หลังจากเหตุการณ์ที่ธามได้ให้ความช่วยเหลือบริษัทของทิชาอย่างเต็มที่ สถานการณ์ที่เคยตึงเครียดก็เริ่มคลี่คลายลง ทิชาเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือธามได้มีโอกาสเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของปลายฝันและภาคินัยในฐานะคนกลางที่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทนี้ยังนำพาธามและน้ำหวานให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างไม่คาดคิด
น้ำหวานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของปลายฝัน เป็นคนแรกๆ ที่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ระหว่างปลายฝันและภาคินัย เธอรู้สึกดีใจกับปลายฝันที่ได้พบกับความรักที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็สังเกตเห็นถึงความมุ่งมั่นและความจริงใจของธามที่คอยช่วยเหลือทุกคนอยู่เบื้องหลัง
วันหนึ่ง ขณะที่ปลายฝันและน้ำหวานกำลังนั่งพักกลางวันที่โรงอาหารของบริษัท ปลายฝันก็เอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“แก นี่ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างมันดีขึ้นจริงๆ นะ” ปลายฝันพูด “ฉันไม่คิดเลยว่าคุณภีมจะจริงจังกับฉันขนาดนี้”
น้ำหวานยิ้มตอบ “ฉันบอกแกแล้วไงว่าคุณภีมเป็นคนดี”
“ใช่” ปลายฝันพยักหน้า “แล้วฉันก็รู้สึกขอบคุณคุณธามมากเลยนะ ที่คอยช่วยทุกอย่าง”
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ธามก็เดินผ่านมาพอดี เขาเห็นปลายฝันและน้ำหวานนั่งอยู่ด้วยกัน จึงเดินเข้าไปทักทาย
“สวัสดีครับคุณปลายฝัน คุณน้ำหวาน” ธามทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณธาม” ปลายฝันและน้ำหวานตอบพร้อมกัน
“ทานข้าวกันอยู่เหรอครับ” ธามถาม
“ใช่ค่ะ” ปลายฝันตอบ “คุณธามจะมาทานด้วยกันไหมคะ”
“ผมกำลังจะไปหาอะไรทานพอดีเลยครับ” ธามตอบ “ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตนั่งด้วยนะครับ”
น้ำหวานเหลือบมองธามเล็กน้อย หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะเล็กน้อย เธอรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อธามเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เธอ
ระหว่างมื้ออาหาร ทั้งสามคนพูดคุยกันถึงเรื่องงานและเรื่องทั่วไป ธามเล่าถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือบริษัทของทิชา ซึ่งทำให้ปลายฝันรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก
“คุณธามเก่งมากเลยนะคะ” ปลายฝันเอ่ยชม “ปายไม่คิดเลยว่าเรื่องจะคลี่คลายได้เร็วขนาดนี้”
“ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำครับคุณปลายฝัน” ธามตอบด้วยรอยยิ้ม
น้ำหวานนั่งฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ เธอแอบมองธามเป็นระยะๆ เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีเสน่ห์และน่าสนใจมากกว่าที่เธอเคยคิดไว้
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ ธามก็เดินไปส่งปลายฝันและน้ำหวานที่แผนก
“ขอบคุณมากนะคะคุณธาม ที่มาทานข้าวด้วยกันวันนี้” ปลายฝันเอ่ยขึ้น
“ยินดีครับคุณปลายฝัน” ธามตอบ ก่อนจะหันไปมองน้ำหวาน “คุณน้ำหวานด้วยนะครับ”
น้ำหวานยิ้มตอบ “ค่ะคุณธาม”
หลังจากนั้น ธามและน้ำหวานก็มีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในเรื่องงาน แต่รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวันด้วย บางครั้งพวกเขาก็บังเอิญเจอกันที่ร้านกาแฟ หรือร้านสะดวกซื้อแถวบริษัท และจบลงด้วยการได้นั่งพูดคุยกันอย่างยาวนาน
ธามค้นพบว่าน้ำหวานเป็นคนที่มีอารมณ์ขันและมีความคิดอ่านที่ดี เธอเป็นคนตรงไปตรงมาและจริงใจ ทำให้เขารู้สึกสบายใจที่จะอยู่ใกล้ๆ เธอ
ส่วนน้ำหวาน ก็เริ่มมองเห็นมุมอื่นๆ ของธาม ที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทของท่านประธานผู้เคร่งขรึม เขาเป็นคนอบอุ่น มีน้ำใจ และเป็นที่ปรึกษาที่ดีเยี่ยม เธอเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เขา
วันหนึ่ง ธามกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของเขา จู่ๆ น้ำหวานก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอกสารกองโต
“คุณธามคะ พอจะมีเวลาว่างไหมคะ พอดีปายเขาอยากให้คุณธามช่วยดูแบบร่างของโปรเจกต์ The Zenith หน่อยค่ะ” น้ำหวานเอ่ยขึ้น
ธามเงยหน้าขึ้นมองน้ำหวานด้วยรอยยิ้ม “ได้เลยครับคุณน้ำหวาน เอามาให้ผมดูได้เลย”
น้ำหวานวางเอกสารลงบนโต๊ะของธาม และยืนอธิบายรายละเอียดของแบบร่างให้เขาฟัง ธามรับฟังอย่างตั้งใจ และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์
“ขอบคุณมากนะคะคุณธาม” น้ำหวานเอ่ยขึ้นเมื่อธามให้คำแนะนำเสร็จสิ้น “คุณธามช่วยปายได้เยอะเลยค่ะ”
“ยินดีครับคุณน้ำหวาน” ธามตอบ “ถ้ามีอะไรให้ช่วยอีก บอกได้เลยนะครับ”
น้ำหวานยิ้มบางๆ เธอรู้สึกว่าการได้พูดคุยกับธามในเรื่องงาน ทำให้พวกเขาสนิทสนมกันมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน ปลายฝันก็สังเกตเห็นถึงความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างน้ำหวานและธาม เธอรู้สึกดีใจกับเพื่อนสนิทของเธอ
“แก ฉันว่าคุณธามกับแกนี่ดูเข้ากันดีนะ” ปลายฝันแซวน้ำหวานในตอนเย็นวันหนึ่ง
น้ำหวานหน้าแดงเล็กน้อย “บ้า! แกพูดอะไรของแกเนี่ย”
“ก็ฉันเห็นแกกับคุณธามคุยกันบ่อยขึ้นนี่นา” ปลายฝันแกล้งแซวต่อ “ดูเหมือนจะมีอะไรในกอไผ่รึเปล่า”
น้ำหวานหัวเราะแก้เขิน “ไม่มีอะไรหรอกแก”
แม้จะปฏิเสธ แต่ในใจของน้ำหวานก็รู้สึกดีใจที่ปลายฝันสังเกตเห็น เธอเริ่มยอมรับกับตัวเองแล้วว่าเธอรู้สึกดีกับธามจริงๆ
ในคืนวันศุกร์หลังจากเลิกงาน ธามและน้ำหวานบังเอิญเจอกันที่ลานจอดรถของบริษัท
“คุณน้ำหวานครับ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ” ธามทักทาย
“ค่ะคุณธาม กำลังจะกลับแล้วค่ะ” น้ำหวานตอบ
“ให้ผมไปส่งไหมครับ” ธามเสนอด้วยความหวังดี
น้ำหวานลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจตอบรับ “ก็ได้ค่ะคุณธาม ขอบคุณนะคะ”
ระหว่างทางกลับบ้าน บรรยากาศในรถอบอวลไปด้วยความเงียบที่แสนสบาย ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้กัน
“วันนี้คุณน้ำหวานดูเหนื่อยๆ นะครับ” ธามเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
น้ำหวานถอนหายใจเล็กน้อย “ค่ะคุณธาม พอดีวันนี้มีงานเยอะน่ะค่ะ”
“คุณก็พักผ่อนบ้างนะครับ อย่าโหมงานมากเกินไป” ธามพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
น้ำหวานยิ้มบางๆ “ค่ะคุณธาม”
เมื่อรถจอดหน้าบ้านของน้ำหวาน ธามก็ดับเครื่องยนต์ และหันมามองเธอ
“ถึงแล้วนะครับคุณน้ำหวาน” ธามเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณมากนะคะคุณธาม ที่มาส่งปาย” น้ำหวานตอบด้วยรอยยิ้ม
น้ำหวานกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ธามกลับเอื้อมมือไปจับแขนของเธอไว้เบาๆ
“เดี๋ยวครับคุณน้ำหวาน” ธามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อยครับ”
น้ำหวานหันกลับมามองธาม หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“มีอะไรหรือคะคุณธาม” น้ำหวานถาม
ธามจ้องมองน้ำหวานด้วยสายตาที่จริงจัง “ผม...ผมรู้สึกดีกับคุณนะครับคุณน้ำหวาน”
คำสารภาพของธามทำให้น้ำหวานถึงกับตัวแข็งทื่อ เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมาตรงๆ
“คุณธาม...” น้ำหวานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ผมรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปหน่อย” ธามกล่าวต่อ “แต่ผมรู้สึกดีกับคุณจริงๆ นะครับ”
น้ำหวานเงียบไป เธอไม่รู้จะตอบอะไรดี เธอเองก็รู้สึกดีกับเขาไม่แพ้กัน แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะแสดงความรู้สึกออกมา
“คุณน้ำหวานครับ” ธามเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “คุณคิดยังไงกับผมบ้างครับ”
น้ำหวานถอนหายใจเล็กน้อย เธอตัดสินใจที่จะพูดความรู้สึกของเธอออกมา
“ปายก็รู้สึกดีกับคุณธามเหมือนกันค่ะ” น้ำหวานตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา แต่จริงใจ
คำตอบของน้ำหวานทำให้ธามยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“ผมดีใจมากเลยนะครับคุณน้ำหวาน” ธามเอ่ยขึ้น “ผมอยากจะขอโอกาสได้ดูแลคุณนะครับ”
น้ำหวานยิ้มตอบ “ค่ะคุณธาม”
ธามยื่นมือไปจับมือของน้ำหวานเบาๆ และบีบกระชับราวกับต้องการส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้กับเธอ
ความสัมพันธ์ระหว่างธามและน้ำหวานได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่งอย่างเป็นทางการ พวกเขาทั้งสองต่างก็รู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในชีวิต
ในขณะเดียวกัน ภาคินัยและปลายฝันที่กำลังมีความสุขกับความรักของพวกเขา ก็ได้รับรู้ข่าวดีจากธามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับน้ำหวาน
“ภีม แกเชื่อไหม” ธามเอ่ยขึ้นทางโทรศัพท์ “ฉันกับน้ำหวานเราตกลงคบกันแล้วนะเว้ย”
ภาคินัยหัวเราะด้วยความดีใจ “จริงเหรอวะธาม ยินดีด้วยนะเว้ย”
“ขอบใจมากนะเว้ยภีม” ธามตอบ “แล้วแกกับปลายฝันเป็นไงบ้างวะ”
“พวกเราก็แฮปปี้ดี” ภาคินัยตอบด้วยรอยยิ้ม
เรื่องราวความรักของทั้งสองคู่กำลังเบ่งบานอย่างงดงาม และดูเหมือนว่าความสุขจะกลับมาเติมเต็มชีวิตของพวกเขาอีกครั้ง
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ