว"ท่านพี่เขย เรื่องที่ข้ากับท่านพ่อเข้าไปในหอคณิกามันสุดวิสัยนะ อีกเดี๋ยวถ้าท่านไม่รู้เข้า ท่านช่วยท่านพ่ออธิบายหน่อยเถอะ"เซียวหลันยวนเหลือบมองเขา"เรื่องนี้ พ่อของเจ้าต้องให้ข้าช่วยอธิบายเสียที่ไหนกัน? แม่ของเจ้าเองก็ไม่ใช่คนที่จะหึงหวงเรื่อยเปื่อยเสียหน่อย"ตอนที่ฟู่จิ้นเชินเข้ามาก็ได้ยินคำนี้ของเขาพอดี เขาจึงหัวเราะขึ้น"เสี่ยวเฟย เจ้านี่ไม่เข้าใจแม่เจ้าเลยนะ"เซียวหลันยวนกลับมองได้ชัดเจนกว่าเสียอีก"ท่านแม่รู้แล้วหรือ?" ฟู่จาวเฟยตกตะลึงเขายังอายุน้อย เรื่องพวกนี้ยังคงกังวลว่าจะถูกท่านแม่ตำหนิยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกว่าพ่อกับแม่ปกติก็รักกันดี อายุแบบท่านพ่อ แถมก่อนหน้านี้ยังมีแม่นา
เหล่าสาวใช้คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเซียวหลันยวนแบบนี้เขาขมวดคิ้ว มองไปทางเสิ่นเชี่ยว"ท่านมาจัดการหน่อย"เซียวหลันยวนพูดคำนี้จบก็หมุนตัวจากไปเขาเชื่อว่าในฐานะภรรยาของฟู่จิ้นเชิน น้องสาวของเสิ่นเสวียน จุดนี้เสิ่นเชี่ยวน่าจะจัดการได้ดีแล้วก็ตามคาด ตอนที่ฟู่จิ้นเชินกับฟู่จาวเฟยกลับมา สาวใช้เหล่านี้ก็กลับมาทำงานตามปกติแล้ว ฟู่จิ้นเชินเองก็เฉียบคมมาก สัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปหน่อยๆ ของพวกนางทันทีก่อนหน้านี้แค่ทำงานไปตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด แต่ตอนนี้กลับแสดงออกถึงความกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วยังมีความรู้สึกเหมือนเป็นสาวใช้ของบ้านตนเองเสียด้วยซ้ำ"ท่านพ่อ ข้าจะไปหาพี่เขย"ฟู่จาวเฟยบอกกับเขา"ไปเถอะ ไปหาน้ำแกงแก้เมาดื่มเสียด้วย""ทราบแล้ว"ฟู่จิ้นเชินไปที่ห้องหาเสิ่นเชี่ยว เห็นนางกำลังพลิกหนังสืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องเล่าการค้าในเมืองอั้นด้วยเขารู้สึกประหลาดใจขึ้นทันทีหนังสือแบบนี้ คนของจวนเจ้าเมืองไม่น่าจะหามาให้นางกระมัง เพราะอย่างน้อยก็สามารถสืบเสาะการพัฒนาของเมืองอั้นในช่วงหลายปีนี้ได้ตอนนี้พวกเขาถูกเจ้าเมืองอวี๋ระแวงอยู่ ถือเป็นศัตรู แล้วจะเอาหนังสือ
เซียวหลันยวนออกไปพักหนึ่ง เพราะเขาต้องไปเก็บพิราบสื่อสารเจ้าเมืองอวี๋แม้จะให้คนคอยเฝ้าเมืองไว้ แต่น่าเสียดาย ตอนที่เขาเข้ามาได้ทิ้งองครักษ์เอาไว้ที่ใต้หน้าผา พวกเขาสามารถใช้พิราบสื่อสารส่งจดหมายออกไปนกที่หลานหรงฝึกมาเป็นพิเศษ สามารถหลบเลี่ยงคน และหาจังหวะที่แม่นยำบินเข้ามาได้พอเขาอ่านจดหมาย ก็ได้ข้อมูลว่า กำลังคนใกล้จะพร้อมแล้ว วันนี้กลางดึกจะเข้ามาถึงยิ่งไปกว่านั้นยังเอาข่าวดีมาอีกข่าวด้วย เสิ่นเสวียนมาถึงแล้วพอเสิ่นเสวียนมาถึง เซียวหลันยวนก็ยิ่งไม่กังวลเขาสามารถอยู่เป็นแม่ทัพหลักด้านนอกได้ ฝีมือของเสิ่นเสวียน เซียวหลันยวนเชื่อมั่นอยู่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองอั้นตอนนี้ เขาไม่กังวลเลยจริงๆ เพราะฝีมือของฟู่จิ้นเชินเขาเองก็วางใจ ฟู่จิ้นเชินต้องกล่อมเฉิงอวิ๋นเจี้ยนได้แน่ข้างในมือฟู่จิ้นเชินกับพวกเฉิงอวิ๋นเจี้ยน ด้านนอกมีเสิ่นเสวียนกับหลานหรง เขายังต้องกลัวเมืองเล็กๆ อย่างเมืองอั้นอีกรึ?ถ้าว่ากันเรื่องประสบการณ์การทำศึกจริง องครักษ์เมืองอั้นนั้นไม่มีเลยหลายปีมานี้พวกเขาเองก็ไม่เคยผ่านการรบจริงสักครั้ง กระทั่งว่ายุทธศาสตร์การทหารในสมัยก่อนก็เคยอ่านแค่จากในหนังสือ และไม่มีใค
เสิ่นเชี่ยวพอได้ยินประโยคที่คุณชายใหญ่อวี๋จู่ๆ ถามขึ้นใน ในใจก็สั่นกึกนางเหลือบมองเขาผาดหนึ่ง และมองเห็นเจตนาไม่ดีบนสีหน้าเขานี่ชัดเจนว่าคิดจะพูดอะไรที่ไม่ค่อยดีกับนาง"ข้าไม่อยากออกไป ไม่ได้หรือ? ถ้าหากเจ้าเมืองอวี๋ยินดีล่ะก็ พวกเราเองสามารถไปพักด้านนอกได้ จะได้ไม่ต้องถูกตั้งคำถามกระทั่งเรื่องที่ข้าไม่อยากออกไปข้างนอกแบบนี้"เสิ่นเชี่ยวเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้เจ้าเมืองอวี๋ต้อนรับพวกเราเข้ามาในจวนเจ้าเมืองอย่างมีกระตือรือร้น"อวี๋ลี่ถูกนางสวนมาหลายคำแบบนี้แต่ก็ไม่โกรธ เขารู้สึกว่าตอนนี้น่าจะเพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่เป็นไร เขาบอกนางเองได้"ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก เจ้าอยากจะออกไปหรืออยากจะพักผ่อนอยู่ที่นี่ มันก็อิสระของเจ้า ข้าก็แค่อยากรู้อยากเห็น ไม่ใช่พูดกันว่าพวกเจ้าสามีภรรยารักกันกลมเกลียว ร่างกับเงาไม่อาจแยกกันได้หรอกหรือ? ขนาดลูกชายเขายังพาออกไปได้ แล้วทำไมถึงไม่พาเจ้าไปด้วย?""คุณชายใหญ่อวี๋ฟังคำคนไม่รู้เรื่องรึ?""ฮูหยินฟู่เองก็ไม่ต้องระแวดระวังขนาดนี้ก็ได้ ข้าก็แค่มาคุยกับเจ้าเท่านั้น ไม่มีอะไร เพียงแต่คนของข้าไปเจอคุณชายฟู่กับนายน้อยฟู่ข้างน
คุณชายใหญ่อวี๋รู้สึกว่าตนเองสามารถไปเย้ยหยันคนพวกนี้ได้อยู่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาที่เสแสร้งเป็นสามีภรรยาที่รักกันกลมเกลียว แล้วยังซื่อสัตย์ต่อกันอย่างยิ่งยวด ทำเขาไม่สบอารมณ์อย่างมากฟู่จิ้นเชินพาภรรยากับลูกชายมา ครอบครัวดูมีความสุขกลมเกลียว ทำเอาเขารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างถึงยังไงเรือนหลังของพ่อเขาก็รับอนุมามากมาย เขาเป็นลูกชายคนโต ข้างหลังยังมีลูกอนุอีกเป็นโขยง คนพวกนั้นก็เอาแต่แก่งแย่งชิงดีทะเลาะกันทั้งวันตั้งแต่เขาเกิดมา ไม่เคยได้เห็นภาพครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุขกลมเกลียวเลยแล้วก็อ๋องเจวี้ยนอีก กระทั่งแม่นางที่สวยอย่างน้องสาวเขา บอกว่าไม่ต้องตาก็คือไม่ต้องตา พูดอะไรว่าในใจมีแต่พระชายาคนเดียวทำเอาน้องสาวเขาต้องเสียใจ แล้วยังมาร้องไห้อาละวาดกับเขาอีกพวกเขาไม่เชื่อหรอก ว่าผู้ชาย จะรักเดียวใจเดียวกับหญิงสาวแค่คนเดียวได้ความดีงามพวกนี้เขาอยากจะทำลายทิ้งให้หมดดังนั้นตอนนี้พอได้ยินว่าฟู่จิ้นเชินไปที่หอคณิกา เขาก็ลิงโลดขึ้นมา อยากจะรีบเอาไปบอกเสิ่นเชี่ยวทันทีเลยจริงๆจะว่าไป เสิ่นเชี่ยวแม้อายุจะมากแล้ว แต่อวี๋ลี่ก็ยังรู้สึกว่าดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมาก แล้วยังสวยมาก
ฟู่จิ้นเชินออกมาหลังจากเจรจากับเฉิงอวิ๋นเจี้ยนเสร็จ ก็เห็นคนสองคนทำตัวลับๆ ล่อๆ เดินตามมา"ท่านพ่อ ข้าไปจัดการคนเลยดีไหม?"ฟู่จาวเฟยเองก็พบสองคนนั้นแล้วตอนที่เข้ามา พวกเขาก็คอยระวังมาตลอด สลัดพวกสะกดรอยทิ้งไปหลายคนต่อมาเฉิงอวิ๋นเจี้ยนก็ส่งคนเข้ามารับ พาพวกเขาเดินผ่านทางลับ และมีคนเข้าไปขวางพวกสะกดรอยเอาไว้ด้วย ดังนั้น คนของเจ้าเมืองทางนั้นน่าจะถูกสลัดทิ้งไปแล้วถึงจะถูกถึงยังไงเฉิงอวิ๋นเจี้ยนก็คุ้นเคยกับเจ้าเมืองอวี๋กับคนของเขาเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตในเมืองนี้มาหลายปี คุ้นเคยกับถนนใหญ่ซอกซอยเล็ก การสลัดฝ่ายตรงข้ามทิ้งได้ไม่ใช่เรื่องแปลกตอนนี้มีอีกสองคนมาสะกดรอยตามพวกเขา ฟู่จิ้นเชินรุ้สึกแปลกใจมากสองคนนี้ เขารู้สึกว่าไม่ใช่คนของเจ้าเมืองอวี๋"ยังไม่ต้องลงมือ สังเกตไปก่อน"ฟู่จิ้นเชินพาลูกชายเข้าไปเดินวนเล่นในเมืองต่อ ร้านรวงทุกร้านที่เปิดเขาล้วนเข้าไปเยี่ยมชม กระทั่งหอคณิกาก็ยังเข้าไปด้วยถูกต้อง ในเมืองอั้นเองก็มีหอคณิกาในอดีตมีอยู่ ต่อมาก็สืบทอดกันลงมาหลังจากพวกเขาเข้าไปในหอคณิกา ก็มีแม่นางคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับพวกเขา เอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า "ข้าคือน้องสาวญาติของเฉิงอวิ๋นเจี้