Share

บทที่ 60 ถูกโจมตี

Penulis: BigM00N
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-06 21:42:30

ซ่งเหวินจิ้งรั้งรออยู่ที่เรือนของโม่ชิงเยว่จนดึกจนกระทั่งเห็นว่านางเริ่มง่วงแล้วเขาจึงได้ขอตัวกลับเรือนของตนเอง แม้ว่าในใจอยากจะรั้งอยู่ที่เรือนแห่งนี้กับนางใจแทบขาด แต่เมื่อคิดได้ว่าหากบีบบังคับนางมากเกินไปความเกลียดชังของนางที่มีต่อเขาอาจจะปะทุขึ้นมาอีก เขาจึงได้กำชับให้นางดูแลตนเองให้ดีแล้วจึงได้เดินกลับไปที่เรือนของตนเอง

“ดูแลบริเวณเรือนของฮูหยินและลูกๆ ของข้าให้ดี อย่าให้มีผู้ใดลักลอบเข้าไปบริเวณนั้นได้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยกับลูกน้องของเขาด้วยสีหน้าจริงจังแล้วจึงได้เข้าไปพักผ่อนในเรือน

แม้ว่าจะหลับไปแล้วแต่เพราะการฝึกฝนมานานหลายปีแค่เพียงได้ยินเสียงที่ผิดแปลกไปเขาก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมาในทันที แม้จะรู้ดีว่าการป้องกันอันแน่นหนาของลูกน้องของเขาจะทำให้ลูกๆ และโม่ชิงเยว่ปลอดภัย แต่ในใจของเขากลับไม่อาจจะวางใจได้อย่างแท้จริง สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือเปิดช่องโหว่ของเรือนแห่งนี้เอาไว้ ใช้ชีวิตของตนเองเป็นเหยื่อล่อให้นักฆ่ากลุ่มนั้นหลงเข้ามาติดกับ

“เคร้ง!” เสียงกระบี่ที่ซ่งเหวินจิ้งชักออกมากระทบกับกระบี่ที่แทงจ้วงลงมาดังก้องห้องอันเงียบสงบ ซ่งเหวินจิ้งรีบพลิกตัวหนีคมกระบี่ที่แทงลงมาอีกครั้ง นักฆ่าที่หลุดเข้ามาย่อมจะต้องเป็นยอดฝีมือเขารู้ดี อีกทั้งคนผู้นี้ยังเคยไล่ตอนเขาจนต้องหลบหนีคมกระบี่ลงไปในหุบเหว

ซ่งเหวินจิ้งกัดฟันกลิ้งไปบนพื้นทิ้งกระบี่ไปแล้วคว้าทวนยาวซึ่งเป็นอาวุธที่เหมาะมือมากที่สุดขึ้นมา เพลงทวนหลายชุดถูกใช้ต้านรับเพลงกระบี่ที่จู่โจมออกมาอย่างโหดเหี้ยม ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เปลี่ยนจากต้านรับเป็นจู่โจม มือกระบี่ผู้นั้นตั้งใจว่าจะหลบหนีแต่กลับพบว่าด้านนอกมีกลิ่นอายการฆ่าฟันที่ไม่ใช่พวกของเขารออยู่ นักฆ่าผู้นั้นจึงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะพลีชีพเพื่อภารกิจนี้เพียงแต่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างซ่งเหวินจิ้งกลับไม่ยอมให้เขาทำได้สำเร็จไม่เพียงปัดกระบี่ในมือของเขาออกยังกระแทกจนเขาเสียหลัก ใช้วิชาสะกดจุดทำให้เขาไม่อาจจะขยับตัวได้

“ท่านโหว!” จ้าวรุ่ยรีบเข้ามาในเรือนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

“เจ้ามาทำไม แล้วลูกๆ ของข้าเล่า” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้จ้าวรุ่ยรีบเอ่ยตอบในทันที

"ยามนี้คุณหนูและซื่อจื่ออยู่ที่เรือนของฮูหยินแล้ว มีจ้าวหรงและคนอื่นๆ คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา ฮูหยินให้ข้านำยาขวดนี้มาให้แล้วฝากให้ข้าน้อยบอกกับท่านโหวว่า หากท่านเค้นความจริงจากคนเหล่านี้ไม่ได้ก็ให้ใช้ยาขวดนี้โรยไปตามบาดแผลของพวกเขา หากไม่มีบาดแผลก็ทำให้เป็นแผลเสียแล้วโรยลงไป ทำซ้ำๆ จนกว่าพวกจะยินยอมเปิดปากขอรับ" จ้าวหรงเอ่ยพลางยื่นขวดยาคุ้นตามาให้ ซ่งเหวินจิ้งรับยาขวดนั้นมาถือเอาไว้แล้วเดินไปชักกระบี่ของจ้าวรุ่ยตวัดปลายกระบี่กรีดผิวเนื้อของมือกระบี่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วโรยผงยาขวดนั้นลงบนบาดแผลทันที

“อ๊าก" เสียงร้องของมือกระบี่ผู้นั้นดังลั่นไปทั้งจวน ซ่งเหวินจิ้งที่เคยลิ้มรสผงยาขวดนี้มาก่อนแล้วย่อมจะรู้ดีว่านักฆ่าผู้นั้นได้รับความทรมานมากเพียงใด เขาจึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงข่มขู่

"หากข้าเดาไม่ผิดฮูหยินของข้าคงจะยังมียาเช่นนี้อยู่อีกมาก อีกทั้งยาเหล่านั้นน่าจะมีพิษที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่านี้อีกหลายเท่า หากเจ้าไม่อยากจะทรมานก็จงไปกับข้าแล้วบอกกับเจ้ากรมอาญาว่าไหวกั๋วกงและไหวกั๋วกงซื่อจื่อเป็นคนส่งเจ้ามา อย่า! อย่าได้คิดฆ่าตัวตายเชียว ยามนี้ข้าจดจำเจ้าได้แล้วย่อมจะสืบได้ไม่ยากว่าเจ้าซุกซ่อนตัวอยู่ที่ใด มีผู้ใดบ้างที่เจ้าใกล้ชิดสนิทสนม หากเจ้าไม่ให้ความร่วมมือกับข้ารับรองได้เลยว่าคนเหล่านั้นจะต้องถูกข้าทรมานจนตายแน่" เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้นักฆ่าผู้นั้นก็ส่ายหน้า

“แค่ข้าทำงานพลาด พวกเขาก็น่าจะต้องตายแล้วไม่หลงเหลือผู้ใดให้ท่านใช้ข่มขู่หรอก” เมื่อได้ยินเช่นนั้นซ่งเหวินจิ้งก็พลันหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วจ้องมองนักฆ่าผู้นั้นด้วยสายตาเย็นชา

"หากข้าสามารถช่วยพวกเขาออกมาได้เจ้าจะไปเป็นพยานให้ข้าใช่หรือไม่" เมื่อซ่งเหวินจิ้งเอ่ยเช่นนี้นักฆ่าผู้นั้นก็ส่ายหน้าแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสดงให้เห็นว่าเขาปลงตกแล้ว

"แค่ย้ายจากที่คุมขังหนึ่งมายังที่คุมขังอีกแห่งหนึ่ง ข้าคิดว่าให้พวกเขาตายเสียเถิดชีวิตนี้ถือว่าข้าทำผิดต่อพวกเขาก็แล้วกัน" คำพูดของนักฆ่าผู้นั้นทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า

"ข้าเป็นคนที่นับถือผู้มีฝีมือ หากเจ้ายินดีช่วยเหลือข้า ข้าก็พร้อมจะดูและเจ้าและครอบครัวให้ดี ที่สำคัญคนเช่นข้าไม่จำเป็นต้องส่งเจ้าไปฆ่าผู้ใด เพราะข้าชอบลงมือเองมากกว่า" คำพูดของซ่งเหวินจิ้งทำให้นักฆ่าผู้นั้นจ้องมองเขาอย่างชั่งใจ แต่บรรดานักฆ่าที่มากับเขารีบเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

“ข้ายินดี! ข้ายินดีเป็นพยานให้ท่านขอแค่เพียงท่านช่วยเหลือครอบครัวของข้าออกจากเงื้อมมือของไหวกั๋วกง ข้าก็พร้อมจะเป็นวัวเป็นม้าให้ท่าน” เมื่อนักฆ่าผู้นั้นเอ่ยเช่นนี้นักฆ่าคนอื่นก็เอ่ยสนับสนุนคำพูดของเขา

“อืม เช่นนั้นให้ข้าช่วยคนออกมาได้ก่อนก็แล้วกัน” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางโบกมือส่งสัญญาณให้คนของเขาพาตัวนักฆ่าเหล่านี้ออกไป

“ขังพวกเขาไว้ในสถานที่ที่ข้าจัดเตรียมเอาไว้ส่งคนคุ้มกันให้แน่นหนา ส่วนเจ้าไปบอกฮูหยินให้ข้าที บอกกับนางว่าข้าต้องออกไปข้างนอกให้นางระมัดระวังตัวให้ดีอีกสักครู่ข้าจะกลับมา แบ่งคนมากับข้าสักสี่คนที่เหลือคุ้มกันจวนให้ดี” เมื่อเขาเอ่ยเช่นนี้คนของเขาก็รับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ส่วนเขาก็พาคนติดตามออกจากจวนตรงไปยังสถานที่จวนไหวกั๋วกงใช้กักขังครอบครัวของนักฆ่ากลุ่มนั้น

ซ่งเหวินจิ้งและคนของเขาแค่เพียงสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ใช้ผ้าปิดหน้าผืนใหญ่แล้วบุกโจมตีเข้าไปช่วยเหลือคนกลุ่มหนึ่งออกมา แน่นอนว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเขาคิดว่าจะเข้าไปช่วยเหลือคนแค่เพียงไม่กี่คน แต่คนที่เขาต้องพาออกมาด้วยเป็นคนกลุ่มหนึ่งที่มีทั้งเด็กสตรีและคนชรา ดังนั้นการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ออกมาจึงสิ้นเปลืองกำลังมิใช่น้อยเพื่อช่วยคนออกมาได้แล้วเขาก็รีบสั่งให้คนควบคุมตัวนักฆ่าที่จับได้ไปที่กรมอาญาในทันที

“พวกเจ้าว่าอย่างไรสถานที่กักขังคนของจวนเราถูกบุกปล้นเช่นนั้นหรือ” ไหวกั๋วกงที่กำลังรอฟังข่าวจากจวนโหวพอได้ยินว่าสถานที่กักขังคนของตนเองถูกโจมตีก็พลันรู้สึกหัวเสียในทันที

“ส่งคนไปที่กรมอาญา เช้าวันพรุ่งนี้นักฆ่าเหล่านั้นจะต้องถูกส่งตัวไปที่กรมอาญาแน่” เหยียนเซียวผู้เป็นซื่อจื่อของจวนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขามองไหวกั๋วกงครู่หนึ่งแล้วจึงได้เอ่ยออกมา

“ข้าบอกท่านแล้วว่าซ่งเหวินจิ้งไม่ใช่คนที่จะกำจัดได้ง่ายๆ ขนาดถูกต้อนจนไร้ซึ่งหนทางหนี เขายังกล้าเลือกที่จะกระโดดลงเหวไป ดังนั้นการกลับมาคราวนี้เขาจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นแน่ ดังนั้นท่านพ่อคิดผิดแล้วที่ลงมือกับเขาในตอนนี้”

“ไม่ลงมือตอนนี้จะให้ข้าลงมือตอนไหน ฆ่าล้างครัวไปให้หมดได้ยิ่งดี โดยเฉพาะนางจิ้งจอกในจวนของเขาผู้นั้น เหยียนเซียวเจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความคิดของเจ้า ข้าขอบอกเอาไว้เลยว่าตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่เจ้าอย่าได้คิดนำนางเข้าจวน” เมื่อไหวกั๋วกงเอ่ยจบก็สบถออกมาอีกหลายครั้งแล้วเดินไปเดินมาด้วยความกังวลใจส่วนเหยียนเซียวก็ทำแค่เพียงจ้องมองบิดาของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status