องค์หญิงหลี่น่านั่งรอสามีตั้งแต่แม่สื่อพานางมา จนนางกินขนมและผลไม้รองท้องจนเสร็จและนั่งฟังเสียงแขกเหรื่อสนทนากันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะและเสียงบรรเลงพิณในงานเลี้ยง เสียงการดื่มอวยพรที่ดูครึกครื้นไม่น้อย เสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงในงานเลี้ยง สองนางกำนัลที่แอบออกไปดูบรรยากาศด้านนอกกลับมาบอกว่าข้างนอกครึกครื้นเหลือเกิน นางขยับร่างกายไปมาด้วยความปวดเมื่อยเนื้อตัว แม้เปลี่ยนท่าทางการนั่งมาทุกท่าก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าบ่าวที่จะเข้ามาในห้องหอ นางนั่งรอบนเตียงวิวาห์โดยยังอยู่ในชุดที่เต็มยศของเจ้าสาว จนกระทั่งเสียงทุกอย่างด้านนอกค่อยๆเงียบลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งทุกอย่างเงียบสนิทลง ไม่มีแม้แต่เสียงบ่าวไพร่ที่กำลังช่วยกันเก็บข้าวของหลังจากงานเลี้ยงเสร็จสิ้นแล้ว ทุกอย่างในจวนแม่ทัพเงียบสนิทโดยสิ้นเชิง
องค์หญิงหลีน่าหันไปมองสองนางกำนัลที่ง่วงนอนจนทนไม่ไหว นั่งหลับบนเก้าอี้กลมที่อยู่กลางห้องนั้น คนหนึ่งฟุบลงกับโต๊ะกลมนั้น อีกคนหนึ่งนั่งสัปหงกหัวโยกไปมาดูน่าเวทนา องค์หญิงหลี่น่าที่ทนต่อไปไม่ไหวจึงได้เรียกทั้งสองเบาๆ “ เหม่ยอี้เพ่ยอี้ มาช่วยข้าเปลี่ยนอาภรณ์ก่อน ข้าอยากจะอาบน้ำและเข้านอนแล้ว ปวดเมื่อยเนื้อตัวจนทนไม่ไหวแล้ว ” สองนางกำนัลสะดุ้งตื่นทันที “ เพคะองค์หญิง ” แล้วพากันรีบกระวีกระวาดตรงไปช่วยองค์หญิงร่างใหญ่เปลี่ยนอาภรณ์ทันที พวกนางพากันพยุงร่างอ้วนใหญ่ในชุดเจ้าสาวที่ถอดมงกุฎหงส์และเครื่องประดับบนศีรษะและตามร่างกายออกจนหมด พาเดินไปหลังฉากกั้นที่มีอ่างอาบน้ำใบใหญ่ที่ตอนนี้มีน้ำอุ่นที่เริ่มจะเย็นแล้ว
“ องค์หญิงรอสักครู่จะดีหรือไม่เพคะ หม่อมฉันจะไปต้มน้ำร้อนมาเพิ่มสักหน่อยจะได้แช่น้ำอุ่นกว่านี้เพคะ ” หลีน่าส่ายหน้าน้อย ๆ “ ไม่ต้องมากความไปหรอก ตอนนี้มันดึกแล้ว ข้าอยากจะเพียงแค่รีบอาบน้ำแล้วเข้านอน ส่วนน้ำมันจะไม่ค่อยอุ่นก็ช่างเถอะ เจ้าเองก็เหนื่อยกันมามากแล้ว มาช่วยข้าอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วเข้านอน ส่วนพวกเจ้าจะได้ไปพักผ่อนบ้าง วันนี้เหนื่อยกันแทบทุกคน ” สองนางกำนัลจึงรีบทำตามคำสั่ง ร่างอวบอ้วนขององค์หญิงหลีน่าแม้ร่างกายจะอ้วนใหญ่มาก แต่นางก็มีผิวพรรณที่ดี ใบหน้าก็มีเค้าว่าจะงดงามมาก ผิวหน้านั้นเนียนใส หากลดความอ้วนได้และมีรูปร่างดังเช่นคุณหนูในห้องหออื่นๆ นางจะกลายเป็นหญิงที่งามปานจะล่มเมืองอย่างแน่นอน
เหม่ยอี้ครุ่นคิดถึงเรื่องนายหญิงของตน พวกนางก็รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าบ่าวคงจะไม่อยากจะมาเข้าหอ แม่ทัพไป๋ผู้นั้นหล่อเหลายิ่งนัก รูปร่างก็สูงสง่าองอาจ หญิงงามหลายๆคนในเมืองนี้ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะเป็นฮูหยินของเขา แต่ผู้ที่ได้แต่งงานกับเขาสมใจกลับเป็นองค์หญิงอ้วนที่ใครๆก็แอบซุบซิบกันว่าช่างไม่สมกันเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยนางเป็นองค์หญิงจะมีใครกล้าปากมากกัน เพียงแค่แอบซุบซิบกันเบาๆ ตามร้านเสริมความงาม ภัตตาคาร หรือไม่ก็ร้านค้าต่างๆและสถานที่ ๆ มีฮูหยินและคุณหนูจวนต่างๆที่มักจะได้พบปะกัน จึงอดไม่ได้ที่จะแอบซุบซิบนินทาและแอบเสียดายแม่ทัพหนุ่มผู้ถูกมัดมือชกผู้นี้
เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้ว องค์หญิงหลีน่าก็เดินกลับมายังเตียงนอนหลังใหญ่แล้วทรุดตัวลงนั่งบนฟูกหนานุ่มนั้น “ เจ้าทั้งสองไปพักผ่อนเถิด หรี่แสงตะเกียงให้ข้าก็พอ หากข้าง่วงมากกว่านี้จะเข้านอนเอง ตอนนี้ขอนั่งคิดอะไรเงียบๆก่อน เจ้าไม่ต้องเป็นห่่วงข้า พรุ่งนี้เช้าค่อยมาดูแลข้าก็ได้ ” ทั้งสองนางกำนัลรับคำเบาๆ แม้จะเป็นห่วงนายของตนแต่ทั้งสองก็เหน็ดเหนื่อยและง่วงนอนมากจริงๆ จึงได้ยอมกลับออกไปจากห้องหอนั้น แล้วปิดประตูตามหลัง แล้วเดินไปทางหลังเรือนเพื่อพักผ่อนในห้องนอนของตนเอง เรือนตะวันตกนี้เป็นเรือนเล็กที่มีเพียงสองห้องนอน มีห้องโถงด้านหน้าที่เอาไว้กินอาหารและพักผ่อน และมีระเบียงด้านข้างและด้านหน้าที่เชื่อมระหว่างกัน สามารถเดินทะลุไปหากันได้ เรือนนี้ตกแต่งแล้วก็น่าอยู่ มีขนาดกระทัดรัด องค์หญิงหลี่น่าก็ชื่นชอบเรือนเล็กแห่งนี้ และมันยังดูร่มรื่นดีอีกด้วย
เสียงกระดิ่งลมที่แขวนไว้ที่ชายคาด้านข้างที่มีระเบียงยื่นออกไปตอนนี้ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆเป็นบางครั้งด้านนอกคงจะมีลมพัดเบาๆ องค์หญิงหลี่น่านั่งอยู่บนเตียงวิวาห์สีแดงที่มีม่านบางๆสีแดงผูกไว้ทั้งสี่ด้าน ทั้งผ้าปูเตียงและหมอนก็เป็นสีแดง ปลอกหมอนปักรูปนกยวนยางสองตัวอยู่บนหมอนทั้งสองใบนั้น กลางฟูกนอนมีกลีบดอกเหม่ยกุ้ยโรยไว้บนฟูกนอนส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ หลี่น่าหันมองไปรอบๆห้อง ก็พบเข้ากับกาสุรามงคลและจอกที่วางอยู่บนถาดเล็กๆข้างๆกานั้น บนโต๊ะมีผลไม้และขนมมงคลวางอยู่สี่ห้าจาน หลี่น่าจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะกลมนั่น
องค์หญิงหลีน่าลงมือเทสุราในกาลงในจอกใบเล็กที่มันวางกันอยู่สองจอกแต่ตอนนี้คงมีนางเพียงผู้เดียวที่ต้องใช้มัน เจ้าของมันอีกผู้หนึ่งเขาคงมิอยากจะใช้มันเพื่อดื่มสุรามงคลร่วมกับนางหรอก หลี่น่ายกสุรามงคลขึ้นจิบช้าๆ เมื่อหมดแล้วนางก็เทสุรามงคลเติมอีก เมื่อยกสุราขึ้นจิบไปเรื่อย ๆ จนหมดไปหลายจอกแล้ว หลี่น่าก็เริ่มจะมึนเมา นางหันไปมองรอบๆห้องหอที่เงียบเหงานั้น น้ำตาเม็ดโตก็ไหลรินลงมาตามแก้มอวบทั้งสองข้าง แต่นางมิได้เช็ดมัน ปล่อยให้มันไหลรินลงมาช้าๆ นางมิได้โทษแม่ทัพไป๋ที่รังเกียจจนไม่อยากจะร่วมหอกับนาง แต่นางโทษตนเองที่หลงรักบุรุษอย่างหน้ามืดตามัว
ด้วยความเป็นองค์หญิงผู้เดียวในราชวงศ์นี้ พี่ๆที่เป็นชายทั้งสิ้นตามใจนางเหลือเกิน ดูแลนางดังเช่นเด็กเล็กจนถึงบัดนี้ ทำให้นางมองโลกสดใส มองว่าใครก็ต่างรักใคร่นาง แม้ต้องการสิ่งใดก็มักจะได้มาโดยง่ายไม่เคยต้องใช้ความพยายามเลยแม้แต่น้อย เมื่อหลงรักบุรุษก็ไปบอกพี่ชายให้ไปทูลขอกับเสด็จพ่อจนได้มาอย่างง่ายดายเช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆที่นางเคยอยากจะได้ แต่นางลืมคิดไปว่าสามีที่นางร่ำร้องอยากจะได้นั้นเป็นคน เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ มีรัก มีเกลียด มีพึงใจ ไม่พึงใจ ไม่สามารถจะบังคับจิตใจของใครให้มารักเราทั้ง ๆที่เขาไม่เต็มใจมันทำมิได้ อย่างเช่นที่แม่ทัพผู้นี้กำลังแสดงให้นางได้เห็นอยู่อย่างชัดเจนในตอนนี้
นางรู้ตัวตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าเข้ามาในจวนแม่ทัพแห่งนี้แล้ว แม่ทัพไป๋มิได้ปิดบังท่าทางซังกะตายของเขาเลย เขาทำทุกอย่างดังเช่นมิได้เต็มใจ และเหมือนดั่งถูกบังคับใจจิตใจอย่างยิ่ง เขาทำพิธีไหว้ทั้งสี่กับนางอย่างไร้ความสุข นางมองเห็นมันได้ชัดเจนทั้งใบหน้าและดวงตาของเขามันว่างเปล่าและเฉยชาเป็นอย่างมาก เขาไม่แต่จะหันมาสบตากับนาง หรือหันมามองนางอย่างรักใคร่หรือแม้แต่มองนางด้วยความเมตตา
นางมองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ในใบหน้าและดวงตาเฉี่ยวคมของเขาเลยแม้แต่น้อย มันบ่งบอกว่าครั้งนี้นางได้ทำผิดพลาดไปเสียแล้ว เขามิใช่สิ่งของ ของเล่น หรือเครื่องประดับสวยงามที่นางเคยอยากจะได้ แล้วไปรบเร้าบรรดาพี่ชาย หรือเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของนาง หลังจากนั้นนางก็จะได้มันมาอย่างง่ายดาย แม้ครั้งนี้นางจะได้แต่งงานกับเขาอย่างง่ายดายเช่นกัน แต่มันคล้ายกับได้เพียงร่างกายของเขาแต่มิได้จิตใจของเขาเลยแม้แต่น้อย นับสิ่งที่องค์หญิงหลีน่าผู้ไม่เคยเผชิญความผิดหวังและความไม่ได้ดั่งใจเลยมาตั้งแต่เล็กเพิ่งจะได้เผชิญกับมันอย่างชัดเจนในวัันนี้นี่เอง นางยกจอกสุราดื่มไปเรื่อย ๆ ดื่มไปก็พร่ำเพ้อกับตนเอง และน้ำตาเม็ดโตก็หลั่งไหลไม่ขาดสาย
แม่ทัพไป๋เฟยหลงเมื่อได้รับจดหมายจากท่านอ๋องแปดก็พาเมียรักเดินทางกลับเข้าแคว้นชิงทันที มิต้องพานางไปซ่อนตัวอีกแล้ว เพราะองค์ชายผู้นั้นมิได้คิดจะติดตามหลีน่ามา เขาจึงได้ขี่ม้าพานางกลับอย่างไม่ต้องเร่งร้อนมากนัก สองสามีภรรยาพากันขี่ม้าชมป่าเขาและทุ่งหญ้ากว้างกลับมาอย่างมีความสุขหลีน่าเพิ่งรู้ว่ามีความสุขมากเพียงใดที่ขี่ม้ามากับคนรักและพากันชมทิวทัศน์สองข้างทาง และบางครั้งก็ผ่านทุ่งหญ้ากว้างที่มีสัตว์เลี้ยงกินหญ้าอยู่ บางครั้งก็ผ่านป่าโปรงที่มีดอกไม้ป่าหลากสีสันเต็มทุ่งกว้างที่มองไปแล้วสบายตายิ่งนัก “ ท่านพี่เจ้าคะ ข้าชอบมาขี่ม้าเที่ยวกับท่านมากเลยเจ้าค่ะ ไว้คราวหน้าท่านพาข้ามาอีกนะเจ้าคะ ” แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มน้อยๆ มือหนาของเขาโอบเอวบางของนางเอาไว้หลวมๆ ร่างอวบอิ่มเอนกายพิงอกอุ่นของสวามีแล้วชี้ชวนกันดูสิ่งต่างๆที่ม้าวิ่งเหยาะย่างผ่านไปช้า ๆ นั้น “ พี่พาเจ้ามาได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้คงจะต้องเว้นว่างไปก่อนเพราะพี่คิดว่าเจ้ากำลังตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ” หลีน่าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของสวามี “ ท่านพี่รู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ” มือหนาของเขาลูบไล้หน้าท้องของนางไปมา “ พี่คิดว่าเจ้าอวบอิ่มขึ้นมากนะ ด
องค์ชายซ่งที่ก้มลงไล้เลียผลอิงเถาไปมาเขาทั้งดูดทั้งไล้เลียมันอย่างมัวเมา สลับกับฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่นั้นไปมา ผลอิงเถาของหญิงชาวบ้านผู้นี้ทำเอาเขาติดใจไม่น้อย นางแอ่นอกอวบใหญ่เพื่อปรนเปรอเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ องค์ชายซ่งจึงได้คลายผ้าคาดเอวของตนเอง แล้วดึงกางเกงลงจนเจ้าลูกชายอวบใหญ่ที่พองขยายเกือบจะเต็มที่นั้นออกมาแล้วสอดมันเข้าไปในร่องอวบที่เริ่มมีน้ำรักไหลซึมออกมานั้น เมื่อสอดมันเข้าไป เขาพบว่ามันยังคงคับแน่น แต่นางมิใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว แต่ร่องอวบนี้มันก็ตอดรัดเขาหนุบหนับเหลือเกินจนเขาเสียวซ่านไปหมด แทบจะเสร็จสม แม้นางมิใช่สาวบริสุทธิ์แต่เขาถูกใจความอวบอั๋นเต็มไม้เต็มมือ เขาฟอนเฟ้นร่างอวบของนางจนทั่วรู้สึกติดใจไม่น้อย ขณะนี้เจ้าลูกชายที่สอดเข้าไปจนมิดก็ค่อย ๆ ขยับเข้าออกช้าๆด้วยจังหวะที่เนิบนาบจนกระทั่งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ฟางเซียงที่เริ่มจับจังหวะรักของเขาได้ก็ยกสะโพกอวบของตนขึ้นลงกระแทกลำกายที่ใหญ่เหลือเกินของเขาอย่างรุนแรง ปากอวบอิ่มของนางก็ร้องครวญครางอย่างเสียวซ่านเหลือเกิน นางต้องการปลุกเร้้าเขาจึงเสแสร้งครวญครางด้วยเสียงกระเส่า “ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าา อ๊ะ อ๊าา อ๊า ผัวของฟางเซียง อ๊าา
ด้านองค์ชายซ่ง ค่ำคืนที่แม่ทัพไป๋ได้ลักพาตัวขององค์หญิงหลีน่าหนีออกไป เขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวถึงแผนการณ์ของเหล่าองค์ชาย จึงได้เข้าไปนั่งดื่มสุราเพียงผู้เดียวที่ห้องพักแรมของเขา ขณะนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าควรจะแต่งงานกับองค์หญิงหลีน่าหรือไม่ แม้เขาจะยังรักและหลงไหลนางแต่ความรู้สึกของเขาในขณะนี้รู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังมีบางสิ่งที่เขาไม่รู้เกิดขึ้นอยู่ใต้จมูกของเขา ขณะที่กำลังสับสนกับตนเองอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ เอาอาหารมาส่งเจ้าค่ะ ” มีเสียงสตรีที่หวานไม่น้อยดังขึ้นที่หน้าห้องพักของเขา เมื่อเขาเอ่ยปากอนุญาติก็มีเสียงประตูเปิดเข้ามาแล้วปิดลงตามหลัง จากนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เอาอาหารมาส่งนั้น ปรากฏว่าเป็นสตรีใบหน้าหวานล้ำ ขาวผ่องผู้หนีึ่ง แม้นางจะอยู่ในชุดสาวรับใช้ที่เขาคิดว่านางน่าจะเป็นสาวใช้ที่นี่ แต่หน้าตาและผิวพรรณก็งดงามเกินสาวใช้ทั่วไป เขาจ้องมองนางเดินยกถาดไม้ตรงมาที่โต๊ะกลมที่เขานั่งอยู่ เมื่อเดินมาถึงโต๊ะกลมนางก็ยกจานอาหารสามสีี่จานวางลงบนโต๊ะกลมนั้น อาหารมีกลิ่นหอมน่ากิน บางจานยังม่ีควันลอยกรุ่นขึ้นมาแสดงว่าอาหารเหล่านี้เพิ่งปรุงสุก “ อาหารที่นายท่านสั่งทั้ง
เมื่อพากันตื่นขึ้นมาในเวลาใกล้จะถึงยามซื่อของอีกวัน แม่ทัพหนุ่มพาเมียรักไปอาบน้ำกันในลำธารที่ใสที่ไหลรินนั้น น้ำในช่วงเช้าเย็นสดชื่นยิ่งนัก องค์หญิงหลีน่าหันมองไปรอบๆกายแล้วจึงค่อยถอดอาภรณ์ของตนเองออกแล้วก้าวลงไปในลำธารใสนั่นทันที นางเดินไปอีกเล็กน้อยจนถึงโขดหินใหญ่แล้วก็ค่อยๆขัดเนื้อตัวของตนเองอย่างสบายใจ จู่ ๆก็มีมือหนาคู่หนึ่งอ้อมมานวดเฟ้นอกอวบใหญ่ของนางเบาๆ หลีน่าจึงได้หันไปมองพบใบหน้าที่หล่อเหลาเหลือร้ายของสามีตนเอง สบตาคมที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่หลงไหลอยู่เต็มเปี่ยม นางจึงได้เอนกายพิงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของสวามีแล้วหลับตาพริ้ม มือหนานวดเฟ้นอกอวบใหญ่นั้นจากนวดเบาๆจนกระทั่งเพิ่มแรงบีบเค้นเพิ่มขึ้นสลับกับสะกิดผลอิงเถาของนางไปมา“ อ๊าา อ๊าา ท่านพี่ อ๊าา อ๊ะ อ๊ะ ” หลีน่าส่งเสียงครางเบาๆออกมาอย่างเสียวซ่าน เมื่อได้ยินเสียงครางของเมียรักมือหนาจะได้บีบบี้ผลอิงเถาของนางยิ่งขึ้น หลีน่าที่เอนกายพิงอกแกร่งนั้นแอ่นอกอวบไปมาเพราะความเสียวซ่านที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อฟอนเฟ้นอกอวบของเมียรักจนพอใจ เขาจึงได้จับร่างอวบของนางหันหน้าเข้าหาตนเองแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่ม ลิ้นทั้งสองเกี่ยวพ
แม่ทัพหนุ่มครางเบาๆในลำคอหนา เขาเสียวเหลือเกิน สุขสมสุดๆ อย่างที่ไม่เคยกับหญิงใด เพราะเขารักนาง รักนางเหลือเกิน เมียรักของเขา สะโพกหนายกเสยลำกายอวบใหญ่เข้าไปในร่องอวบของนางที่กระแทกกระทั้นลงหาเขาอย่างรุนแรงทั้งจากแรงส่งของม้าและตัวของนางเองที่ขย่มลงมาหาลำกายอวบใหญ่ของเขาอย่างร่านร้อน” อ๊าา อ๊าา อ๊าาา ท่านพี่เจ้าขา ท่านพี่ข้ารักท่าน ข้ารักท่าน อ๊าาา อ๊าาย อ๊าายย “ องค์หญิงหลีน่าที่ปากก็ร้องครวญครางเพราะเสียวซานเกินจะทนและตัดสินใจสารภาพรักกับสวามีของนางทันทีที่นางรู้ว่าตัวของนางจะยอมให้เขาเพียงผู้เดียวที่จะมาขย่มนางเช่นนี้และนางเองก็จะขย่มเขาได้เพียงผู้เดียวเช่นกัน ทั้งสองร้องครวญครางผสานกันอย่างสุขสมเหลือเกิน และเสร็จสมไปครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ทั้งกระแทกเข้าหากันอย่างเร่าร้อน ทั้งเสร็จสม ทั้งลูบไล้กันไปมาอย่างโหยหากันเหลือเกิน ” อ๊ากก อ๊าา เมียจ๋า เมียรัก พี่รักเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้น เชื่อพี่นะ พี่รักเจ้า อ๊าากก อ๊าาาก “ แม่ทัพหนุ่มร้องครวญครางและสารภาพความในใจกับเม่ียรักของเขาจนหมด เขารักนางเหลือเกิน ทนเสียนางไปไม่ได้ เขายอมทุกอย่างเพื่อที่จะได้นางกลับมา ทั้งสองโยกขย่มกันอย่า
ด้านองค์หญิงหลีน่าที่หลับไหลไปด้วยฤทธิ์ยานอนหลับที่สวามีใช้ในการพานางหนีเพื่อไม่ให้นางตื่นมาโวยวายจนแผนการณ์ครั้งนี้ล้มเหลว ตอนนี้นางนอนหลับพิงอกแกร่งของสวามีที่กำลังควบขี่ม้าสีน้ำตาลเข้มตัวสูงใหญ่ดูแข็งแรงที่เป็นมันพันธ์ดีและเป็นม้าคู่กายของเขาที่ใช้ในการออกรบเสมอ มันแข็งแรงยิ่งนัก และมีฝีเท้าที่รวดเร็ว เขาควบขี่พานางลัดเลาะมาตามเส้นทางเพื่อจะกลับไปยังแคว้นชิงแต่่ระหว่างทางคงจะแวะพานางไปนอนที่จวนเล็กๆริมเชิงเขาที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อฝึกยุทธ์และพักผ่อนอย่างสงบเวลาที่ไม่ต้องการพบปะผู้ใด เขาจะต้องง้องอนนางและสั่งสอนนางเรื่องที่จะหนีเขาไปหาสามีใหม่ทั้ง ๆที่ยังไม่ได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการ แม้นางยังไม่ได้แต่งงานกับเจ้าองค์ชายนั่น แต่ถึงกับไปท่องเที่ยวแคว้นต้าเหนิงตามคำเชิญของเจ้านั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่ตกลงจะแต่งงานกับมันหญิงอ่อนแอเช่นนางหากเข้าไปอยู่ในแคว้นนั่นแล้วจะรอดพ้นเงื้อมมือของคนที่จ้องจะจับนางทำเมียหรือ เขาไม่คิดว่านางจะรอดพ้นบุรษเจ้าเล่ห์ผู้นั้นไปได้ และในที่สุดเขาจะต้องเสียเมียของเขาให้ชายอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เขายอมไม่ได้เป็นอันขาด คราวนี้ได้ตัวนางกลับมาแล้ว เขาจะขังนางเอ