ฮูหยินหรงเยว่เองก็ไม่บอกไม่ได้"ท่านหญิง ตอนนั้นท่านไม่ใช่ว่าเห็นฟู่จาวหนิงโดนยาจนหลับไปในศาลาแล้วหรอกหรือถึงได้ออกมากัน?"นางนั่นล่ะ!"ต่อมาทั้งหมดก็เดินไปตามแผนการ แต่นอกจากฟู่จาวหนิงที่อยู่ในศาลากลับไม่เห็นแล้ว""ท่านหญิง เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว ตอนนี้สำคัญที่สุดคือหอจันทร์หยาดของข้า อ๋องเจวี้ยนมาปิดไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไร?"ฮูหยินพรงเยว่ตอนนี้ก็ร้อนรนอยากจะแก้ไขเรื่องนี้ฮองเฮาตอนนั้นก็ให้ความสำคัญกับนางมาก ถ้าเรื่องครั้งนี้พังจนเสียหอจันทร์หยาดไปล่ะก็ นางก็ไม่มีคำอธิบายกับฮองเฮาแล้ว!"ข้าจะไปหาอ๋องเจวี้ยน"ซ่งอวิ๋นเหยากัดริมผีปากถ้านางครั้งนี้ทำให้หอจันทร์หยาดต้องปิดไป เช่นนั้นก็เท่ากับตัดขาดสถานที่ทำกินเอาตัวรอดของฮูหยินหรงเยว่ไป ฮูหยินหรงเยว่ไม่มีทางเลิกราแน่ตอนนี้นางเองก็จำใจต้องไปขอร้องฮองเฮาเพื่อเรื่องนี้ ถึงอย่างไรฮองเฮาก็เป็นที่พึ่งสุดท้ายของนาง"เช่นนั้นท่านหญิงคงต้องรีบไปแล้ว ถ้าเวลาปิดยิ่งนานเข้า ก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้าของข้า หลังจากนี้ใครจะกล้ามาช่วยเหลือกัน?"ฮูหยินหรงเยว่รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้ว ถ้ารู้แต่แรกคงไม่ช่วยท่านหญิงอวิ๋นเหยาแล้วแต่ใครจ
"คุณหนู จับนกพิราบสื่อสารมาได้ตัวหนึ่ง"พิราบสื่อสาร?ฟู่จาวหนิงรีบเปิดประตูทันที สายตาตกไปอยู่บนพิราบสื่อสารตัวนั้นจงเจี้ยนหยิบจดหมายบนขาของพิราบสื่อสารยื่นส่งให้นางฟู่จาวหนิงรับมา ด้านในมีอักษรสี่ตัวเขียนไว้ว่า "สถานที่เดิม ให้ไว""สถานที่เดิม?""พิราบสื่อสารตัวนี้บินไปทางไหน?" นางผูกจดหมายนี้กลับไปยังขาของพิราบสื่อสาร ทำตามร่องรอยเมื่อครู่นี้"น่าจะเป็นทางจวนผู้เฒ่าฟู่สี่" จงเจี้ยนอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ช่วงนี้จนจดจำทุกซอกมุมของบ้านตระกูลฟู่ได้แล้วอันที่จริงเข้าก็เคยเข้าไปสำรวจทางผู้เฒ่าฟู่สี่เช่นกัน แต่ว่าผู้เฒ่าฟู่สี่กับภรรยาก็ทำตัวสันโดษมาก ทุกวันก็แค่กินดื่มทำงานบ้านเล็กน้อย ไม่พูดจาด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรฮูหยินของผู้เฒ่าฟู่สี่ก็เป็นใบ้เขาตรวจสอบอะไรไม่ได้เลยตอนนี้พอเห็นนกพิราบสื่อสารบินไปทางนั้น ก็รู้สึกได้ทันทีว่าถึงเวลาที่จะไขปริศนาบนตัวพวกเขาแล้ว"ปล่อยมันบินไป"ฟู่จาวหนิงพอพูด จงเจี้ยนก็เข้าใจความหมายของนาง "ขอรับ"พิราบจดหมายบินออกไปอีกครั้ง จงเจี้ยนไล่ตามไปอย่างไร้ซุ่มเสียงทันทีเขาเห็นพิราบสื่อสารบินไปทางเรือนเล็กของผู้เฒ่าฟู่สี่ จากนั้นด้านในก็มีเสียงเคร้งดังข
จงเจี้ยนพอได้ยินก็ตกตะลึงขึ้นทันทีพวกนางกำลังพูดเรื่องอะไรกัน"นางไม่ใช่ฟู่จาวหนิงแล้วนางจะเป็นใครได้กัน? พวกเจ้าก่อนหน้าไม่ใช่บอกว่าตรวจสอบนางแล้วหรือ? จะรูปร่างภายนอกหรือน้ำเสียงนาง ก็เป็นตัวฟู่จาวหนิงชัดๆ""ถูกต้อง ความหมายของข้ากับอาหนงก็คือ นางคือฟู่จาวหนิง แต่ด้านในก็ไม่แน่ว่าจะใช่""พรึบ"ฮูหยินหรงเยว่ถลึงตาโต "เดี๋ยวก่อน เจ้าให้ข้าคิดหน่อย ข้าเริ่มงงแล้ว หมายความว่าอย่างไรนะ?""ครั้งที่แล้วที่ไห่ฉางจวิ้นเข้ามา ไหมใจโลหิตของนางกลับบินตรงไปทางฟู่จาวหนิงเอง ท่านเองก็รู้ ว่าไหมใจโลหิตมีจุดที่มหัศจรรย์อยู่จุดหนึ่ง นั่นก็คือจะถูกจิตวิญญาณดึงดูด ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้ากับอาหนงถึงได้สงสัยขึ้นมา?""เพราะเจ้าเองก็มีไหมใจโลหิตด้วย" ฮูหยินหรงเยว่พูดออกมา"ถูกต้อง ข้ามีไหมใจโลหิต แต่ว่าก่อนหน้านี้ไหมใจโลหิตของข้าตอนปล่อยอยู่ต่อหน้าฟู่จาวหนิง มันก็ไม่เคยบินไปทางฟู่จาวหนิงเลย ตอนนี้ฟู่จาวหนิงแตกต่างไปจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง ไหมใจโลหิตของไห่ฉางจวิ้นก็ยังบินไปกับนาง นี่อธิบายได้ว่า ฟู่จาวหนิงในตอนนี้มีวิญญาณที่แตกต่างกับเมื่อก่อนอยู่""นี่เป็นไปได้อย่างไร?""ดังนั้น หลังจากข้ากับอาหนงหา
สืออีเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอธิบาย ดูแล้วสถานการณ์ของจงเจี้ยนวิกฤตมาก จากที่เขาเห็นนี่แทบจะไม่มียาที่รักษาได้แล้วแต่ว่าตอนนี้พวกเขามีพระชายาอยู่ วิชาแพทย์ของพระชายานั้นมหัศจรรย์มากเขารีบออกไปสั่งการคนให้จัดเตรียมทันฟู่จาวหนิงพาจงเจี้ยนนอนลงบนเตียง กระชากเสื้อผ้าของเขชาออกจงเจี้ยนคว้าข้อมือนางไว้ฉับพลัน น้ำเสียงกระด้างเล็กๆ คอเหมือนถูกแช่แข็งไว้อย่างไรอย่างนั้น คำพูดก็ดูพูดได้ลำบาก"ฮู ฮูหยินสี่ พูดได้""เอาล่ะ เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดก่อน ข้าจะรักษาเจ้า"ฟู่จาวหนิงจับมือของเขาออก หยิบเข็มยาวแทงลงไปที่หน้าอกเขาอย่างรวดเร็ว "เจ้าอย่าขยับ ข้ารักษาเจ้าได้ ผ่อนคลาย""หรงเยว่"จงเจี้ยนในใจร้อนรนมาก เขารู้สึกว่าตนเองจะตายอยู่แล้ว สภาพอย่างเขาเช่นนี้น่าจะช่วยไม่ไหวแล้ว แต่ว่าก่อนหน้าที่จะตายเขาจะเอาเรื่องที่ได้ยินมาบอกกับพระชายา ถ้าหากไม่พูดออกไป พระชายาก็คงไม่มีทางรู้ ถึงตอนนั้นถูกพวกผู้เฒ่าฟู่สี่ทำร้ายเอาจะทำอย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่ลับที่พวกนางพูดกันอะไรนั่น น่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสามีภรรยาฟู่จิ้นเชินในอดีต เรื่องนี้เองก็ควรเป็นเรื่องที่พระชายาอยากรู้ด้วยเร
จงเจี้ยนช่วยเอาไว้ได้หรือไม่?ฟู่จาวหนิงจับชีพจรจงเจี้ยนอีกครั้ง เอ่ยขึ้นอย่างสงบว่า "ข้าจะไม่ให้เขาตาย"หลายปีมานี้นางแย่งชีวิตกลับมาจากเงื้อมมือยมฑูตน้อยๆ เสียที่ไหน"เขาไม่ใช่ว่าติดพิษหรือ?" สืออีถาม"ใช่""พระชายารู้ไหมว่าเป็นพิษอะไร? พวกเราจะไปตรวจสอบว่าพิษนี้มาจากที่ไหน" น้ำเสียงสืออีเคร่งขรึมขึ้นมาพิษนี้อันที่จริงก็ร้ายกาจมาก ไม่ใช่แค่จะทำให้คนตาย ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถทำให้คนไม่เห็นอย่างรวดเร็วได้อีกด้วย ปากเองก็ไม่สามารถพูดได้ แล้วยังขยับเขยื้อนไม่ได้อีกต่างหากต่อให้ตายไปก็ยังสภาพดูไม่ได้ จะเปลี่ยนเป็นดำมะเมี่ยมเหมือนถูกไฟเผาจนเกรียม ยิ่งกว่านั้นยังไหม้ดำห่อเหี่ยวทั้งข้างในและข้างนอกอีกด้วยพิษที่ร้ายแรงอหังการพลังพิษเช่นนี้จะแพร่ออกไปไม่ได้เด็ดขาด"ความเป็นไปได้นี้ต้องถามท่านอาจารย์" ฟู่จาวหนิงไม่ค่อยเข้าใจอะไรกับเรื่องพิษของทางนี้นัก"เ่ช่นนั้นข้าน้อยจะไปเชิญผู้อาวุโสจี้มาเสียรอบหนึ่งดีไหม?"มองออกว่าสืออีอยากจะแก้แค้นแทนจงเจี้ยนแล้ว"ได้ เจ้าไปเชิญอาจรย์มา ฟู่าวหนิงคิดๆ เอ่ยต่วา หาคนสองคนไปที่เรือนผุ้เฒ่าฟู่สี่ด้วย แไม่ต้องเข้าใกล้่นัก เพียงแแค่จับาดูเงียบๆ
"รายงานทางการ?""ราชวงศ์ต้าชื่อกับจวนทางการเองก็เกลียดชังต่อลัทธิเทพทำลายล้าง แต่ว่า""พี่หญิง"นอกประตูมีเสียงเฮ่อเหลียนเฟยร้องขึ้นมา"เด็กคนนั้นจากเผ่าเฮ่อเหลียนหรือ?" ผู้อาวุโสจี้ถาม"ใช่""ให้เขาเข้ามา เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นก็เหมือนจะเคยสัมผัสกับลัทธิเทพชั่วร้ายด้วยเหมือนกัน" ผู้อาวุโสจี้เอ่ยขึ้นฟู่จาวหนิงให้เฮ่อเหลียนเฟยเข้ามาเฮ่อเหลียนเฟยถูกแบกเข้ามา หลังจากนั่งลงจมูกก็ขยับ มองไปทางจงเจี้ยนอยู่ที่บนเตียง"พี่หญิง ท่านปู่เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว เลยให้ข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น""จงเจี้ยนติดพิษเสียแล้ว"เฮ่ยเหลียนเฟยเม้มปาก ลังเลครู่หนึ่งจึงถามขึ้นมา "ข้าเพิ่งได้ยินว่าผู้อาวุโสจี้พูดถึงลัทธิเทพทำลายล้างหรือ?""เจ้ารู้จักลัทธิเทพทำลายล้างด้วยหรือ?""ข้ารู้จัก พี่หญิง ลัทธิเทพทำลายล้างแต่ก่อนมีพวกสาวกลอบแฝงเข้ามาในเผ่าเฮ่อเหลียน พวกเขาคิดจะมารับสาวกเพิ่ม เผ่าเฮ่อเหลียนตอนนั้นมีคนไม่น้อยที่ถูกกล่อมไปพ่อของข้าลงกำลังไปไม่น้อยกว่าจะขับไล่พวกเขาออกไปได้ แต่ก็จ่ายไปด้วยราคาที่น่าเวทนาด้วยเช่นกัน"ผู้อาวุโสจี้พยักหน้า "ข้าเคยได้ยินเรื่องนี้มา""ตอนนั้นลัทธิเทพทำลายล้างใช้พิษ พิษ
"เรื่องนี้ข้าจะไปบอกกับเซียวหลันยวนก่อน"แม้ว่าฟู่จาวหนิงไม่อยากจะพบกับเซียวหลันยวนนัก แต่ตอนนี้เรื่องนี้จะปิดบังเขาไม่ได้ โดยเฉพาะจงเจี้ยนที่จงเจี้ยนยังเป็นลูกน้องของเขาด้วย"ได้""พี่หญิง ท่านต้องระวังตัวเองด้วย" เฮ่อเหลียนเฟยกังวลมาก"แน่นอน เสี่ยวเฟย เจ้าเองก็ไม่ต้องพูดอะไรกับท่านปู่มากนัก เขาจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินไป เจ้าแค่บอกว่าจงเจี้ยนบาดเจ็บก็พอ ข้าจะรักษาเขาให้ดี""ได้""แล้วก็ พวกเจ้าอยู่ในบ้านต้องระมัดระวังด้วย คอยป้องกันคนในเรือนหน้าเหล่านั้น"ฟู่จาวหนิงยังคิดจะหาวิธีรีบไล่คนออกไป ไม่เช่นนั้นนางก็วางใจไม่ลง ถ้านางไม่อยู่บ้านทุกวันแล้วคนเหล่านั้นมาลงมือกับท่านปู่ล่ะ?"พิษเช่นนี้ ถ้าหากช้าไปนิดเดียวข้าก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน" อารมณ์นางเองก็เคร่งขรึมนิดหน่อย กลัวว่านางเองก็จะช่วยเขาไม่ทันเหมือนกันผุ้อาวุโสจี้ส่ายหัว "เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ว่ากันว่ายาพิษอย่างหุ่นกำสรวลนี้ไม่ใช่สิ่งที่สกัดได้ง่ายๆ พวกเขาไม่มีทางใช้หุ่นกำสรวลออกมาง่ายๆ แน่"เขายังเหลือบมองจงเจี้ยนที่สลบเหมือดอยู่บนเตียง คาดเดาว่า "เด็กคนนี้น่าจะเพราะได้ยินเรื่องที่สำคัญอะไรมากๆ มา อีกฝ่ายจึงใช้งานหุ
เซียวหลันยวนส่งสัญญาณให้ชิงอีไปรินน้ำชามาชิงอีหมุนตัวออกไปรินน้ำชาฟู่จาวหนิงถามเซียวหลันยวนตรงๆ "ท่านเคยได้ยินลัทธิเทพทำลายล้างไหม?""เจ้าว่าอะไรนะ?"เซียวหลันยวนหน้าเปลี่ยนสีกระทั่งการเคลื่อนไหวของชิงอีที่หมุนตัวไปรินน้ำชาทางโต๊ะน้ำชาก็ยังชะงัก หันหน้ากลับมามองนางทันที"พระชายา?""ดูท่าพวกท่านจะรู้สินะ"ฟู่จาวหนิงพอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาก็รู้"เจ้าไปพบกับคนของลัทธิเทพทำลายล้างมาหรือ?""จงเจี้ยนติดพิษมา ข้าไม่รู้ว่านั่นคือพิษอะไร จึงเชิญท่านอาจารย์ไปดู ท่านอาจารย์บอกว่าเป็นหุ่นกำสรวลของลัทธิเทพทำลายล้าง"ครั้งนี้ขนาดเซียวหลันยวนก็ยังหน้าเปลี่ยนสี"หุ่นกำสรวล!""พระชายา เช่นนั้นจงเจี้ยนตอนนี้คง..."คงตายไปแล้วเพราะหุ่นกำสรวลนี้ไม่มียาที่สามารถแก้ไขได้ จะตายลงอย่างรวดเร็ว ชิงอีคิดถึงจงเจี้ยนที่ตอนนี้น่าจะตายไปแล้ว ในใจก็เหมือนร่วงลงไปก้นเหวขึ้นพริบตา"ข้ารีดพิษออกมาได้แล้วส่วนหนึ่ง พิษที่เหลือยังสะกดไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้จึงคิดจะเข้ามาบอกท่านเรื่องหนึ่ง""เจ้าพูดมาเถอะ" เซียวหลันยวนสีหน้าจริงจัง"ถ้าจะช่วยจงเจี้ยน ไหมใจโลหิตตัวนั้นต้องเอามาใช้แล้ว"ตอนที่พูดประโยคนี
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ