หลังจากงานเลี้ยงฉลองที่เต็มไปด้วยความสุขและความผูกพัน หัวใจของ ธาม ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ประกายของความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อ น้ำหวาน ได้สว่างวาบขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้เขามองเห็นอนาคตที่สดใสกว่าที่เคยจินตนาการไว้ ธามรู้ดีว่านี่คือความรู้สึกที่แท้จริง ไม่ใช่แค่ความเหงาหรือความสับสนเหมือนที่เคยเป็นมากับทิชา เขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะเดินหน้าสานสัมพันธ์กับน้ำหวานอย่างจริงจัง แต่ในขณะที่เขากำลังรวบรวมความกล้าและวางแผนที่จะชวนน้ำหวานออกเดท ปลายฝัน ก็ได้เข้ามาเกี่ยวข้องโดยบังเอิญ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นความสัมพันธ์บทใหม่ของธามกับน้ำหวานอย่างไม่คาดคิด
ธามใช้เวลาหลายวันในการคิดหาวิธีชวนน้ำหวานออกเดท เขาอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษและน่าจดจำ ไม่ใช่แค่การทานข้าวธรรมดา เขาจำได้ว่าน้ำหวานชอบงานศิลปะ และเขาเองก็สนใจเรื่องราวทำนองนี้เช่นกัน ไอเดียที่จะชวนเธอไปดูนิทรรศการจึงผุดขึ้นมาในความคิด เขารู้สึกตื่นเต้น ประหม่า และมีความสุขไปพร้อมๆ กัน
เช้าวันหนึ่ง ธามเห็นน้ำหวานกำลังยืนรอล้างมืออยู่หน้าห้องน้ำในออฟฟิศ นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ชวนเธอ เขาเดินเข้าไปใกล้น้ำหวานด้วยหัวใจที่เต้นรัว
"น้ำหวานครับ... เอ่อ... คุณว่างวันเสาร์นี้ไหมครับ" ธามเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด แต่ก็อดสั่นเล็กน้อยไม่ได้
น้ำหวานหันมามองธามด้วยความสงสัยเล็กน้อย "ว่างค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะคุณธาม"
"ผมอยากชวนคุณไป..." ธามกำลังจะพูดประโยคสำคัญออกไป แต่ในจังหวะนั้นเอง ปลายฝัน ก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เธอเห็นธามกับน้ำหวานยืนคุยกันอยู่ จึงเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส
"อ้าว คุณธาม คุณน้ำหวาน คุยอะไรกันอยู่คะ" ปลายฝันถามอย่างเป็นกันเอง
ธามรู้สึกเสียจังหวะเล็กน้อย เขากลืนคำพูดที่กำลังจะเอ่ยลงไปในลำคอ ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย
"เปล่าหรอกครับคุณปลายฝัน... แค่คุยเรื่องงานนิดหน่อยครับ" ธามตอบเสียงอ้อมแอ้ม
น้ำหวานสังเกตเห็นท่าทีที่ดูประหม่าของธาม และรอยยิ้มกึ่งเขินอายของเขา เธอแอบอมยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ปลายฝันที่สังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของธาม ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก เธอชวนน้ำหวานคุยเรื่องงานต่อ ก่อนที่ทั้งสามคนจะแยกย้ายกันไป
หลังจากพลาดโอกาสที่จะชวนน้ำหวานออกเดท ธามก็รู้สึกหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อย เขาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานด้วยความกังวล ในใจคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จะชวนอีกครั้งดีไหม หรือจะรอจังหวะที่ดีกว่านี้
ในระหว่างที่เขากำลังครุ่นคิด ปลายฝันก็เดินผ่านมาพอดี เธอเห็นธามนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จึงเดินเข้าไปทักทาย
"คุณธามคะ ดูคุณมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ" ปลายฝันถามด้วยความเป็นห่วง
ธามถอนหายใจ "เปล่าหรอกครับคุณปลายฝัน... ผมแค่กำลังคิดอะไรบางอย่างน่ะครับ"
ปลายฝันยิ้ม "มีอะไรให้ปายช่วยได้ไหมคะ บางทีการได้ระบายให้ใครสักคนฟัง อาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นก็ได้นะคะ" เธอพูดอย่างอ่อนโยน
ธามลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องความรู้สึกที่เขามีต่อน้ำหวาน และความตั้งใจที่จะชวนน้ำหวานออกเดทให้ปลายฝันฟัง เขาเล่าถึงความประทับใจที่เขามีต่อน้ำหวานตั้งแต่คืนงานเลี้ยงฉลอง และความรู้สึกที่เขาอยากจะสานสัมพันธ์กับเธอให้มากกว่าเพื่อน
"ผมไม่รู้จะเริ่มยังไงดีน่ะครับคุณปลายฝัน" ธามพูดด้วยสีหน้าที่ดูประหม่า "ผมไม่เคยจีบใครมาก่อน... แล้วผมก็กลัวว่าถ้าผมรีบร้อนเกินไป เธอจะรู้สึกอึดอัด"
ปลายฝันรับฟังเรื่องราวของธามอย่างตั้งใจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเข้าใจและยินดี เธอรู้สึกดีใจแทนน้ำหวานที่ธามได้เปิดใจ และได้ก้าวผ่านความเจ็บปวดจากเรื่องทิชามาได้
"คุณธามไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ" ปลายฝันยิ้มให้กำลังใจ "ปายเชื่อว่าคุณน้ำหวานก็รู้สึกดีกับคุณธามเหมือนกันค่ะ"
ธามมองปลายฝันด้วยความแปลกใจ "คุณปลายฝันรู้ได้ยังไงครับ"
"ก็ท่าทางของคุณน้ำหวานตอนที่คุยกับคุณธามในคืนนั้นไงคะ" ปลายฝันตอบ "แล้วก็สายตาที่คุณน้ำหวานมองคุณธามด้วย... มันบอกทุกอย่างเลยค่ะ"
ปลายฝันช่วยธามวางแผนการชวนน้ำหวานออกเดท เธอแนะนำให้ธามเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องสร้างความประทับใจมากเกินไป และเสนอแนะกิจกรรมที่น่าสนใจที่น้ำหวานน่าจะชอบ
"ปายว่าคุณธามลองชวนคุณน้ำหวานไปดูนิทรรศการศิลปะดูสิคะ" ปลายฝันเสนอแนะ "คุณน้ำหวานชอบงานศิลปะมากนะคะ แล้วคุณธามเองก็สนใจเรื่องนี้เหมือนกัน น่าจะเป็นหัวข้อที่คุยกันได้ยาวๆ เลยค่ะ"
ธามตาโตขึ้นมาทันที "จริงด้วยครับ! ผมลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย ขอบคุณมากนะครับคุณปลายฝัน"
เมื่อได้คำแนะนำจากปลายฝัน ธามก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น เขาตัดสินใจที่จะชวนน้ำหวานออกเดทอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาวางแผนอย่างรอบคอบ
วันรุ่งขึ้น ธามเดินไปที่โต๊ะทำงานของน้ำหวาน ด้วยความรู้สึกที่มั่นคงและกระตือรือร้นมากกว่าครั้งก่อน ปลายฝันที่เห็นเหตุการณ์จากมุมไกลก็แอบยิ้มและให้กำลังใจอยู่ในใจ
"น้ำหวานครับ... คือ... วันเสาร์นี้ คุณว่างไปดูนิทรรศการศิลปะที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติกับผมไหมครับ" ธามถามด้วยน้ำเสียงที่จริงใจและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้
น้ำหวานเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ เธอเห็นแววตาที่จริงจังแต่เต็มไปด้วยความหวังของธาม รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ
"ไปสิคะคุณธาม ฉันยินดีมากเลยค่ะ" น้ำหวานตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใสและอบอุ่น
ธามยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจอย่างที่สุด "จริงนะครับ! งั้นเดี๋ยวผมส่งรายละเอียดเรื่องเวลาและสถานที่ให้คุณทางไลน์นะครับ"
น้ำหวานพยักหน้า ก่อนจะยิ้มให้ธามอีกครั้ง รอยยิ้มของเธอในวันนี้ดูสดใสและมีความสุขกว่าที่เคย
ปลายฝันที่แอบมองอยู่ห่างๆ ก็รู้สึกโล่งใจและยินดีกับธามและน้ำหวานอย่างแท้จริง เธอรู้ว่าทั้งคู่สมควรที่จะได้รับความสุข หลังจากที่ต้องผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมามากมาย บทบาทของเธอในการเป็นพี่สาวที่คอยรับฟังและให้คำปรึกษาได้นำมาซึ่งก้าวแรกของความรักบทใหม่สำหรับเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ และในขณะเดียวกัน ก็ตอกย้ำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธามแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีกในฐานะมิตรภาพที่แข็งแกร่งและอบอุ่น
ธามเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่ปลายฝันเคยเห็นมา เขาอดไม่ได้ที่จะแวะมาขอบคุณปลายฝันอีกครั้ง
"คุณปลายฝันครับ ผมชวนน้ำหวานได้แล้วครับ!" ธามพูดอย่างตื่นเต้น
ปลายฝันยิ้ม "ดีใจด้วยนะคะคุณธาม"
"ขอบคุณมากนะครับคุณปลายฝัน ที่ช่วยให้ผมกล้าที่จะทำสิ่งนี้" ธามกล่าวด้วยความจริงใจ "คุณนี่เหมือนน้องสาวผมจริงๆ นะครับ คอยอยู่ข้างๆ ผมเสมอ"
ปลายฝันยิ้มตอบ "ก็คุณธามเป็นเหมือนพี่ชายของปายนี่คะ"
ในคืนนั้น ธามรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะเปลี่ยนไป เขาได้พบกับความสุขและความหวังใหม่ๆ ที่สดใสกว่าที่เคยเป็นมา และความรักที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นกับน้ำหวาน ก็เป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์และจริงใจที่สุดเท่าที่เขาเคยสัมผัส
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ