ความสนใจของฟู่จาวหนิงตกอยู่บนบาดแผลเป็นบนหน้าเซียวหลันยวนเมื่อครู่ที่เขาขยับตัวไม่ได้ นางก็ยื่นมือมือเขามาเชิดหน้าเขาขึ้นอย่างไม่คิด เอ่ยขึ้นอย่างเข้มงวดว่า "อย่าขยับ!"เซียวหลันยวนนิ่งไปแล้วชิงอีปิดปากแน่น ถอยออกไปเงียบๆ จากนั้นก็ปิดประตูลงเบาๆหลังจากออกไปก็เห็นว่าหงจั๋วกำลังรออยู่ด้านนอกหงจั๋วพอเห็นเขาออกมาคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นยังปิดประตูอีก ดวงตาก็เปล่งประกายมองเขา เอ่ยขึ้นเเล็กน้อย "ท่านพี่ชิงอี ท่านอ๋องกับพระชายา?"นิ้วชี้นางสองนิ้วจิ้มไปเบาๆ ดวงตาเล็กกระพริบตาปริบ ดูดีใจอย่างคาดหวังพอเห็นนางเป็นเช่นนี้ ชิงอีก็ลากเธอเดินห่างออกมาหน่อยมายืนอยู่ที่ประตูคุยกันทำไม? เดี๋ยวก็ถูกท่านอ๋องได้ยินเข้าหรอก"หญิงสาวอย่างเจ้า ข้าพบว่าเจ้ากับเฝิ่นซิ่งเอาแต่หวังให้คุณหนูฟู่กลายเป็นพระชายาของพวกเราอย่างแท้จริงเสียเหลือเกิน"ชิงอีรู้สึกไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ และไม่รู้ว่าสาวใช้สองคนนี้เกิดอะไรขึ้น ไม่ได้สนิทกับฟู่จาวหนิงเสียหน่อย แต่ตั้งแต่แรกก็ยืนอยู่ข้างกายนาง ยิ่งไปกว่านั้นยังหนักแน่นไม่หนีไปไหนด้วย"ทำไมถึงมาบอกพวกเราว่าเอาแต่หวัง? นางเองตอนนี้ก็เป็นพระชายาของพวกเราแล้วนี่"หงจ
พอนางถอยออก เซียวหลันยวนก็ได้สติกลับมา"ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ..."เซียวหลันยวนไอขึ้นมาอีกครั้ง คลายเสื้อออกเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกร้อนนัก"ร่างกายข้าอ่อนแอมาตลอด ของที่กินทุกวันก็ล้วนละเอียดถี่ถ้วนมาก อาหารธรรมดาทั่วไป เนื้อไก่เนื้อหมู บางครั้งก็ได้กินเสื้อกระต่ายกับไข่ไก่และปลา แต่ปริมาณไม่เยอะมาก ผลไม้ปกติไม่กินเลย"ถ้าเป็นช่วยปกติ เซียวหลันยวนคงจะไม่พูดชัดเจนขนาดนี้ รายละเอียดเล็กน้อยพวกนี้เขาเองก็ขี้เกียจจะอธิบายแต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวร้อนวูบวาบ ที่คอหอยก็แห้งผาก จึงพูดมาออกมาเยอะหน่อยตามสัญชาตญาณ คิดจะผ่อนคลายมันลงบ้าง"ชาที่ดื่มล่ะ? ยังเป็นไป๋ซวงกับจินเสวี่ยต้มมาให้ท่านอย่างละเมียดละไมหรือเปล่า?" ฟู่จาวหนิงเองก็ถามออกมาอย่างชัดเจนเซียวหลันยวนชะงักไป จ้องมองนางเขาจู่ๆ ก็อธิบายขึ้นมาคำหนึ่ง"เจ้าคิดว่าข้าให้พวกนางอยู่เพราะว่าทิ้งพวกนางไม่ลงหรือ?""แล้วไม่ใช่หรือไรกัน?"ฟู่จาวหนิงร้องเชอะ "แต่ว่าก็อธิบายได้อยู่ สาวใช้ที่ปรนนิบัติได้ละเอียดขนาดนั้น ติดตามท่านมาตั้งหลายปี ไม่ใช่ใครจะบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาได้นี่นะ""พวกนางรู้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับข้า และรู้สภาพร่างกา
เซียวหลันยวนคิดว่าจะใช้แค่ปณิธานของตนเอง ฤทธิ์ยานี้ต่อให้กำเริบขึ้นมา เขาก็สามารถสะกดมันไว้ได้อย่างไร้ซุ่มเสียงคิดไม่ถึงว่าเขาจะประเมินตนเองสูงไปหลับไปครึ่งคืน เขาก็รู้สึกว่าทั่วร่างตนเองเหมือนมีไฟเผาอยู่ด้านใน เหงื่อไหลออกมาตลอด เพียงไม่นานก็เปียกเต็มเสื้อผ้าเขาคิดจะเรียกฟู่จาวหนิง แต่ก็รู้สึกว่าถ้าให้นางมาช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าจะดูเหมือนกลั่นแกล้งนางไปหน่อยเขาไม่ได้จะให้นางมาเป็นสาวใช้เสียหน่อยขณะที่คิดจะทน ก็รู้สึกว่ามีสองมือยื่นออกมาปลดเสื้อผ้าของเขาออกเซียวหลันยวนสมองมึนงง หนังตาหนักอึ้ง คิดจะลืมตาแต่ก็ดูยากลำบากเหลือเกิน จึงคว้าไว้แค่มือของนาง"ท่านต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า"ฟู่จาวหนิงพลิกมือดึงเขาขึ้นมา ปลดเสื้อผ้าของเขาออกนางเดิมทีก็รู้สึกว่าไม่ได้ยากเท่าไร ถึงอย่างไรก็มองตนเองเป็นพยาบาลดูแลคนไข้เสียแต่ตอนที่เห็นร่างกายของเซียวหลันยวนใจนางก็อดเต้นตึกตักไม่ได้คิดไม่ถึงว่าอ๋องที่อ่อนแออย่างเซียวหลันยวน ร่างกายกลับดีเสียขนาดนี้ หน้าอกแน่น กล้ามท้องก็ดี เป็นประเภทที่สวมเสื้อผ้าแล้วผอมแห้งแต่ถอดมากลับดูแน่นปั๊กแบบนั้นสมแล้่วที่เป็นวิชายุทธ์นางออกแรงเปลี่ยนเสื้อผ้าเขา
ก้มหน้าลงมอง จากนั้นก็ย้ายสายตาไปบนใบหน้าฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างๆ เขามองจ้องอยู่ครู่หนึ่งระหว่างแคร่กับเตียงไม้ห่างแค่นิดเดียวเท่านั้น เขากำมือนางไว้แน่นแบบนี้ แขนของนางจึงพาดอยู่ระหว่างช่องว่างไม่ได้คลุมผ้าห่มมิน่าเขาจึงรู้สึกว่ามือของนางเย็น สบายดีเหลือเกินตอนที่ร่างกายร้อนวาบ ความเย็นของนางเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยเลยจริงๆตอนนี้เซ๊ยวหลันยวนเองก็ดูไม่อยากจะปล่อยจริงๆ แต่ว่าดูแล้วที่กำไว้เช่นนี้นางคงไม่สบายนัก เขาจึงดึงตัวออกแล้วแขนของนางใส่ไว้ในผ้าห่ม คลุมผ้าให้กับนางเมื่อคืนเขามึนๆ งงๆ ถึงแม้จะลืมตาขึ้นลำบาก แต่ก็ยังรู้ว่านางเช็ดเหงื่อให้กับเขาหลายครั้ง แล้วยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาหลายรอบด้วย"เจ้าคงเห็นข้าเปลือยหมดแล้วสินะ" เขาเอ่ยขึ้นเสียงต่ำนางตอนนี้หลับไปแล้ว มองท่าทางที่ดูว่าง่าย คิ้วตาดกดำราวกับพัดเล็กสองใบทำให้เกิดเงา ดูน่าเอ็นดดูกว่าตอนที่ตื่นมาพอสมควรเลย"ข้าคงจะเสียเปรียบไปแล้ว"เซียวหลันยวนพูดขึ้นอีกคำ จากนั้นก็ยื่นมือไป ใช้นิ้วเกี่ยวหน้านางเบาๆความรู้สึกลื่นเหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้เมื่อคืนเลยเขาเก็บมือกลับมา นั่งลงมา เปิดผ้าห่มแล้วลงจากเตียง ตอนน
อันเหนียนคุกเข่าอยู่หน้าแท่นหนังสือขององค์จักรพรรดิ ก้มหน้าต่ำ พอได้ยินคำพูดของเขา ก็สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายขององค์จักรพรรดิลึกๆ ขึ้นมาองค์จักรพรรดินี่รังเกียจเขาอยู่ใช่ไหม?คนอื่นถ้าคิดจะวิจารณ์ตระกูลอันของพวกเขา องค์จักรพรรดิจะอุดปากพวกเขาได้หรือ?อย่างมากก็คงจะพูดออกมาอย่างคลุมเครือต่อหน้าพวกเขา แต่ลับหลังก็ไม่รู้ว่าจะลือกันแย่แค่ไหนจะว่าไป องค์จักรพรรดิตอนนี้รังเกียจพวกเขาแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าพวกเขาได้ยินคนอื่นพูดกัน ก็ต้องเข้าวังมาให้อค์จักรพรรดิออกหน้าให้ทุกครั้งไปหรือ?องค์จักรพรรดิจะออกหน้าแทนพวกเขาได้ทุกครั้ง แล้วจัดการคนเหล่านั้นได้หรือ?ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยถามอันชิง อันชิงถึงแม้จะรู้สึกขอบคุณต่ออ๋องเจวี้ยน แต่นางก็ไม่ใช่ผู้หญิงไร้สมองแบบนั้น"องค์จักรพรรดิ น้องสาวข้าไม่เคยเห็นหน้าตาอ๋องเจวี้ยนเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นนางไม่มีเหตุผลต้องออกเรือนกับอ๋องเจวี้ยนเลย ยิ่งไปกว่านั้นกฎของตระกูลข้าก็มีอยู่ ห้ามเป็นสนมโดยเด็ดขาด องค์จักรพรรดิอาจจะลืมไปแล้วหรือ ว่านั่นเป็นเพราะศาลบรรพบุรษของเราแต่ก่อนโดนภรรยาผู้น้อยเล่นงานจนลำบาก ตระกูลอันเกือบจะต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเพียงเพราะภรรยาผู้น
น้ำเสียงของเขาขรึมลงมาอันเหนียนก็น่าขันเสียจริง เขาเป็นจักรพรรดิถึงกับพูดว่าจะจัดงานเลี้ยงในวังให้ ในฐานะขุนนาง ตอนนี้ยังคิดจะทำให้เขาหมดอารมณ์อีกหรือ?เขาจะจัดงานเลี้ยงในวัง ต้องสนใจด้วยหรือว่าเขาจะมีอารมณ์หรือไม่มี?ดังนั้นถึงบอกว่าอันเหนียนไม่ทำให้คนรู้สึกชอบใจเอาเสียเลย"องค์จักรพรรดิ""เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เอาเช่นนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ตอนบ่าย เจ้าพาน้องสาวเจ้าเข้ามาในวัง"องค์จักรพรรดิพูดจบก็ลุกขึ้นยืน "ถอยไปเถิด"พูดจบเขาก็สะบัดชายเสื้อเดินออกไปอันเหนียนทำได้เพียงถอยออกมา มองแผ่นหลังขององค์จักรพรรดิ สีหน้าเขาก็ขรึมลงมาองค์จักรพรรดิไปหาฮองเฮา แจ้งเรื่องนี้กับนางฮองเฮารินน้ำชาให้เขา เอ่ยขึ้นว่า "บังเอิญเสียจริง องค์จักรพรรดิ อี้ไห่เจ้าเด็กคนนันก่อนหน้านี้ก็เข้ามาหาหม่อมฉันแล้ว บอกว่าเขารู้สึกรักใครแม่นางอันชิงจนถอนตัวไม่ขึ้น บอกว่าไม่ว่านางจะบริสุทธิ์หรือไม่ ก็ยินยอมจะรับนางเอาไว้"องค์จักรพรรดิตะลึงงัน"จริงหรือ?""ก็นั่นล่ะ""คนที่ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของอันชิงไป เป็นอายวนหรือว่าอี้ไห่กันแน่?" องค์จักรพรรดิรู้สึกสอดรู้สอดเห็นขึ้นมาฮองเฮายิ้มๆ "เรื่องนี้ หม่อมฉันเ
อ๋องเจวี้ยนได้รับการแจ้งจากในวัง ตอนได้ยินว่าพรุ่งนี้ให้เขาพาพระชายาเข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยงก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าองค์จักรพรรดิจะต้องทำเรื่องน่าเบื่ออีกแน่เขาหัวเราะเย็นชาขึ้นมาชิงอีกังวลเล็กน้อย"ท่านอ๋อง งานเลี้ยงครั้งที่แล้วคืองานเลี้ยงหงเหมิน ครั้งนั้นท่านก็มีปานประหลาดลามขึ้นมาทั้งตัว หายามารักษาอยู๋นานกว่าจะดีขึ้น ตอนนี้ยังจะเชิญท่านไปงานเลี้ยงในวังอีก"งานเลี้ยงวังครั้งที่แล้วคือเมื่อหลายปีก่อนแต่ว่าครั้งนั้นท่านอ๋องก็เหมือนทิ้งชีวิตไปครึ่งหนึ่งครั้งน้นเองก็ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ องค์จักรพรรดิจึงผลักขันทีกับสาวใช้ในวังหลายคนออกมารับเคราะห์ โบยจนตายไปตั้งหลายคนต่อหน้าท่านอ๋องแต่ว่าท่านอ๋องเองก็ได้รับความทรมานมานานพอควรครั้งนั้นองค์จักรพรรดิเอ่ยขึ้นอย่างเสียใจว่าหลังจากนี้ถ้ามีงานเลี้ยงในวังก็จะไม่ให้อ๋องเจวี้ยนมาเข้าร่วมอีกแล้ว อนุญาตให้ท่านอ๋องไม่ต้องเข้าวังร่วมงานเลี้ยงใดๆอีกตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?เป็นถึงจักรพรรดิ แต่พูดเหมือนผายลมแบบนี้ได้ด้วยหรือ?คนที่ไม่รักษาคำพูดแบบนี้มันก็เป็ฯขยะทั้งนั้นคำว่าขยะคำนี้ ชิงอีก็เรียนรู้มาจากฟู่จาวหนิง เขารู้สึกว่ามีเหตุผลดี"พวก
ฟู่จาวหนิงหัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่นางยังต้องให้เจ้าเด็กน้อยนี่มาเลี้ยงดูหรือ?เจ้าเด็กน้อยไม่ได้เรื่องที่มาหาคนไกลถึงพันลี้ แต่กลับไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วยังเกือบจะถูกคนตีจนตายเหมือนเหยื่อล่า อย่างเขาเนี่ยนะ คิดจะมาเลี้ยงดูนางกับท่านปู่?"จริงนะ ท่านอย่าไม่เชื่อสิ ตั้งแต่เด็กข้าไม่เคยมีผู้อาวุโสเลย มีแค่ท่านแม่คนเดียวเท่านั้น แต่ว่าท่านแม่เองก็ดูแลมากไม่ไหว ตอนที่ข้าเห็นท่านก็รู้สึกว่าท่านคือพี่สาวของข้า พอเห็นท่านปู่ก็รู้สึกว่าเขาคือท่านปู่ของข้า ข้าพักเข้ามา ก็รู้สึกว่าที่นี่เหมือนบ้านของข้า"เฮ่อเหลียนเฟยกลัวฟู่จาวหนิงจะไม่เชื่อ จึงคิดจะยกมือลั่นคำสาบาน่"เอาล่ะเอาล่ะ เจ้าดูแลตัวเองดีดี ถ้าหากมีคนจากบ้านอื่นมาหาเรื่อง เจ้าก็ให้พวกเขามาขวางเอาไว้แล้วกัน อย่าบุ่มบ่ามรู้ไหม?""ขอรับ พี่หญิง ข้าจะไม่เพิ่มความลำบากให้ท่านแน่""คุณหนู"เสี่ยวเถารีบร้อนวิ่งเข้ามา "ท่านพี่หงจั๋วมาอีกแล้ว"นางรู้จักหงจั๋วกับเฝิ่นซิงแล้ว"นางมาทำอะไรหรือ?"ฟู่จาวหนิงเองก็รู้สึกแปลกๆ มากันอีกทำไม?"ท่านพี่หงจั๋วบอกว่า องค์จักรพรรดิมีรับสั่ง ให้อ๋องเจวี้ยนพาท่านเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ ด
คิดไม่ถึงว่าตรงนี้ยังมีเรื่องของนางอยู่ด้วย?"ข้าน้อยพบว่า สินค้ามากมายของนายท่านเจี๋ยเป็นของที่ฮูหยินอู๋คนนั้นให้มา ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเจี๋ยก็ยังฟังคำพูดฮูหยินอู๋มากด้วย ฮูหยินเฉิงคิดว่านายท่านเจี๋ยชอบนางมากจริงๆ แต่อันที่จริงคนที่นายท่านเจี๋ยชอบคือฮูหยินอู๋"เซียวหลันยวนขมวดคิ้วพูดไปพูดมาก็ยังวกอยู่กับความรักของคนสามคนนั้น? สับสนยุ่งเหยิงไปหมดแต่เซียวหลันยวนเองก็รู้ว่าคนผู้นี้พอพูดถึงฮูหยินอู๋แล้ว เรือ่งก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจึงระงับความรำคาญแล้วฟังต่อไป"นายท่านเจี๋ยมาที่เมืองจื่อซวี เป็นคำสั่งของฮูหยินอู๋ และที่นายท่านเจี่ยเลือกฮูหยินเฉิง ก็เป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย นายท่านเจี่ยให้ข้าไปคัดคน ให้พวกเขาขึ้นยอดเขาโยวชิงหาตัวพระชายามารักษาโรค น้ำเสียงที่บอกกับข้ามาตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย"ฟังถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็หน้าขรึมลง"ดังนั้น นี่เป็นคำสั่งของตระกูลอู๋รึ?""เรียนท่านอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่กล้ายืนยัน พูดได้แค่ว่าข้าน้อยได้ยินมาคือแบบนี้ ไม่กล้าปิดบังท่านอ๋อง เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องตรวจสอบผิดทิศทาง""ให้เงินประชาชนพวกนั้นไปเท่าไร?""
พอได้ยินว่าหวดแส้ห้าสิบที แล้วยังสาดน้ำเกลืออีก คนติดตามคนนั้นก็พับยวบลงไป"อ๋องเจวี้ยนโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย!""ตี" เซียวหลันยวนไม่มีปราณี พอเห็นว่าไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไรก็คิดจะตีลงมาฟาดแสห้าสิบที ชีวิตคงไม่เหลือแน่ๆ"ข้าบอกข้าบอกแล้ว!" คนติดตามตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหลชิงอีเห็นเขาก็ร้องหึในลำคอ"ขี้ขลาดแบบนี้ ยังกล้าคิดจะวางแผนทำร้ายพระชายาเราอีก?"ยังคิดว่าจะแข็งกร้าวหน่อย ที่แท้ก็แค่นี้เอง?"ข้าน้อยแต่ก่อนเคยอยู่ที่เมืองหลวงจริงขอรับ เป็นญาติบ้านฝ่ายหญิงฮูหยินรองแห่งจวนตระกูลซ่งในเมืองหลวง"จวนตระกูลซ่ง ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยายังเป็นท่านหญิง จวนตระกูลซ่งทุกวันก็เต็มไปด้วยรถม้าสัญจรไปมา เป็นตระกูลที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูซ่งอวิ๋นเหยาคิดจะทำร้ายฟู่จาวหนิง นางกับตระกูลซ่งถูกเซียวหลันยวนถอนรากถอนโคน ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีจวนตระกูลซ่งอยู่อีกแล้วเซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีคนที่เกี่ยวข้องไปถึงจวนตระกูลซ่งอยู่ด้วย"หลังจากจวนตระกูลซ่งเกิดเรื่อง ครอบครัวของเราเองก็ล้วนหดหัวใช้ชีวิตกัน พวกเพื่อนๆที่เคยเรียกกันเป็นพี่น้องของข้าก็ทอดทิ้งข้าไม่สนใจข้า ร้านรวงที่เกี่ยวข้องกับจว
ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่พวกนางก่อนหน้านี้ทะเลาะกันใหญ่โตขนาดนั้นแท้ๆ และรู้ว่าหล่อนต้องไม่ชอบนางแน่ แต่ก็ยังวิ่งแจ้นมาโผล่ตรงหน้าเรียกร้องความสนใจอยู่เรื่อยในเมื่อกระทั่งเซียวหลันยวนก็ยังปล่อยวางแล้ว เช่นนั้นก็ควรจะอยู่ห่างจากนางหน่อยถึงจะถูก"นี่ท่าน...""หลบไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงผลักนางออกไปข้างๆ เดินผ่านข้างตัวนางไป"ฟู่จาวหนิง!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นคิดจะยื่นมือไปดึงนาง แต่เสี่ยวเยว่ก็เข้ามาขวางแทนฟู่จาวหนิงแล้ว "องค์หญิงใหญ่โปรดสำรวมด้วย"อย่าเอาแต่พัวพันกับคุณหนูของพวกเขาให้ตายสิ แค่เพื่ออ๋องเจวี้ยนคนเดียว องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพัวพันคุณหนูของพวกนางนานเกินไปแล้วองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นทำได้แค่มองฟู่จาวหนิงเดินจากไปนางกัดฟัน เต็มไปด้วยความจนใจและผิดหวังเซียวหลันยวนลงเขาไป เพียงไม่นานก็ตรวจสอบจนเจอคนที่ยุยงคนเหล่านั้นให้ขึ้นไปหาฟู่จาวหนิงบนยอดเขาโยวชิงแม้จะไม่ใช่ฮูหยินเฉิง แต่ก็เกี่ยวข้องกับฮูหยินเฉิงอยู่ระดับหนึ่งหลังจากเจ้าอุทยานเฉินตายไป มีพ่อค้ามั่งคั่งคนหนึ่งนำขบวนพ่อค้าผ่านเมืองจื่อซวี ตนเองก็คิดไม่ถึงว่า จะสามารถทำกำไรอย่างมา
"แต่ที่ข้าเห็นในการทำนายดารา ถ้าหากข้ายังอยู่กับอ๋องเจวี้ยน สุด้ายข้าก็ถูกท่านฆ่าตายอยู่ดี! ท่านรู้ไหมว่าทำไมท่านถึงมาฆ่าข้า? เพราะท่านกับอ๋องเจวี้ยนอยู่ด้วยกันตลอด หลังจากนี้ก็จะเจอความยากลำบากครั้งใหญ่ด้วยกัน เรื่องเหล่านั้นจะกดดันตัวท่าน ทำให้ท่านพังทลาย ตอนนั้นท่านก็บิดเบี้ยวไปหมดแล้ว เอาแต่จะเกาะเขาไว้ไม่ยอมปล่อย หญิงสาวทั้งหมดที่เข้าใกล้อ๋องเจวี้ยน ท่านล้วนเกลียดชัง ล้วนคิดจะฆ่าทิ้งให้หมด!"องค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นกลัวฟู่จาวหนิงไม่ฟัง ดังนั้นจึงพูดออกมาอย่างรวดเร็วและร้อนรนนางยื่นมือจะจับแขนฟู่จาวหนิง แต่ก็ถูกฟู่จาวหนิงเบี่ยงออก"จริงนะ แม้ข้าจะถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้ว แต่สุดท้ายสภาพเจ้าแบบนั้นก็น่ากลัวมาก! เจ้าเปลี่ยนไปหมด เหมือนนางปีศาจไม่มีผิด ไม่ใช่หมอเทวดาที่ผู้คนยกย่องอีกแล้ว ไหนๆ ก็รู้จักกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็ล้วนเป็นหญิงสาว ท่านเองก็ยังเคยรักษาโรคของข้ามาแล้ว ข้าไม่อยากเห็นท่านกลายเป็นแบบนั้นในตอนท้ายเลยจริงๆ!""ถึงตอนนั้น อ๋องเจวี้ยนก็จะรังเกียจท่าน ไม่ดีกับท่านอีกแล้ว สุดท้ายพวกท่านก็จะเกลียดชังกัน ข้าไม่เห็นว่าตอนสุดท้ายพวกท่านเป็นอย่างไร แต่สุดท้ายท่านก็สู้เขาไม่ได
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม