บุปผาหยกหวนคืนบ้าน

บุปผาหยกหวนคืนบ้าน

last updateLast Updated : 2025-09-03
Language: Thai
goodnovel12goodnovel
Not enough ratings
7Chapters
5views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เพื่อหลีกหนีชะตากรรมของการเป็นทายาทสำนักคุ้มภัย "เขา" จึงทอดทิ้งทุกสิ่งเพื่อออกตามหาความฝันในการเป็นนักแสดงตัวนาง... หารู้ไม่ว่าแปดปีต่อมา โชคชะตาจะนำพาเขากลับมายังบ้านเก่าอีกครั้ง ในบทบาท "ภรรยา" ของน้องชายบุญธรรม... การแสดงบทบาทที่อันตรายที่สุดในชีวิตจึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีหัวใจและความรักเป็นเดิมพัน...

View More

Chapter 1

บทที่ 1 : ความลับของนางงิ้ว

ม่านผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มที่อมฝุ่นและกลิ่นอายของกาลเวลา ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกช้าๆ ดุจการกลีบบุปผาแย้มบาน ความเงียบงันแผ่ปกคลุมทั่วโรงละครไม้หลังเก่าราวกับถูกสะกดด้วยมนตรา ทุกสายตาจับจ้องไปยังกลางเวทีที่สว่างเรืองรองด้วยแสงตะเกียงน้ำมัน

ร่างระหงในอาภรณ์งิ้วอันวิจิตรยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอมีนามว่า ไป๋อวี้ฮวา นางเอกงิ้วผู้เลื่องชื่อ ที่กล่าวกันว่าความงามและฝีมือของนางในวัยเพียงสิบเจ็ดปีนั้น ราวกับนางสวรรค์จุติลงมาร่ายรำบนโลกมนุษย์

เสียงเครื่องดนตรีโหมโรงดังกระหึ่มก้องทั่วโรงละครไม้หลังเก่าที่ยังคงกลิ่นอายความขลัง ดวงโคมกระดาษสีแดงชาดไหวระริกเบา ๆ ไปตามแรงลมยามค่ำคืน ลำแสงตะเกียงน้ำมันกระทบกับชุดงิ้วหลากสีที่ประดับด้วยไหมทองจนระยับจับตา ผู้คนต่างจับจ้องมองไปที่นักแสดงตัวนางบนเวทีกันเป็นตาเดียวกัน

ใบหน้านางขาวเนียนราวหยกงาม วาดเส้นคิ้วเฉียงอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ รับกับดวงตาเรียวยาวซึ่งทอดมองลงต่ำอย่างอ่อนหวาน เครื่องประดับศีรษะรูปดอกโบตั๋นสั่นไหวพลิ้วตามแรงก้าว ทุกอิริยาบถแฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวนที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมพลัง

เสียงขลุ่ยไม้ไผ่แว่วดังขึ้นมา พร้อมบทร้องจากนางที่เริ่มขับขาน

"โบตั๋นบานในสวนร้าง

ข้าล้างน้ำตาใต้เงาเดือน

ค่ำคืนหนึ่งตราตรึงเกินรางเลือน

เขาจากไปไม่เอ่ยเอื้อน ไม่เหลียวกลับคืนมา…"

น้ำเสียงอวี้ฮวาอ่อนหวานและฟังดูสูงส่งราวเทพธิดาผู้เพียบพร้อม ตัดกับอารมณ์อาดูรในถ้อยคำจนแทบทำให้ผู้ชมลืมหายใจ ทุกกิริยาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับดนตรี ดั่งภาพวาดมีชีวิต เสียงฮือฮาเงียบลง เหลือเพียงสายตานับร้อยคู่ที่จ้องมองนางเพียงคนเดียว

ในหมู่ผู้ชมแถวหน้าสุด บุรุษหนุ่มในอาภรณ์สีน้ำเงินคราม ปักลายเมฆประดับทอง จ้องมองภาพบนเวทีไม่วางตา เขามีโครงหน้าได้รูปแบบบุรุษผู้ดี ศีรษะตั้งตรง ดวงตาคู่เรียวยาวเต็มไปด้วยประกาย คิ้วเข้มเรียบตรง เรียงเส้นอย่างมั่นคงเหนือดวงตา สันจมูกสูงรับกับโหนกแก้มอย่างสมส่วน ริมฝีปากบางได้รูป เส้นผมดำขลับเกล้าเป็นมวยไว้ แววตาของเขาทอประกายลุ่มหลงเป็นอย่างยิ่ง เขาคือเหลียนอี้เฉิน ข้างกายเขาคือท่าน เหลียนจื้อเซิน และภรรยา

“งดงาม...งดงามเหลือเกิน” ภรรยาท่านเหลียนเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “เด็กคนนี้ราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดจริงๆ”

การแสดงจบลงด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง เหล่าผู้ชมต่างส่งเสียงเรียกชื่ออวี้ฮวาเป็นระลอก คล้ายจะให้ม่านปิดลงช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังเวทีที่วุ่นวาย อาเจิน พี่เลี้ยงคนสนิทรีบนำผ้าคลุมมาสวมให้ร่างที่อ่อนล้าของอวี้ฮวาในทันที ก่อนจะพานางไปยังห้องพักหลังเวทีการแสดง

อวี้ฮวาก้มศีรษะหอบเบา ๆ เหงื่อเกาะชุ่มไรผมข้างขมับ แต่ในแววตาเต็มไปด้วยความสุข นางรู้ดีว่าค่ำคืนนี้คือหนึ่งในค่ำคืนที่งดงามที่สุดในชีวิตการแสดง

นางเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทั่วไป แม้จะยังมิได้ล้างเครื่องสำอางงิ้วบนใบหน้า แล้วเดินออกจากห้องพัก พูดคุยกับเหล่านักแสดง นักดนตรี และผู้ทำหน้าที่ทั้งหลายในการแสดงนี้อย่างขอบคุณ

ไป๋จิ้งหยวน หัวหน้าคณะผู้เป็นดั่งบิดาบุญธรรมก็เดินเข้ามาระหว่างกลุ่มนักแสดงด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ แล้วเอ่ยขึ้นมา

“ยอดเยี่ยมมากอวี้ฮวา คืนนี้เจ้าสะกดทุกคนได้อยู่หมัดจริงๆ”

“เพราะได้ท่านคอยชี้แนะเจ้าค่ะ ถึงทำได้ปานนี้” อวี้ฮวากล่าวอย่างถ่อมตน

ทว่าคุยกันได้ยังไม่ทันไร ก็มีเสียงฝีเท้านุ่มนวลก็ดังขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นหอมของชาขาว

"แม่นางไป๋" เสียงชายหนุ่มเอ่ยอย่างสุภาพ "ข้าและครอบครัวขอแสดงความชื่นชมอย่างสุดหัวใจ"

อวี้ฮวาหันกลับไปมองต้นเสียงอย่างช้า ๆ ดวงตาคู่งามสบกับดวงตาของอี้เฉิน เพียงพริบตาเดียว หัวใจพลันเต้นสะดุด เขามาพร้อมถุงใบเล็กที่ใส่เงินจำนวนหนึ่งเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา ทว่าคราวนี้มาพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ด้วย

"ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ" นางตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างนักแสดงผู้ช่ำชอง แม้ในใจสั่นระรัว "นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ท่านเมตตา"

“ข้าขอมอบเงินรางวัลนี้ให้ท่าน และผู้คนในคณะทุกคน” อี้เฉินกล่าวขึ้นมาพร้อมหัวเราะเบา ๆ “หากไม่รังเกียจ ในคืนนี้ข้าให้ท่านให้เกียรติไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับครอบครัวของข้าด้วยเถิด”

อวี้ฮวาชะงักเล็กน้อย ความรู้สึกระคนกันหลายอย่างไหลผ่านในใจเพียงพริบตาเดียว ความยินดี ความประหลาดใจ และ...ความหวาดระแวง

“อาหารเย็นหรือเจ้าคะ?” นางย้อนถามอย่างนุ่มนวล แสร้งขยับชายแขนเสื้อคลุมคลุมอกให้เรียบร้อย “ท่านเมตตาเกินไปแล้ว”

“มิต้องเกรงใจ” อี้เฉินเอ่ยเสียงแผ่ว เบือนหน้าไปทางด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มบาง “มารดาของข้าเป็นผู้อยากพบกับท่านนัก นางชมไม่หยุดตั้งแต่ท่านขึ้นเวที”

เมื่อสิ้นคำ หญิงวัยกลางคนในชุดแพรปักลายหงส์ก็ปรากฏตัวขึ้นช้า ๆ ที่มุมหนึ่งของทางเดินหลังเวที ใบหน้านวลละมุนเปล่งประกายด้วยความยินดีนุ่มนวล

“แม่นางอวี้ฮวา” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งกว่าบุตรชาย “การแสดงของเจ้าช่างงดงามอย่างแท้จริง ข้ารู้สึกราวกับได้ชมโฉมนางนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ที่อยู่ในบทกวี... ช่างวิจิตรบรรจงเสียจนแทบไม่อาจละสายตา”

คำชมเหล่านั้น แม้นอวี้ฮวาจะได้รับอยู่บ่อยครั้ง แต่จากหญิงที่สูงศักดิ์และดูมีมารยาทอบอุ่นเช่นนี้ กลับทำให้นางรู้สึกประหลาดในใจอย่างน่าประหลาด

“ข้าน้อยไป๋อวี้ฮวา ขอคารวะท่านหญิงเจ้าค่ะ” นางโค้งกายอย่างอ่อนช้อยตามธรรมเนียมนักแสดงเวที น้ำเสียงที่เปล่งออกมาคงยังเรียบนิ่ง แต่ปลายนิ้วมือกลับสั่นไหวเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว

ในความวูบหนึ่งของสำนึก ความคุ้นเคยบางอย่างย้อนสะกิดขึ้นมาในใจนางเอกงิ้ว สุ้มเสียง... แววตา... และแม้กระทั่งคำลงท้ายของคำพูดเมื่อครู่ ทำให้ภาพในอดีตเมื่อวัยเยาว์ผุดขึ้นวูบหนึ่ง... คฤหาสน์ที่หรูหรา... เสียงฝึกเป่าขลุ่ย...รอยยิ้มของใครบางคนที่หายไปจากชีวิตมาเนิ่นนาน แต่ก่อนภาพจำเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นมาอีก นางก็หลบสายตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแสร้งหัวเราะเบา ๆ

“เช่นนั้นข้าน้อยรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนักเจ้าค่ะ หากมิใช่การรบกวน ข้ายินดีรับคำเชิญ”

.

เวลาผ่านไปจนกระทั่งยามเย็นคล้อยเข้าสู่ยามค่ำเต็มตัว คฤหาสน์ตระกูลเหลียนตั้งอยู่ริมแม่น้ำใหญ่ แสงจันทร์ทอดเงาบนลานกระเบื้องหยกขาว กลิ่นหอมดอกไม้อบอวลในอากาศก็ได้เริ่มจัด โต๊ะอาหารเรียบง่ายแต่สง่างาม ประดับโคมไฟแก้ว และภาชนะเครื่องลายครามวาดลายเมฆขาวจันทร์ทอง กลางโต๊ะมีอาหารหลากชนิด ทั้งเป็ดย่างน้ำผึ้ง ซุป และถั่วลิสงเคลือบน้ำตาล

อี้เฉิน และเหลียนจื้อเซินผู้เป็นบิดา พร้อมด้วยภรรยาผู้เป็นมารดา นั่งพร้อมหน้ารอแขกผู้เป็นนักแสดงงิ้วผู้เลื่องชื่อ ไม่นานนัก อวี้ฮวาก็เดินเข้ามาในชุดสีเขียวที่เรียบง่ายแต่สง่างาม แม้ลบลายงิ้วออกจากใบหน้าแล้ว ก็ยังคงแสดงความงดงามดังนางในเทพนิยาย ผิวพรรณของนางขาวเนียนดั่งหยกขัดเกลาจากหิมะยอดเขา เต็มไปด้วยความอ่อนเยาว์อันเปล่งปลั่ง โครงหน้านางเรียวระหง ดวงตายาวเรียวได้รูปเหมือนวาดด้วยพู่กันปลายแหลม ทอดมองด้วยแววอ่อนโยนละเมียดละไม คิ้วเรียวยกเฉียง ราวขนนกยามเช้า ลากเส้นบางเฉียบแต่เปี่ยมความหมาย ปลายจมูกเล็กตรง จับรูปพอเหมาะพอดีกับใบหน้า ริมฝีปากบางแดงระเรื่อ ร่างกายอบอวลด้วยกลิ่นหอมเบา ๆ แม้นไร้มงกุฎหรืออาภรณ์หรูหรา อวี้ฮวาก็ยังดูสูงศักดิ์ด้วยกิริยาท่วงท่า

“ขออภัยที่ให้รอนานเจ้าค่ะ” นางเอ่ยเบา ๆ ขณะนั่งลงอย่างนอบน้อม

“มิเป็นไรเลย” ท่านเหลียนจื้อเซินกล่าวอย่างใจดี “ความงามของท่านเพียงก้าวแรกที่ปรากฏก็ทำให้ค่ำคืนนี้สว่างขึ้นหลายส่วนแล้ว”

อวี้ฮวายิ้มรับ แม้ใจจะเต้นแรง เมื่อมองบรรยากาศภายในเขตคฤหาสน์หลังนี้

อาหารตรงหน้าถูกจัดวางอย่างงดงาม อวี้ฮวาหยิบเป็ดย่างเข้าปากอย่างนุ่มนวล กิริยาเรียบร้อยในทุกการขยับ ทำให้แม้แต่สาวใช้ที่ยืนอยู่มุมห้องยังเหลือบมองด้วยความลุ่มหลง

"แม่นางไป๋เคยร่ำเรียนวัฒนธรรมในรั้วตระกูลใดมาก่อนหรือไม่" ภรรยาท่านเหลียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างชื่นชม

อวี้ฮวาเกือบเผลอสะดุดคำตอบ หากแต่ยิ้มตอบโดยไม่เสียจังหวะ

"หามิได้เจ้าค่ะ ข้าฝึกฝนเพียงจากครูงิ้วที่ชำนาญด้านบทนางใน ความละเอียดของกิริยาอาจพอช่วยให้ข้าดูสุภาพขึ้นบ้าง"

"สุภาพอย่างมากเลยต่างหาก" ท่านเหลียนกล่าวเสริม “ผู้ใดได้เห็น ต่างต้องนึกว่าเป็นคุณหนูจากตระกูลขุนนาง"

อวี้ฮวาได้แต่ยิ้มรับอย่างสงบ หากแต่ในอกกลับเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ยังดีที่ใบหน้าที่นิ่งสงบกลบความระทึกข้างในได้อย่างแนบเนียน เป็นทักษะเดียวกับที่ใช้บนเวที

บรรยากาศการพูดคุยระหว่างนางงิ้วคนดัง กับครอบครัวตระกูลใหญ่ เป็นไปอย่างราบรื่นจนกระทั่งท่านเหลียนเซินวางถ้วยชาลงเบา ๆ

"แม่นางไป๋...หากไม่ถือว่าไร้มารยาท ข้าอยากกล่าวความในใจประการหนึ่ง"

อวี้ฮวาลอบกลืนน้ำลาย สายตายังทอดนิ่งบนถ้วยขาวลายเมฆตรงหน้า

"เชิญท่านกล่าวเจ้าค่ะ"

"ข้าและภรรยา ต่างไร้บุตรหญิงมานานแล้ว นับแต่ได้ชมการแสดงของท่าน และพูดคุยเพียงครู่เดียว เราก็รู้สึกราวกับได้พบผู้ที่น่ารัก น่าชื่นชมยิ่ง"

ท่านเหลียนเซินพูดจบก็เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นภรรยาเขากล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"หากแม่นางไม่ขัดข้อง...ข้าอยากให้ท่านพิจารณาอี้เฉินบุตรชายของเรา"

ไป๋อวี้ฮวารู้สึกราวกับเวลาหยุดนิ่ง หัวใจในอกเต้นผิดจังหวะ ราวจะหลุดจากทรวงอก ดวงตาที่เคยมองตรงกลับไหววูบ แม้นหน้ายังประดับรอยยิ้ม แต่มือใต้ชายแขนเสื้อเริ่มกำแน่นไม่รู้ตัว

"ท่านช่างเมตตาเกินไปแล้วเจ้าค่ะ" นางตอบเสียงเบา ๆ "ข้าเป็นเพียงนักแสดงร่อนเร่ ย่อมมิอาจเทียบเทียบบุตรชายท่านได้"

"อย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย" ท่านเหลียนเซินสั่นศีรษะเบา ๆ “ข้ามิเคยถือสายเลือดหรือตำแหน่งมาเป็นตัวตัดสินค่าของคน ความงาม กิริยา และความเฉลียวฉลาดของท่าน ไม่มีสิ่งใดด้อยกว่าคุณหนูใดในเมืองหลวง และหากท่านตกลง พวกเราจะอุปภัมภ์คณะละครของท่านให้ได้ปักหลักในเมืองนี้ตลอดไป"

อี้เฉินไม่ได้กล่าวคำใด เพียงมองนางนิ่ง ๆ แต่แววตานั้นต่างไปจากก่อนหน้า ไม่มีความเย้าแหย่หรือสุภาพแบบแขก หากเต็มไปด้วยอารมณ์อะไรบางอย่าง นางหลบไม่ให้ใครเห็นสายตาด้วยการผินหน้าลงเล็กน้อย แสร้งดื่มชาด้วยท่วงท่าที่สงบที่สุดเท่าที่จะทำได้

"ขอบคุณสำหรับไมตรีของท่านเจ้าค่ะ ข้าขอใช้เวลาครุ่นคิดให้รอบคอบก่อนจะตอบคำ"

.

เมื่อมื้ออาหารจบลง และรถม้าของตระกูลพาแขกสาวกลับคณะงิ้วอย่างสุภาพ อวี้ฮวาเดินกลับมายังค่ายพักนักแสดงยามค่ำคืน พระจันทร์เต็มดวงลอยสูง สะท้อนแสงลงบนน้ำใสในอ่างไม้ด้านหลังโรงละคร

นางนั่งลงข้างอ่าง สัมผัสน้ำเย็นด้วยปลายนิ้วเงียบ ๆ สายตาทอดมองเงาสะท้อนของตนเองในผิวน้ำ ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่ทุกคนกล่าวว่างดงามราวสตรีชั้นสูง หากแต่ตอนนี้ภายในกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสับสน

"กลับไปที่นั่นในฐานะ ไป๋อวี้ฮวา... ในฐานะหญิงสาวที่จะไปเป็นลูกสะใภ้ งั้นเหรอ?" นางพึมพำเบา ๆ เรียกชื่อตนเองในเวทีชีวิต มือบางยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตน

“ทั้งที่ข้าเคยหนีออกมาจากที่นั่น… หนีออกมาจากฐานะเหลียนหยางเหว่ยลูกชายที่แท้จริงน่ะนะ...”

นางหลับตาลงช้า ๆ ร่ายรำคนเดียวในความมืด ปล่อยให้ความเงียบของค่ำคืนนั้นล้อมรอบตนไว้ ราวกับกำลังแสดงอยู่ลำพังบนเวทีที่ไม่มีผู้ชม ไม่มีเสียงปรบมือ มีเพียงตัวนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
7 Chapters
บทที่ 1 : ความลับของนางงิ้ว
ม่านผ้ากำมะหยี่สีแดงเข้มที่อมฝุ่นและกลิ่นอายของกาลเวลา ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกช้าๆ ดุจการกลีบบุปผาแย้มบาน ความเงียบงันแผ่ปกคลุมทั่วโรงละครไม้หลังเก่าราวกับถูกสะกดด้วยมนตรา ทุกสายตาจับจ้องไปยังกลางเวทีที่สว่างเรืองรองด้วยแสงตะเกียงน้ำมันร่างระหงในอาภรณ์งิ้วอันวิจิตรยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอมีนามว่า ไป๋อวี้ฮวา นางเอกงิ้วผู้เลื่องชื่อ ที่กล่าวกันว่าความงามและฝีมือของนางในวัยเพียงสิบเจ็ดปีนั้น ราวกับนางสวรรค์จุติลงมาร่ายรำบนโลกมนุษย์เสียงเครื่องดนตรีโหมโรงดังกระหึ่มก้องทั่วโรงละครไม้หลังเก่าที่ยังคงกลิ่นอายความขลัง ดวงโคมกระดาษสีแดงชาดไหวระริกเบา ๆ ไปตามแรงลมยามค่ำคืน ลำแสงตะเกียงน้ำมันกระทบกับชุดงิ้วหลากสีที่ประดับด้วยไหมทองจนระยับจับตา ผู้คนต่างจับจ้องมองไปที่นักแสดงตัวนางบนเวทีกันเป็นตาเดียวกันใบหน้านางขาวเนียนราวหยกงาม วาดเส้นคิ้วเฉียงอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากบางสีแดงระเรื่อ รับกับดวงตาเรียวยาวซึ่งทอดมองลงต่ำอย่างอ่อนหวาน เครื่องประดับศีรษะรูปดอกโบตั๋นสั่นไหวพลิ้วตามแรงก้าว ทุกอิริยาบถแฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวนที่อ่อนโยนแต่เปี่ยมพลังเสียงขลุ่ยไม้ไผ่แว่วดังขึ้นมา พร้อมบทร้องจากนางที่เริ่มขับข
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more
บทที่ 2: กรงทองที่จากมา (1/2)
แปดปีก่อน…คฤหาสน์ตระกูลเหลียนตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำสายหลักของเมืองทางใต้ กำแพงสูงตระหง่านสีเทาเข้มโอบล้อมอาณาเขตอันกว้างใหญ่ไว้ภายใน ประหนึ่งป้อมปราการที่มิอาจให้สิ่งใดเล็ดลอดผ่าน ทั้งลมหายใจของโลกภายนอกและความปรารถนาของคนภายใน สำหรับโลกภายนอก ที่นี่คือศูนย์กลางอำนาจและเกียรติยศ คือที่ตั้งของสำนักคุ้มภัยเหลียนซานอันเลื่องชื่อ แต่สำหรับเหลียนหยางเหว่ยในวัยสิบสี่ปี ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากกรงทองอันวิจิตร ที่ทุกตารางนิ้วถูกฉาบไว้ด้วยความคาดหวังของบิดาเสียงตะโกนอันทรงพลังและเสียงกระทบกันของศาสตราวุธดังแว่วมาจากลานฝึกกว้างหน้าเรือนใหญ่ นั่นคือเสียงของเหลียนจื้อเซิน บิดาของเขา กำลังควบคุมการฝึกยุทธ์ของเหล่าครูฝึกและผู้คุ้มภัยในสังกัดด้วยตนเอง ทุกเช้าจะมีเสียงเหล่านั้นคือเสียงปลุกแรกของวัน เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงเส้นทางที่บิดาขีดเขียนไว้ให้เขาเดินตามแต่ในเรือนปีกตะวันออกอันเงียบสงบของหยางเหว่ย เขากลับหลบเร้นอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง ห้องหนังสือของเขาอบอวลไปด้วยกลิ่นหมึกและกระดาษ บนโต๊ะไม้ชั้นดีมีตำราพิชัยสงครามและบัญชีการค้าของสำนักวางซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบตามที่บิดาต้องการให้เป็น ทว่าในชั้น
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more
บทที่ 2: กรงทองที่จากมา (2/2)
ในเย็นวันหนึ่ง ระหว่างมื้ออาหารค่ำที่สมาชิกครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หลังจากทุกคนรับประทานอาหารเสร็จสิ้น เหลียนจื้อเซินก็วางตะเกียบลงและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจที่ทำให้ทุกคนต้องนิ่งฟัง“ข้ามีเรื่องสำคัญจะประกาศ” เขากวาดตามองทุกคน ก่อนจะหยุดลงที่บุตรชาย “หยางเหว่ย เจ้าอายุสิบสี่ปีแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเตรียมตัวเป็นหลักเป็นฐานเสียที ข้าได้จัดการเรื่องหมั้นหมายของเจ้าไว้เรียบร้อยแล้ว”ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจของหยางเหว่ย โลกทั้งใบของเขาหยุดหมุน“ท่าน...ท่านพ่อ...”“เจ้าจะเข้าพิธีหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลเว่ย บุตรสาวของท่านเจ้าเมืองเว่ยซิน การเกี่ยวดองครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างบารมีและอำนาจให้ตระกูลของเรามั่นคงยิ่งขึ้นไปอีกหลายชั่วอายุคน อีกสามเดือนข้างหน้าจะมีพิธีมอบของหมั้นอย่างเป็นทางการ เตรียมตัวของเจ้าให้พร้อม”“ท่านพ่อ! ข้ายังเด็กนัก! ข้ายังไม่พร้อม!” หยางเหว่ยเผลอขึ้นเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต“ไร้สาระ!” เหลียนจื้อเซินตวาดกลับเสียงดังลั่นจนถ้วยชากระทบกันกริ๊ง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะมาต่อรอง มันคือหน้าที่! คือเกียรติยศ! คืออนาคตของวงศ์ตระกูล!”“แต่ข้าไม่ต้องการ!”“เหลียนหย
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more
บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (1/2)
อิสรภาพในจินตนาการนั้นหอมหวานดั่งน้ำผึ้ง แต่ในความเป็นจริง มันกลับขมขื่นดังยาขมและเย็นเฉียบราวกับพายุหิมะเหลียนหยางเหว่ยในวัยสิบสี่ปีค้นพบสัจธรรมข้อนี้ในค่ำคืนที่สามของการหลบหนี ความรู้สึกฮึกเหิมของการได้ทลายกรงทองออกมาจางหายไปอย่างรวดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยความหิวโหยที่กัดกินอยู่ในช่องท้องและความเหน็บหนาวที่เสียดแทงเข้ากระดูกทุกข้อ โลกภายนอกที่เคยวาดฝันไว้ว่ากว้างใหญ่และเปี่ยมด้วยโอกาส บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงป่าทึบอันมืดมิดและเส้นทางดินโคลนที่ไร้จุดสิ้นสุดเงินและของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาหยิบฉวยติดตัวมา ถูกขโมยไปจนหมดสิ้นโดยกลุ่มคนพเนจรในวันที่สอง เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นและร่างกายที่อ่อนล้าสะบักสะบอม วิชาตัวเบาที่เคยใช้ทะยานข้ามกำแพงสูงใหญ่ บัดนี้กลับไร้ประโยชน์เมื่อพละกำลังถดถอยลงทุกขณะเพราะขาดอาหาร นิ้วมือที่เคยฝันว่าจะใช้เพื่อสร้างสรรค์บทเพลง บัดนี้กลับสั่นเทาและเย็นเฉียบจนแทบไร้ความรู้สึกเขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ในหัวมีเพียงความคิดเดียวคือต้องไปให้ไกลที่สุด ไกลจากเงื้อมมือของบิดา ไกลจากชะตากรรมที่น่ารังเกียจนั้นแต่ยิ่งเดิน ร่างกายก็ยิ่งประท้วง สายต
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more
บทที่ 3: กำเนิดไป๋อวี้ฮวา (2/2)
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นที่แท้จริงในแววตาของเด็กหนุ่ม ยายาก็ตัดสินใจ นางพยุงร่างของหยางเหว่ยให้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของกระท่อม ที่นั่นมีหีบไม้เก่าแก่ใบหนึ่งวางอยู่ นางเปิดมันออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นชุดงิ้วตัวนางที่งดงามที่สุดชุดหนึ่ง แม้จะเก่าเก็บ แต่ก็ยังคงความวิจิตรตระการตา “หากเจ้าจะเดินบนเส้นทางสายนี้... เหลียนหยางเหว่ยจะต้องตายไปจากโลกนี้เสียก่อน” ยายาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “และต่อจากนี้ไป เจ้าจะต้องผ่านการฝึกฝนที่เจ็บปวดราวกับตายทั้งเป็น” และนรกบนดินของหยางเหว่ยก็ได้เริ่มต้นขึ้น ทุกๆ เช้าก่อนตะวันขึ้น เขาจะต้องตื่นมาฝึกดัดตนเพื่อให้ร่างกายมีความอ่อนช้อย ยายาบังคับให้เขาฉีกขา ยืดเส้น และทำท่าที่ฝืนธรรมชาติของบุรุษจนหยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า ทุกๆ กลางวัน เขาจะต้องฝึกการเดิน การร่ายรำ และการใช้สายตาที่สื่ออารมณ์ ยายาจะเฆี่ยนตีเขาด้วยกิ่งไผ่ทุกครั้งที่ท่วงท่าของเขาแข็งกระด้างเกินไป ทุกๆ เย็น เขาจะต้องฝึกการหายใจและการใช้เสียง เพื่อขับเสียงให้ออกมาสูงและนุ่มนวลราวสตรี มันคือการฝึกฝนที่ทารุณและไม่เคยมีวันหยุดพัก เวลาผ่านไปหนึ่งปี ร่างของหยางเหว่ยในวัยสิบห้าปีเริ่มเปลี
last updateLast Updated : 2025-08-29
Read more
บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (1/3)
กลับสู่ปัจจุบัน...ค่ำคืนแห่งการตัดสินใจอันน่าหวาดหวั่นผ่านพ้นไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและคำถามที่ไร้คำตอบแขวนอยู่ในอากาศ เช้าวันต่อมา แสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านผ้าใบเก่าๆ ของกระโจมที่พักชั่วคราวของคณะงิ้วไป๋จิ้งหยวน กลิ่นดินชื้นหลังฝนพรำเมื่อคืนและกลิ่นควันไฟจากครัวกลางลอยปะปนกัน สร้างบรรยากาศที่คุ้นเคยของการใช้ชีวิตร่อนเร่ แต่สำหรับไป๋อวี้ฮวาแล้ว เช้านี้ทุกอย่างกลับดูแปลกตาไปหมดนางนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองบานเล็ก อาเจินกำลังบรรจงสางผมยาวสลวยของนางอย่างแผ่วเบา แต่สติของอวี้ฮวากลับล่องลอยไปไกล ภาพของคฤหาสน์ตระกูลเหลียนอันโอ่อ่า คำพูดทาบทามที่อ่อนโยนแต่หนักแน่นของท่านเหลียนและภรรยา และเหนือสิ่งอื่นใด... แววตาที่เปี่ยมด้วยความหวังอันร้อนแรงของเหลียนอี้เฉิน ยังคงฉายซ้ำไปมาในหัวของนางราวกับภาพติดตา“อาจารย์พี่หญิง... ท่านดูซีดเซียวเหลือเกินเจ้าค่ะ” อาเจินเอ่ยขึ้นเบาๆ ทำลายความเงียบ “เมื่อคืนคงจะเหนื่อยจากการแสดงมากไปใช่หรือไม่ ให้ข้าไปต้มยาบำรุงให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”อวี้ฮวาเหลือบมองภาพสะท้อนของเด็กสาวผู้ภักดีในกระจก ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ข้าไม่เป็นไรหรอก อาเจิน แค่...นอนไม่ค่อยหลับเท่านั
last updateLast Updated : 2025-09-02
Read more
บทที่ 4 : บุปผาต้องใจ (2/3)
การเกี้ยวพาราสีของเหลียนอี้เฉินเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในวันต่อๆ มา เขาไม่ใช่บุรุษประเภทที่จะใช้คำพูดหวานเลี่ยนหรือส่งของกำนัลฟุ่มเฟือยเพื่อเอาใจสตรี แต่ทุกการกระทำของเขานั้นเต็มไปด้วยความใส่ใจและความให้เกียรติอย่างแท้จริง มันคือการรุกคืบที่นุ่มนวลแต่ละมุนละไม ทว่ากลับรัดรึงหัวใจของอวี้ฮวาให้แน่นขึ้นทุกขณะเขาไม่ได้มามือเปล่าอีกต่อไป แต่ของที่เขานำมาฝากนั้นไม่ใช่เครื่องประดับหรือแพรพรรณราคาแพง แต่เป็นเทียบยาบำรุงเส้นเสียงชั้นเลิศที่สั่งตรงมาจากหมอหลวงในเมืองหลวง หรือไม่ก็เป็นซุปไก่ตุ๋นโสมที่เขาอ้างว่ามารดาเป็นผู้ปรุงด้วยตนเองเพื่อบำรุงร่างกายให้นักแสดงคนโปรดของนาง ทุกครั้งที่เขายื่นของเหล่านี้ให้ อวี้ฮวาจะรู้สึกราวกับมีเหล็กร้อนๆ นาบลงกลางใจ นางทำได้เพียงกล่าวขอบคุณและรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มที่ฝืดเฝื่อน ขณะที่ในใจนั้นกรีดร้องด้วยความรู้สึกผิดอี้เฉินมาชมการแสดงทุกคืนไม่เคยขาด ที่นั่งแถวหน้าสุดตำแหน่งเดิมของเขาไม่
last updateLast Updated : 2025-09-03
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status