"เจ้าไปพบในเขาจันทร์ลับฟ้าหรือ? ข้าไม่ได้หมายความว่าจะแย่งมาจากตัวของเจ้า เพียงแค่ถามว่าเจ้าหามาจากที่ไหนเท่านั้น ข้าจะได้ส่งคนออกไปหา"อ๋องเจวี้ยนในใจกลัดกลุ้มขึ้นมาเขาอันที่คือความหมายนี้ ไม่คิดจะไปแย่งชิงบุปผาล้างราตรีของนางเลย แต่ถ้าหากนางบอกได้ว่าหามาจากที่ใด เช่นนั้นเขาจะได้ส่งคนออกไปค้นหา"ท่านถามจงเจี้ยนก็แล้วกัน"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่อยากยอมรับ ถึงอย่างไรนางเมื่อครู่ก็ยืนกรานไปแล้วว่าไม่มีของสิ่งนี้ ตอนนี้ถ้ามายอมรับ ใครจะรู้ว่าเขาคิดจะหลอกให้นางพูดความจริงหรือเปล่า?อาการป่วยของท่านปู่ต้องการบุปผาล้างราตรี ใครต้องการนางก็ไม่มีทางให้ทั้งนั้นอ๋องเจวี้ยนแอบกัดฟัน"เจ้าไม่กลับเรือนอ๋องหรือ?"ท่าทีของนางดูแล้วคงไม่ยอมรับแน่ อ๋องเจวี้ยนจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไป"นี่คือสิ่งที่ข้าอยากจะหารือกับท่าน"ฟู่จาวหนิงมองเขา "อันที่จริงท่านเดิมทีก็ต้องการแต่งงาน ต้องการพระชายาคนหนึ่ง ตอนนี้ข้าเองก็ผ่านการทดสอบแล้ว ถือว่าช่วยเหลือท่านจบไปเรื่องหนึ่ง ถัดจากนี้ข้ายังอยากอยู่ในบ้านตระกูลฟู่ ท่านปู่ต้องการข้า""พระชายาอ๋องเจวี้ยนไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ในบ้านของนางตลอด ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคนที
"ครั้งนั้นเองก็ไม่มีหลักฐาน แต่ข้าถามคนในที่เกิดเหตุเมื่อครั้งนั้น ทุกคนล้วนพูดว่าฟู่หลินซื่อเองครั้งนั้นก็ไม่อาจอธิบายได้ สติกระเจิดกระเจิงกระวนกระวาย และไม่มีการแก้ต่างให้ตนเอง"อ๋องเจวี้ยนมองนาง "ยิ่งไปกว่านั้น ผ่านไปไม่นาน บิดามารดาของเจ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย""หายตัวไป?"ฟู่จาวหนิงนิ่งอึ้งไปอีกบิดามารดานางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย?ในในความทรงจำ ไม่ว่าใครก็ตามล้วนพูดว่าบิดามารดานางตายไปแล้ว ท่านผู้เฒ่าฟู่เองก้ไม่เคยพูดถึงบิดามารดาของนางเลย ในความทรงจำของคุณหนูฟู่ นางไม่มีบิดามารดาและฝากชีวิตอยู่กับท่านปู่"ดูท่า เจ้าคงจะไม่รู้อะไรเลยจริงๆ" อ๋องเจวี้ยนคอยสังเกตสีหน้านางตลอด เห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้ว่านางไม่รู้เรื่องในครั้งนั้น ไม่รู้เรื่องบิดามารดาของนางเลย"ครั้งนั้นหลังจากที่ข้าเกิดเรื่อง ฟู่หลินซื่อก็ถุกขังตัวไว้ชั่วคราว ต่อมาบิดาของเจ้าก็ใช้เงินเข้ามาสำรวจตัวนาง และวันนั้นทั้งสองคนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่น่าตลกก็คือ ครั้งนั้นพวกเขาที่มีคุณสมบัติเข้าวังได้ ก็เพราะตอนที่ท่านพ่อพาเหล่าพระโอรสแล้วเกิดเรื่องขึ้น พ่อกับแม่ของนางช่วยพวกเขาไว้"เรื่องนี้คุณหนูฟู่รู้อยู่เพียงห
ตอนนี้ เสี่ยวเถาก็รีบวิ่งลนลานเข้ามา กระทั่งชาก็ยังไม่ได้ยกมาให้"คุณหนู ท่านผู้เฒ่ารู้แล้ว" เสี่ยวเถามองอ๋องเจวี้ยน ไม่รู้ว่าจะเรียกเขาอย่างไรไปพักหนึ่งเหมือนกัน พอลังเลไปครู่ก็พูดขึ้นว่า "รู้ว่าท่านอ๋องเจวี้ยเข้ามา ก็ตื่นต้นคิดจะลุกออกมา แต่ก็ล้มลงจากเตียงจนสลบไปแล้ว ท่านรีบไปดูเถิด!"ฟู่จาวหนิงตกตะลึง กระโจนตัวลุกขึ้นยืนแล้วรีบวิ่งออกไป ไม่สนใจอ๋องเจวี้ยนเลยแม้แต่น้อยเซียวหลันยวนมองแผ่นหลังของนาง สวมหน้ากากกลับไปพอเห็นว่านางให้ความสำคัญกับปู่ของนางมาก แต่ตอนที่เอ่ยถึงบิดามารดากลับเย็นชาเสียขนาดนั้น ดูท่าหลายปีมานี้ฟู่จิ้นเชินกับฟู่หลินซื่อคงไม่ได้กลับมาจริงๆ และไม่ได้ติดต่อกับที่บ้านเลยพวกเขากระทั่งบิดาและลูกสาวก็ไม่สนใจหรือ?"ท่านอ๋อง จะเข้าไปดูไหม?" ชิงอีกตอนนี้ก็เดินเข้ามาเซียวหลันยวนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ส่ายหัว"พอได้ยินว่าข้าเข้ามาก็ตื่นเต้นจนเป็นแบบนี้ ถ้าข้าไปปรากฎตัวต่อหน้าเขา เกรงว่าเขาจะหายใจหายคอไม่ทันแล้วไปหายมบาลเสียก่อน ฟู่จาวหนิงยังมีประโยชน์กับข้าอยู่ อย่าเพิ่งผูกแค้นกับนางเลย"ชิงอีพูดไม่ออกแต่คำพูดเหล่านั้นที่ท่านพูดกับฟู่จาวหนิง ก็เหมือนจะผูกแค้นกับนา
หลังฟู่จาวหนิงออกจากห้องของท่านผู้เฒ่าก็ยืนอยู่ในลานมองท้องฟ้านางกลัดกลุ้มอย่างมากเมื่อครู่นางเห็นใบหน้าเจ็บป่วยของท่านผู้เฒ่า จึงตกปากรับคำคำขอของเขาผู้เฒ่าฟู่เข้าใจว่าที่อ๋องเจวี้ยนมาแต่งงานกับนางก็เพื่อล้างแค้นนาง คิดจะทรมานนาง คิดจะเอาความชิงชังต่อบิดามารดานางมาลงที่ตัวนาง ไม่มีทางดีกับนางแน่นอนดังนั้น ต่อให้กังวลถึงชื่อเสียงหลังจากฟู่จาวหนิงหย่าร้าง แต่ก็กังวลถึงที่พึ่งพิงของนางหลังจากนี้ด้วย เขาจึงยังต้องการให้นางหย่าร้างอย่างแรงกล้าแต่เมื่อวานหลังจากรู้ความคิดของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงก็สงสัยว่าชายหนุ่มคนนี้จะยอมหย่าร้างไหมนางเอาความกลัดกลุ้มนี้โยนออกไป ขอตัวไปนอนเพิ่มอีกหน่อยดีกว่าเพิ่งนอนไปได้ไม่นาน ก็มีคนมาเคาะประตูนางจากด้านนอก"ฟู่จาวหนิง รีบตื่นเร็ว"เสี่ยวเถาถลึงตามองไห่ฉางจวิ้นที่กำลังออกแรงเคาะประตูห้องของคุณหนูอย่างเคืองๆ หญิงสาวคนนี้มาอีกแล้ว!นางคิดจะขวางไห่ฉางจวิ้น แต่ไห่ฉางจวิ้นก็โบกมือตบลงไปบนบ่านาง นางก็ขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว"ฟู่จาวหนิง รีบลุกขึ้นมา เมื่อวานนี้อ๋องเจวี้ยนให้เจ้าพาข้าไปเที่ยวที่จวนอ๋องเจวี้ยนวันนี้!"ฟู่จาวหนิงพอได้ยินประโยคนี้
"ถ้าไม่ใช่เห็นแก่ท่านอ๋องเจวี้ยน วันนี้ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่นอน ตอนนี้เจ้าระบายอารมณ์แล้วนี่ จะพาข้าไปจวนอ๋องได้หรือยัง?"ไห่ฉางจวิ้นทนได้ด้วยหรือ?ดูท่าจะชอบเซียวหลันยวนเจ้าผู้ชายสุนัขที่มีความคิดลึกซึ้งคนนั้นจริงๆ"ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงเอ่ยกับเสี่ยวเถาว่า "คอยดูแลท่านปู่ไว้ คุ้มกันให้ดี ข้าจะให้ยาพิษเจ้าไว้ ถ้ามีคนกล้าบุกเข้ามารังแกก็สาดออกไปเลย อย่าเอาแต่ยืนบื้อแบบเมื่อครู่ ต่อให้อีกฝ่ายจะพิการตาบอดเสียโฉม คุณหนูของเจ้าจะรับผิดชอบเอง ไม่ต้องกลัว"พอพูดจบ นางก็เหลือบมองไปทางฮูหยินสามผาดหนึ่งฮูหยินสามฟู่เย็นวาบขึ้นมาคำพูดเหล่านี้ของฟู่จาวหนิงคือพูดกับนางเลย!ผู้หญิงคนนี้ทำยาพิษให้เสี่ยวเถาไว้ด้วย? นางไปได้วิธีมาจากไหนกัน สร้างพิษออกมาได้เสียด้วย?ทว่าหลังจากฟู่จาวหนิงพาไห่ฉางจวิ้นออกไป ฮูหยินสามฟู่ก็ไม่กล้าบุกเข้าไปฟ้องผู้เฒ่าฟู่เหมือนกันถ้านั่นมันเป็นพิษจริงๆ ล่ะ?แล้วก็ ฟู่จาวหนิงนึกเรื่องที่แต่งงานวันนั้นออกแล้วหรือ? นางต้องรีบไปหาพวกเป่าเจินเสียแล้วพอออกจากบ้านตระกูลฟู่ ฟู่จาวหนิงก็เพิ่งคิดได้ว่าม้าตัวนั้นยังอยู่ที่เรือนหลัง นางพาไห่ฉางจวิ้นออกมาพักหนึ่งก็ลืมขี่มันกลับจ
"อ๊า! ลูกของข้า! ใครก็ได้ ช่วยลูกของข้าที!"เสียงร้องแหลมของหญิงสาวอายุน้อยคนหนึ่งร้องดังตามเข้ามาด้านนอกมีเสียงเอะอะจอแจ"พระชายา รถม้าของพวกเราชนเข้ากับรถม้าด้านหน้าเสียแล้ว แต่น่าจะเพราะด้านหน้าเกิดเรื่องขึ้นจนขวางทางไว้" เสียงของคนขับรถดังลอดเข้ามาไห่ฉางจวิ้นเอ่ยขึ้นมาอย่างที่สมควรจะเป็น "อ้อมไปสิ อ้อมไปเลย"นางไม่สนใจเลยว่าด้านนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางต้องรีบไปที่จวนอ๋องเจวี้ยน นับตั้งแต่ที่เห็นอ๋องเจวี้ยนเมื่อวานนี้ นางก็ฝันถึงแต่ชายคนนั้น ทั้งคืนเอาแต่คิดว่าจะปลดหน้ากากเขาลงอย่างไร เพื่อจะได้เห็นใบหน้าเต็มของเขาฟู่จาวหนิงกลับเลิกม่านรถแล้วกระโดดลงมารถม้าทันทีข้างหน้ารถม้าพวกเขามีรถม้าอยู่คันหนึ่งจริงๆ แต่ถูกชนไม่รุนแรงมาก เพราะรถม้าด้านหน้าหยุดรถกะทันหัน พวกเขาทางนี้จึงหยุดไม่ทันแล้วชนเข้า จนทำให้ม้าที่ลากรถจวนอ๋องเจวี้ยนมึนจนเปลี่ยนทิศทางไปและด้านหน้ายังมีรถม้าอีกคันหนึ่ง ข้างๆ รถม้ามีคนล้มกลิ้งอยู่หลายคน ในนี้มีฮูหยินอายุน้อยคนหนึ่งกำลังกอดเด็กอายุราวสามสี่ขวบกำลังร้องไห้จ้า เด็กคนนั้นครึ่งตัวอยู่ในอ้อมกอดนาง ขาเล็กข้างหนึ่งกลับบิดเบี้ยวประหลาดผิดมุมรอบๆ มีคนไม่
เขาหรือ?ซือถูไป๋ฟู่จาวหนิงฟังเสียงของซือถูไป๋ออกทันที แต่ว่านางก็ไม่ได้หันกลับมามอง นางโน้มตัวลงไป เอาหูแนบกับหน้าอกของเด็ก มือข้างหนึ่งเคาะลงไปบนหน้าอกเขา ฟังเสียงฮูหยินอายุน้อยนั่งอยู่บนพื้นมองฟู่จาวหนิงอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าต้องทำอะไรแต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีหมอเข้ามา นางก็เหมือนทำได้แค่ต้องเชื่อฟู่จาวหนิง โดยเฉพาะตอนที่ชายหนุ่มอ่อนโยนสง่างามคนนั้นปรากฎตัว ขึ้น คุ้มกันอยู่ด้านหลังฟู่จาวหนิง นางจึงเริ่มรู้สึกคาดหวังกับฟู่จาวหนิงขึ้นมาพอสมควรคุณชายคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขายังเชื่อถือแม่นางคนนี้ นางก็น่าจะรู้เรื่องแพทย์จริงๆ กระมัง?ฟู่จาวหนิงล้วงกระเป๋าเข็มออกมาจากในอก เปิดกระเป๋าออก ดึงเข็มยาวเล่มหนึ่งออกมาจากด้านใน แทงไปที่หน้าอกของเด็ก ความตื้นลึกก็ควบคุมได้กำลังดี"อ๊า..."หญิงสาวอายุน้อยพอเห็นการกระทำของนาง ก็ร้องตกใจขึ้นอย่างทนไม่ไหว คิดจะโถมตัวเข้าขวางฟู่จาวหนิงหน้าอกเอาเข็มแทงลงไปมั่วๆ ได้หรือ?"ฮูหยินอย่าเพิ่งขยับ" เสียงของซือถูไป๋นำเอาพลังปลอบประโลมที่ประหลาดเข้ามาด้วย หญิงสาวอายุน้อยหยุดการเคลื่อนไหวลงทันทีฟู่จาวหนิงปักเข็มลงไปหลายเล่ม จากนั้นก็หยิบเข็มเย
"เป่าเอ๋อร์เด็กดี ถ้าเจ้าไม่ขยับตัวมั่วซั่ว ให้พี่สาวดูขอของเจ้าว่าตรงไหนที่ดื้อรั้น พี่สาวจะให้ลูกกวาดแสนอร่อยดีไหม?"ฟู่จาวหนิงก็ทำเหมือนนักมายากล ยื่นมือไปด้านหน้าเป่าเอ๋อร์ พอกางออก ฝ่ามือก็มีลูกกวาดที่ห่อไว้ด้วยกระดาษสีเม็ดหนึ่งออกมาคนทั้งหมดที่นี่ล้วนไม่เคยเห็นลูกกวาดเช่นนี้ ถูกลูกกวาดเล็กๆ เม็ดนี้ดึงดูดไปจนหมดขนาดผู้ใหญ่ยังถูกดึงดูดไป ไม่ต้องพูดถึงเด็กเลย?เป่าเอ๋อร์พอเห็นลูกกวาดที่สวยงามเม็ดนั้นก็ลืมร้องไห้ไปแล้ว เขามองลูกกวาดเม็ดนั้น แต่ยังดูไม่ค่อยเชื่อ "นี่คือลูกกวาดหรือ?""ใช่แล้ว มา เจ้ารับไป ลองแกะเปลือกแล้วดูว่าข้างในเป็นลูกกวาดแบบไหนดีไหม?"เสียงของฟู่จาวหนิงอ่อนโยนมาก น้ำเสียงเองก็แผ่วเบารวดเร็วมาก ทำให้เด็กผ่อนคลายลงมมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ยื่นมือรับลูกกวาดเม็ดนั้น แกะเปลือกห่อออกอย่างระมัดระวังตอนนี้เอง ฟู่จาวหนิงก็ญื่นมือไปทางขาของเขา บีบไปที่กระดูกขาของเขาจากบนลงล่างอย่างละเอียดตอนที่บีบถึงหัวเข่า เด็กน้อยก็เจ็บปวดจนร้องจ้าออกมา"เป่าเอ๋อร์ไม่ต้องร้อง" หญิงสาวอายุน้อยบอกให้ลูกน้อยไม่ต้องร้องไห้ แต่ตนเองกลับปวดใจจนน้ำตาไหลออกมา นางมองฟู่จาวหนิง "แม่นา
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ