ชีวิตครั้งที่แล้วฉันพลาดไปที่อ่อนแอแต่เมื่อได้ย้อนเวลากลับมาครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมเป็นที่รองมือรองเท้าใครอีกแม้กระทั่งแม่สามีที่เกลียดชังฉันกับลูกเข้าไส้ ฉันจะทวงความยุติธรรมและสิ่งที่ลูกสาวสมควรได้คืนมา คำนำ เฟิงมี่ลูกสะใภ้คนรองของตระกูลมู่ ต้องมาจบชีวิตอย่างไร้ความเป็นธรรม จิตสุดท้ายที่เธอเป็นห่วงคือลูกสาวตัวน้อย กลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งรังแกเมื่อไม่มีเธอคอยปกป้องดูแล และคนที่รังแกและรังเกียจไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นย่าของเธอ เพียงเพราะคิดว่าฮว๋าเย่ลูกของเฟิงมี่เป็นลูกของชายชู้ เธออ้อนวอนต่อสวรรค์จนลมหายใจสุดท้ายเธอได้หมดลง แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะได้ยินเสียงลูกสาวเรียกเธออีกครั้ง เธอลืมตาขึ้นดูใบหน้าที่เต็มด้วยหยาดน้ำตาของลูกสาว เธอโอบกอดแนบแน่นคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะไม่ได้กลับมาหาลูกน้อยอีกแล้ว และเธอก็ได้รับรู้ว่าตอนนี้เธอได้ย้อนเวลากลับ แต่ทว่าครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นเหมือนเดิมอีกต่อ คนอ่อนแอให้แม่สามีกับพี่สะใภ้รังแกจะไม่มีอีกต่อไป ต่อจากนี้จะมีเพียงเฟิงมี่ที่สู้คนและจะทวงความยุติธรรมให้แก่ลูกสาว เรียกร้องในส่วนที่ฮว๋าเย่ลูกสาวไม่เคยได้รับมันเมื่อครั้งที่แล้ว
View Moreบทที่ 1 นังเด็กกาฝาก
ณ.มณฑลเจิ้งไฉ
ตระกูลมู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในมณฑลแห่งนี้ มู่ซูเจี้ยนผู้ที่เลี้ยงลูกมาตามลำพังหลังจากสามีตาย เธอเป็นแม่หม้ายที่สุขสบายเลยทีเดียวเธอมีลูกชายอยู่สองคน คนโตมีหน้าที่การงานเป็นนายอำเภอมีภรรยาและลูกชายที่น่ารัก เขามีชื่อว่ามู่ไคฉี ภรรยาที่เป็นสะใภ้ชื่อว่าซูหรงและลูกชายอายุ5 ขวบชื่อว่า หย่งอี้ เด็กชายคนนี้เกิดมาก็ได้ความรักจากคุณย่าเต็ม ๆ ต่างจาก ฮว๋าเย่ ลูกสาวของเฟิงมี่ภรรยาของลูกชายคนที่สองของตระกูล เพราะเธอมากจากตระกูลที่ยากจน ลูกชายของเธอมู่หลวนหลงได้รับราชการเป็นทหารและมียศเป็นถึงรองนายพลทำให้เธอไม่พอใจที่ลูกชายไปคว้าลูกสะใภ้บ้านนอกคนนี้มา ใจอคติของเธอคิดว่าหลานสาวตัวน้อยคนนี้ไม่ใช่หลานตัวเองจงเกลียดจงชังตั้งแต่ลืมตาขึ้นมามองโลก
ตอนนี้ฮว๋าเย่มีอายุน้อยกว่าหย่งอี้ 1 ปี แต่ทว่าความเฉลียวฉลาดพูดจาฉะฉานมากกว่าพี่ชายมากนักแต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชื่นชอบ ซูหรงไม่อยากให้ลูกสาวของสะใภ้เล็กได้รับการยอมรับจากคนเป็นย่า จึงหาทางกลั่นแกล้งสารพัดทั้งพูดกรอกหูแม่สามีให้รังเกียจและเข้าใจผิดเฟิงมี่กับลูกอีกด้วย
เนื่องจากหลังที่เฟิงมี่คลอดลูกสาวได้กี่เดือน หลวนหลงผู้เป็นสามีต้องออกเดินทางไปรักษาความสงบเพราะเกิดการปฏิวัติที่ยาวนาน ทำให้3 ปีมานี้เขาไม่ได้กลับมาบ้านเลย มีเพียงจดหมายมาแต่ทว่าจดหมายนั้นไม่ได้ถึงมือของเฟิงมี่เลย อีกทั้งแม่สามียังส่งจดหายใส่ร้ายป้ายสีเสีย ๆ หาย ๆ ให้เฟิงมี่อีกด้วย
ภายในห้องที่เต็มไปด้วยของใช้มากมายแต่ทว่าในนั้นยังเป็นที่นอนของสองแม่ลูกที่น่าสงสารอีกด้วย เด็กหญิงแต่งตัวมอมแมมกำลังนั่งหัดอ่านตัวหนังสือตามที่แม่เคยสอนเพราะเธอเคยเห็นเด็กที่โตกว่าสวมชุดนักเรียนไปโรงเรียนเธอเองก็อยากจะไปแต่เมื่อมองดูคุณแม่ที่แทบจะไม่ค่อยได้กินอะไร อดมื้อกินมื้อเพราะคุณย่าไล่เธอกับแม่มาอยู่ในห้องเก็บของเพราะจับได้ว่าแม่ของเธอไปขโมยของกินมาให้เธอตอนยามที่เธอหิว เธอจึงไม่เคยร้องขออะไรแม่อีกเลย
ปัง ๆ ปังๆ !!
“เฟิงมี่นังลูกสะใภ้ตัวดีเมื่อไหร่เธอจะลุกขึ้นมาทำงานบ้าน ตอนนี้หลานชายของฉันหย่งอี้หิวจนท้องจะกิ่วอยู่แล้ว” เสียงของมู่ซูเจี้ยนเคาะประตูปากตะโกนเรียกลูกสะใภ้เล็กเสียงดังลั่นบ้าน ทว่าวันนี้เฟิงมี่รู้สึกไม่สบายตื่นสายกว่าทุกวัน งานในบ้านล้วนแต่เป็นงานที่แม่สามีให้เธอทำทั้งหมด ฮว๋าเย่ได้ยินเสียงย่ารีบลุกขึ้นเขย่ากายผู้เป็นแม่เมื่อมือของเธอแตะลงที่ร่างกายของเฟิงมี่ราวกับกำลังถูกไฟเผาไหม้ เด็กน้อยชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตูด้วยตนเองหากไม่เช่นนั้นผู้เป็นย่าต้องโมโหมากกว่าเดิมแน่ ๆ
“นี่ไม่ได้ยินเสียงฉันหรือไง นอนเอาบ้านเอาเมืองขี้เกียจตัวเป็นขนเหรอเลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ เลย" เสียงของซูเจี้ยนจอมโหดร้ายยังคงต่อว่าไม่หยุดปาก
แอ้ดดด !! เสียงประตูห้องเก็บของค่อย ๆ เปิดออกเด็กหญิงก้มหน้าลงต่ำจับมือของตัวเองแน่นข่มใจขยับปากเพื่อบอกคุณย่า
“คุณย่าคะวันนี้คุณแม่ของหนูไม่สบาย ตอนนี้แม่ตัวร้อนเหมือนไฟเลยคุณย่าให้คุณป้าซูหรงทำงานบ้านแทนคุณแม่ได้มั้ยคะ ” ซูเจี้ยนยืนค้ำเอวจ้องมองเด็กหญิงด้วยความไม่พอใจแค่เห็นหน้าเด็กคนนี้ยิ่งทำให้เธอโมโหมากกว่าเดิม เธอใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของฮว๋าเย่ก่อนจะสถบด่าโดยไม่สนใจเลยว่าเด็กหญิงจะกลัวเธอมากขนาดไหน
“เด็กขี้โกหกแกมันก็เหมือนแม่ชั่ว ๆ ของแก กล้าโกหกคนที่ให้ข้าวให้น้ำฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าแม่ของแกจะไม่สบายหลีกทางฉันจะไปลากคอมันไปทำกับข้าวให้หลานชายฉันกิน ” ซูเจี้ยนดันนิ้วชี้เพียงเล็กน้อยร่างกายของฮว๋าเย่ถลาล้มลงกับพื้นทันที ร่างเล็กสั่นเทาสะอึกสอื้นไห้ด้วยความเจ็บแต่ก็รีบลุกขึ้นเดินตามคุณย่าไปที่นอนที่แม่นอนอยู่
“คุณย่าแม่ของหนูไม่สบายจริง ๆ ขอให้แม่ได้พักสักวันนะคะ”
“แกไม่ต้องมาปากดีอยากให้ฉันลงไม้ลงมือตีแกหรือไง นี่นังเฟิงมี่ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ไม่ต้องมาทำตัวสำออย และเสี้ยมสอนให้ลูกของแกโกหกเหมือนแก ” แม่มู่แม่สามีจอมเลวทรามต่ำช้าปากต่อว่าลูกสะใภ้เล็กไม่หยุดปาก เสียงดังเอะอะทำให้เฟิงมี่สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าแม่สามีก็รู้ทันทีว่าตอนนี้เธอโกรธมากแค่ไหนและรู้สึกเป็นห่วงฮว๋าเย่รีบยันกายตัวเองเพื่อลุกขึ้นแต่ทว่าฤทธิ์ไข้ในร่างกายของเธอยังไม่ทุเลาและมีไข้สูงเพราะไม่ได้รับยาทำให้หนาวสั่นจากด้านใน พูดจาตอบแม่สามีอย่างแผ่วเบา
“คุณแม่ต้องการอะไรหรือคะ แคก แคก ”
“จะต้องการอะไรอีกล่ะ นี่มันกี่โมงแล้วรีบลุกไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้หลานชายของฉันทนหิวมานานแล้วอย่ามาแกล้งสำออยทำเป็นไม่สบาย ฉันไม่ได้โง่เชื่อมารยาสาไถยของแก ”
“คุณย่าคุณแม่ไม่สบายจริง ๆ นะคะ ” ร่างเล็กสั่นระริกด้วยความกลัวรีบเดินเข้ามาจับปลายเสื้อของย่าเพื่อบอกเธอ แต่ทว่ากลับถูกมือหนาของซูเจี้ยนปัดออกทันทีและยังมองเธอด้วยสายตารังเกียจ
“อย่าเอามือสกปรก ๆ ของแกมาแตะต้องตัวของฉัน ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่ย่าของแก แกมันเป็นลูกชู้เป็นกาฝากที่น่ารังเกียจที่สุด ฉันจะให้เวลาแกลุกขึ้นเดี๋ยวนี้รู้ใช่มั้ยว่าฉันโมโหจะเป็นยังไง "
“คุณแม่คะ ตอนนี้ฉันลุกไม่ไหวขอพักสักวันไม่ได้หรือคะเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะเป็นไข้หวัด ” เฟิงมี่สงสารลูกสาวจับใจและเจ็บช้ำใจเหลือเกินที่ถูกซูเจี้ยนปฏิบัติเช่นนี้ แต่เธอทำอะไรไม่ได้ทำได้เพียงทนฝืนทนกล้ำกลืนรอวันที่สามีกลับมา เธอคิดว่าสามีกลับมาจะสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้
ครั้นนั้นซูเจี้ยนสั่นเทาด้วยความโมโหคิดว่าเฟิงมี่เธอโกหกเพราะขี้เกียจ เหลียวมองหาสิ่งของที่จะทำโทษเฟิงมี่ในครั้งนี้ เธอหันไปเห็นถังน้ำที่ฮว๋าเย่เตรียมมาจะเช็ดตัวให้เฟิงมี่ เธอแสยะยิ้มก้มลงยื่นมือไปคว้าถังน้ำก่อนจะสาดใส่ร่างกายของเฟิงมี่ที่นั่งอยู่บนเตียงนอน
ซ่า !!
“ฉันไม่มีทางเชื่อแก ที่บอกว่าไม่สบายเพราะความขี้เกียจของแกนะสิ เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปทำอาหารมาให้หย่งอี้เดี๋ยวนี้ หากแกยังไม่ลุกวันนี้ฉันจะขับไล่แกสองแม่ลูกออกไปนอนนอกบ้าน” ซูเจี้ยนพูดจบเดินสะบัดผมออกจากห้องเก็บของไปทันที ฮว๋าเย่รีบเข้าไปหาเฟิงมี่ด้วยความเป็นห่วงใบหน้าของเด็กหญิงเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา
“คุณแม่ อึก อึก คุณแม่หนาวมั้ยคะเดี๋ยวหนูจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้คุณแม่นะคะ ฮื้อ ฮือ ทำไมคุณย่าถึงได้ใจร้ายกับเราสองแม่ลูกแบบนี้ แล้วทำไมคุณย่าชอบด่าว่าหนูไม่ใช่หลานของคุณย่าด้วย คุณย่าไม่รักหนูเลยหรือไงคะ ” เฟิงมี่หนาวสั่นไปทั้งตัวดึงกายของลูกสาวเข้ามาใกล้ เช็ดหยาดน้ำตาที่อาบแก้มพร้อมพูดจาปลอบโยน
“โธ่ฮว๋าเย่ของแม่ อย่าใส่ใจคำพูดของคุณย่าเลยนะ คุณย่าแค่ไม่ชอบแม่แต่ไม่ได้เกลียดลูกหรอกนะ อย่าเสียใจไปเลยรู้มั้ยลูกสาวของแม่เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหยาดน้ำตาเสียอีก ตอนนี้แม่รู้สึกดีขึ้นแล้วเดี๋ยวแม่เปลี่ยนเสื้อผ้าสักครู่เราจะได้ออกไปที่ครัวกันนะ”
“ได้ค่ะ ” ฮว๋าเย่หยุดร้องไห้รีบเช็ดน้ำตาพร้อมลุกขึ้นเพื่อให้เฟิงมี่เปลี่ยนเสื้อผ้าจะไปทำอาหารให้หย่งอี้ เฟิงมี่จ้องมองใบหน้าลูกสาวตัวน้อยด้วยความสงสาร
‘ทนอีกสักนิดนะฮว๋าเย่เมื่อไหร่ที่คุณพ่อกลับมาทุกอย่างจะดีขึ้น ’
เฟิงมี่คิดในใจพยายามลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกโชกด้วยน้ำที่ซูเจี้ยนราดใส่เมื่อครู่ ร่างกายของเธอตอนนี้แทบไม่อยากจะขยับแต่เมื่อเป็นเช่นนี้และไม่อยากให้ฮว๋าเย่ต้องถูกต่อว่าไปด้วยจึงฝืนใจไปทำอาหารให้หลานชายคนโตตระกูลมู่ได้กินข้าวเช้า
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ
บทที่ 19 ทุกอย่างต้องเป็นของหย่งอี้ซูเจี้ยนกำมือแน่นสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อระงับอารมณ์จ้องมองรถยนต์เคลื่อนออกไปข้างนอกจนพ้นสายตา ซูหรงเดินลงมากับหย่งอี้ได้ยินเสียงรถยนต์ออกไปรีบเดินมาหาซูเจี้ยนด้วยความอยากรู้“คุณแม่คะเมื่อครู่นี่เสียงรถยนต์ของหลวนหลงออกไปทำงานหรือคะ”“ใช่รถยนต์ของหลวนหลงแต่ไม่ใช่ไปทำงาน ลูกชายของฉันเป็นถึงนายพลยิ่งใหญ่ทำไมโง่ดักดานดูไม่ออกว่าผู้หญิงคนนั้นมันเป็นคนชั่วร้ายแถมยังสวมเขาให้ลูกชายฉันอีกด้วย” ซูเจี้ยนพูดออกมาอย่างหัวเสียมือที่ถือกระดาษของฮว๋าเย่มอบให้เมื่อครู่เผลอใส่กระเป๋าเสื้ออย่างไม่รู้ตัว“อย่าบอกนะคะว่าตอนนี้นังเฟิงมี่ย้ายออกไปแล้ว แล้วแผนที่คุณแม่ป่วยไม่สามารถเรียกร้องให้หลวนหลงอยู่ที่นี่ต่อได้หรือคะ นังเฟิงมี่มันมีดีอะไรที่ทำให้หลวนหลงหลงเธอได้ขนาดนี้กัน”“นังนั่นมันร้าย มันจับได้นะสิว่าฉันแกล้งป่วยเธอรู้มั้ยเมื่อวานมันเอาข้าวต้มใส่เกลือเค็มปี๋ไปให้ฉันกิน ฉันล่ะอยากตบเธอสักฉากแต่ก็กลัวว่าหลวนหลงจะมาเห็นเข้าและคิดว่าฉันรังแกนังเฟิงมี่แค่นี้ลูกชายของฉันก็เชื่อมันจนหมด ถ้าเกิดรู้ว่าฉันเป็นคนลงไม้ลงมือรังแกนังเฟิงมี่คงไม่อยากจะเจอหน้าฉันอีกต่อไปแน่ ๆ เฮ
บทที่ 18 อบอุ่น“ลูกไม่ตื่นหรอกนะ รู้มั้ยว่าทุกคืนวันฉันคิดถึงเธอขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าที่งดงามน้ำเสียงที่นุ่นนวลสายตาที่จ้องมองฉันด้วยความรัก ฉันคิดถึงเธอจนแทบบ้า เฟิงมี่ฉันรักเธอ” หลวนหลงพูดจบไม่เปิดโอกาสให้เฟิงมี่ได้พูดต่อก้มลงจูบอย่างนุ่มนวลที่ริมฝีปากอวบอิ่มน่าดึงดูดของเฟิงมี่ ค่อย ๆ กวาดชิมลิ้มรสความหอมหวานที่เขาคนึงหามาตลอดเวลา5 ปีที่ผ่านมา ร่างเล็กสั่นสะท้านลมหายใจเริ่มติดขัด ลิ้นสากของเขาควานไปทั่วดูดดื่มน้ำหวานรุนแรงมากกว่าเดิม มือข้างขวาค่อย ๆ ขยับเลื่อนเข้ามาในเสื้อบางของเธออย่างคุ้นชิน เลื่อนมาจับที่หน้าอกอวบอิ่มจนร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยอย่างสั่นทะท้านเมื่อเขาสัมผัสที่ยอดปทุมถันใช้นิ้วคลึงเล่นหลอกล้อโดยไม่สนอีกฝ่ายที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเสียวซ่าน ทำได้เพียงส่งเสียงประท้วงผ่านลำคอ“อื้อ อือ” สองมือของเธอดันอกของเขาเอาไว้ตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอแทบไม่มีร่างกายอ่อนระทวยไปหมด หลวนหลงแม้ไม่อยากจะหยุดแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหายใจไม่ทันจึงค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก“แค่จูบก็ทำให้เธออ่อนระทวยไปหมดแล้วหรือ ? อย่าพึ่งหมดแรงสิคืนนี้ทั้งคืนฉันจะไม่ให้เธอนอนเลยชดเชยเวลาที่เราไม่ได้เจอกันหลายปี
บทที่ 17 ปากหวาน“แกคิดว่าทำอย่างนี้แล้วฉันจะกลัวแกหรือไงกัน ไม่มีทางคอยดูเถอะฉันจะเอาคืนให้สาสมนังเฟิงมี่ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนฉันไม่มีทางนับญาติกับคนอย่างแกแน่นอน” ซูเจี้ยนพูดสถบตามหลังเฟิงมี่อย่างโกรธแค้นเฟิงมี่เดินออกมาจากห้องของซูเจี้ยนพลางเดินไปหาสามีกับลูกของเธอเห็นว่าตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินออกมาจากห้องพอดี“คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง”“คุณแม่ของคุณน่าจะหายดีแล้วล่ะ ฮว๋าเย่หิวมั้ยลูกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ” เฟิงมี่ไม่อยากจะพูดว่าอาการป่วยของแม่สามีคือเรื่องโกหกจึงรีบเปลี่ยนเรื่องจับมือฮว๋าเย่เดินมาชั้นล่างโดยมีหลวนหลงเดินตามลงมา ตอนนั้นไคฉีกลับมาจากที่ทำงานพอดี เฟิงมี่จึงชวนกินข้าวด้วยกัน“พี่ไคฉีมาพอดีเลยเรากำลังไปกินข้าวกัน กินด้วยกันนะคะ”“เอาสิ วันนี้ทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน ที่ทำงานมีเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้นวันเลยเดี๋ยวฉันขึ้นห้องเก็บของแล้วจะตามไปที่ห้องกินข้าวแล้วกัน” ไคฉีบอกกับเฟิงมี่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด“ได้ค่ะเดี๋ยวฉันจะเตรียมข้าวไว้รอ”“พี่ไคฉีปกติกลับบ้านเวลานี้ตลอดเลยรึ” หลวนหลงเอ่ยถามเฟิงมี่อย่างสงสัยเมื่อทั้งสามเดินมาถึงห้องอาหาร“เมื่อก่อนฉันไม่ค่อยรู้เพร
Comments