สองสัปดาห์ผ่านไปนับจากวันที่ปลายฝันได้พบกับภาคินัยที่ร้านกาแฟ "The Daily Dose" ชีวิตของปลายฝันยังคงดำเนินไปตามปกติ เธอเรียนหนังสือ ทำงานพิเศษ และใช้เวลาว่างไปกับการออกแบบโครงงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อฝึกฝีมือและสร้างสรรค์ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง วันนี้เป็นอีกวันที่แสนวุ่นวาย ปลายฝันเพิ่งกลับจากมหาวิทยาลัย เธอเหนื่อยล้าแต่ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะวันนี้เธอมีนัดสำคัญกับการสัมภาษณ์ฝึกงานที่ "ภาคินัย กรุ๊ป" บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่นักศึกษาสถาปัตย์ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะร่วมงานด้วย
"สู้ๆ นะปาย! ทำให้เต็มที่เลย" น้ำหวาน เพื่อนสนิทของปลายฝันที่มาส่งถึงหน้าบริษัทเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจ
ปลายฝันยิ้มให้เพื่อน "ขอบใจนะแก เดี๋ยวสัมภาษณ์เสร็จจะโทรหานะ"
ปลายฝันก้าวเข้ามาในอาคารสูงระฟ้าของ "ภาคินัย กรุ๊ป" ทันทีที่ประตูเลื่อนเปิดออก ความหรูหราโอ่อ่าก็ปรากฏแก่สายตา โถงทางเข้ากว้างขวาง ประดับด้วยงานศิลปะร่วมสมัย และพนักงานที่เดินสวนกันไปมาในชุดสูทดูภูมิฐาน ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่และเป็นทางการกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มากนัก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในอาคารสูงเสียดฟ้าแห่งนี้
เธอเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ และแจ้งความประสงค์ที่จะมาสัมภาษณ์งาน พนักงานสาวสวยยิ้มแย้มและพาเธอไปยังห้องรับรองที่จัดเตรียมไว้ให้ ภายในห้องมีนักศึกษาสาวอีกสองสามคนนั่งรออยู่แล้ว แต่ละคนดูดีมีภูมิฐาน และดูมั่นใจในตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ปลายฝันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เธอพยายามสงบสติอารมณ์ และทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่เธอได้เตรียมมาอย่างถี่ถ้วน
ไม่นานนัก พนักงานก็เรียกชื่อปลายฝัน เธอเดินเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ภายในห้องมีกรรมการสัมภาษณ์สามคนนั่งอยู่ หนึ่งในนั้นคือหัวหน้าฝ่ายออกแบบ ผู้หญิงวัยกลางคนที่มีบุคลิกกระฉับกระเฉงและดูใจดี
การสัมภาษณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น ปลายฝันตอบคำถามอย่างมั่นใจและเป็นธรรมชาติ เธอพยายามแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นและความตั้งใจจริงที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเอง ท้ายที่สุด เธอได้รับคำชมจากกรรมการว่ามีแววและมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี
"ทางเราจะติดต่อกลับไปภายในหนึ่งสัปดาห์นะคะ" หัวหน้าฝ่ายออกแบบเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ปลายฝันยิ้มกว้างด้วยความดีใจ "ขอบคุณมากค่ะ"
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ในขณะที่ปลายฝันกำลังนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เมื่อเธอเห็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคยบนหน้าจอ หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้นมาทันที เธอรีบกดรับสายด้วยความตื่นเต้น
"สวัสดีค่ะ คุณปลายฝันใช่ไหมคะ ทางเราจากบริษัทภาคินัย กรุ๊ปค่ะ ยินดีด้วยนะคะ คุณได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการฝึกงานของเราค่ะ" เสียงพนักงานจากบริษัทดังขึ้นในสาย
ปลายฝันแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธอดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ "จริงเหรอคะ! ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ"
เธอวางสายด้วยรอยยิ้มกว้างราวกับจะฉีกถึงใบหู เธอรีบโทรหาน้ำหวานเพื่อบอกข่าวดีทันที น้ำหวานเองก็ดีใจกับเพื่อนไม่แพ้กัน
วันแรกของการฝึกงานมาถึง ปลายฝันตื่นแต่เช้า เธอสวมชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อยและดูเป็นมืออาชีพที่สุดเท่าที่เธอมี เธอเดินทางมาถึงบริษัทแต่เช้าตรู่ด้วยความตื่นเต้นและกระตือรือร้น
หลังจากทำเรื่องเอกสารเรียบร้อย พนักงานจากฝ่ายบุคคลก็พาปลายฝันและนักศึกษาฝึกงานคนอื่นๆ ไปยังแผนกออกแบบ ซึ่งเป็นแผนกที่ปลายฝันใฝ่ฝันอยากจะทำงานด้วย
"สวัสดีค่ะทุกคน ยินดีต้อนรับสู่แผนกออกแบบของภาคินัย กรุ๊ปนะคะ" หัวหน้าฝ่ายออกแบบที่ปลายฝันเคยเจอในวันสัมภาษณ์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น "ดิฉันชื่อคุณชลดา เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบค่ะ"
คุณชลดาแนะนำแผนกและหน้าที่ความรับผิดชอบของนักศึกษาฝึกงานแต่ละคน ปลายฝันได้รับมอบหมายให้ดูแลในส่วนของการออกแบบพื้นที่สีเขียวและการนำเสนอแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอถนัดและสนใจเป็นพิเศษ
ระหว่างที่ปลายฝันกำลังทำความคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงานและสถานที่ทำงาน เสียงฮือฮาจากพนักงานบางคนก็ดังขึ้น เธอมองตามสายตาของพวกเขา และในวินาทีนั้นเอง ภาพที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะก็ปรากฏขึ้น
ภาคินัย ประธานกรรมการบริหารของบริษัท กำลังเดินผ่านมาทางแผนกของเธอ เขาสวมชุดสูทสีเข้มที่ดูภูมิฐานและสง่างาม ใบหน้าคมคายยังคงดูนิ่งเฉยเหมือนเคย แต่สายตาคมกริบคู่นั้นกลับกวาดมองไปทั่วบริเวณอย่างสำรวจ
พนักงานทุกคนต่างพากันโค้งคำนับและกล่าวทักทาย "สวัสดีค่ะท่านประธาน" "สวัสดีครับท่านประธาน"
ภาคินัยพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่ไม่ได้หยุดทักทายใครเป็นพิเศษ เขากำลังจะเดินผ่านไป แต่แล้วสายตาของเขาก็มาหยุดลงที่ปลายฝัน ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองมาที่เธออย่างพิจารณา ปลายฝันรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็ง เธอยืนนิ่งไม่ไหวติง หัวใจเต้นรัวแรงราวกับกลองศึก
"เธอ..." ภาคินัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขา ยังคงจ้องมองมาที่ปลายฝันไม่วางตา
ปลายฝันรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งใบหน้า เธอพยายามรวบรวมสติ และโค้งคำนับอย่างสุภาพ "สวัสดีค่ะคุณภีม"
ภาคินัยเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวกับทึ่งที่เธอจำเขาได้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น "มาฝึกงานที่นี่เหรอ"
"ค่ะ" ปลายฝันตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เล็กน้อย "ได้รับโอกาสให้มาฝึกงานที่แผนกออกแบบค่ะ"
ภาคินัยพยักหน้าช้าๆ "ตั้งใจล่ะ" เขาเอ่ยสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้ปลายฝันยืนอยู่กับความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งประหลาดใจ ดีใจ และสับสนปนเปกันไป
คุณชลดา หัวหน้าแผนกออกแบบ เดินเข้ามาหาปลายฝันพร้อมรอยยิ้ม "ท่านประธานดูเหมือนจะสนใจเธอนะปายฝัน"
ปลายฝันยิ้มเจื่อนๆ "ไม่น่าจะใช่หรอกค่ะคุณชลดา"
แต่ในใจของปลายฝันกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะจำเธอได้ และการที่เขาเอ่ยปากทักทายเธอ ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจและดีใจอย่างบอกไม่ถูก
ตลอดทั้งวัน ปลายฝันพยายามตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เธอศึกษาข้อมูลโครงการต่างๆ ของบริษัท และเริ่มเรียนรู้โปรแกรมออกแบบใหม่ๆ เพื่อนร่วมงานในแผนกเป็นกันเองและคอยให้คำแนะนำเธอเป็นอย่างดี แต่ในใจของเธอ ก็ยังคงนึกถึงภาคินัยอยู่ตลอดเวลา
ในช่วงบ่าย ปลายฝันได้รับมอบหมายให้ไปเก็บเอกสารที่ห้องเก็บของชั้นบน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานของท่านประธาน ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่บนทางเดินที่เงียบสงบ เธอก็ได้ยินเสียงสนทนาที่ดังออกมาจากห้องทำงานของภาคินัย ประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย
"ภีมคะ ทิชาขอร้องละนะคะ อย่าทำแบบนี้เลย" เสียงหวานใสที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
ปลายฝันชะงักเท้า เธอจำเสียงนั้นได้ทันที นั่นคือเสียงของทิชา คู่หมั้นของภาคินัย เธอรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอดไม่ได้ที่จะแอบเงี่ยหูฟัง
"เรื่องนี้ผมตัดสินใจแล้ว" เสียงทุ้มต่ำของภาคินัยเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด "คุณกลับไปเถอะ"
"แต่ภีมคะ..." ทิชาพยายามพูดต่อ แต่เสียงของเธอก็ขาดหายไป
ปลายฝันรู้สึกถึงบรรยากาศที่ตึงเครียด เธอไม่อยากฟังเรื่องส่วนตัวของใคร แต่เท้าของเธอกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ เธอแอบชะเง้อหน้ามองเข้าไปในห้องทำงานของภาคินัย เห็นทิชากำลังยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา ใบหน้าสวยของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ภาคินัยยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สีหน้าของเขาเรียบเฉยและดูเย็นชาอย่างที่สุด
ทิชามองหน้าภาคินัยด้วยแววตาตัดพ้อ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เธอเดินผ่านหน้าปลายฝันไปโดยไม่ทันสังเกตเห็น ปลายฝันรีบหลบเข้ามุมทันที เธอเห็นทิชาเดินจากไปพร้อมกับสีหน้าที่บูดบึ้งและแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ
ปลายฝันยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อไปยังห้องเก็บของด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในใจ เธอไม่รู้ว่าภาคินัยกับทิชากำลังมีปัญหาอะไรกัน แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น
ช่วงเย็นของวันแรกของการทำงาน ปลายฝันเดินออกจากบริษัทพร้อมกับน้ำหวานที่มารอรับ
"เป็นไงบ้างปาย วันแรกของการทำงาน" น้ำหวานถามอย่างกระตือรือร้น
ปลายฝันยิ้มเล็กน้อย "ก็ดีนะ สนุกดี ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลย"
"แล้วได้เจอท่านประธานไหม" น้ำหวานถามต่อด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ปลายฝันเล่าเรื่องที่ภาคินัยจำเธอได้และทักทายเธอให้น้ำหวานฟังอย่างละเอียด น้ำหวานอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
"โอ้โห! แสดงว่าท่านประธานเขาต้องสนใจแกแน่ๆ เลยปายฝัน" น้ำหวานเอ่ยอย่างตื่นเต้น
ปลายฝันยิ้มเจื่อนๆ "ไม่หรอกแก ท่านประธานเขาก็คงจำลูกค้าที่มาบ่อยๆ ได้นั่นแหละ"
แม้จะพูดแบบนั้น แต่ในใจของปลายฝันก็อดที่จะรู้สึกดีใจไม่ได้ การที่ภาคินัยจำเธอได้และทักทายเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าโลกของเธอที่เคยเล็กๆ กำลังจะโคจรเข้าไปใกล้โลกอันยิ่งใหญ่ของเขามากขึ้นทุกที
ในวันต่อๆ มา ปลายฝันก็ยังคงทำงานที่แผนกออกแบบอย่างตั้งใจ เธอเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้น และเธอก็ยังคงได้เห็นภาคินัยเดินผ่านแผนกของเธออยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่เขาเดินผ่านไป หัวใจของเธอก็จะเต้นแรงขึ้นมาเสมอ และเธอก็จะแอบมองเขาเสมอ แต่ภาคินัยก็ไม่เคยทักทายเธออีกเลย
วันหนึ่ง ปลายฝันได้รับมอบหมายให้ไปนำเสนอแนวคิดการออกแบบพื้นที่สีเขียวในโครงการใหม่ของบริษัทให้กับทีมผู้บริหาร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือภาคินัยเอง
ปลายฝันรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าอย่างมาก เธอเตรียมตัวอย่างดีที่สุด เธอซ้อมนำเสนอหลายครั้งจนมั่นใจ แต่เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าภาคินัยและผู้บริหารคนอื่นๆ เธอก็รู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด
"เชิญคุณปลายฝันเริ่มการนำเสนอได้เลยครับ" เสียงของคุณชลดาเอ่ยขึ้น
ปลายฝันพยายามรวบรวมสติ และเริ่มนำเสนอแนวคิดของเธอด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด เธออธิบายถึงความสำคัญของการออกแบบที่ยั่งยืน และประโยชน์ของพื้นที่สีเขียวที่มีต่อโครงการและผู้อยู่อาศัย สายตาของเธอพยายามหลีกเลี่ยงการสบตากับภาคินัย แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบของเขาที่กำลังจับจ้องมาที่เธอ
เมื่อการนำเสนอจบลง ภาคินัยยังคงนั่งนิ่ง สีหน้าของเขา ยังคงเรียบเฉย ยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้
"มีคำถามอะไรไหมครับ" คุณชลดาเอ่ยขึ้น
ผู้บริหารบางคนถามคำถามเล็กน้อยเกี่ยวกับงบประมาณและรายละเอียดทางเทคนิค ปลายฝันตอบคำถามเหล่านั้นอย่างมั่นใจ
แต่แล้วเสียงทุ้มต่ำของภาคินัยก็ดังขึ้น "คอนเซ็ปต์น่าสนใจดี"
ปลายฝันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที เธอเงยหน้าขึ้นสบตาภาคินัยเป็นครั้งแรกในการนำเสนอครั้งนี้
"แต่..." ภาคินัยเอ่ยต่อ "ถ้าเราจะทำให้พื้นที่สีเขียวนี้เชื่อมโยงกับชุมชนและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นได้มากขึ้น จะทำอย่างไร"
คำถามของภาคินัยเป็นคำถามที่ลึกซึ้งและท้าทาย ทำให้ปลายฝันต้องใช้ความคิดอย่างหนัก เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไปอย่างมั่นใจ
"ดิฉันคิดว่าเราสามารถออกแบบพื้นที่สีเขียวให้เป็นสวนสาธารณะขนาดเล็กที่เปิดให้ชุมชนเข้ามาใช้งานได้ค่ะ โดยอาจจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือตลาดนัดเล็กๆ ที่ให้ชาวบ้านนำสินค้ามาจำหน่ายได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและสร้างความผูกพันระหว่างโครงการกับคนในท้องถิ่นได้ค่ะ" ปลายฝันอธิบายอย่างกระตือรือร้น
ภาคินัยพยักหน้าเล็กน้อย มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น นั่นเป็นรอยยิ้มที่ปลายฝันไม่เคยเห็นมาก่อน
"ความคิดดี" ภาคินัยเอ่ยขึ้น "ลองนำแนวคิดนี้ไปพัฒนาต่อดูนะ"
ปลายฝันรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่คิดว่าภาคินัยจะให้คำชมและให้โอกาสเธอขนาดนี้ การนำเสนอครั้งนี้ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น และรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้ามาใกล้โลกของภาคินัยมากขึ้นอีกก้าว
หลังจากการประชุม ภาคินัยเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ปลายฝันยืนอยู่กับความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ คุณชลดาเดินเข้ามาตบไหล่ปลายฝันเบาๆ
"เก่งมากนะปายฝัน ท่านประธานเขาไม่ค่อยชมใครง่ายๆ นะ" คุณชลดาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ปลายฝันยิ้มอย่างเขินๆ "ขอบคุณค่ะคุณชลดา"
คืนนั้น ปลายฝันกลับมาที่บ้านด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้ำหวานฟังอย่างละเอียด น้ำหวานเองก็ดีใจกับเพื่อนไม่แพ้กัน
"เห็นไหมล่ะปายฝัน ฉันบอกแล้วว่าท่านประธานเขาต้องสนใจแกแน่ๆ" น้ำหวานเอ่ยแซว
ปลายฝันยิ้ม "ไม่รู้สิแก แต่ที่แน่ๆ ฉันรู้สึกว่าโลกมันกำลังโคจรเข้าหากันยังไงก็ไม่รู้"
เธอไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภาคินัยจะพัฒนาไปในทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆ การที่เธอได้เข้ามาฝึกงานที่ "ภาคินัย กรุ๊ป" และได้พบกับภาคินัยอีกครั้งในฐานะประธานบริษัท กำลังจะนำพาเธอเข้าสู่เรื่องราวที่ซับซ้อนและน่าตื่นเต้นกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มากนัก
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ