مشاركة

บทที่ 10

مؤلف: SnailW
last update آخر تحديث: 2025-11-06 16:21:50

ตอนที่ 9

เช้าวันนั้น หลังจากลุงโจวเดินเล่นรอบลานเสร็จ เขาก็นั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านกับเพื่อนเก่าอีกสองสามคน

“พี่โจว ข้าถามจริงเถอะ” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยพลางขมวดคิ้ว “ยาที่ท่านทาขาใช่ขี้ผึ้งที่ซื้อจากร้านหมอหลี่หรือไม่? ข้าเคยใช้ของเขาแล้วไม่เคยเห็นได้ผลเร็วแบบท่านเลย”

อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ กลิ่นที่ข้าได้กลิ่นเมื่อคราวก่อน มันไม่เหมือนของที่หมู่บ้านเราขายกัน กลิ่นสมุนไพรชัดเจนกว่าอีก”

ลุงโจวยกยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่ของหมอหลี่ ขี้ผึ้งนี้ทำโดยเสี่ยวซู”

“เสี่ยวซู?” เพื่อนทั้งสองมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ

ก่อนที่ลุงโจวจะอธิบายอะไรต่อ โจวซื่อก็เดินออกมาจากครัว พอดีได้ยินบทสนทนา นางจึงยิ้มภูมิใจและเสริมขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

“ใช่แล้ว ขี้ผึ้งที่สามีข้าใช้ นางเป็นคนทำเองกับมือ ทุกคืนหลังทาก่อนนอน สามีข้าหลับสนิท ไม่สะดุ้งเพราะปวดขาอีกเลย”

เพื่อนบ้านทั้งสองคนตาโต “จริงรึ? ข้าเองก็ปวดเอวมาหลายปี หากนางทำให้ได้ ข้าก็อยากลองใช้ดูบ้าง”

โจวซื่อหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าลองคุยกับนางโดยตรงก็ได้ อวี้หนิงเป็นเด็กดี ขยันขันแข็ง ถ้าไม่ยุ่งเกินไปนางก็คงยินดีทำให้”

เสียงสนทนาและเสียงหัวเราะดังไปทั่วลานบ้าน ไม่นานนักข่าวลือเรื่องขี้ผึ้งสมุนไพรที่ทำโดยซูอวี้หนิงก็แพร่ไปในหมู่บ้านอีกระลอก

ตกเย็น ขณะที่ซูอวี้หนิงกำลังตำสมุนไพรในครัวอยู่ ก็มีเพื่อนบ้านอีกคนเดินมาหา

“เสี่ยวซู ข้าได้ยินจากพี่โจวว่าขี้ผึ้งของเจ้าช่วยบรรเทาอาการปวดขาได้ ข้าขอลองใช้สักหน่อยได้หรือไม่?”

ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นยิ้มบาง ๆ ก่อนพยักหน้า “ได้เจ้าค่ะ แต่ข้าขอถามอาการของท่านก่อน ขี้ผึ้งที่ทำแต่ละขนานอาจต้องปรับสมุนไพรให้เหมาะสมกับโรค”

คำพูดจริงจังของนางทำให้เพื่อนบ้านคนนั้นประหลาดใจ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่า ขี้ผึ้งที่ใช้ทาทั่วไปจำเป็นต้องสอบถามอาการด้วย?

โจวจวงจื่อที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ยิ้มขำ “ดูท่าอีกหน่อยเจ้าคงจะได้ทำขี้ผึ้งทุกวันไม่เว้นว่างแล้วล่ะ”

ซูอวี้หนิงเพียงหัวเราะเบา ๆ พลางเช็ดมือ นางไม่ได้รังเกียจ กลับรู้สึกดีที่สิ่งที่ตนทำช่วยให้คนอื่นเจ็บปวดน้อยลง

“เสี่ยวซู พวกเรามาขายขี้ผึ้งนี้กันดีหรือไม่?”

“ขายขี้ผึ้ง?” ซูอวี้หนิงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนหันมามองโจวจวงจื่อที่พูดด้วยแววตาจริงจัง

“ใช่สิ” โจวจวงจื่อพยักหน้าหนักแน่น “ดูสิว่าตอนนี้มีคนมาขอเจ้ามากแค่ไหน ถ้าเจ้าทำขาย ไม่เพียงช่วยคนได้มากขึ้น ยังอาจมีเงินเก็บเพิ่มสำหรับซ่อมหลังคาบ้านหรือซื้อเมล็ดพันธุ์ดี ๆ ในฤดูหน้า”

คำพูดนั้นทำให้ซูอวี้หนิงเงียบคิด นางรู้ดีว่าตัวเองมีความรู้ด้านสมุนไพรจากโลกเดิม การทำขี้ผึ้งเหล่านี้ไม่ยากนัก เพียงแต่ต้องมีเวลาตากสมุนไพรและเตรียมส่วนผสมให้พร้อม หากทำเป็นเรื่องจริงจัง นางก็ต้องจัดสรรเวลาให้ดี

“เสี่ยวซู” โจวซื่อที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัวเสริมขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็เห็นด้วยกับจวงจื่อ เจ้าลองทำเพิ่มแล้วขายดูก็ได้ เผื่อจะช่วยให้คนในหมู่บ้านหายปวดเมื่อยกันมากขึ้น”

ซูอวี้หนิงค่อย ๆ คลี่ยิ้ม นางเช็ดมือให้สะอาดแล้วนั่งลงอย่างตั้งใจ “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะลองทำดู แต่ต้องเริ่มจากการบันทึกสูตรให้ละเอียดก่อน ข้าต้องรู้แน่ว่าใครมีอาการแบบใด แล้วจะปรับสมุนไพรให้เหมาะกับคนนั้น แต่ว่าหากทำสมุนไพรเช่นนี้ขาย เราจะต้องแจ้งทางการก่อนหรือไม่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามคนก็นิ่งเงียบลงทันที เพราะพวกนางไม่มีความรู้ด้านนี้เลยแม้แต่น้อย หากทำขึ้นมาเพื่อใช้เองอาจจะไม่เป็นเรื่องใหญ่ แต่หากทำขึ้นเพื่อขาย อาจจะต้องแจ้งทางการก่อนหรือไม่?

“เรื่องนั้นไม่จำเป็น”

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังนิ่งเงียบ เสียงของโจวจื่อเฉียงก็ดังมาจากทางด้านหลังเสียก่อน

โจวจื่อเฉียงที่เดินเข้ามาย่อมได้ยินในสิ่งที่ทั้งสามคนพูดเมื่อครู่

โจวจื่อเฉียงเดินเข้ามาในครัวด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางเอ่ยเสียงเรียบ

“ข้าได้ยินที่พวกเจ้าพูดเมื่อครู่แล้ว เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแจ้งทางการดอก ขี้ผึ้งใช้ทาภายนอกใคร ๆ ก็ทำได้ ตราบเท่าที่ไม่ได้ผสมสมุนไพรต้องห้าม หรือใช้เพื่อรักษาโรคภายในถึงขั้นอันตราย ที่ต้องรายงานทางการมีเพียงยาที่ต้องกินเข้าไปหรือยาที่ต้องใช้รักษาอาการร้ายแรงเท่านั้น”

ซูอวี้หนิงเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาสนใจ “เช่นนั้นข้าก็ทำขายได้เลยหรือ?”

โจวจื่อเฉียงพยักหน้า “ได้สิ ขี้ผึ้งพวกนี้ไม่ใช่ยารักษาโรคร้ายแรง เพียงช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ถือว่าเป็นของใช้ทั่วไปในครัวเรือน ถ้าเจ้าจะขาย ก็เพียงตั้งราคายุติธรรมและแจ้งชัดเจนว่าเป็นยาทาภายนอกก็พอ”

โจวจวงจื่อยิ้มกว้างทันที “นั่นไงล่ะเสี่ยวซู แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เจ้าจะได้ทำขายจริง ๆ !”

“พี่จื่อเฉียง ท่านรู้จักท่านหมอหูมากหรือไม่?” ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่ถามขึ้น

“รู้อยู่บ้าง มีอะไรอย่างนั้นหรือ?” โจวจื่อเฉียงเลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย

“ข้าแค่อยากเรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับท่านหมอหูเจ้าค่ะ จึงอยากรู้ความเป็นมาของท่านหมอหูก็เท่านั้น” ซูอวี้หนิงกล่าว ความจริงแล้วที่นางอยากรู้คืออีกฝ่ายเรียนแพทย์จากที่ใด และในโลกที่นางอาศัยอยู่ตอนนี้หากนางต้องการเป็นหมอรักษาคนไข้จะต้องทำเช่นไร?

แต่ซูอวี้หนิงไม่รู้เลยว่า คำพูดของนางทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่เงียบนิ่งลงทันที

แต่ในตอนนั้นลุงโจวที่กลับมาจากสวนหลังบ้านกลับได้ยินคำพูดของนางเมื่อครู่ ก็ได้สติก่อนใคร

“เสี่ยวซู เจ้าสนใจเรื่องสมุนไพรอย่างนั้นหรือ?”

ซูอวี้หนิงพยักหน้ารับ ก่อนจะกล่าว­ "อาจเป็นเพราะข้าป่วยมานาน จึงเริ่มอยากศึกษาเรื่องสมุนไพร และการรักษาเจ้าค่ะ"

นี่อาจเป็นเพียงข้ออ้างเดียวที่นางสามารถใช้ได้ในตอนนี้

ลุงโจวเมื่อได้ยินเช่นนั้น และมองเห็นแววตาที่จริงจังของอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“เสี่ยวซู ไม่ว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใด พวกเราล้วนสนับสนุนเจ้าเต็มที่ เพียงแต่การเป็นหมอหญิงนั้นไม่ง่ายเลย…”

ซูอวี้หนิงที่ได้ยินก็เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย

“หากเป็นเมื่อก่อน ขอเพียงมีความรู้เรื่องสมุนไพร ก็สามารถเป็นหมอได้ แต่ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ก็ตั้งกฏหมายขึ้นมาว่า ผู้ที่สามารถตรวจรักษาคนป่วยได้ จะต้องร่ำเรียนที่สำนักแพทย์หลวงเท่านั้น”

ลุงโจวกล่าวพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว

สาเหตุที่ฮ่องเต้องค์พระองค์ใหม่ทรงทำเช่นนี้ ก็เพื่อให้ทุกคนที่มีความรู้ความสามารถ สามารถเข้าเรียนสำนักแพทย์หลวงได้ เพราะก่อนหน้านี้ ความรู้เรื่องใบสั่งยาและสมุนไพรต่าง­ ๆ จะถูกสืบทอดเพียงในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งเท่านั้น ทำให้ความต้องการหมอรักษานั้นมีมากยิ่งขึ้น และเมื่อเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านทั่วไปเมื่อต้องเข้ารับการรักษา จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการตรวจหรือฝังเข็มเพียงหนึ่งครั้ง

การที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่จัดตั้งสำนักแพทย์หลวงขึ้น ทำให้ตอนนี้มีคนจบจากสำนักแพทย์หลวงจำนวนมากกระจายตัวไปยังหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อทำการรักษาชาวบ้าน แต่ถึงอย่างนั้น หมอก็ยังคงไม่เพียงพอต่อประชากรภายในแคว้น

“แม้หมอจะเป็นที่น่ายกย่องของชาวบ้าน แต่กับหมอที่เป็นสตรีนั้นกลับต่างออกไป” โจวจื่อเฉียงที่นั่งอยู่กล่าวเสริมขึ้นกับคำพูดของบิดา

“???” ซูอวี้หนิง

“สตรีที่เข้าไปเรียนในสำนักแพทย์ส่วนใหญ่จะทำได้เพียงเป็นผู้ช่วยเท่านั้น และงานส่วนใหญ่จะเป็นงานชั้นต่ำทั้งสิ้น”

แม้โจวจื่อเฉียงจะไม่ได้บอกว่างานชั้นต่ำคือสิ่งใด แต่ซูอวี้หนิงกลับเข้าใจมันเป็นอย่างดี… มันคืองานเก็บกวาดเช็ดถูของเสียที่ออกมาจากตัวผู้ป่วย..

และเมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ต่างนิ่งเงียบลงทันที

“เพราะเหตุใดหมอที่เป็นสตรีจำต้องทำงานเหล่านั้น และหากสตรีที่มีความรู้ความสามารถเทียบเท่าบุรุษเล่า?” ซูอวี้หนิง

ลุงโจวที่ได้ยินก็ชะงักเล็กน้อย เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะมีสตรีที่ใดมีความสามารถมากกว่าบุรุษกัน? อย่าว่าแต่มีความรู้ความสามารถมากกว่าบุรุษเลย เพียงหาสตรีที่อ่านออกเขียนได้ก็นับว่ายากมากแล้ว

แต่การที่ซูอวี้หนิงสามารถอ่านออกเขียนได้นั้นเป็นเพราะมารดาของนาง

ส่วนโจวจวงจื่อที่สามารถอ่านออกเขียนได้ ก็เป็นเพราะมารดาของซูอวี้หนิงเอ็นดูในตัวนางเช่นกัน…

“เรื่องนี้…”

“ท่านลุง…เรื่องนี้เอาไว้พูดกันวันหลังดีกว่า ตอนนี้ข้าเพียงสนใจเรื่องสมุนไพรเท่านั้นเจ้าค่ะ” ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่กล่าวขัดขึ้นมาก่อน

เรื่องนี้เร่งรีบไปก็ใช่จะดี นางยังพอมีเวลาอยู่…

ส่วนเรื่องเข้าเรียนที่สำนักแพทย์หลวงนั้น… คือสิ่งที่นางตั้งเป้าหมายเอาไว้ในตอนนี้…

………………

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 40

    ตอนที่ 26แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ ส่องลงบนผ้าปูสีแดงที่ยังคงยับย่นจากการเคลื่อนไหวเมื่อคืน ความอบอุ่นในอากาศช่างแตกต่างจากความร้อนพลุ่งพล่านของคืนวานราวฟ้ากับดินซูอวี้หนิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมและลมหายใจสม่ำเสมอคลออยู่ข้างหู นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงั

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 39

    เขาเดินมาหยุดหน้าฉากแม้จะไม่ก้าวล้ำเข้าไป แต่เพียงยืนใกล้ ๆ ก็ทำให้ซูอวี้หนิงรู้สึกถึงลมหายใจที่มั่นคงของเขา“เมื่อกี้ดื่มสุราเพียงนิดเดียว ไม่น่าทำให้เป็นแบบนี้”เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ออกมาหาข้าหน่อย”ซูอวี้หนิงพยายามลุกขึ้น แต่ขากลับอ่อนแรงจนลุกได้ช้ากว่าปกติ ทว่าก็ยังคงยืนขึ้นแล

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 38

    ตอนที่ 25ยามค่ำคืนแห่งวันมงคลยามสนธยาค่อย ๆ คลี่คลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สุดท้ายลาลับหลังแนวภูเขา ทิ้งความอบอุ่นไว้ก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนที่ ชาวบ้านที่ยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้โคมไฟแดงต่างทยอยลุกขึ้นกลับบ้าน เสียงหัวเราะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงลมค่ำพัดเอื่อยและแสงโคมแดงที่ไหวระริก

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 37

    โจวซื่ออมยิ้มพลางจัดชายแขนเสื้อให้เธออีกครั้ง“เจ้าบ่าวมาถึงแล้วล่ะเสี่ยวซู เจ้าต้องนั่งสงบ ๆ นะ อย่าลุกลี้ลุกลน…เจ้าสวยอยู่แล้ว”โจวจวงจื่อหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะออกไปดูหน้าเจ้าบ่าวให้ก่อนว่าทำหน้าเหมือนคนพร้อมแต่งหรือไม่”ด้านนอก โจวซื่อเปิดประตูเรือนเล็กน้อยแล้วโผล่หน้าออกไป เห็นเฟิ่งอวี่เซียนยืนอยู่

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 36

    ตอนที่ 24ในที่สุดวันงานมงคลก็มาถึงแสงอรุณแรกของวันมงคลสาดลอดผ่านหมอกบางเหนือยอดไม้ของหมู่บ้านเล็ก ๆ เสียงไก่ขันแผ่วเบาและกลิ่นควันไฟจากครัวเรือนที่เริ่มตื่นเช้าคละเคล้ากันไปทั่ว บรรยากาศของวันทั้งวันเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอ่อน ๆบ้านของตระกูลโจวที่ปกติเรียบง่าย กลับมีสีแดงสดแต่งแต้มประปรายไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 35

    ตอนนี้ภายในบ้านมีเพียงเขาคนเดียว เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันมงคล ครอบครัวโจวได้ให้ซูอวี้หนิงไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นตรงนอกประตู ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะค่อย ๆ คุกเข่าลง“ท่านแม่ทัพ”เฟิ่งอวี่เซียนไม่ได้หันมอง แต่เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ“รายงาน

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status