"คนจากสองตระกูลนั้นใกล้มาหรือยัง?"นอกจากปรมาจารย์ชือเฉินที่นำสิ่งยืนยันมอบให้กับอ๋องเจวี้ยนในครั้งนั้น ยังมีผู้นำตระกูลอีกสองตระกูลกำลังอยู่ระหว่างทางคุ้มครองส่งสิ่งยืนยันมายังเมืองหลวงตระกูลปาฉินฮู่ตระกูลมู่เฉิงชิ่งองค์จักรพรรดิคิดจะรอให้สิ่งยืนยันสองชิ้นมาครบก่อน แล้วค่อยเปิดแผนที่ จากนั้นจึงจะรู้ว่าไท่ซ่างหวงในตอนนั้นเหลืออะไรทิ้งไว้ให้กับอ๋องเจวี้ยนเดิมทีหลังจากที่เขารู้เรื่องสองตระกูลที่เหลือนั่นก็คิดจะส่งคนเข้าไปขวางไว้อยู่ ขอแค่เขาได้รับสิ่งยืนยันทั้งสามชิ้นมาก็พอแล้วแต่ว่าปรมาจารย์ฉือเชินก็ไม่รู้ว่าเพราะรู้ความเป็นไปได้นี้หรือเปล่า ตนเองจึงนำเอาสิ่งยืนยันมอบให้อ๋องเจวี้ยนก่อนในมืออ๋องเจวี้ยนยังมีองครักษ์เงามังกรอยู่ องค์จักรพรรดิเดาว่าเขาคงจะส่งองครักษ์เงามังกรไปแอบรับผู้นำตระกูลสองคนนั้นแล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะไปขวางก่อนก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นนั้นก็จะสู้ปกป้องพวกเขาทั้งสองตระกูลไปเลยดีกว่า รอจนของมาครบแล้ว เขาค่อยหาวิธีการนำมา"รายงานองค์จักรพรรดิ ผู้นำตระกูลฮู่ภายในสามวันน่าจะเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว คนของตระกูลฮู่สาขาออกไปนอกเมืองเพื่อรับแล้ว ส่วนเรื่องตระก
"ไทเฮาสู้พูดกับอ๋องเจวี้ยนและพระชายาอ๋องเจวี้ยนให้ชัดเจนดีกว่า วิชาแพทย์เช่นนั้นของพระชายาอ๋องเจวี้ยน อาจจะสามารถทำให้กระดูกของท่านฟื้นฟูกลับมาได้" หมัวมัวเอ่ยแนะนำขึ้นเสียงต่ำไทเฮาตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก ประเดี๋ยวก็ป่วย ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกปวดกระดูกอยู่เป็นประจำ ตรงนี้ไม่สบายตรงนั้นไม่สบายพวกเขาล้วนรู้ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนวิชาแพทย์นั้นไม่เลว ถ้าสามารถได้รับการชุบเลี้ยงอย่างประณีตของพระชายาอ๋องเจวี้ยน ร่างกายของไทเฮาจะต้องดีขึ้นแน่ๆไทเฮาส่ายหัว"เอาล่ะ เอาอย่างนี้ต่อไปนั่นล่ะ องค์จักรพรรดิพวกเขารู้ว่าข้าเองก็รังเกียจหลันยวนด้วย หลายสิ่งหลายอย่างไม่มีทางเลี่ยงข้าไปหรอก จะอย่างไรข้าคงได้รู้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการอะไรรับมือกับหลันยวนก่อนเหมือนกัน""แต่พวกอ๋องเจวี้ยนก็ไม่รู้ถึงความเจ็บปวดและน้อยเนื้อต่ำใจของท่านไทเฮา""มีอะไรน้อยเนื้อต่ำใจกัน ข้าอันที่จริงก็แค่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่ออีกหน่อย ได้เห็นร่างกายของหลันยวนดีขึ้นมา อยู่กับจาวหนิงเด็กคนนั้นด้วยกันให้ดี มีลูกตัวขาวๆ อวบอ้วนสักสองสามคน"วังลึกเองก็ไม่ได้อยู่ง่ายขนาดนั้นเรื่องพระราชทานงานอภิเษกของเซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหย
"จวนชินอ๋องเซียวที่แท้ก็ต่ำช้าขนาดนี้เชียว! สกุลหลี่อย่างข้าถือว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!" เพราะรู้ว่าพวกเขาทั้งสองบ้านเปลี่ยนใจไม่ได้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สนอะไรอีก ยกของเหล่านี้ออกมารับมือ"นี่น่าจะเป็นความหมายของชินอ๋องเซียวแล้ว พี่เซียวไม่มีทางทำกับข้าเช่นนี้" หลี่จื่อเหยาเอ่ยขึ้น"ถุด!"หมอเทวดาหลี่โมโหจนหน้าเขียวไปแล้ว"ทำไมจะไม่มีทาง? พวกเขาแสดงออกมาแล้วว่าดูถูกเจ้า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเจ้าหรอก ก็แค่จะรับเจ้ากลับไป!""ไม่มีทาง"หมอเทวดาหลี่โมโห หมุนตัวกลับไปที่ห้อง ตอนที่ออกมาก็ส่งกล่องใบหนึ่งให้นาง"ท่านพ่อ นี่คืออะไร?""ในนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของข้า ยาอีกมากมาย วิธีใช้กับบทบาทข้าเขียนเอาไว้บนขวดหมดแล้ว สิ่งเหล่านี้เจ้าพกไว้กับตัว ถึงตอนนั้นถ้าคนในจวนชินอ๋องเซียวหรือเซียวเหยียนจิ่งรังแกเจ้า เจ้าก็ค่อยใช้!"จะให้พวกเขามารังแกไม่ได้เด็ดขาด!บนหลังคา เงาร่างหนึ่งบินแฉลบออกไปอย่างรวดเร็วพอมาถึงจวนอ๋องเจวี้ยน เขาก็มารายงานอ๋องเจวี้ยนอย่างละเอียดเซียวหลันยวนพอได้ยินก็หัวเราะเบาๆ"ลูกสาวออกเรือน แต่ให้ยาพกติดตัวไว้กล่องหนึ่ง นี่หาได้ยากในใต้หล้าเสียจริง สมแล้วที่เป็นหมอเท
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมผ้าสีม่วงเข้มคนที่สวมชุดสีนี้ได้ในเมืองหลวง ตอนนี้ปรากฎตัวขึ้นที่นี่อีกแล้ว ฟู่จาวหนิงคิดถึงความเป็นไปได้มากที่สุดนั่นก็คือเซียวหลันยวนแต่ว่าเซียวหลันยวนจะว่างเกินไปไหม?ฟู่จาวหนิงเม้มปาก ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พอนางเห็นเกี้ยวหลี่จื่อเหยาตะแคงล้มแล้วก็รู้สึกเบิกบานอยู่นี่เหมือนกับระบายความอัดอั้นออกไปแทนนางและไม่รู้ว่าหลี่จื่อเหยากระแทกในเกี้ยวแรงเกินไปไหมในโรงน้ำชาหรูหราชั้นสอง ชิงอีเห็นเซียวหลันยวนปรบไม้ปรบมือ ก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ "ท่านอ๋อง ท่านมาระบายโกรธแทนพระชายาเช่นนี้ คงต้องหาโอกาสบอกพระชายาหน่อยกระมัง?"พระชายาถ้ารู้เข้าก็คงจะซาบซึ้งแน่ ถึงตอนนั้นความรู้สึกของท่านอ๋องกับพระชายาก็จะยิ่งดีขึ้น"ไม่จำเป็น"เสียงของเซียวหลันยวนเย็นเยียบลงมามีอะไรน่าพูดกัน?นางจะทำอะไรก็คิดอย่างชัดเจนกับเขาไปเสียหมด ถึงตอนนั้นคงได้นับเข้าไปในสิบเรื่องนั้นแน่ แล้วมองว่าเขาแค่เสร็จสิ้นสัญญาไปข้อหนึ่งเท่านั้นพอคิดแล้วก็รู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาหน่อยๆชิงอีพอเห็นท่าทางของเขาก็ไม่กล้าพูดต่ออีก ท่านอ๋องสามวันก่อนหลังจากกลับมาจากบ้านตระกูลฟู่ อารมณ์ก็เหมือนจะไม่ดีอยู่ตลอด"ย
หลี่จื่อเหยายืนอยู่ในโถงจนขาเริ่มชาแล้ว ขณะกำลังจะระเบิดอารมณ์ จึงได้ยินว่าเซียวเหยียนจิ่งเข้ามาแล้วผ้าแพรแดงในมืออีกด้านหนึ่งถูกจับไว้ อารมณ์โกรธของหลี่จื่อเหยาจึงระงับลงมา ฟังคำกล่าวหนึ่งกราบไหว้ฟ้าดินสองกราบไหว้บุพการีและทำตามพิธีการไปผลลัพธ์คือเมื่อครู่สามีภรรยาเคารพกันและกัน เซียวเหยียนจิ่งที่อยู่ตรงข้ามพอโค้งเอวลงมา ฟ้ากับดินก็หมุนติ้ว ตัวคนยืนไม่อยู่ ล้มกลิ้งลงไปทางนางพริบตาที่ล้มกลิ้งลงไป เขาก็ยื่นมือตะปบไปข้างหน้าอย่างร้อนรนด้วยสัญชาตญาณ ผลลัพธ์คือไปคว้าเอาเข็มขัดของหลี่จื่อเหยาเข้าพอดีได้ยินเสียงแควกของผ้าที่ถูกฉีกขาดดังขึ้นมาหลี่จื่อเหยาไม่เพียงแต่ถูกกระชากผ้าคลุมหัวแดงลงมา กระทั่งชุดมงคลก็ยังถูกฉีกลงมาเป็นรู"อ๊า!"หลี่จื่อเหยาร้องเสียงแหลมตึงเซียวเหยียนจิ่งล้มหนักๆ ลงไปบนพื้นกลิ่นสุราคละคลุ้งชินอ๋องเซียวกับพระชายาสองคนล้วนสะดุ้งยืนขึ้นมา สีหน้าทั้งสองคนดำจนจะบีบน้ำหมึกออกมาแล้ว"ยังไม่รีบไปประคองรัฐทายาทเซียวขึ้นมาอีก!" พระชายารีบร้อนร้องขึ้นจากเสียงเมื่อครู่ เซียวเหยียนจิ่งล้มไปหนักอยู่ หน้าผากกระแทกพื้นอย่างแรง"พี่เซียว!" หลี่จื่อเหยาตอนนี้ก็ได้ส
เสิ่นเสวียนได้รับรังสีมานานเกินไป ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจะฟื้นฟูก็ยังยากนักฟู่จาวหนิงกล้ายืนยัน ถ้าไม่มาเจอนาง เสิ่นเสวียนคงไม่รอดแล้วเพราะในห้องเภสัชของนางมียาของยุคปัจจุบันอยู่มากมาย มีบางส่วนสามารถกำจัดเซลล์ที่เสียหายทิ้งได้ สนับสนุนการเติบโตของเซลล์ใหม่สิ่งเหล่านี้นางเองก็ไม่สามารถเขียนลงไปในแผนการรักษาได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาได้คนทั่วไปสามารถมองแล้วไม่เข้าใจ แต่เสิ่นเสวียนเข้าใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถได้รับการปลอบประโลมจากจากแผนการรักษาที่นางเขียนด้วย มองออกถึงระดับและความเป็นมืออาชีพของนางนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนป่วยทั่วไปจะสามารถทำได้"แผนการรักษานี้ข้าเห็นด้วย" เสิ่นเสวียนเอ่ยขึ้นเพราะฟู่จาวหนิงตอนที่ยื่นแผนการรักษาก็บอกกับเขาไปว่า ต้องให้เขาเห็นด้วยเสียก่อนจึงจะรักษาตามแผนการรักษานี้เรื่องความเสี่ยงนางเองก็เขียนไว้อย่างละเอียด"เช่นนั้นท่านเสิ่นโปรดลงนามด้วย" ฟู่จาวหนิงให้ลุงลั่วเตรียมหมึกพู่กันให้"พระชายาอ๋องเจวี้ยน สิ่งนี้ยังต้องลงนามด้วยหรือ?""แน่นอน ลงนามคือการยอมรับแผนการรักษานี้"เสิ่นเสวียนยิ้มๆ "เข้มงวดดี"เขาลงนามอ
แต่ตอนนี้พอเห็นว่าเสิ่นเสวียนเป็นเช่นนี้ นางเองก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ดังนั้นตระกูลเสิ่นจึงไม่มีทางที่จะสงบได้ขนาดนั้น"ตอนนั้น จี้คู่นี้ ท่านลุงเคยเล่นอยู่พักหนึ่ง ลูกชายเขา ลูกพี่ลูกน้องข้า ตอนนั้นก็พูดมาคำหนึ่ง บอกว่าหินดารานี้เหมาะกับข้ามาก ดังนั้นท่านลุงจึงพูดว่า เช่นนั้นก็มอบให้อาเสวียนแล้วกัน"เสิ่นเสวียนคิดถึงสถานการณ์ในวันนั้น แล้วก็หัวเราะขึ้นมาอย่างจำใจ"ทั้งหมดดูแล้วก็เป็นธรรมชาติดี ดูปกติมาก"คำพูดของเขายังพูดไม่จบ ฟู่จาวหนิงกลับส่ายหัว "ทันที่จริงไม่เหมาะกับท่าน""หืม?" เสิ่นเสวียนมองนางอย่างไม่เข้าใจจี้หินดาราคู่นี้หลังจากมาอยู่ในมือเขา คนไม่น้อยก็ล้วนบอกว่าเหมาะกับเขา ล้วนถามกันว่าเขาได้มาจากไหน หลังจากบอกว่ามีคนมอบให้ คนเหล่านั้นก็ล้วนพูดว่า ถ้าเช่นนั้นของขวัญชิ้นนี้ก็มอบให้ได้เหมาะสมมากแล้วฟู่จาวหนิงเป็นคนแรกที่บอกว่าไม่เหมาะกับเขา"ท่านเสิ่น ท่านไม่เห็นหรือ ว่าฝ่ามือของท่านกับนิ้วของท่านยาวมาก?"ฟุ่จาวหนิงชี้ไปที่มือของเขานางเห็นมานานแล้ว เสิ่นเสวียนมีมือที่ดูดีมาก นิ้วมือเรียวยาว กระดูกข้อนิ้วชัดเจน ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันล่ะก็นี่คือมือที่เหมาะกับการเล่นเปีย
"สมัยก่อนท่านลุง เหมือนจะไม่ค่อยชอบของสีดำนัก"เสิ่นเสวียนรู้สึกว่าตนเองถูกใบไม้บังตาเข้าแล้วท่านลุงหลังจากอายุมากขึ้นก็กลัวตายเป็นพิเศษ รวมถึงของที่เกี่ยวข้องกับความตาย กระทั่งเสื้อผ้าเองส่วนใหญ่ก็เป็นสีแดง น้ำเงินเข้ม เทาอ่อนอะไรพวกนี้ ไม่เคยชอบสีดำเลยรองเท้ายาวกับรองเท้าก็ล้วนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วเขาทำไมจึงไปหาจี้ธรรมชาติสีดำมาคู่หนึ่งล่ะ แล้วยังคอยเอามาคลึงเล่นในมืออยู่ตลอดด้วย?ลุงลั่วเองก็หน้าเปลี่ยนสี"นายท่าน"เขาไม่กล้าพูดต่อแต่ว่า ความหมายก็คือ หินดาราคู่นั้น ก็เป็นสิ่งที่ท่านผู้เฒ่ารองตระเตรียมมาให้นายท่านจริงๆ น่ะหรือ?ครู่หนึ่ง สีหน้าพวกเขาล้วนเคร่งขรึมขึ้นมาเสิ่นเสวียนสีหน้าดูใจเย็นกว่าพวกเขาเขาคิดๆ พูดกับฟู่จาวหนิงว่า "พระชายาอ๋องเจวี้ยน ระหว่างนี้ข้ากลับไปต้าชื่อสักครั้งได้หรือไม่ จะส่งผลกระทบกับการรักษาไหม?""ไม่ได้ ร่างกายของท่านจะรับไม่ไหวเอา" ฟู่จาวหนิงส่ายหัวทันที"นายท่าน ตอนนี้การรักษาเร่งด่วนกว่า" ลุงลั่วพวกเขาเองก็รีบเตือน"เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูด ต้องส่งคนพาท่านพ่อท่านแม่ออกจากบ้านสองเสียก่อน" เสิ่นเสวียนพูดเช่นนี้ก็คือสงสัยในตัวท่านผู้เฒ่า
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ