บทที่ 14
ทำตามเสียงหัวใจ
อลิเซียเดินลงจากรถเข้าสู่ปราสาทลาเซลเวอร่าอย่างรีบร้อน เมื่อเดินทางห้องจัดเลี้ยงก็กุลีกุจอเดินหยิบโน่นจัดนี่ตามแบบใน แพลนงานเลี้ยงที่ดานเต้ให้ข้อมูลไว้ ทุกโต๊ะถูกจัดวางด้วยกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ทองคำที่ถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะงานนี้ด้วยช่างฝีมือที่ประณีตที่สุดของอิตาลี ผ้าปูโต๊ะมันวาวสีงาช้างปักดิ้นทองจับแสงไฟในห้องจนดูหรูหราที่สุด ไวน์แดงระดับแรร์วินเทจถูกจัดเตรียมประดับประดาไว้ที่บาร์วีไอพีอย่างสวยงาม
“อลิเซีย วาเลนไทน์!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าห้อง หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงก็พบร่างบางในชุดเดรสสีทองสง่าเดินกรุยกรายเข้ามาจากทางหน้าห้อง
“ลิลลี่...ดีใจที่เธอยอมรับงาน”
“แน่นอนสิ งานระดับคุณนายคราสโตสตัวแม่ของวงการ ไม่รับคือตัดช่องทางตัวเองมาก”
“ไลล่าล่ะ?” อลิเซียมองหาไลล่า น้องสาวฝาแฝดของลิลลี่ นอร์เรส ออแกไนซ์ที่ทรงอิทธิพลแนวหน้าของนักจัดงานเลี้ยงที่เลื่องชื่อที่สุด ลิลลี่ยิ้มมุมปากพลางเบ้หน้าไปที่หน้าเวทีด้านใน
“What? หล่อนมาตอนไหนไลล่า ฉันไม่ยักเห็น” ไลล่าเดินหัวเราะร่าเข้ามาหาทั้งคู่พลางโอบกอดอลิเซียอย่างแนบแน่น
“ไม่เจอกันปีเดียว...หนีไปแต่งงานกับดานเต้ซ๊ะแล้ว...” อลิเซียยกยิ้มก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่ชายหนุ่มที่กำลังเดินหน้านิ่งเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
“ขอบคุณที่อำนวยความสะดวกไปรับฉันกับพี่ค่ะ...” ไลล่าอมยิ้มในขณะที่ดานเต้ยกยิ้มบางๆ พลางพงักหน้า
“ไม่คิดว่าพวกคุณจะรู้จักอลิเซียส่วนตัว” เขาเดินเข้าไปยืนเคียงข้างหญิงสาว มือหนาโอบไหล่บางอย่างเต็มรักจนไลล่าและลิลลี่ทำสีหน้าอุ๊ปไปตามๆ กันในท่าทีหลงเมียอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเราเรียนไฮสกูลกับอลิเซียน่ะ...ปาร์ตี้วันนี้เบิร์ดเดย์มาดามคราสโตใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ครับ อลิเซียบอกผมว่าต้องเป็นพวกคุณถึงจะเนรมิตงานตามคอนเซปที่แจ้งได้ทันค่ำนี้” เขาหันมองหน้าอลิเซีย ใบหน้าพึงพอใจในหญิงสาวจนเธอเริ่มรู้สึกเขิน
“ธีมวันนี้เป็นแนว Crimson&Gold งานถนัดของพวกเธอเลย” อลิเซียอมยิ้มพลางยื่นเอกสารงานให้เพื่อนสาวทั้งคู่ ลิลลี่ส่ายหน้านิดๆ พลางหันไปหาน้องสาว
“โดแลน! จัดเตรียมงานตามบรีพได้เลย...” พูดจบ คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นทีมงานของไลล่าและลิลลี่ก็เดินเข้าตามจุดต่างๆ ในงานและเริ่มจัดงานเลี้ยงอย่างละเอียด อลิเซียมองดูการทำงานของทีมงานเพื่อนแฝดสุดซี้ด้วยแววตาประทับใจ
“ระหว่างรอตรวจงาน เราไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า...ฉันบรีฟทีมงานหมดแล้วรอตรวจงานทีเดียว” ไลล่ารั้งมือบางของหญิงสาวให้เดินตามเธอไปยังร้านกาแฟด้านหน้าโรงแรม อลิเซียหันมองดานเต้เล็กน้อยจนลิลลี่แอบอมยิ้ม
“ไปกับเราสินะ มิสเตอร์คราสโต...”
ร้านกาแฟของโรงแรมเป็นบรรยากาศสบายๆ ทันทีที่สามสาวเข้ามาถึงที่นั่ง ดานเต้ก็เสนอตัวไปสั่งกาแฟให้ แววตาของเขาจ้องมองเพียงอลิเซียที่วันนี้ดูมีความสุขและเป็นธรรมชาติที่สุด เธอยิ้ม เธอหัวเราะร่าราวกับเจ้าหญิงน้อยคนเดิมกลับคืนมาอยู่ตรงหน้าของเขาอีกครั้งแล้ว
“กาแฟได้แล้วค่ะ...”สาวเสิร์ฟค่อยๆ เสิร์ฟกาแฟลงโต๊ะอย่างเชี่ยวชาญ ดานเต้รีบหยิบเอาคาราเมล มัคคิอาโต้ส่งให้อลิเซียทันทีจนสาวๆ บนโต๊ะอดทำสายตาอิจฉานิดๆ ไม่ได้
“ว้าว...ดานเต้มีมุมโรแมนติกแบบนี้ด้วยเหรอคะ” ไลล่าพูดแหย่เบาๆ ด้วยรู้กิตติศักดิ์ความเย็นชาและป่าเถื่อนของดานเต้ คราสโตอย่างดีแต่วันนี้กลับแปรเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
“พวกเธอนี่...” อลิเซียเอ่ยปรามเพื่อนเบาๆ พลางหันไปหาดานเต้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ขอโทษด้วยค่ะ...ไลล่าติดจะขี้แหย่ แต่จริงๆ เธอน่ารักมากนะคะ” ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กๆ ยกมือหนาขึ้นลูบเรือนผมหญิงสาวด้วยท่าทีเอ็นดูในความห่วงเพื่อนของเธอ
“ขอโทษทำไมล่ะที่รัก...ไลล่าพูดถูกแล้ว ผมมีมุมนี้เพราะอลิเซีย...” ดานเต้ใช้มือหนาโอบไหล่ร่างบางมาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลานั้นโน้มลงมาใกล้หญิงสาวจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดรินอยู่ใกล้ริมฝีปากอวบอิ่ม
“ดานเต้ทำอะไร...” อลิเซียเอ่ยเสียงแผ่ว ในขณะที่ฝาแฝดทั้งคู่ทำหน้าเขินจนเห็นได้ชัด
“ทำตามหัวใจสั่งครับ” ริมฝีปากอุ่นบรรจงจูบแผ่วเบาที่ริมฝีปาก อลิเซียหลับตาบี๋ด้วยความเขินอายอย่างบอกไม่ถูก
“อื้มมม...ไลล่า ฉันว่าเราไปห้องน้ำกันมั้ย?”
“ได้...ฉันไปด้วย” ฝาแฝดทั้งคู่ขยับเก้าอี้และรีบลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำที่ใกล้ที่สุด ในขณะที่ดานเต้ยังไม่ถอนจูบอุ่นๆ นั้น
“สนุกพอรึยังคะ?” อลิเซียผละออก ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำไม่เหลือคราบความร้ายกาจของราชินีคนเดิมที่เคยเป็น ดานเต้อมยิ้มมากขึ้นกับท่าทีที่หญิงสาวเป็นอยู่
“เขินเหรอที่ฉันทำ...”
“ทำไมต้องเขิน...ในเมื่อ...คุณแค่อยากแกล้งฉันต่อหน้าเพื่อนๆ” อลิเซียหลุบตาลง ใช้นิ้วเขี่ยปลายหลอดไปมาเบาๆ
“แล้วถ้าฉันไม่ได้แกล้งล่ะ...แค่...ทำตามหัวใจตัวเอง” เสียงของเขาแผ่วเบาๆ แต่พอทำให้หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะได้ อลิเซียกำลังจะหันกลับไปพูดด้วยแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างของใครบางคนกำลังเดินเข้ามายังโต๊ะที่เธอและเขากำลังนั่งอยู่
ร่างเล็กในชุดเดรสสั้นสีขาวขนปุ่ยเดินโบกมือโบกไม้เข้ามายังโต๊ะที่เธอและเขานั่งอยู่ ใบหน้าของอลิเซียถอดสี เธอเบี่ยงหน้าหนีทันทีเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาถึงโต๊ะ
“ที่รัก...ทำไมไม่โทรบอกวิเวียนล่ะคะว่ามาจัดเตรียมงานเลี้ยงก่อน” วิเวียนนั่งลงที่ข้างดานเต้พลางคล้องแขนแข็งแรงของเขามาควงไว้แน่น
“วิเวียน...คุณมาได้ยังไง?”
“แปลกล่ะสิ วิเวียนมาช่วยคุณจัดงานไงคะ วันเกิดแม่คุณทั้งที” วิเวียนยกมือขึ้นลูบไล้แก้มของชายหนุ่มเบาๆ จนหันไปเห็นอลิเซียที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยทัก
“อ้าว...คุณมาด้วยเหรอคะ ซอรี่นะพอดีฉันเพิ่งเห็น” อลิเซียยกยิ้มมุมปาก
“ฉันจะเข้าไปดูหน้างาน คุณนั่งไปก่อนก็ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ...ไปด้วยกันสิ”
“อย่าเลยล่ะ ดูแลคนของคุณดีกว่า” อลิเซียกำลังจะลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ฝาแฝดก็เดินกลับมาถึงโต๊ะเสียก่อน ไลล่าส่งสายตาไปยังวิเวียนสลับกับอลิเซียคล้ายจะถามคำถาม อลิเซียส่งสายตาบอกปัดแต่ลิลลี่รั้งแขนเธอไว้ก่อนและให้เธอนั่งลงที่เดิม
“นั่งอยู่นี่ก่อนเถอะ...ข้างในยังไม่เสร็จหรอก พวกเราไปดูมาแล้ว” เสียงลิลลี่ดังขึ้นสายตาจับจ้องที่วิเวียนด้วยความไม่พอใจ วิเวียนยังคงควงแขนดานเต้และทำหน้าเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่
“วิเวียน...ไม่น่าเชื่อจะได้เจอคุณที่นี่ คู่หมั้นคุณล่ะคะ?” ไลล่าฟาดคำพูดใส่ทันทีโดยไม่รอ อลิเซียหันวูบไปหาเพื่อนด้วยตกใจที่เพื่อนออกตัวแรงแทนตัวเองมากๆ
“อุ๊ป! ลืมไปเลยว่าวิเวียนมีคู่หมั้นแล้ว แต่แปลกอยู่ที่มานั่งควงแขนสามีคนอื่นแบบนี้” ลิลลี่ยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน จนวิเวียนเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจ ดานเต้รีบรั้งมือเธอออกพลางขยับมานั่งใกล้ๆ อลิเซียอีกครั้ง
“อดีตคู่หมั้นค่ะ...ฉันถอนหมั้นแล้ว!” วิเวียนตอบเสียงห้วน ดวงตาจ้องมองลิลลี่กับไลล่าอย่างไม่พอใจเอามากๆ
“อ้าว...ตอนนั้นสลัดรักดานเต้จนเป็นข่าวใหญ่...วันนี้ซมซานกลับมาแบบนี้เหรอคะ ระดับคุณวิเวียน...” ไลล่าเอ่ยเสียงเยาะเย้ย ใบหน้ายิ้มเย้ยอย่างสะใจ ลิลลี่เองก็ยกมือขึ้นปิดปากราวกับสะใจกับสิ่งที่ได้ยินอยู่
“ไลล่า ลิลลี่ พอได้แล้ว...” อลิเซียเอ่ยปรามเพื่อนสาว ในขณะที่วิเวียนนั่งนิ่งหน้างอ หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบเบาๆ
ในจังหวะนั้นเองที่สาวเสิร์ฟเดินถือกาแฟร้อนใส่ถอดมาใกล้ๆ โต๊ะ ไลล่าหันไปส่งสายตาให้ลิลลี่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับวิเวียน ราวกับรู้กันลิลลี่ยืดขาออกไปข้างโต๊ะในช่วงที่เด็กเสิร์ฟเดินมาใกล้ และเพียงครู่เดียวที่สาวเสิร์ฟเดินสะดุดขาของลิลลี่ ถอดและแก้วกาแฟก็คว่ำลงตรงหน้าของวิเวียน กาแฟร้อนสาดเข้าที่ร่างของหญิงสาวอย่างเหมาะเจาะ
“กรี๊ดดดดดดดด...” วิเวียนกรีดร้องสุดเสียง กาแฟร้อนหกรดเสื้อผ้าสีขาวสะอาดของเธอเปรอะเปื้อนหมด น้ำร้อนถูกผิวกายขาวเนียนจนเป็นรอยพุพองสีแดงเต็มแขนของหญิงสาว
“ขอโทษค่ะ...ขอโทษจริงๆ” เด็กเสิร์ฟรีบเอาผ้าเข้ามาเช็ดให้เธอ แต่วิเวียนกลับผลักมือเธอออกจ้องมองหน้าพนักงานเสิร์ฟราวกับจะกินเลือดกินเนื้อจนดานเต้ต้องหันไปคว้าแขนเธอไว้
“พอแล้ววิเวียน...ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ อีกไม่กี่ชั่วโมงงานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว”
“แต่วิเวียนเจ็บ น้ำมันร้อนมากนะคะที่รัก” เธอเอามือลูบแขนที่แดงเป็นปื้นด้วยความร้อนของน้ำ
“อาจจะแสบนิดๆ แต่ไม่พองหรอก รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ น้องเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ” วิวเวียนหันไปมองพนักงานเสิร์ฟอีกครั้งด้วยสายตาเอาเรื่องแต่ดานเต้กลับลุกขึ้นและดึงเธอออกไปที่หน้าโรงแรมก่อนจะบอกเลขาส่วนตัวของเขาให้ดูแลเรื่องการเปลี่ยนชุดให้เธอ
“แล้วที่รักไม่ไปกับวิเวียนคะ...วิเวียนไม่ไปกับเลขาคุณนะ” เธอเริ่มโวยวายอีกครั้งจนดานเต้เริ่มทำสีหน้านิ่ง แววตาของเขาคมกริบราวกับจะบีบเธอให้ตายด้วยสายตา
“คุณยังไม่ได้ขาดกับทางคู่หมั้น อย่าทำตัวแบบนี้เลยวิเวียนมันจะแย่กับเราทั้งคู่” เขากล่าวเสียงทุ้ม
“ดานเต้ฉัน...ขอโทษที่วันนั้นยอมหมั้นเพราะคุณพ่อ ฉันไม่ได้รักจาโรเลยนะฉันรักเธอ...”
“ไปเปลี่ยนชุดเถอะ...เรื่องมันนานแล้วไม่จำเป็นต้องพูดถึงอีก”
“แต่ฉันรักแค่คุณนะ...แค่คุณคนเดียวจริงๆ” วิเวียนเอื้อมมือมาจับมือของดานเต้ไว้แน่น ก่อนที่มืองจะถูกกระชากออกเพราะร่างบางอีกคนเดินเข้ามาแทรกกลางจากทางด้านหลัง
“ฉันว่าไม่เหมาะนะคะ...ที่คุณจะมาประกาศบอกรักสามีคนอื่นป่าวๆ แบบนี้” อลิเซียคว้าแขนแข็งแรงของดานเต้มากอดไว้แน่นพลางรั้งเขาเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมสวยบัดนี้เจือความร้ายเบาๆ บนใบหน้านั้น เธอจ้องมองวิเวียนดวงตานั้นบอกชัดว่าผู้ชายคนนี้เป็นของๆ เธอแล้ว
“ขอโทษนะ...แต่สามีที่คุณว่า คุณแค่แต่งเพื่อเอาสมบัติเขานี่” วิเวียนเถียงกลับเสียงแข็ง แววตาเธอเจือคำดูถูกที่กระแทกอลิเซียเข้าอย่างจัง อลิเซียหันมองหน้าดานเต้ที่ตอนนี้สีหน้าของเขาเองก็ดูจะอ่อนไหวกับคำพูดนั้น
“ไม่ใช่...ฉันแต่งเพราะฉันรักเขา...” เธอกระชับวงแขนแน่นขึ้นจนชายหนุ่มต้องหันมองหน้าเธอ
“เหรอ...อลิเซียคุณจะหลอกใคร ข่าวของคุณดังกระฉ่แนไปทั่ว ราชินีนางร้ายที่ปั่นหัวผู้ชายแต่งงานเพื่อรักษาผลประโยชน์และเงินของตระกูลวาเรนไทน์โง่ๆ”
เพี๊ยะ....
เสียงฝ่ามือบางกระแทกเข้ากับใบหน้าของวิเวียนเต็มแรง หญิงสาวหน้าหันไปตามแรงตบ ล้มลงกับพื้นหินอ่อนหน้าปราสาท อลิเซียตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ดวงตาคมสวยจ้องเขม่นาวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนตรงหน้า ดานเต้ตกใจกับอลิเซียในมุมนี้มาก เขารีบโอบรั้งเอวเธอไวด้วยกลัวว่าเธอจะพุ่งลงไปจัดการวิเวียนที่ทรุดอยู่กับพื้นอีก
“เธอด่าฉัน...ฉันยังทนไหวนะ แต่นี่เธอดูถูกตระกูลฉัน...ดูถูกดานเต้ที่เธอบอกว่ารักเขา เธอทำได้ยังไง!” เสียงของเธอตะหวาดลั่น จนคนแถวนั้นเริ่มหันมอง
“อลิเซีย...พอแล้ว...”
“คิดว่าคนอย่างดานเต้จะโง่แต่งงานเพราะถูกหลอกเหรอ? คิดว่าเค้ายอมแต่งกับใครสักคนก็ได้เหรอ? เธอนี่มัน!” อลิเซ๊ยทำท่าจะลงไปคว้าร่างบางขึ้นมาอีกแต่ดานเต้โอบเอวเธอไว้แน่นพลางส่งสายตาให้เลขาพาวิเวียนออกไปจากตรงนี้
เลขาบ็อบรีบพยุงร่างวิเวียนออกไปจากตรงนั้น ใบหน้าของวิเวียนแดงก่ำมีรอยเลือดซึมอยู่ที่ริมฝีปากข้างซ้าย เธอหันมองอลิเซียอีกครั้งแววตานั้นเครียดแค้นและหมายจะเอาคืนอย่างที่สุด เลขาที่พาเธอไปขึ้นรถทันที เมื่อรถแล่นออกไปแล้วดานเต้จึงปล่อยตัวอลิเซีย เมื่อเธอหลุดจากการอ้อมแขนเขาก็หันมาจ้องหน้าเขาเขม่น
“คุณยอมให้คนอื่นว่าคุณโง่ได้ยังไง?” ดานเต้ทำหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“เราแต่งงานกันก็เพื่อผลประโยชน์...ก็ถูกแล้วนี่”
“ไม่ใช่...คุณต้องแต่งกับฉันเพราะแม่ของคุณเกลียดตระกูลวาเรนไทน์ คุณทำเพราะแม่ของคุณ...” อลิเซียน้ำตารื้อในขณะที่ดานเต้ทำสีหน้าตกใจในสิ่งที่เขากำลังได้ยิน เขาหันมองใบหน้าของเธอที่บัดนี้พยายามจะเก็บกดทุกความรู้สึกไว้ เขาเอื้อมมือขึ้นแตะแก้มขาวนวลเนียนนั้นอย่างแผ่วเบา
“ทำไมถึงรู้เรื่องนี้...”
“ฉันเห็นภาพแม่ของคุณที่คฤาสถ์ของคราสโต ตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปที่นั้น ฉันรู้จักเธอเพราะเธอคือผู้หญิงที่พ่อของฉันเคยหมั้นหมายด้วย” อลิเซียน้ำตาไหลอาบแก้ม อดีตที่เธอไม่อยากนึกถึงที่สุดกำลังอยู่ตรงหน้าของเธอและเธอมีสิทธิ์แค่ยอมรับมันเท่านั้น
“ที่ผ่านมาเธอรู้เรื่องนี้มาตลอดเหรอ?”
“ใช่...ฉันรู้ และมันทำให้ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป”
“อยู่กับฉัน...รักฉันได้มั้ย?” ดานเต้เอื้อมมือไปจับกุมมือบางไว้แน่น ดวงตาของเขาชัดเจนดังคำพูดที่ออกจากปาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนทุกอย่างคงเป็นแค่เกมแค้นระหว่างตระกูล แต่ในวันนี้เธอคือผู้หญิงที่เขารอคอยมาทั้งชีวิต
อลิเซียกำลังจะตอบกลับแต่ไลล่าและลิลลี่รีบเดินเข้ามาหาทั้งคู่อย่างรีบร้อน สีหน้าของทั้งคู่ดูร้อนรนราวกับมีเรื่องเร่งด่วนบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น เธอหันไปส่งสายตาเป็นเชิงถามแต่กลับได้ยินเสียงดังออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแทน
บทที่ 9คู่สัญญาแสนดี แสงประกายสีทองอร่ามฉาบเคลือบบนผืนทะเลสาบเลื่องชื่อ ลมพัดผ่านผิวทะเลาสาบราวกับหยอเย้ากันเล่น เรือส่วนตัวลำสีดำสนิทกำลังแล่นอยู่กลางทะเลสาบ เสียงของเกลียวคลื่นเล็กๆ กระทบกับลำเรือเป็นระลอกๆ อลิเซียยืนเกาะราวตรงหัวเรือแน่น รู้สึกถึงแรงลมปะทะผิวในทุกช่วงที่เรือแล่นผ่าน เสียงดนตรีแจ๊สดังแว่วมาจากกลางลำเรือ ปาร์ตี้เล็กๆ กับแอลกอฮอร์หลายรูปแบบวางเรียงรายอยู่ในห้องรับรองกลางลำเรือ ราฟาเอลและเพื่อนนักธุรกิจของเขาอีก 3 คนกำลังนั่งดื่มแชมเปญกันอยู่ด้วยความสนุกสนาน อลิเซียนั่งลงตรงที่นั่งหน้าลำเรือ สายตาเหม่อลอยไปยังท้องน้ำกว้างที่สวยและดูสะอาดตาราวกับภาพวาดในจินตนาการ เงาของร่างสูงสะท้อนลงบนพื้นของลำเรือจนอลิเซียต้องรีบหันไปมอง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตดำเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของอลิเซีย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น&nbs
บทที่ 8ทฤษฏีของเกมลวงรักพระอาทิตย์กำลังจะลับเหลี่ยมเขากระทบกับผิวน้ำที่พริ้วไหวราวกับเต้นระบำอวดผู้มาเยือน คฤหาสถ์หลังใหญ่ริมทะเลสาปโคโมถูกเปิดไว้ต้อนรับดานเต้และอลิเซียอย่างหรูหรา ทันทีที่หญิงสาวเท้าแตะที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หญิงสาวใส่ชุดเมทราวๆ สิบกว่าคนก็ต่อแถวยืนรอเธอขนาบสองข้างทางเดินที่มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสถ์หลังใหญ่ เสียงเปียโนแว่วดังมาจากด้านในทำให้อลิเซียเผลอมองโดยไม่รู้ตัวร่างสูงเดินนำเข้าไปยังด้านในคฤหาสถ์ โถงทางเดินประดับด้วยหินก้อนใหญ่ที่เรียงต่อกันดูเก่าแก่แต่ก็หรูหรา กลิ่นอายของดอกกุหลาบลอยกรุ่นอยู่ทั่วบริเวณ อลิเซียเดินตามดานเต้เข้าไปก็พบกับร่างเล็กกำลังบรรเลงเปียโนอย่างไพเราะโดยไม่รู้สึกถึงสัมผัสของผู้มาเยือน หญิงสาวผิวขาวเนียนละเอียดในชุดเดรสสีขาวกระโปรงฟูฟ่องคล้ายเจ้าหญิงในนิทานกำลังขับกล่อมเปียโนด้วยเสียงที่แว่วหวานและไพเราะ“ไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอ เทียน่า...” เสียงเรียบนิ่งของดานเต้ทำให้จังหวะเปียโนหยุดชะงักไป หญิงสาวนั่งตัวตรงด้วยท่าทีที่นิ่งเฉยวางมือบนเปียโ
บทที่ 7เจ้าหญิงน้อยแสงสีขาวสาดส่งมายังลานสนามเด็กเล่น เด็กหญิงกำลังนั่งกินไอติมอยู่บนม้าหมุน ในขณะที่เด็กชายอีกคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ ร่างเล็กของเด็กหญฺงใส่ชุดกระโปรงบานสีขาวฟูฟ่อง บนผมของเธอสวมมงกุฏราวกับเจ้าหญิงน้อยๆ ในเทพนิยาย เธอหยิบไม่คฑาขึ้นมาแกว่งไปมา สักพักเด็กชายอีกคนที่สวมผ้าคลุมสีดำราวกับอัศวินก็รีบวิ่งเข้ามาหาเธอทันที“เจ้าหญิงน้อยมีอะไรจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” เด็กชายคุกเข่าลงข้างหนึ่งและก้มหน้ารับคำสั่ง เจ้าหญิงน้อยรีบเดินลงมาจากม้าหมุนพลางทำทีคล้ายจะสั่งการ“เจ้าลองไปดูที่ตรงนั้นสิ ข้าเห็นพวกโจรกำลังเดินมากัน” เด็กหญิงชี้ไม้คฑาไปยังทางเข้าของสนามเด็กเล่น เพียงครู่ก็มีเด็กผู้หญิงอีก 2-3 คนเดินเข้ามาในลานสนามแห่งนี้ อัศวินรับคำสั่งรีบวิ่งเข้าไปจัดการเด็กหญิงพวกนั้นทันทีจนเด็กหญิงทั้งสาม ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะแรงผลัก“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พวกฉันเจ็บ...”“เข้ามาในเขตแดนของข้าทำไม” เด็กหญิงตวาดเสียงดังลั่น จนคนที่เดินผ่
บทที่ 6ข่าวดังสะท้านวงการเช้าวันถัดมา หลังค่ำคืนอันสะเทือนสังคมแฟชั่นและวงการมาเฟีย แผงหนังสือเต็มไปด้วยนิตยสารและหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตๆ ถึงเหตุการณ์สุดร้อนแรงในงานเดินแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ของลอเรน คราสโต“อลิเซีย – ภรรยาสุดร้อนแรงของมาฟียหนุ่ม ดานเต้! เปิดตัวในฐานะราชินีในชุดฟินนาเร่”“จากนางร้ายพลิบทสู่นางพญาแห่งวงการ : จุมพิตที่ทำให้โลกตะลึง”“นางเอกสุดใส อักษรย่อ ม. ถูกแย่งซีนกลางงานแฟชั่นโชว์จนล้มไม่เป็นท่า”เว็บไซต์ข่าวบันเทิงกดขึ้น Breaking news ตลอดทั้งวัน วิดีโอการจุมพิตถูกแชร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกในโซเชียล เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองฝั่งอย่างร้อนแรง- ฝั่งหนึ่งคลั่งไคล้และชื่นชมในหญิงสาว- อีกฝั่งตราหน้าว่า “นางร้ายสวมบัลลังก์ แย่งผู้ชาย”อลิเซียนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรูในห้องรับแขก มือถือบนโต๊ะยังสั่นไม่หยุดตั้งแต่เช้า เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ แววตาเย็นสงบจ้องมองวิวสวยของบ้า
บทที่ 14ทำตามเสียงหัวใจ อลิเซียเดินลงจากรถเข้าสู่ปราสาทลาเซลเวอร่าอย่างรีบร้อน เมื่อเดินทางห้องจัดเลี้ยงก็กุลีกุจอเดินหยิบโน่นจัดนี่ตามแบบใน แพลนงานเลี้ยงที่ดานเต้ให้ข้อมูลไว้ ทุกโต๊ะถูกจัดวางด้วยกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ทองคำที่ถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะงานนี้ด้วยช่างฝีมือที่ประณีตที่สุดของอิตาลี ผ้าปูโต๊ะมันวาวสีงาช้างปักดิ้นทองจับแสงไฟในห้องจนดูหรูหราที่สุด ไวน์แดงระดับแรร์วินเทจถูกจัดเตรียมประดับประดาไว้ที่บาร์วีไอพีอย่างสวยงาม “อลิเซีย วาเลนไทน์!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าห้อง หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงก็พบร่างบางในชุดเดรสสีทองสง่าเดินกรุยกรายเข้ามาจากทางหน้าห้อง “ลิลลี่...ดีใจที่เธอยอมรับงาน” 
บทที่ 5พลิกเกมนางร้ายกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นผ้าไหมใหม่เอี่ยมและเครื่องสำอางค์ราคาแพงหรูหราส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทั้งห้อง แสงไฟเจิดจรัสสะท้อนเงาหญิงสาวที่ยืนมองภาพสามีตัวเองกำลังโอบกอดร่างบางในอ้อมแขน ดานเต้เงยหน้ามองอลิเซียอีกครั้งด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่ต่างจากสายตาของทีมงานอีก 4-5 คน และลอเรนที่มองดูเธอนิ่ง อลิเซียพยายามเก็บอารมณ์ไว้ในสีหน้า แม้ว่าภายในใจตอนนี้ร้อนระอุจนอยากจะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้“ฉันถามว่า นี่มันอะไรกัน?” เสียงเรียบแต่แฝงความเย็นเฉียบของดานเต้ทำให้ทุกคนในห้องสะดุ้ง อลิเซียเมินหน้าแทนคำตอบ ดวงตากลมสวยคู่นั้นอาบเคลือบด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่มอยู่มาก“คุณก็ถามแม่นางเอกคนสวยของคุณสิ...ฉันขี้เกียจจะตอบอะไร” อลิเซียพูดปัดรำคาญเพราะรู้ว่าพูดอะไรไปก็ไร้น้ำหนัก“ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง...ถ้าเธอบอกว่าเธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันจะเชื่อ” คำพูดนั้นอ่อนลงจนทำให้หัวใจของอลิเซียสั่น ดานเต้มองจ้องเธอราวกับคาดคั้นคำตอบอีกครั้งแต่อลิเซียเลือกที่จะยืนนิ่งไม่พูดอะไร