LOGINบทที่ 6
ข่าวดังสะท้านวงการ
เช้าวันถัดมา หลังค่ำคืนอันสะเทือนสังคมแฟชั่นและวงการมาเฟีย แผงหนังสือเต็มไปด้วยนิตยสารและหนังสือพิมพ์พาดหัวตัวโตๆ ถึงเหตุการณ์สุดร้อนแรงในงานเดินแฟชั่นคอลเลคชั่นใหม่ของลอเรน คราสโต
“อลิเซีย – ภรรยาสุดร้อนแรงของมาฟียหนุ่ม ดานเต้! เปิดตัวในฐานะราชินีในชุดฟินนาเร่”
“จากนางร้ายพลิบทสู่นางพญาแห่งวงการ : จุมพิตที่ทำให้โลกตะลึง”
“นางเอกสุดใส อักษรย่อ ม. ถูกแย่งซีนกลางงานแฟชั่นโชว์จนล้มไม่เป็นท่า”
เว็บไซต์ข่าวบันเทิงกดขึ้น Breaking news ตลอดทั้งวัน วิดีโอการจุมพิตถูกแชร์ซ้ำแล้วซ้ำอีกในโซเชียล เสียงวิจารณ์แตกออกเป็นสองฝั่งอย่างร้อนแรง
- ฝั่งหนึ่งคลั่งไคล้และชื่นชมในหญิงสาว
- อีกฝั่งตราหน้าว่า “นางร้ายสวมบัลลังก์ แย่งผู้ชาย”
อลิเซียนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหรูในห้องรับแขก มือถือบนโต๊ะยังสั่นไม่หยุดตั้งแต่เช้า เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบเบาๆ แววตาเย็นสงบ
จ้องมองวิวสวยของบ้านอย่างสบายใจ
ดานเต้ เดินเข้ามาในบ้านพร้อมหนังสือพิมพ์ในมือ เขาทอดสายตามองภาพจุมพิตที่พาดหัวข่าวเต็มหน้า ริมฝีปากนั้นยังตราตรึงอยู่ในใจของเขาด้วยไม่คิดว่าเธอจะกล้าทำ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มเย็น
“เธอนี่...เปลี่ยนเกมได้ทั้งกระดานเพียงชั่วข้ามคืนสินะ” เขาโยนหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้าเธอ ใบหน้าเรียบนิ่งแต่แววตากับนั้นแฝงไปด้วยความชอบใจบางอย่าง อลิเซียเงยหน้ามองชายหนุ่มพลางยกคิ้ว มองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ก็แค่...จุมพิตปลอมๆ ครั้งเดียว ก็ดึงสายตาคนทั้งโลกให้เชื่อได้แล้วว่า ฉันคือตัวจริง”
“เธอนี่ไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ แต่...ที่รัก” ดานเต้เดินเข้ามาใกล้เธอก่อนจะรั้งร่างบางมากอดไว้แน่น กลิ่นของน้ำหอมผสมกับซิก้าลอยแตะจมูกของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา
“ระวังให้ดี...เกมนี้เธออาจต้องเดิมพันด้วยหัวใจ” จมูกโด่งของเขาซุกไซ้ที่ซอกคอของหญิงสาวราวกับจะเล้าโลมร่างบางให้อ่อนละทวย อลิเซียใช้มือบางลูบไล้บริเวณแก่นกายใหญ่ของชายหนุ่มที่ใหญ่จนตุงล้นกางเกงออกมา
“ก็เอาสิ...ถ้าฉันจะชนะเกมนี้ได้” เธอประโคมจูบไปตามซอกคอและบดริมฝีปากของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำอีก จากที่เขาเป็นฝ่ายจะเริ่มเธอกลับเป็นฝ่ายรุกแรงขึ้นเสียเอง หญิงสาวประทับริมฝีปากแดงดูดดื่มพลางแรกลิ้นอุ่นๆ ดูดเลียริมฝีปากของดานเต้อย่างหิวกระหาย เขาผละเล้กน้อยที่เห็นเธอในท่าทีที่แปลกไป เธอในตอนนี้เหมือนเสือที่พร้อมจะตะคลุบเหยื่อไว้
“เธอเล่นเกมเก่งนะ แต่ในโลกใบนี้เกมแบบนี้มันอันตรายกว่าที่คิด” ดานเต้หัวเราะในลำคอ แต่เต็มไปด้วยแรงกดดัน
“ราชินีไม่ยอมให้ใครทำลายได้ง่ายๆ หรอก...ไม่ว่าคุณรึนางโง่นั่น” อลิเซียตอบกลับอย่างเฉียบคม มือบางค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของดานเต้ออกทีละเม็ดทีละเม็ด ชายหนุ่มยิ้มอย่างถูกใจ มือหนาลูบไล้เรือนผมเงาสลวยของหญิงสาว บรรยากาศเต็มไปด้วยไฟปะทะ ความแค้นผสมแรงดึงดูดและความต้องการจนทั้งคู่ก็ไม่อาจต้านทานได้
ทันใดนั้นเองเสียงของจูดี้ก็ทำให้เธอและดานเต้ตื่นจากภวังค์สวาทนั้น ดานเต้หันกลับไปมองผู้จัดการส่วนตัวของอลิเซียอย่างหงุดหงิด ก่อนจะปรายตามองอลิเซียแล้วพูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความโกรธและความขัดใจ
“ฉันไปทำงานก่อน” ดานเต้ลุกขึ้นและเดินไปยังห้องทำงานข้างๆ ห้องโถงใหญ่
จูดี้รีบวิ่งเข้ามายังทีวีก่อนจะเปิดข่าวที่ทำให้อลิเซียรู้สึกโกรธมากจนจะระเบิด อลิเซียกัดริมฝีปาก ดวงตาวาววับจ้องมองภาพงานแถลงข่าวในทีวีไม่วางตา
“นังนี่มันไม่หยุด!” เสียงของเธอเรียบแต่เต็มไปด้วยความโกรธเกรียว
“โมนิก้า...ออกแถลงข่าวเมื่อ 10 นาทีก่อน ในแถลงบอกจะพูดเรื่องการแต่งงานสายฟ้าแลบของเธอกับดานเต้”
“อะไรนะ! มันมีสิทธิ์อะไรมาพูดเรื่องการแต่งงานของฉัน” อลิเซียลุกขึ้นยืน จ้องโมนิก้าในทีวีตาเขม็ง
“ฉันโทรบอกทนายแล้ว เขาบอกว่าถ้ามีการเอ่ยเรื่องการแต่งงานเรามีสิทธิ์ฟ้องได้ค่ะ”
“ดี...ฉันจะฟ้องให้นังโง่นี่ให้หมดตัวเลย” อลิเซียนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าขบคิดถึงเรื่องราวที่กำลังเผชิญอยู่ เธอเลือกจะปิดทีวีและเดินเข้าไปหาดานเต้ที่ห้องทำงานแทน
อลิเซียโยนแท๊บเล็ตลงบนโต๊ะทำงานของดานเต้ ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งแต่แฝงไว้ด้วยความโกรธ ดวงตาสั่นวาว ริมฝีปากถูกขบแน่น เธอพยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพร่านนั้นให้ได้มากที่สุด
“นังโง่นี่มันกล้าดียังไง!” ดานเต้เงยหน้าขึ้นมองเธอสลับกับข่าวในแท๊บเล็ต แววตาที่มองเธอในขณะนี้อ่านไม่ออกถึงความหมายที่แท้จริงในความรู้สึก
“แล้วมันไม่จริงตรงไหน?” คำพูดนั้นเหมือนกริชแหลมที่แทงทะลุหัวใจของเธอ ใช่...ความจริงคือเธอยอมแต่งงานกับเขาเพราะวาเลนไทน์ติดหนี้คราสโตไว้จำนวนมาก จากการบริหารเงินโง่ๆ และเอาปราสาทไปจำนองไว้ของเดล ช่วงที่เธอไปเรียนต่อแฟชั่นที่ปารีส การแต่งงานครั้งนี้จึงเป็นเหมือนการคงสถานภาพทางสังคมของเธอไว้และเพื่อรักษาชีวิตของแม่เธอไว้
“ถ้าคุณอยากทำลายฉันขนาดนี้ คุณจะคงสถานะทางสังคมให้ฉันด้วยการแต่งงานทำไม!”
“ฉันอยากให้เธอนึกถึงชีวิตของแม่เธอเยอะๆ ก่อนจะพูดอะไรเกินเลยนะอลิเซีย” อลิเซียกัดริมฝีปากแน่น น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“ฉันจะไม่ยอมให้โมนิก้าหรือใคร เอาเรื่องบ้าๆ นี่มาเหยียบฉัน...” อลิเซียกระชากแท๊บเล็ตก่อนจะหันหลังเพื่อจะเดินออกจากห้อง แต่ก็ต้องชะงัก
“เก็บกระเป๋าซ๊ะ...พรุ่งนี้เธอต้องไปเลคโคโมกับฉัน”
“แล้วถ้าฉันไม่ไปล่ะ...”
“ก็รอดูข่าวประกาศล้มละลายของตระกูลวาเลนไทน์ได้เลย” น้ำเสียงเขาเรียบแต่เต้มไปด้วยอำนาจที่จะสั่งเป็นสั่งตายเธอได้ อลิเซียกำมือแน่นด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นจนยากจะเอ่ย เธอพงักหน้าและรีบเดินออกจากห้องไปในทันที
รถหรูจอดสนิทที่หน้าปราสาทของตระกูลวาเลนไทน์ อลิเซียหน้านิ่งแววตาหม่นเข้าไปยังในบ้าน เธอกลับมาเพื่อมาเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปกับดานเต้ ร่างบางเดินผ่านห้องทำงานที่เคยเป็นห้องโปรดของเลโอ วาเลนไทน์ คุณพ่อแท้ๆ ของเธอ เธอจึงเปิดประตูและเดินเข้าไปยังห้องทำงานนั้นเงียบๆ
เบื้องหน้าคือโต๊ะทำงานทรงโรมันที่พ่อของเธอมักใช้นั่งทำงานในตอนที่เธอเด็กๆ รูปภาพสีเก่าๆ ยังวางโชว์ไว้ในกรอบรูป มีเธอมีพ่อและแม่กอดกันด้วยรอยยิ้มสดใส ภาพความทรงจำสุดท้ายก่อนที่พ่อจะเสียชีวิตตอนที่เธออายุได้เพียง 12 ปีเท่านั้น อลิเซียนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานนิ่มๆ ที่เธอเคยใฝ่ฝันจะได้นั่งโต๊ะนี้เพื่อบริหารกิจการในเครือวาเลนไทน์ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างถูกขโมยไปโดยน้องชายของพ่อและเขาก็ขายมันทอดตลอด จนไม่เหลือสมบัติสักแดงเดียวให้เธอและแม่ ความโชคดีเดียวที่เธอและแม่มีอยู่คือมรดกก้อนสุดท้ายและปราสาทหลังนี้ที่พ่อทิ้งไว้ให้เป็นชิ้นสุดท้าย แต่ก็ถูกทำลายลงเพราะพ่อเลี้ยงโง่ๆ ของเธออยู่ดี
“พ่อคะ...ลูกขอโทษที่ดูแลทุกสิ่งที่พ่อให้ไว้ไม่ได้สักอย่าง” เธอน้ำตารื้อ มองกรอบรูปนั้นด้วยสายตาเหนื่อยล้าจนเกินจะเอ่ย หลายต่อหลายอย่างในชีวิตมันยากมากขึ้นตั้งแต่วันที่พ่อจากไป อลิเซียเอื้อมมือหยิบสมุดบันทึกที่พ่อเคยเขียนไว้ขึ้นมาอ่าน สมุดบันทึกที่จดเรื่องราวของเธอตั้งแต่แบเบาะจนโตขึ้น ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในลูกสาวของตน
“คุณหนู...นั่งทำอะไรมืดๆ คะ” เอมม่าแง้มประตูและพูดเสียงเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งน้ำตาอาบหน้าอยู่ เธอรีบเอื้อมมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา
“มาเก็บของน่ะ พอดีมีไปดูงานต่างประเทศ”
“ขอโทษค่ะที่ฉันเข้ามากวน พอดีเห็นประตูห้องเปิดอยู่ ห้องนี้ปิดไว้นานมากแล้ว” เอมม่าเดินเข้ามาในห้อง แววตาของหญิงแก่ดูห่วงใยอลิเซียอย่างยากจะเอ่ย
“ไม่เป็นไร...อีกเดี๋ยวฉันคงจะไปแล้ว”
“คุณหนูคงคิดถึงคุณท่านมาก..ถ้าคุณท่านยังอยู่ คุณหนูคงไม่ต้องเจอข่าวและกระแสทางสังคมที่รุนแรงขนาดนี้” เอ็มม่าเอื้อมมือไปกุมมือหญิงสาวอย่างอ่อนโยน อลิเซียเงยหน้าขึ้นมองหญิงแก่พลางยิ้มจางๆ สียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นที่หน้าห้อง ก่อนที่ร่างชายแก่จะปรากฏแก่สายตา
“กลับมาทำไมที่นี่ เธอควรอยู่ดูแลผัวของเธอให้ดีเพื่อตัวเธอและแม่ของเธอนะอลิเซีย” เสียงแก่ทำให้อลิเซียเม้มปากแน่น แววตาลุกวาวด้วยความโกรธอีกครั้ง
“หุบปากเดล เพราะแก...ตระกูลของฉัน แม่ฉันถึงต้องมามีสภาพแบบนี้”
“ฮ่าๆ เพราะฉันเหรอ ที่ฉันเอาปราสาทนี้ไปจำนองกับคราสโต ก็เพราะอาการป่วยของแม่เธอ” เดลยกมือขึ้นชี้หน้าอลิเซีย ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นจ้องมองเธออย่างเยาะเย้ยและดูถูก
“แกมีสิทธิ์อะไรเอาโฉนดของปราสาทนี้ไปจำนอง จนฉันต้องเป็นเมียคราสโตเพื่อแลกกับเงินพวกนี้”
“เพราะเธอมันไม่ได้เรื่องไงอลิเซีย ถ้าเธอมีรายได้สร้างธุรกิจได้ แม่เธอ ปราสาทหลังนี้คงปลอดภัย อย่ามาโทษฉันที่พยายามตามล้างตามเช็ดปัญหาให้เธอ!”
เคล้งงง!
เสียงจานรองก้นบุหรี่กระแทกเข้าที่ฝาผนังห้อง แตกกระจายเต็มพื้น อลิเซียโกรธมากร่างกายเธอหอบด้วยความโกรธที่ไม่สามารถควบคุมได้จนกลัวว่า อาการหอบหืดของเธอจะกำเริบ จานรองนั้นเฉี่ยวร่างของเดลไปเพียงฝ่ามือเดียว เอมม่ารีบเข้าไปกอดร่างที่สั่นเทาเพราะความโกรธเกินลิมิตของอลิเซียไว้ละพยายามปลอบโยนเธอ
“ออกไป!!!! ออกไปให้พ้น ไอ้หมาขี้เรื้อน!!!” อลิเซียตวาดเสียงกร้าว เธอชี้หน้าเดลใบหน้าคมสวยในตอนนี้แดงกร่ำด้วยความโกรธ ตัวเธอร้อนจี๋ราวกับคนมีไข้ เดลยืนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังและเดินออกจากห้องไป
“คุณหนูพอแล้วค่ะ เดี๋ยวอาการหอบจะกำเริบเอานะคะ” เอมม่าพยายามกอดปลอบเธอ ในขณะที่น้ำตาของหญิงสาวค่อยๆ ไหลมาเป็นทาง
“แม่เอาผู้ชายคนนี้เข้ามาทำร้ายพวกเราทำไม...มันไม่เคยรักแม่จริงด้วยซ้ำ ฮื่อๆ” เสียงสะอื้นของเธอดังลั่นห้อง เธอร้องไห้หอบตัวโยนอยู่ในอ้อมแขนของหญิงแก่ เอมม่ากอดเธอแน่นเพราะรู้ถึงความอ่อนแอที่หญิงสาวกำลังได้รับ
บางครั้งชีวิตก็เล่นตลกให้เราต้องเข้าไปพัวพันในเกมชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือ “เล่นต่อให้จบเกม”
กระเป๋าเดินทางถูกจัดไว้พร้อมสำหรับการเดินทางในรุ่งเช้า อลิเซียนั่งนิ่งมองฟ้าที่ดำมืดในยามค่ำคืน แสงดาวดวงเล็กๆ ส่งประกายระยิบระยับราวกับกำลังปลอบโยนหญิงสาว ลมหนาวพัดผ่านใบหน้าขาวเนียนสวยนั้นอย่างอ่อนโยน ค่ำคืนนี้กับความรู้สึกเจ็บปวดกินเวลายาวนานไปเกือบครึ่งคืน จนรถของดานเต้จอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านแล้วอลิเซียถึงได้เดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ เพียงไม่นานก็เผลอหลับไปบนเตียงนอนอันอบอุ่นและนุ่มสบายด้วยเผชิญเรื่องราวปวดใจมากมายในวันนี้
แอ๊ดดดด
เสียงประตูห้องหญิงสาวถูกแง้มออกอย่างเบามือที่สุด ร่างสูงในชุดสูทดำเดินคล้ายย่องเข้ามายังเตียงนอนสีขาวสะอาด เขาหยุดยืนนิ่งเมื่อเห็นร่างบางซุกตัวหลับพริ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าสวยคมนั้นเหลือคลาบความอ่อนล้าไว้มากมายคล้ายจะบอกว่า วันนี้เป็นวันที่หนักมากสำหรับเธอ
ดานเต้ค่อยๆ นั่งลงบนเตียงนุ่ม เขาโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตที่หว่างคิ้วของร่างเล็ก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีใครได้พบเห็น ก่อนที่มือหนาจะรั้งเอาไรผมที่คลอเคลียแก้มขาวออกอย่างแผ่วเบาด้วยกลัวคนตัวเล็กจะสะดุ้งตื่น เมื่อเห็นว่าเธอยังหลับสนิทเขาจึงจ้องมองใบหน้าสวยคมที่หลับพริ้มอยู่ท่ามกลางความมืด
“ถ้าเธอยังอยู่กับคราสโต...ฉันสัญญาว่าเธอจะมีชีวิตที่มีความสุขที่สุด เธอเป็นสมบัติของฉันเจ้าหญิงน้อย...”
บทที่ 15ตัวแปรของเกมลวง อลิเซียเดินนำดานเต้เข้าไปในงานเลี้ยง หญิงสาวจ้องมองดูทุกอย่างในงานถูกจัดเตรียมไว้อย่างงดงามและหรูหราที่สุด เว้นเพียงตำแหน่งวางเค้กวันเกิดก้อนมหึมาที่จัดเตรียมไว้บัดนี้ยังคงว่างเปล่า เทียน่าเดินหน้าเครียดมายังหญิงสาว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความกดดันที่ล้นอก “เสียงดังอะไรกันเทียน่า...” ดานเต้รีบเอ่ยถามทันทีที่ร่างบางเดินเข้ามาใกล้ “ทีมงานของเมียพี่ทำงานกันยังไง ป่านนี้เค้กวันเกิดแม่ยังมาไม่ถึงg]p!” เสียงเธอแกมตะหวาด เทียน่าหันควับไปทางอลิเซียและฝาแฝด จนดานเต้ต้องเดินเข้ามายืนตรงกลางระหว่างน้องสาวและภรรยาของเขา “หมายความว่ายังไงลิลลี่ ไลล่า?”&nbs
บทที่14ทำตามเสียงหัวใจ อลิเซียเดินลงจากรถเข้าสู่ปราสาทลาเซลเวอร่าอย่างรีบร้อน เมื่อเดินทางห้องจัดเลี้ยงก็กุลีกุจอเดินหยิบโน่นจัดนี่ตามแบบใน แพลนงานเลี้ยงที่ดานเต้ให้ข้อมูลไว้ทุกโต๊ะถูกจัดวางด้วยกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง ดอกไม้ทองคำที่ถูกสั่งทำพิเศษเฉพาะงานนี้ด้วยช่างฝีมือที่ประณีตที่สุดของอิตาลี ผ้าปูโต๊ะมันวาวสีงาช้างปักดิ้นทองจับแสงไฟในห้องจนดูหรูหราที่สุด ไวน์แดงระดับแรร์วินเทจถูกจัดเตรียมประดับประดาไว้ที่บาร์วีไอพีอย่างสวยงาม “อลิเซีย วาเลนไทน์!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางหน้าห้อง หญิงสาวหันกลับไปมองตามเสียงก็พบร่างบางในชุดเดรสสีทองสง่าเดินกรุยกรายเข้ามาจากทางหน้าห้อง “ลิลลี่
บทที่ 13สัมผัสของใจ “รู้มั้ย...เมียที่ดื้อด้านต้องเจออะไร!” ดานเต้เอ่ยเสียงแข็งพลางรั้งต้นคางเธอไว้เมื่อเธอพยายามเบี่ยงหน้าหนี สัมผัสของจูบที่รุนแรงจนริมฝีปากบางของหญิงสาวแดงระเรื่อ ริมฝีปากของเธอกำลังจะขยับคล้ายจะเอ่ยคำแต่ทว่าไม่ทันได้พูดอะไร ดานเต้สอดแทรกลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปทักทาย ลิ้นหนาถาโถมเข้ามาจนจนอลิเซ๊ยเผลอปล่อยเสียงครางเบาๆ เขากดลงเธอลงกับที่นอน ฝ่ามือร้อนลูบไล้เรือนร่างบางอย่างเร่าร้อน ชุดเดรสถูกถลกขึ้นจนเห็นเรียวขานวลเนียนขาว ดานเต้ใช้ริมฝีปากปรโคมรอยจูบอุ่นลงตามซอกคอบาง มืออีกข้างรั้งสายชุดเดรสลงมาจนเห็นอกฟูเต่งตึงเขาขยำยอดอกขาวนั้นอย่างเมามือริมฝีปากดูดบดอยู่ที่ยอดอกเนียนขาว อลิเซียครางออกมาไม่เป็นภาษา “ดานเต้...ฉันเสียว อ๊า...” เธอพยายามจะรั้งชุดให้กลับเข้าที่แต่ก็ถูกมือหนารวบมือสองข้า
บทที่ 12ราตรีแห่งอดีต ห้องนอนหรูในคฤหาสถ์เลคโคโมเงียบสงัด มีเพียงเสียงนาฬิกาไม้โบราณที่ดังแผ่วเบาบอกช่วงเวลาที่หมุนผ่านไป แสงโคมไฟอุ่นนวลส่องจับร่างบางที่นอนซมไข้อยู่บนเตียง ผมสีน้ำตาลสลวยชื้นด้วยเหงื่อ ริมฝีปากซีดสั่นกอดร่างตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ดานเต้ที่นั่งเฝ้าเธออยู่ไม่ห่าง ขมวดคิ้วแน่นเอื้อมมือหนาเช็ดตัวหญิงสาวเบาๆ ด้วยผ้าเปียกเพื่อลดไข้ “...แม่...พ่อ...อย่าทิ้งหนู...” เสียงเพ้อเบาๆ หลุดออกมาพร้อมเสียงสะอื้นแม้ดวงตาจะหลับพริ้ม ใจของร่างสูงสะท้านแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือใหญ่เอื้อมไปรั้งมือบางมาจับไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเฉยชาบัดนี้เจือเอ่อไปด้วยความห่วงใยที่เขาก็ยากจะเชื่อตัวเอง เขาลุกขึ้นและนั่งลงบนเตียงนอนข้างๆ หญิงสาว แต่แล้วอลิเซียกลับคว้าแขนเขาไว้แน่นและเข้าสวมกอดร่างใหญ่ที่ใต้ผ้าห่มหนานั้
บทที่ 10กลิ่นอายของรสไวน์เก่า โต๊ะดินเนอร์ยาวถูกจัดเตรียมไว้อย่างหรูหราภายในห้องอาหารริมเลคโคโม วิวทะเลสาบที่เงียบสงบแต่กลับแฝงไปด้วยความลึกลับเมื่อเงามืดแห่งราตรีพาดผ่าน บนโต๊ะอยู่ปูไว้ด้วยผ้าสีขาวงาช้างมันวาว เครื่องเงินวาววับสะท้อนรับกับแสงเทียนที่พริ้วไหวเบาๆ ทุกอย่างดูงดงามและสมบูรณ์แบบ แตกต่างจากบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ตึงเครียดจนแทบหายใจไม่ออก อลิเซียนั่งอยู่ข้างดานเต้ ไหล่เธอตึงราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ล่องหน ใบหน้าเรียบสนิทกำลังพยายามเก็บงำอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจ เบื้องหน้าตรงข้าวขงเธอคือ “วิเวียน เทโมลิน” หญิงสาวร่างเล็กผิวขาวเนียนละเอียดราวกับลูกคุณหนู เรือนผมสีทองกระทบแสงไฟมันวาวรับกับชุดกำมะหยี่สีชมพูดูสดใส ใบหน้าสวยหวานดูจิ้มลิ้มน่าทะนุถนอมนั้นอมยิ้มหวานเย็นอยู่ตลอดเวลา แต่สายตากลับคมกริบราวกับใบมีดโกนที่พร้อมจะกรีดทุกหัวใจ&nb
บทที่ 9คู่สัญญาแสนดี แสงประกายสีทองอร่ามฉาบเคลือบบนผืนทะเลสาบเลื่องชื่อ ลมพัดผ่านผิวทะเลาสาบราวกับหยอเย้ากันเล่น เรือส่วนตัวลำสีดำสนิทกำลังแล่นอยู่กลางทะเลสาบ เสียงของเกลียวคลื่นเล็กๆ กระทบกับลำเรือเป็นระลอกๆ อลิเซียยืนเกาะราวตรงหัวเรือแน่น รู้สึกถึงแรงลมปะทะผิวในทุกช่วงที่เรือแล่นผ่าน เสียงดนตรีแจ๊สดังแว่วมาจากกลางลำเรือ ปาร์ตี้เล็กๆ กับแอลกอฮอร์หลายรูปแบบวางเรียงรายอยู่ในห้องรับรองกลางลำเรือ ราฟาเอลและเพื่อนนักธุรกิจของเขาอีก 3 คนกำลังนั่งดื่มแชมเปญกันอยู่ด้วยความสนุกสนาน อลิเซียนั่งลงตรงที่นั่งหน้าลำเรือ สายตาเหม่อลอยไปยังท้องน้ำกว้างที่สวยและดูสะอาดตาราวกับภาพวาดในจินตนาการ เงาของร่างสูงสะท้อนลงบนพื้นของลำเรือจนอลิเซียต้องรีบหันไปมอง ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตดำเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าของอลิเซีย พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น&nbs







