หลังจากเหตุการณ์ทะเลาะกันครั้งใหญ่ คอนโดของ ธามกับน้ำหวาน นี่เงียบกริบจนน่าอึดอัดเลยว่ะ ธามไม่รู้จะแก้ยังไง ส่วนน้ำหวานก็จมดิ่งกับความเจ็บปวดกับความไม่มั่นใจ ทั้งคู่ต้องการที่พึ่ง อยากได้คำปรึกษา เลยหันไปหาเพื่อนสนิทที่ไว้ใจที่สุดอย่าง ปลายฝันกับภาคินัย เพื่อระบายให้ฟังแล้วก็หาทางออก แต่ดูเหมือนว่าถึงจะได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ ที่หวังดี ทุกอย่างก็ยังดูไม่ลงตัวง่ายๆ เลย
น้ำหวานขับรถออกมาจากคอนโดธามแบบใจสลายเลย เธอไม่รู้จะไปไหนนอกจากคอนโดปลายฝัน ที่เป็นที่พึ่งทางใจของเธอเสมอ พอปลายฝันเปิดประตูออกมา เห็นสภาพน้ำหวานตาแดงก่ำ หน้าเปื้อนน้ำตา ปลายฝันก็รู้ทันทีว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆ
"น้ำหวาน! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!" ปลายฝันรีบพาเพื่อนเข้ามาในห้องแล้วก็กอดปลอบทันที
น้ำหวานทรุดตัวนั่งโซฟา ปล่อยโฮออกมาแบบไม่อาย ปลายฝันนั่งลงข้างๆ ลูบหลังปลอบเพื่อนเบาๆ จนน้ำหวานเริ่มสงบลง
"คุณธาม คุณธามเปลี่ยนไปอ่ะปลายฝัน" น้ำหวานสะอื้น "เขากับคุณรินลดา พวกเขาตัวติดกันตลอดเลยอ่ะ คุณธามไม่เคยปิดบังอะไรฉันเลยนะ แต่ตอนนี้เขามีความลับกับฉัน"
ปลายฝันฟังอย่างตั้งใจ ฉัน เคยได้ยินเรื่องรินลดาจากภีมมาบ้างแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้
"เขาพยายามอธิบายนะ แต่ฉัน ฉันรู้สึกว่าเขาแก้ตัวอ่ะ" น้ำหวานพูดต่อ "ฉันรู้สึกเหมือนเขาไม่สนใจความรู้สึกฉันเลยอ่ะปลายฝัน ฉันกลัว กลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิมอีก"
ปลายฝันบีบมือน้ำหวานเบาๆ "น้ำหวาน ฉัน เข้าใจความรู้สึกน้ำหวานนะ แต่บางทีเรื่องงานมันก็เลี่ยงไม่ได้จริงๆ นะ"
"แต่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันจนดึกดื่นทุกคืนป่ะ!" น้ำหวานสวนกลับเสียงตัดพ้อ น้ำตาคลอ "แล้วกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงที่ติดตัวเขากลับมาล่ะ! ปลายฝันเชื่อจริงๆ เหรอว่ามันไม่มีอะไร!"
ปลายฝันนิ่งไปแป๊บนึง ฉัน รู้ว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อน แล้วความรู้สึกน้ำหวานมันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะ
"ฉัน เข้าใจว่าน้ำหวานรู้สึกยังไงนะ มันยากแหละที่จะเชื่อใจใครได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะเวลาที่เราเคยเจอเรื่องไม่ดีมาก่อน" ปลายฝันพยายามปลอบ "แต่บางที การตัดสินทุกอย่างจากแค่สิ่งที่เราเห็น มันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดนะ"
น้ำหวานเงยหน้ามองปลายฝัน แววตายังเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ
"แล้วฉันควรทำไงดีอ่ะปลายฝัน? ฉันควรเชื่อเขาเหรอ ทั้งๆ ที่ฉันก็เห็นตำตา" น้ำหวานถามอย่างเจ็บปวด "ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโง่อีกแล้วอ่ะ"
ปลายฝันกอดน้ำหวานอีกที "น้ำหวานไม่ได้โง่นะ แค่น้ำหวานกำลังเจ็บปวด ลองตั้งสติแล้วคุยกับคุณธามดีๆ อีกทีนะ ขอให้เขาอธิบายทุกอย่างละเอียดๆ แล้วน้ำหวานก็ลองเปิดใจฟังเขาดู"
ถึงปลายฝันจะพยายามปลอบใจและให้คำแนะนำเต็มที่ แต่น้ำหวานก็ยังจมอยู่กับความรู้สึกตัวเอง เธอพยักหน้ารับคำแบบลอยๆ แต่ในใจก็ยังมีกำแพงแห่งความระแวงกั้นอยู่ เธอไม่แน่ใจเลยว่าจะเชื่อใจธามได้อีกครั้งหรือเปล่า
ในขณะเดียวกัน ธามก็ขับรถมาที่บ้านภีม เขารู้ว่าภีมคือคนเดียวที่จะเข้าใจสถานการณ์ของเขาดีที่สุด เพราะภีมก็เคยผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ซับซ้อนมาแล้ว
พอภีมเปิดประตูบ้านออกมา เห็นสีหน้าเครียดๆ ของธาม เขาก็รู้ทันทีว่ามีเรื่องไม่สบายใจเกิดขึ้น
"ธาม มีไรวะ" ภีมพาเพื่อนเข้ามานั่งในห้องนั่งเล่น
ธามเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับน้ำหวานให้ภีมฟังทั้งหมดเลย ตั้งแต่เรื่องรินลดา กลิ่นน้ำหอม ไปจนถึงคำพูดที่น้ำหวานบอกว่าเขาแก้ตัวแล้วก็ไม่เชื่อใจเขา
"กู พยายามอธิบายแล้วนะภีม กู บอกว่ารินลดาเป็นแค่คู่ค้า กู ไม่ได้คิดไรกับเธอเลยจริงๆ กู รักน้ำหวานคนเดียว" ธามพูดเสียงเครียดๆ "แต่น้ำหวานไม่ฟังอะไรเลยว่ะ เธอ หาว่า กู แก้ตัว หาว่า กู โกหก"
ภีมนั่งฟังอย่างใจเย็น เขานึกถึงตอนที่ตัวเองเคยเจอปัญหาเรื่องความไม่ไว้ใจกับปลายฝันเหมือนกัน
"มึง ก็รู้ใช่ป่ะว่าน้ำหวานเคยเจออะไรมาบ้าง" ภีมบอก "เรื่องทิชาในอดีตมันยังเป็นแผลในใจน้ำหวานอยู่เลยนะเว้ย"
"แต่ กู ไม่ได้ทำแบบนั้นนะภีม กู บริสุทธิ์ใจจริงๆ" ธามเถียง "ทำไมน้ำหวานถึงไม่เชื่อใจ กู บ้างเลยวะ"
"ความเชื่อใจมันต้องใช้เวลาสร้างนะธาม แล้วมันก็พังง่ายมาก" ภีมถอนหายใจ "บางทีการที่ มึง ไม่ได้บอกรายละเอียดทุกอย่างให้น้ำหวานรู้ตั้งแต่แรก ก็อาจจะทำให้น้ำหวานรู้สึกว่า มึง ปิดบัง"
"แต่ กู ก็ไม่อยากให้น้ำหวานคิดมากเรื่องงาน" ธามพูดต่อ "มันเป็นแค่เรื่องงานจริงๆ นะภีม"
"กู เข้าใจ มึง นะธาม มึง ไม่ได้ทำผิดอะไรหรอก แต่บางทีเรื่องความรู้สึกมันก็ไม่มีเหตุผลเสมอไป" ภีมบอก "ยิ่งเป็นเรื่องผู้หญิงคนอื่น ยิ่งยากที่จะอธิบายให้แฟนเข้าใจ"
"แล้ว กู ควรทำไงวะภีม กู ไม่รู้จะทำไงแล้ว" ธามถามแบบหมดหวัง
ภีมนิ่งคิดอยู่แป๊บนึง "มึง ต้องทำให้น้ำหวานเชื่อใจ มึง อีกครั้งธาม มึง ต้องแสดงให้เธอเห็นว่า มึง รักเธอมากแค่ไหน แล้ว มึง จะไม่ทิ้งเธอไปไหน"
"แต่จะทำไงวะ เธอ ไม่ฟัง กู เลย" ธามพูดอย่างท้อแท้
"บางที มึง อาจจะต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองนะธาม มึง อาจจะต้องถอยออกมาตั้งหลักก่อน แล้วค่อยๆ ทำให้เธอมั่นใจในตัว มึง อีกครั้ง" ภีมให้คำแนะนำ "ลดการทำงานกับรินลดาให้น้อยลง หรือหาทางให้น้ำหวานเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิต มึง มากขึ้น"
ถึงภีมจะพยายามให้คำแนะนำเต็มที่ แต่ธามก็ยังรู้สึกหมดหนทาง เขาก็เข้าใจสิ่งที่ภีมพูดนะ แต่การจะทำให้น้ำหวานกลับมาเชื่อใจเขาอีกครั้งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากกว่าที่คิดเยอะเลย
สิ่งที่ทั้งธามกับภีมยังไม่รู้คือรินลดา ไม่ได้เป็นแค่คู่ค้าทางธุรกิจธรรมดา เธอมีความตั้งใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่และความสนิทสนมกับธามนั้นไม่ใช่แค่เรื่องงาน เธอแอบชอบธามอยู่และหวังว่าจะแทรกกลางความสัมพันธ์ของธามกับน้ำหวานได้
ในขณะที่ธามพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเขา รินลดากลับใช้สถานการณ์นี้เป็นประโยชน์ เธอส่งข้อความหรือโทรหาธามตอนที่น้ำหวานมักจะอยู่กับเขา หรือบางครั้งก็หาโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับธามต่อหน้าน้ำหวาน เพื่อตอกย้ำความไม่มั่นใจในใจของน้ำหวาน
ถึงธามกับน้ำหวานจะได้รับคำปรึกษาจากเพื่อนสนิทแล้ว แต่ดูเหมือนสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้นเลย น้ำหวานยังจมอยู่ในความเจ็บปวดกับความระแวง ส่วนธามก็ยังหาทางทำให้น้ำหวานกลับมาเชื่อใจไม่ได้
ปลายฝันพยายามคุยกับน้ำหวานอีกหลายครั้ง อธิบายในมุมของธาม แล้วก็พยายามให้กำลังใจเพื่อนให้เปิดใจฟัง ธามเองก็พยายามแสดงความรักกับความจริงใจต่อน้ำหวานมากขึ้นนะ แต่ดูเหมือนกำแพงที่น้ำหวานสร้างขึ้นมันแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะทลายลงได้ตอนนี้
การทะเลาะกันครั้งใหญ่มันได้ทิ้งรอยร้าวลึกไว้ในความสัมพันธ์ของพวกเขา ทั้งคู่ต่างต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดนี้ด้วยตัวเอง แล้วก็ต้องหาทางแก้ให้ได้ ถ้าพวกเขาอยากให้ความรักครั้งนี้ยังคงอยู่ต่อไป
ตอนที่ 122 บทส่งท้ายกาลเวลาหมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความทรงจำที่สวยงามยังคงถูกถักทอขึ้นอย่างต่อเนื่องในชีวิตของภาคินัย ปลายฝัน ธามและน้ำหวาน ทุกเส้นทางที่พวกเขาได้เดินผ่านมา ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ หรือท้าทาย ล้วนหล่อหลอมให้พวกเขากลายเป็นคนที่สมบูรณ์ในวันนี้ บทสรุปของเรื่องราวนี้จึงเป็นการสะท้อนถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความรักที่อบอุ่น และอนาคตที่สดใส ที่พวกเขาได้สร้างขึ้นด้วยกันวันหยุดสุดสัปดาห์ที่สดใสครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน รวมถึงธามและน้ำหวาน ได้วางแผนเดินทางไปเที่ยวทะเลด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้สัมผัสผืนทรายและน้ำทะเลด้วยตัวเองรถตู้คันใหญ่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบทเพลงจากเด็กๆ น้องเมฆและน้องเมษาที่ตอนนี้เริ่มเดินได้คล่องแคล่ว ต่างตื่นเต้นกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ไม่คุ้นเคย"คุณภีมคะ ดูสิคะน้องเมฆชี้ไปที่ทะเลใหญ่เลย" ปลายฝันยิ้มอย่างมีความสุข"เมษาก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะคุณธาม" น้ำหวานเสริม พลางมองลูกสาวที่กำลังยิ้มกว้างเมื่อเดินทางถึงรีสอร์ตหรูริมทะเล ภาคินัยและธามต่างช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ ส่วนปลายฝันและน้ำหวานก็ดูแลเด็กๆ ที่วิ่งสำรวจไปทั่วบริเวณด้วยความกระตือ
ตอนที่ 121 บทสรุปของความรักชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดำเนินมาถึงบทสรุปที่งดงาม พวกเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในทุกมิติ ทั้งในด้านความรักที่มั่นคง ครอบครัวที่อบอุ่น และหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ ความรักของพวกเขาสุกงอมและเบ่งบานอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับธามและน้ำหวาน ที่ต่างก็สร้างสรรค์ชีวิตในแบบของตัวเองได้อย่างลงตัว บทสรุปของความรักครั้งนี้จึงเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุข ความเข้าใจ และการเติมเต็มซึ่งกันและกันผ่านมาหลายปี นับตั้งแต่น้องเมฆลืมตาดูโลก ชีวิตของภาคินัยและปลายฝันดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน พวกเขายังคงเป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างลึกซึ้ง ความผูกพันที่แน่นแฟ้นยิ่งทวีคูณขึ้นตามกาลเวลา แม้จะมีความรับผิดชอบมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่เคยละเลยที่จะเติมเต็มความปรารถนาและความเร่าร้อนให้แก่กันและกันค่ำคืนหนึ่งหลังจากที่น้องเมฆหลับไปแล้ว แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องนอนอย่างนุ่มนวล ภาคินัยโอบกอดปลายฝันจากด้านหลังอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่คุ้นเคยทำให้ปลายฝันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เธอซบหน้ากับแผงอกที่คุ้นเคยของเขา"ปายครับ คุณสวยที่สุดเลยนะ" ภาคินัยกระซิบเสียงพร่า พลางจูบลงบนไหล
ตอนที่ 120 ความสุขหลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย ทั้งความรัก ความสุข ความท้าทาย และการเติบโตในบทบาทใหม่ ทุกคู่ต่างค้นพบความสุขในแบบของตัวเอง ภาคินัยกับปลายฝัน และธามกับน้ำหวาน ต่างได้ใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาปรารถนา เติมเต็มความหมายของคำว่า "ความสุขที่แท้จริง" ในแบบฉบับของตัวเองชีวิตของภาคินัยและปลายฝันตอนนี้เปรียบเสมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ ทุกองค์ประกอบต่างถูกเติมเต็มอย่างลงตัว ด้วยความรักที่เปี่ยมล้นจากน้องเมฆ และความสำเร็จในหน้าที่การงานที่รุ่งโรจน์ภาคินัยยังคงทุ่มเทให้กับการบริหารภาคินัย กรุ๊ปอย่างเต็มที่ แต่เขาก็เรียนรู้ที่จะจัดสรรเวลาให้สมดุลระหว่างงานและครอบครัว เขามักจะตื่นเช้าขึ้นมาเล่นกับน้องเมฆก่อนไปทำงาน และพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อใช้เวลาช่วงเย็นกับภรรยาและลูกชาย การเห็นน้องเมฆเติบโตขึ้นในทุกๆ วัน คือพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา"วันนี้น้องเมฆเรียก 'ป๊า' ชัดขึ้นเยอะเลยนะครับปาย" ภาคินัยเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างในมื้อเย็นปลายฝันยังคงเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภาคินัย เธอทำหน้าที่ภรรยาและคุณแม่ได้อย่างไม่มีที่ติ ดูแลบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย อบอุ่
ตอนที่ 119 มิตรภาพที่ยั่งยืนท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิตในบทบาทใหม่ ทั้งการเป็นพ่อแม่และการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มิตรภาพที่ถักทอขึ้นระหว่างภาคินัยและธาม รวมถึงปลายฝันและน้ำหวาน กลับยิ่งแข็งแกร่งและหยั่งรากลึก พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ามิตรภาพที่แท้จริงไม่เคยจางหายไปตามกาลเวลา แต่กลับยิ่งเปล่งประกายและเป็นพลังใจให้แก่กันเสมอครั้งหนึ่ง ภาคินัยและธามเคยเป็นคู่แข่งทางธุรกิจที่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในสนามแข่งขัน แต่ด้วยความจริงใจและความเข้าใจซึ่งกันและกัน พวกเขาก็ได้ก้าวข้ามกำแพงแห่งการแข่งขันและแปรเปลี่ยนเป็นมิตรภาพที่แข็งแกร่ง การมีลูกในเวลาใกล้เคียงกัน ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นบ่ายวันหนึ่ง ภาคินัยโทรหาธามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแกมขบขัน "เฮ้ยธาม! วันนี้น้องเมฆงอแงไม่ยอมนอนเลยว่ะ ฉันแทบไม่ได้ทำงานเลย"ธามหัวเราะจากปลายสาย "ฉันก็เหมือนกันภีม! น้องเมษาวันนี้เล่นไม่หยุดเลย พลังเยอะจริงๆ เด็กสมัยนี้"บทสนทนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องธุรกิจอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องราวของผ้าอ้อม นมผง และการนอนไม่พอ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นคุณพ่อมือใหม่กลายเ
ตอนที่ 118 การเติบโตของภาคินัย กรุ๊ปหลังจากที่น้องเมฆเข้ามาเติมเต็มชีวิตครอบครัวของภาคินัยและปลายฝัน แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นของทั้งคู่ก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ไม่เพียงแต่ในเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการบริหารงานของภาคินัย กรุ๊ปอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้การนำของภาคินัย และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากปลายฝัน บริษัทก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคแห่งความเจริญรุ่งเรืองที่โดดเด่นยิ่งกว่าเดิมเช้าวันหนึ่งที่สดใสในเดือนมิถุนายน ภาคินัยเดินนำปลายฝันและน้องเมฆที่อยู่ในรถเข็นเด็ก เข้าสู่ล็อบบี้สุดหรูของภาคินัย ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ภาคินัยในชุดสูทสีเข้มดูภูมิฐานและสง่างามกว่าเคย ส่วนปลายฝันในชุดเดรสสีอ่อนสบายตาดูสวยสดใสในมาดคุณแม่ลูกหนึ่ง น้องเมฆตัวน้อยในรถเข็นมองซ้ายมองขวาด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น ใบหน้าจิ้มลิ้มมีรอยยิ้มอ้อแอ้ตลอดเวลา"วันนี้ลูกชายมาเยี่ยมบริษัทป๊าครั้งแรกนะลูก" ภาคินัยกระซิบกับน้องเมฆพลางยิ้มอบอุ่นปลายฝันหัวเราะเบาๆ "สงสัยจะชอบบรรยากาศนะคะเนี่ย"พนักงานในล็อบบี้ที่กำลังสัญจรไปมา ต่างหยุดชะงักเมื่อเห็นภาพครอบครัวที่ดูอบอุ่นและสมบูรณ์แบบนี้ หลายคนส่งยิ้มและโค้งคำนับให้ผ
ตอนที่ 117 คุณปู่กับทายาทเมื่อน้องเมฆเติบโตขึ้นในแต่ละวัน ไม่เพียงแต่ภาคินัยและปลายฝันเท่านั้นที่ภาคภูมิใจ แต่ยังมีคุณปู่ของภาคินัย ผู้เป็นรากฐานของอาณาจักรภาคินัย กรุ๊ป ที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นทายาทคนใหม่ การมาถึงของน้องเมฆไม่เพียงแต่เติมเต็มความหมายของคำว่าครอบครัวให้สมบูรณ์ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าธุรกิจที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมีผู้สืบทอดต่อไปอย่างมั่นคงคุณปู่ของภาคินัย แม้จะอยู่ในวัยชรา แต่ดวงตาท่านยังคงเปล่งประกายด้วยความสุขและความเฉียบแหลม การมาถึงของน้องเมฆ เหลนชายและทายาทของเหลนคนเดียวของตระกูล ทำให้หัวใจของคุณปู่เต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนท่านเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน วันที่จะได้เห็นสายเลือดของตระกูลยังคงดำเนินต่อไปคุณปู่ก็เดินทางมาเยี่ยมเหลนชายที่บ้านทันที ท่านนั่งลงข้างเปลนอนของน้องเมฆ มองเหลนชายตัวน้อยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเอ็นดู"ตาหนูเมฆของปู่ ในที่สุดเจ้าก็มา" คุณปู่กระซิบเสียงแผ่ว พลางเอื้อมมือที่เหี่ยวย่นลูบไล้แก้มยุ้ยของน้องเมฆอย่างอ่อนโยนภาคินัยและปลายฝันยืนมองภาพนั้นด้วยความซาบซึ้ง พวกเขารับรู้ได้ถึงความรักอันลึกซึ้งที่คุณ