مشاركة

บทที่ 9

مؤلف: SnailW
last update آخر تحديث: 2025-11-06 16:20:07

ตอนที่ 8

การรักษาผ่านไปด้วยดี ในตอนนั้นเองที่ทำให้โจวจวงจื่อพึ่งนึกขึ้นได้ว่า เวลานี้ซูอวี้หนิงยังไม่ได้กินอาหารเช้า เพราะตนเองมัวแต่ตกใจกับเรื่องของเสี่ยวเถา เมื่อจัดการเก็บของเสร็จ นางจึงรีบเข้าครัวเพื่อทำอาหารง่าย ๆ ให้อีกฝ่ายได้กินอย่างรวดเร็ว

ทำให้ตอนนี้ด้านนอกเรือนมีเพียงซูอวี้หนิงและโจวจื่อเฉียง อยู่กันตามลำพังเพียงสองคน

ซูอวี้หนิงยกน้ำชาที่ยังอุ่น­ ๆ ขึ้นมาจิบ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของโจวจื่อเฉียงที่มองมาที่นางด้วยความสงสัย เพราะเมื่อผ่านเหตุการณ์น่าตกใจเมื่อครู่มาได้ โจวจื่อเฉียงก็เริ่มนึกสงสัยพฤติกรรมของนางขึ้นมาได้

เพราะไม่เพียงแค่ซูอวี้หนิงรักษาเจ้าเสี่ยวเถาได้สำเร็จ แต่ท่าทางของนางนั้นกลับชำนาญราวกับนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้

แต่ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากถามนาง ลุงโจวที่ไม่รู้ว่าไปที่ใดมา ก็กลับเข้ามาในลานด้านหน้าอีกครั้ง ทำให้โจวจื่อเฉียงไม่ได้ถามออกไป

ซูอวี้หนิงที่เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นางจะหนีออกไปจากสถานการณ์น่าอึดอัดเช่นนี้ นางจึงเดินเข้าไปหาโจวจวงจื่อที่ห้องครัวด้านหลัง และเลือกที่จะนั่งกินอาหารเช้าที่ห้องครัวง่าย ๆ โดยไม่ต้องไปพบกับสายตาของอีกฝ่าย

ข่าวเรื่องอาการป่วยของซูอวี้หนิงที่หายเป็นปกติแล้ว ถูกพูดถึงกับเป็นวงกว้างอย่างเงียบ­ ๆ ทั้งภายในหมู่บ้านและนอกหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนที่อยากรู้ว่าหญิงสาวหายจากอาการเป็นบ้าใบ้จริงหรือไม่ พวกเขาบางคนถึงกับจงใจเดินผ่านหน้าบ้านของนางเพื่อตรวจสอบดู

ตลอดหลายวันมานี้ ซูอวี้หนิงเริ่มติดตามโจวจวงจื่อเข้าไปในหมู่บ้านบ่อยขึ้น ทั้งเพื่อช่วยซื้อของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ และเพื่อพบปะพูดคุยกับหญิงสาวในหมู่บ้าน นางเริ่มหัดทำอาหารและซักเสื้อผ้าด้วยตนเอง แม้ในตอนแรกจะทำได้อย่างเก้ ๆ กัง ๆ จนโจวจวงจื่อต้องคอยสอน แต่เมื่อทำบ่อยเข้า ซูอวี้หนิงก็เริ่มรู้สึกเพลิดเพลิน

กลิ่นควันไฟจากเตาในครัวเช้าตรู่ทำให้นางนึกถึงภาพครอบครัวในอดีตที่เลือนรางอย่างประหลาด ความอบอุ่นเช่นนี้นางไม่ได้สัมผัสมานานแล้ว

โจวจวงจื่อเองก็เริ่มยิ้มมากขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวค่อย ๆ เรียนรู้วิถีชีวิตในหมู่บ้านอย่างตั้งใจ

ซูอวี้หนิงนั่งอยู่ที่ลานบ้านของครอบครัวโจว ขณะยกผ้าขี้ริ้วขึ้นเช็ดมือหลังจากซักผ้าเสร็จ ก็เห็นลุงโจวเดินเข้ามาจากประตูรั้วด้านหน้า

วันนี้ท่าทางของเขาผิดไปจากทุกครั้ง ขาเขายกสูงไม่ถนัด และการก้าวเดินสั้นจนดูชัดว่าบาดเจ็บ เขาใช้ไม้เท้าค้ำตัวมากกว่าปกติ ทำให้เสียงปลายไม้เท้ากระทบพื้นดังถี่และหนัก

ซูอวี้หนิงกับโจวจวงจื่อที่เห็นดังนั้นจึงรีบวางของในมือแล้ววิ่งเข้าไปพยุงแขนเขา

“ท่านพ่อ! วันนี้ท่านไปทำอะไรมา ทำไมเดินถึงได้ลำบากขนาดนี้?” โจวจวงจื่อถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

ลุงโจวส่ายหน้าเบา ๆ สีหน้าแฝงความเหนื่อยล้า “ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ขาเจ็บเก่ากำเริบ… วันนี้ต้องเดินทางไกลกว่าปกติ เลยทำให้ปวดขึ้นมาอีก”

ซูอวี้หนิงประคองเขาไปนั่งบนม้านั่งใต้ต้นไม้ ก่อนจะย่อตัวลงตรวจดูที่ขาอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอสัมผัสเบา ๆ ลุงโจวก็เผลอสะดุ้งเล็กน้อย

“ขาอักเสบจนร้อน น่าจะเป็นเพราะใช้แรงมากเกินไป” ซูอวี้หนิงเอ่ยเสียงนิ่ง

“ท่านลุง ท่านช่วยเปิดบาดแผลเก่าของท่านให้ข้าดูได้หรือไม่?” ซูอวี้หนิงขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยถามอีกฝ่าย

ลุงโจวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอของซูอวี้หนิง แววตาเขาเต็มไปด้วยความลังเล แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาจริงจังของหญิงสาว เขาก็ถอนหายใจยาวเหมือนยอมแพ้

“เจ้าจะไม่ตกใจรึ?” เขาถามเสียงต่ำ

ซูอวี้หนิงส่ายหน้า “ไม่เจ้าค่ะ”

ได้ยินดังนั้น ลุงโจวจึงค่อย ๆ พับขากางเกงขึ้น เผยให้เห็นขาข้างซ้ายที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเก่า รอยหนึ่งเด่นชัดที่สุด เป็นรอยยาวพาดตั้งแต่เหนือเข่าลงมาถึงน่อง คล้ายถูกของมีคมฟันลึกจนแทบขาดจากกัน

รอยแผลเป็นนั้นขรุขระผิดปกติ ผิวหนังที่เชื่อมกันไม่เรียบตึง บางช่วงยุบลึกจนเห็นได้ชัดว่าเส้นเอ็นภายในเคยขาดและต่อกันไม่สมบูรณ์

ซูอวี้หนิงนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเวทนา ก่อนจะยื่นมือไปแตะเบา ๆ เพื่อคลำดูแนวของเส้นเอ็นใต้ผิวหนัง ลุงโจวสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็อดทนไม่ขยับหนี

“นี่เป็นบาดแผลเก่าที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก” นางเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เส้นเอ็นที่ขาดตอนนั้นคงไม่ได้รับการเย็บหรือจัดให้เข้าที่ ทำให้เมื่อสมานกันแล้วเกิดพังผืดเกาะ จึงทำให้ท่านปวดเรื้อรังทุกครั้งที่เดินมากเกินไป”

โจวจวงจื่อที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ กำมือแน่นด้วยความเจ็บใจแทน “ตอนนั้นหมอที่หมู่บ้านไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ?”

ลุงโจวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เสียงเต็มไปด้วยความขมขื่น “ข้าถูกฟันกลางป่าตอนออกไปตัดฟืนตั้งแต่หนุ่ม ๆ ตอนนั้นเลือดไหลไม่หยุด กว่าจะมีคนไปตามหมอมาก็เกือบจะสายแล้ว หมอเพียงแค่หยุดเลือดให้ข้าเท่านั้น”

แค่รอดชีวิตมาได้ก็ประเสริฐมากแล้ว ลุงโจวคิดในใจ

ซูอวี้หนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยเสียงแน่วแน่ “ก่อนหน้านี้ข้าอ่านเจอ ตำรับยาขี้ผึ้งชนิดหนึ่ง เอาไว้ทาลดอาการปวด หากท่านลุงไม่รังเกียจ ข้าจะทำมันให้ท่าน­ เอาไว้ทาก่อนนอนดีหรือไม่เจ้าคะ" ซูอวี้หนิงถามอีกฝ่าย

แต่แทนที่ลุงโจวจะกังวลว่ายาที่หญิงทำขึ้นอาจจะเป็นอันตรายได้ เขากลับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนราวกับว่าต่อให้นางเอายาพิษมาให้เขากิน เขาก็จะยิ้มรับมันดื่มเข้าไป…

เพราะเหตุใดกัน?…

หากเป็นซูอวี้หนิงคนก่อนอาจไม่คิดอะไร… แต่นางที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มากมายมาแล้วชีวิตหนึ่ง ย่อมมองออกถึงความผิดปกตินี้

“เอาสิ ลุงจะลองใช้ดู” ลุงโจวกล่าวกับซูอวี้หนิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ช่วยโจวจวงจื่อทำงานบ้านเสร็จ ซูอวี้หนิงก็จัดรายการสมุนไพรลงบนแผ่นไม้เขียนด้วยถ่าน พร้อมทั้งระบุสัดส่วนที่ต้องการอย่างชัดเจน ก่อนจะยื่นให้โจวจื่อเฉียงที่กำลังจะเข้าเมือง

“พี่จื่อเฉียง หากวันนี้ท่านเข้าเมืองได้ ช่วยหาสมุนไพรเหล่านี้ให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ” ซูอวี้หนิงยื่นแผ่นไม้ให้ น้ำเสียงสุภาพแต่จริงจัง

โจวจื่อเฉียงรับมาอ่าน ไล่ตามตัวอักษรที่เขียนด้วยลายมือที่ค่อนข้างอ่านยากของนาง “เถาวัลย์เถื่อน ขมิ้นป่า รากเจียวกู่ และน้ำมันงา?” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้านี่รู้จักสมุนไพรพวกนี้ได้ยังไงกัน?”

ซูอวี้หนิงยิ้มบาง ๆ “ข้าเคยอ่านตำราอยู่บ้างเจ้าค่ะ สมุนไพรพวกนี้เมื่อบดรวมกันจะช่วยลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดข้อได้ ข้าอยากลองทำให้ท่านลุงใช้ดู”

โจวจื่อเฉียงพยักหน้า แต่สายตายังคงเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่ได้ซักต่อ เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ได้ ข้าจะลองหามาให้”

ระหว่างทางเข้าเมือง เขาอดนึกไม่ได้ว่าหญิงสาวที่เคยเงียบงันอย่างคนไร้สติ กลับรู้จักสมุนไพรและการปรุงยาดีขนาดนี้ ถึงขั้นเขียนสัดส่วนและวิธีการมาให้เขาได้อย่างชัดเจน

เมื่อโจวจื่อเฉียงกลับมาในช่วงบ่ายพร้อมห่อสมุนไพร ซูอวี้หนิงก็ขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ก่อนจะขอตัวไปจัดการในครัว นางนำสมุนไพรที่ได้มาล้างให้สะอาด ตากหมาด ๆ แล้วตำรวมกับน้ำมันงาและน้ำร้อนเล็กน้อยจนกลายเป็นเนื้อยาข้น กลิ่นหอมฉุนอ่อน ๆ ของสมุนไพรลอยอบอวลไปทั่วครัวในบ้านของนาง

โจวจวงจื่อที่เดินผ่านถึงกับชะงัก “กลิ่นสมุนไพรแรงขนาดนี้เชียว?”

ซูอวี้หนิงเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ใช่ ข้าจะทำยาทาให้ท่านลุง ลองดูสักหน่อยว่าจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้หรือไม่”

ตกเย็น หลังมื้ออาหาร นางจึงนำยาที่ทำเสร็จแล้วออกมาให้ลุงโจว พร้อมสาธิตวิธีนวดให้ถูกทิศทาง เพื่อให้ตัวยาแทรกซึมเข้าเส้นเอ็นได้ดีขึ้น ลุงโจวเพียงมองนางด้วยสายตาอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก ราวกับรู้สึกซาบซึ้งอยู่ลึก ๆ

โจวจื่อเฉียงยืนพิงเสาเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร แต่ในใจกลับครุ่นคิดหนักขึ้นเรื่อย ๆ

ในยามดึก ค่ำคืนนั้นบ้านของตระกูลโจวเงียบสงัดกว่าปกติ ลมเย็นเอื่อย ๆ พัดกลิ่นหอมของสมุนไพรจาง ๆ จากขี้ผึ้งที่ซูอวี้หนิงทำยังคงอบอวลอยู่ในเรือน

ลุงโจวซึ่งปกติแล้วมักจะนอนพลิกตัวไปมาด้วยความปวดหน่วงที่ขา กลับหลับสนิทตั้งแต่หัวค่ำ เสียงลมหายใจของเขาสม่ำเสมอจนผิดสังเกต

โจวซื่อซึ่งตื่นมาดื่มน้ำกลางดึก นางถึงกับชะงักเมื่อหันกลับไปมองสามีของตนที่นอนอยู่ด้านข้าง

แสงตะเกียงสลัวในห้องเผยให้เห็นร่างของลุงโจวที่นอนหงายหลับสนิท ขาข้างที่ปกติจะกระตุกเพราะความปวดก็สงบนิ่งผิดปกติ

โจวซื่อกลืนน้ำลาย ก่อนจะค่อย­ ๆ เอื้อมมือแตะที่จมูกของสามีเบา ๆ เพื่อดูว่ายังหายใจอยู่หรือไม่

เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่ออกมาอย่างสม่ำเสมอ นางถึงได้ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก นั่งลงบนขอบเตียง มองใบหน้าที่ดูผ่อนคลายของสามีอย่างแปลกใจ

“หลายปีแล้วที่ข้าไม่เคยเห็นท่านหลับสนิทเช่นนี้…” นางพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน

โจวซื่ออดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองขี้ผึ้งสมุนไพรที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง กลิ่นหอมยังอวลอยู่ชัดเจน นางเผลอยกยิ้มบาง ๆ ขึ้นมาอย่างขอบคุณในใจ

เช้าวันถัดมา ลุงโจวตื่นขึ้นด้วยสีหน้าสดชื่นกว่าทุกครั้ง ก้าวเดินออกจากห้องได้โดยไม่ต้องพยุงไม้เท้าแน่นเหมือนก่อน

“ท่านพ่อ! วันนี้ท่านเดินได้ดีขึ้นมากเลยนะ!” โจวจวงจื่อร้องอย่างตื่นเต้น

“เมื่อคืนข้าหลับสนิททั้งคืน ไม่ตื่นเลยสักครั้ง ข้ารู้สึกว่าขาเบากว่าที่เคย” ลุงโจวหัวเราะเบา ๆ สีหน้าดูผ่อนคลาย

ซูอวี้หนิงที่นั่งอยู่เงียบ ๆ ในลานบ้านเพียงยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยเสียงนุ่ม “ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะทำเพิ่มให้ท่านใช้ต่ออีกสองสามวัน หากอาการดีขึ้น อาจช่วยให้ท่านเดินทางได้สะดวกขึ้นเรื่อย ๆ”

ลุงโจวมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนโยนอีกครั้ง “อย่าปล่อยให้ตนเองเหนื่อยล่ะ หากเป็นงานหนักเจ้าบอกให้จวงจื่อคอยช่วย เจ้าพึ่งหายป่วยอย่าหักโหม”

“เจ้าค่ะ” ซูอวี้หนิงยิ้มให้อีกฝ่าย

……………………

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 40

    ตอนที่ 26แสงเช้าสีทองอ่อนลอดผ่านช่องหน้าต่างไม้เข้ามาเป็นเส้นบาง ๆ ส่องลงบนผ้าปูสีแดงที่ยังคงยับย่นจากการเคลื่อนไหวเมื่อคืน ความอบอุ่นในอากาศช่างแตกต่างจากความร้อนพลุ่งพล่านของคืนวานราวฟ้ากับดินซูอวี้หนิงรู้สึกได้ถึงกลิ่นอ่อน ๆ ของไม้หอมและลมหายใจสม่ำเสมอคลออยู่ข้างหู นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้นด้วยความงั

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 39

    เขาเดินมาหยุดหน้าฉากแม้จะไม่ก้าวล้ำเข้าไป แต่เพียงยืนใกล้ ๆ ก็ทำให้ซูอวี้หนิงรู้สึกถึงลมหายใจที่มั่นคงของเขา“เมื่อกี้ดื่มสุราเพียงนิดเดียว ไม่น่าทำให้เป็นแบบนี้”เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนเอ่ยเสียงจริงจัง “ออกมาหาข้าหน่อย”ซูอวี้หนิงพยายามลุกขึ้น แต่ขากลับอ่อนแรงจนลุกได้ช้ากว่าปกติ ทว่าก็ยังคงยืนขึ้นแล

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 38

    ตอนที่ 25ยามค่ำคืนแห่งวันมงคลยามสนธยาค่อย ๆ คลี่คลุมหมู่บ้านเล็ก ๆ แสงสีส้มของดวงอาทิตย์สุดท้ายลาลับหลังแนวภูเขา ทิ้งความอบอุ่นไว้ก่อนที่ความมืดจะเข้ามาแทนที่ ชาวบ้านที่ยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ใต้โคมไฟแดงต่างทยอยลุกขึ้นกลับบ้าน เสียงหัวเราะค่อย ๆ เบาลง เหลือเพียงลมค่ำพัดเอื่อยและแสงโคมแดงที่ไหวระริก

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 37

    โจวซื่ออมยิ้มพลางจัดชายแขนเสื้อให้เธออีกครั้ง“เจ้าบ่าวมาถึงแล้วล่ะเสี่ยวซู เจ้าต้องนั่งสงบ ๆ นะ อย่าลุกลี้ลุกลน…เจ้าสวยอยู่แล้ว”โจวจวงจื่อหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะออกไปดูหน้าเจ้าบ่าวให้ก่อนว่าทำหน้าเหมือนคนพร้อมแต่งหรือไม่”ด้านนอก โจวซื่อเปิดประตูเรือนเล็กน้อยแล้วโผล่หน้าออกไป เห็นเฟิ่งอวี่เซียนยืนอยู่

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 36

    ตอนที่ 24ในที่สุดวันงานมงคลก็มาถึงแสงอรุณแรกของวันมงคลสาดลอดผ่านหมอกบางเหนือยอดไม้ของหมู่บ้านเล็ก ๆ เสียงไก่ขันแผ่วเบาและกลิ่นควันไฟจากครัวเรือนที่เริ่มตื่นเช้าคละเคล้ากันไปทั่ว บรรยากาศของวันทั้งวันเหมือนถูกห่อหุ้มด้วยความอบอุ่นอ่อน ๆบ้านของตระกูลโจวที่ปกติเรียบง่าย กลับมีสีแดงสดแต่งแต้มประปรายไ

  • ฮูหยินวิปลาส.   บทที่ 35

    ตอนนี้ภายในบ้านมีเพียงเขาคนเดียว เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันมงคล ครอบครัวโจวได้ให้ซูอวี้หนิงไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขา เพื่อทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นตรงนอกประตู ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะค่อย ๆ คุกเข่าลง“ท่านแม่ทัพ”เฟิ่งอวี่เซียนไม่ได้หันมอง แต่เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ“รายงาน

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status