แต่ถ้านางมีเรื่องส่วนตัวอะไร ปกติจะเลี่ยงตัวนาง และพาสาวใช้อีกสองคนไปแทนเสี่ยวชิ่นเองก็ไม่ใช่คนโง่ รู้ว่าเพราะอะไรอวี๋อวี่เวยจึงไม่เชื่อใจนาง กลัวว่ามีเรื่องอะไรที่ให้นางรู้ แล้วจะเอาไปบอกเสิ่นเสวียน"แล้วเจ้ายินดีมาไหม? ถ้าเจ้าอยากจะไปอยู่ข้างกายแม่นางอวี๋ก็บอกตรงๆ ได้นะ ข้าทางนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"ฟู่จาวหนิงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอวี๋อวี่เวยอยู่ในบ้านตระกูลเสิ่นด้วยตัวตนฐานะอะไร นางเองก็ไม่ได้จะพักที่บ้านตระกูลเสิ่นนานเสียด้วย เดี๋ยวตอนที่นางต้องจากไป เสี่ยวชิ่นถ้าหากต้องกลับไปอยู่ข้างกายอวี๋อวี่เวยอีก ฟู่จาวหนิงก็กังวลว่านางคงไม่อยากไปทำแล้วเสี่ยวชิ่นรีบพูดออกมา "ยินดีเจ้าค่ะ นายท่านบอกว่าคุณหนูจาวหนิงเป็นเจ้านายที่ดีมาก ให้ข้าไม่ต้องกลัว"ฟู่จาวหนิงหัวเราะขึ้นมา"อืม ไม่ต้องกลัว"หลังจากนางเก็บกวาดเสร็จ เสี่ยวชิ่นก็รีบเปิดลิ้นชักเครื่องประดับหนึ่งบนโต๊ะ ด้านในใส่เครื่องประดับเอาไว้เต็ม ดูแล้วล้วนเป็นชุดที่ดูเรียบง่ายและเหมาะกับวัยหนุ่มสาวอย่างพวกปิ่นทองดอกลิลลี่ที่สลักไข่มุกหยกขาวไว้อะไรแบบนี้ เรียบง่ายแล้วยังดูมีเอกลักษณ์และยังมีถุงหอมด้ายทอง ประณีตแต่ไม่ได้ดูซับซ้อนมาก
เสี่ยวชิ่นตะลึงไปครู่หนึ่ง"เป็นข้าน้อยที่ไม่ได้บอกกับแม่นางชัดเจน ที่ข้าน้อยบอกว่าจะไปทำงานที่สวนสี่ซิน ไม่ใช่การไปทำเพียงชั่วคราว หลังจากนี้ข้าน้อยจะมาปรนนิบัติรับใช้คุณหนูจาวหนิงแล้ว"อันที่นางบอกไปชัดเจนแล้วแต่ต่อหน้าเจ้านาย นางเองก็แก้ตัวอะไรไม่ได้ ทำได้แค่บอกไปอีกรอบ"เพราะคุณหนูฟู่มาอาศัยพักบ้านตระกูลเสิ่นเพียงลำพังใช่ไหม?" อวี๋อวี่เวยพยายามทำให้สีหน้ากับอารมณ์ของตนเองสงบลงมาหน่อย "เช่นนั้นก็สมควรอยู่ พวกเราต้องปฏิบัติต่อแขกให้ดีสิ"นางมองไปทางฟู่จาวหนิงอีก ฉีกยิ้มออกมา ถามขึ้นว่า "ไม่ทราบว่าคุณหนูฟู่จะพักกี่วันหรือ? เจ้าน่าจะไม่รู้ ว่าเสี่ยวชิ่นอยู่ข้างกายข้ามาตลอด นางทำงานเก่ง เรื่องใหญ่เรื่องเล็กรอบตัวข้าล้วนขาดนางไม่ได้ พอนางไม่อยู่แบบนี้ ข้าก็สติไม่อยู่กับเนื้อตัวเหมือนกัน"ฟู่จาวหนิงอยากจะถอนหายใจเสียแล้วนางรู้สึกจริงๆ ว่าพูดกันแบบนี้มันเหนื่อย นางมีเวลาที่จะมาปะทะคารมกับอวี๋อวี่เวยที่นิสัยประหลาดแบบนี้เสียที่ไหน?นางจึงเอ่ยขึ้นตรงๆ "เช่นนั้นก็ขอโทษด้วย ตอนนี้ข้าต้องการเสี่ยวชิ่น ถ้ารบกวนก็ขออภัยด้วย"ประโยคเดียวจะทำให้อวี๋อวี่เวยโมโหหรือเปล่านางไม่รู้ แต่นางไม่
ไป๋หู่ปรากฏตัว"คุณหนูจาวหนิงบอกไปแล้ว ว่าอย่ามาวอแวอีก"ไป๋หู่สีหน้าไร้อารมณ์เหลือบมองอวี๋อวี่เวยผาดหนึ่ง รีบเดินตามฟู่จาวหนิงไป"คุณหนูจาวหนิง ข้ามาช้าไปเสียแล้ว จากการกำชับของท่าน ให้สืออีกับสือซานพักผ่อนกันก่อน พวกเขาจึงยังไม่ลุกขึ้นมา""อืม ไม่เป็นไร เจ้าเองก็พักผ่อนอีกหน่อยเถอะ ข้าจะไปที่สวนจิ้งชิว""ข้าส่งคุณหนูไปเอง"เสินหว่านกับอวี๋อวี่เวยพอได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วจากไป ก็ล้วนไม่อยากจะเชื่อ"ท่านแม่ ท่านดูสิ ยังพูดอีกว่าท่านลุงไม่ได้จะแต่งงานกับหญิงสาวคนนี้ ตอนนี้นางยังกำเริบเสิบสานเสียขนาดนี้แล้ว! เมื่อครู่นางเพิ่งจะผลักข้า! แล้วก็ ไป๋หู่คนนั้นเดิมทีก็ฟังแต่ท่านลุง ตอนนี้กลับมาตามหน้าตามหลังนางอยู่ได้ นี่ไม่ใช่เห็นนางเป็นนายหญิงไปแล้วหรือ?"อวี๋อวี่เวยพูดไปพูดมาก็สะอื้นไห้เสียแล้วเสินหว่านเพิ่งจะถูกฟู่จาวหนิงพูดไปแบบนั้น ในใจก็ไม่ค่อยสบายเท่าไรนางเป็นผู้อาวุโสกว่าไหม? ฟู่จาวหนิงดูแล้วน่าจะเด็กกว่านางยี่สิบกว่าปีได้ นี่กลับมาสั่งสอนว่านางสั่งสอนลูกสาวไม่ดีนางเองก็กำลังคิดในใจ ฟู่จาวหนิงคงไม่ได้คิดว่าเป็นสะใภ้รองของนางจริงๆ แล้วหรอกนะ ดังนั้นต่อหน้านางถึงได้มีท่
ไท่ไท่อาวุโสตื่นแล้ว แต่ยังไม่ได้ตื่นดีนัก แค่หนังตาขยับๆ เท่านั้น มือเองก็ยกขึ้นทำท่าเหมือนจะคว้าจับอะไร ปากอ้าพะงาบแต่ก็ยังพูดอะไรออกมาไม่ได้ท่านผู้เฒ่าเสิ่นถูกเสิ่นเสวียนดันให้ไปพักผ่อนบนเตียง ส่วนเสิ่นเสวียนมาคอยดูแลอยู่ทางนี้มือของไท่ไท่อาวุโสพอยื่นออกมาเขาก็คว้าจับมือของไท่ไท่อาวุโสทันที ขณะกำลังจะให้หลิวหั่วไปเชิญฟู่จาวหนิงมา ก้ได้ยินเสียงหลิวหั่วตะโกนเรียกฟู่จาวหนิงพอดี"จาวหนิงรีบมาเร็ว" เสิ่นเสวียนรีบเขยิบที่ให้ฟู่จาวหนิงรีบเดินเข้ามา รีบตรวจสอบอาการของไท่ไท่อาวุโสอย่างรวดเร็ว"เรียกนางให้ตื่นได้ พอตื่นแล้วให้นางกินอะไรเสียหน่อย จะดีกับนางมาก" ต่อให้เป็นแค่อาหารเหลวก็ยังดียิ่งไปกว่านั้น นางเห็นท่าทีของไท่ไท่อาวุโส ยังมีปฏิธานยอยากมีชีวิตอยู่ หนังตาเองก็ขยับอยู่เป็นระยะ เหมือนพยายามจะลืมตาขึ้นเช่นนี้นางก็สามารถช่วยได้แล้วฟู่จาวหนิงหยิบเข็มออกมา แทงเข้าไปยังจุดชีพจรกระตุ้นหลายจุดบนตัวไท่ไท่อาวุโสเพียงครู่เดียว ไท่ไท่อาวุโสก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น"ท่านแม่?" เสิ่นเสวียนร้องเรียกนางทันทีมุมปากไท่ไท่อาวุโส เหมือนพูดอะไรออกมา งึมงำๆ เสิ่นเสวียนได้ยินไม่ชัดฟู่จาวหนิงแน
นางพยักหน้าให้เสิ่นเสวียน "ไม่เป็นไร น่าจะแค่ยังตั้งตัวกลับมาไม่ทันแค่นั้น ปัญหาไม่ใหญ่ ตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นดี ข้าคิดว่านางเพิ่งจะฝัน"ฝันเห็นเสิ่นเชี่ยวเสียแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นฝันที่เสิ่นเชี่ยวกลับมาแล้วเสียด้วย ดังนั้นตอนนี้ไท่ไท่อาวุโสจึงยังแยกความฝันกับความจริงไม่ออก"ผ่านไปไม่กี่วันก็คงจะดีขึ้น"เสิ่นเสวียนถอนหายใจ "เช่นนั้นก็ดี ไม่เช่นนั้นท่านผู้เฒ่าถึงเวลายังต้องมาปลอบนางอีก ร่างกายของเขาเองก็ยังไม่ค่อยสบายนัก"เกรงว่าจะปลอบไม่ไหวน่ะสิท่านผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ถูกเขาบีบให้ไปพัก ปากบอกไม่เอาๆ ไม่ง่วงๆ ผลคือพอล้มตัวลงบนเตียง ก็หลับลึกไปทันทีเห็นๆ อยู่ว่าเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว ช่วงนี้วันวันเอาแต่คอยเฝ้าไท่ไท่อาวุโสเสิ่นเสวียนให้คนใช้ไปยกน้ำแกงข้าวเข้ามา ฟู่จาวหนิงป้อนไท่ไท่อาวุโสด้วยตนเองน้ำแกงข้าวเติมน้ำแกงไก่ไปชามหนึ่งถูกปลอบไปด้วยหลอกป้อนไปด้วย ไท่ไท่อาวุโสเองจึงหลับไปอีกครั้งครั้งนี้คือหลับไปจริงๆฟู่จาวหนิงฝังเข็มให้นางอีกหลายเข็ม แล้วยังฝังเข็มลดอาการปวดหัวของเขาลงอีกหลายเข็มด้วย"ไป ไปกินข้าวเถอะ เดิมทีข้าคิดจะให้นอนอีกสักหน่อย ถึงตอนค่ำแล้วค่อยเรียกเจ้า แต่ค
อวี๋อวี่เวยวุ่นอยู่ในครัวมาหนึ่งชั่วยามเสินหว่านพอรู้ว่านางคิดจะขอโทษฟู่จาวหนิงก็เลยเข้ามาช่วยรอจนอาหารวางขึ้นโต๊ะหมดแล้ว เสินหว่านก็มองกับข้าวทั้งโต๊ะนั้นอย่างประหลาดใจ "นี่มันอาหารที่ลุงของเจ้าชอบทั้งนั้นเลยไม่ใช่หรือ?"เสิ่นเสวียนเรื่องมากเรื่องรสชาติอยู่ คนในบ้านล้วนรู้กัน นางชิมไปชิมมาก็มีแต่รสชาติเหล่านั้นตอนนี้ที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนสอดคล้องกับรสชาติที่เขาชอบทั้งสิ้น"ใช่เลย ถ้าข้าเชิญแต่ฟู่จาวหนิง นางก็น่าจะไม่ยอมมากระมัง? เช่นนั้นก็เชิญท่านลุงมาด้วยดีไหม?""แล้วกับข้าวพวกนี้ล่ะ?""ฟู่จาวหนิงในเมื่อมีความสัมพันธ์ดีกับท่านลุง ไม่แน่ว่ารสชาติก็น่าจะคล้ายคลึงกัน ข้าเองก็ไม่รู้จักนางไม่เข้าใจนาง ใครจะไปรู้ว่านางชอบกินอะไร?"อวี๋อวี่เวยค้านขึ้นมา "ดังนั้นเอารสชาติของท่านลุงมาตั้งต้นไม่ใช่ว่าดีที่สุดหรือ? ไม่แน่นางอาจจะชอบกินด้วยก็ได้""ข้าค้านเจ้าไม่ได้ เจ้าพูดมาก็ดูมีเหตุผล" เสินหว่านเองก็คัดค้านไม่ได้"ให้คนไปเชิญแม่นางฟู่แล้วหรือ?""ไปแล้ว"อวี๋อวี่เวยตอนที่กำลังรอตนเองจะกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวสักหน่อย ถูกควันรมจนกลิ่นติดตัวไปหมดแล้วตอนออกมาพอเสินหว่านเห็น
"พ่อครัวเลื่องชื่อ? ผู้อาวุโสตู้หรือ?""ผู้อาวุโสตู้? ท่านลุงเชิญเขามาได้หรือ?"อวี๋อวี่เวยริษยาขึ้นมาแล้ว ไฟริษยาแทบจะเผานางจนแดดิ้นตอนนั้นที่นางอายุสิบห้า เดิมทีก็ได้ยินคนอื่นยุยงมา และอยากจะเชิญพ่อครัวเลื่องชื่อคนนั้นมาทำอาหารจัดงานให้นาง เช่นนั้นนางคงได้ชื่อกระฉ่อนต้าชื่อแล้ว เหล่าแม่นางทั้งหมดคงได้อิจฉานางแน่แต่นางเพิ่งพูดกับเสิ่นเสวียนแค่ครึ่งประโยค เสิ่นเสวียนก็ตัดบทนางมาเรียบๆ เสียแล้ว บอกมาคำหนึ่ง ว่าตระกูลเสิ่นไม่ควรจะสร้างชื่อเสียง วันนั้นให้พ่อครัวทำอาหารให้สักสองอย่างก็พอแล้วผลลัพธ์ล่ะ?อวี๋อวี่เวยร้องเรียกเสี่ยวซิ่ง "ยกน้ำแกงฟักหยกขาวนี่ตามข้ามไปที่ศาลาเหมย!"ส่วนตัวนางก็วิ่งกระฟัดกระเฟียดตรงออกไปแล้วสาวใช้เสี่ยวซิ่งรีบยกชามใหญ่นั่นขึ้นมา แล้วตามไปเสินหว่านตกตะลึง "เสี่ยวเวย เจ้ากลับมาก่อน อย่าไปอาละวาด"ที่นี่บ้านตระกูลเสิ่นนะ ไม่ใช่บ้านตระกูลอวี๋เสียหน่อย อวี๋อวี่เวยไม่มีสิทธิ์เสียงพูดอะไรในบ้านตระกูลอวี๋ ในตระกูลเสิ่นยิ่งไม่ต้องคิดจะอาละวาดเลย นางไม่ใช่คนสกุลเสิ่นนะ!นางเองก็รีบตามเข้าไป กลัวว่าอวี๋อวี่เวยจะทำเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ตอนที่อวี๋อวี่เวยไปถึง
คนที่ผู้อาวุโสตู้หา คือผู้เฒ่าฟู่ปู่ของฟู่จาวหนิง!"เขาเป็นพี่ชายของข้า ลูกพี่ลูกน้อง"ผู้อาวุโสตู้เองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร พูดออกมากับพวกเขาอย่างชัดเจน"ตอนนั้นแม่ของข้าแต่งเข้าตระกูลตู้ บ้านตระกูลตู้เดิมทีเป็นตระกูลมั่งคั่งตระกูลหนึ่งที่อยู่ในเมืองชายแดนติดกับแคว้นเจาและต้าชื่อ แต่ต่อมาที่นั่นเจอกับภัยพิบัติ คนทั้งหมดล้วนหนีกันไป คนตระกูลตู้จึงเลือกมาเป็นดองญาติกับต้าชื่อ""เหล่าผู้อาวุโสตระกูลตู้ระหว่างที่หนีภัยตอนนั้นก็ทนกันไม่ไหว ทยอยกันจากไป คนหนุ่มสาวที่เหลืออยู่ไม่กี่คน พอบวกกับพวกหญิงสาว ก็เกรงว่าจะยืนอยู่ในต้าชื่อได้ไม่มั่นคง ลุงของข้าจึง.ยืนกรานที่จะรับพ่อข้าเข้าไปอยู่กับญาติของเขาที่เมืองต้าชื่อ ข้าจึงกลายเป็นคนต้าชื่อไป"ผู้อาวุโสตู้มองฟู่จาวหนิง รู้สึกว่าสนิทชิดเชื้อกันเสียเหลือเกิน"แต่พูดขึ้นมาข้าเองก็ถือว่ามีสายเลือดแคว้นเจาอยู่ไหม? ทว่าคนตระกูลตู้ทางนี้ก็ดีกับพวกเราอย่างมาก ดังนั้นจะเป็นแคว้นเจาหรือว่าต้าชื่อ ข้าก็ไม่สนใจหรอก ตอนนั้นแม่ของข้ากลัวว่าคนของบ้านตระกูลตู้จะสงสัยว่าพวกเขามีใจคิดออกห่าง จึงไม่กล้าเอ่ยถึงญาติที่แคว้นเจา""แคว้นเจาทางนั้นเองก็ไม่มีคนมาหา น
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ