“คุณไม่มีวันเหมือนเรย์” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงเย็น กิริยาเย็นชา ทำให้อนวินท์ยิ่งโมโห ชายหนุ่มจับต้นแขนแน่น
“นี่ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” ต้นน้ำนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ “ไม่ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง ทั้งเรื่องลูกและเรื่องของเรา” อนวินท์พูดจนชิดริมฝีปาก ต้นน้ำหันหน้าหนี ยิ่งยั่วยุให้ชายหนุ่มยิ่งโมโห อนวินท์จับที่คางให้หญิงสาวหันมาเผชิญหน้า ต้นน้ำตกใจเมื่อชายหนุ่มมีกริยาที่ก้าวร้าว แล้วก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มบดขยี้รุนแรงจนต้นน้ำตั้งตัวไม่ทัน อนวินท์จูบหนักหน่วงจนเรียกได้ว่าจูบไม่ให้หญิงสาวตั้งตัว หญิงสาวรู้สึกถึงความเจ็บที่ริมฝีปากเมื่อชายหนุ่มระดมทั้งจูบและกัดจนหญิงสาวทั้งรู้สึกวาบหวิวและเจ็บระคนกัน อนวินท์รู้สึกถึงแรงต่อต้านเมื่อพยาบาลสาวทั้งทุบที่ไหล่ และอีกมือจิกที่หลังยิ่งเป็นแรงกระตุ้นให้ชายหนุ่มยิ่งบดขยี้รุนแรง ปลายลิ้นของชายหนุ่มทะลุเข้าสำรวจริมฝีปากบาง มือของหญิงสาวเริ่มอ่อนแรงเมื่ออีกฝ่ายรุกหนักจนต้นน้ำรู้สึกวาบหวิว และต้องตกใจเมื่อชายหนุ่มอุ้มให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งบนอ่างน้ำเพื่อลดการต่อต้านให้น้อยลง ริมฝีปากทั้งสองจูบทั้งหนักหน่วงรุนแรงก่อนจะลดระดับเป็นความอ่อนหวาน ทั้งสองกำลังจะตกในภวังค์เสียงประกาศจากประชาสัมพันธ์ปลุกให้ทั้งสองได้สติ ประกาศ เรียนเชิญคุณหมออนวินท์ที่ห้องอาจารย์หมออำนวยด้วยค่ะ ประกาศอีกครั้ง ขอเรียนเชิญคุณหมออนวินท์ที่ห้องอาจารย์หมออำนวยด้วยค่ะ ต้นน้ำได้สติผลักชายหนุ่มสุดแรง สปริงตัวลงจากอ่าง แล้วจะออกจากห้องน้ำแต่อนวินท์จับที่ข้อมือไว้ ต้นน้ำสะบัดปลายมือตบที่ใบหน้าชายหนุ่มสุดแรง “อย่าทำแบบนี้กับฉันอีก เกรงใจแฟนฉันด้วย” ต้นน้ำพูดแล้วเจ็บที่หัวใจแปลบที่ต้องพูดกับสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ อนวินท์รู้สึกเจ็บที่ใบหน้า แต่สิ่งที่หญิงสาวพูดทำให้เจ็บที่หัวใจยิ่งกว่า อนวินท์เค้นยิ้มพูดด้วยแววตามุ่งมั่น “ได้จูบน้ำอีกครั้งเหมือนคนที่ตกนรกแล้วได้ขึ้นสวรรค์ แล้วเมื่อกี้ที่น้ำพูดก็ทำให้พี่ตกนรกอีกครั้งบอกไว้เลยนะน้ำ พี่จะเรียกร้องสิ่งที่เป็นของพี่ทุกอย่างให้กลับมาเป็นของพี่ ไม่ว่าจะเป็นลูก หรือตัวน้ำเอง คอยดู” อนวินท์พูดจบ ก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำทรุดตัวนั่งลงในห้องน้ำ น้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด แล้วรู้สึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมาในไม่ช้าเพราะเธอรู้ดีว่าอดีตสามีต้องทำตามที่พูดได้อย่างแน่นอน ที่เขาต้องเรียกร้องสิทธิ์ความเป็นพ่อและต้องช่วงชิงน้องนนท์ไปดูแลอย่างแน่นอน หญิงสาวนั่งพับเพียบไปกับพื้นห้องน้ำ ใบหน้าซบที่ฝ่ามือร้องไห้รู้สึกท้อแท้กับปัญหาที่จะตามมาในไม่ช้า ตลอดเกือบสี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าต้นน้ำจะพยายามทำตัวเหมือนเข้มแข็ง แต่มีบ่อยครั้งที่เวลาถอดหน้ากากออกหญิงสาวรู้สึกถึงความอ่อนแอที่ก่อตัวขึ้นเป็นครั้งคราว ในขณะที่อนวินท์รู้สึกเจ็บแปลบรู้สึกชาไปทั่วหัวใจ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่เป็นภรรยามีท่าทางเย็นชาและเปลี่ยนไปจากที่ตนเคยรู้จัก ความเจ็บปวดกำลังจะแปลเปลี่ยนเป็นความอยากเอาชนะ อนวินท์มั่นใจว่าเด็กชายนนทวัตรเป็นลูกชายของตนเองร้อยเปอร์เซ็นต์ และอนวินท์พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เลี้ยงดูเด็กชายอย่างถูกต้อง เมื่อนึกถึงใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยก็ทำให้อนวินท์รู้สึกเอ็นดูและรักขึ้นมาทันที ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าภายในสามเดือนที่มาทำงานโครงการแลกเปลี่ยนแพทย์ เขาจะต้องได้ทั้งอดีตภรรยาและลูกน้องกลับไปกรุงเทพฯ พร้อมกับตนเองให้ได้ อนวินท์คิดอย่างมุ่งมั่น โรงพยาบาลพิงค์วราคม นายแพทย์อนวินท์เผลอหลับไปหลังจากทำงานเสร็จในห้องพักแพทย์ ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นก็ดึกมากๆแล้ว ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาแล้วก็เดินตรงไปที่ห้องพิเศษ ชายหนุ่มเปิดประตูอย่างเบามืออนวินท์มองเห็นร่างอดีตภรรยานั่งฟุบหลับข้างเตียง อนวินท์มองที่มือของอดีตภรรยาสาวจับแน่นที่มือของลูกชายตัวน้อย อนวินท์ลดระดับความเร็วของน้ำเกลือ มือของชายหนุ่มเอื้อมมาลูบที่ใบหน้า แสงพระจันทร์ที่สาดส่องมา ทำให้เห็นเค้าหน้าเด็กชายนนทวัตรกลายๆ อนวินท์เอื้อมมือลงไปที่เสื้อกาวน์เปิดไปที่รูปที่ให้แม่บุญธรรมส่งมาให้ เป็นรูปของตัวเองสมัยที่ยังเด็ก ช่างเหมือนกับเด็กชายนนทวัตรราวกับฝาแฝด ยิ่งทำให้อนวินท์เชื่อมั่นว่าเด็กชายนนทวัตรเป็นลูกของตนเอง ร้อยเปอร์เซ็นต์ความรักที่เกิดขึ้นเมื่อแรกเห็นยิ่งทวีคูณ เมื่อได้หลักฐานที่สามารถยืนยันว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ตั้งแต่ยังไม่ได้ตรวจทางวิทยาศาสตร์ยิ่งทำให้อนวินท์มั่นใจกับตนเองว่าไม่ว่ายากลำบากแค่ไหนก็ต้องยื้อให้ลูกมาเป็นของตนเองให้ได้ มือที่ลูบที่แก้มลงมาที่แขน แล้วชายหนุ่มก็สะดุ้งเมื่อมือน้อยๆ เอื้อมมาจับ อนวินท์ขนลุกแล้วเบิกตาแล้วหันไปมองหน้าเด็กชายตัวน้อยแต่ดวงตาดวงน้อยปิดสนิท ชายหนุ่มเป่าปากออกเล็กน้อย พลางยิ้มอย่างนึกเอ็นดูที่อีกฝ่ายคงฝันและผวา มือของเด็กน้อยที่จับแน่นทำให้อนวินท์ถึงกับน้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง “ลูก รอพ่ออีกนิด พ่อต้องเรียกร้องสิทธิ์ของพ่อแน่นอน แล้วเราจะไม่พลัดพรากกันอีกพ่อสัญญา” อนวินท์ใช้นิ้วมือลูบที่มือเด็กน้อย น้ำตาซึมเล็กน้อย นี่เองที่เรียกว่า “รักยิ่งกว่ารัก รักโดยไม่มีข้อแม้” ชายหนุ่มเพิ่งมาซึ้งใจก็ตรงนี้ อนวินท์ยืนลูบมือลูกชายอยู่อีกพัก ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ “พ่อรักนนท์นะครับ” อนวินท์กระซิบเบาๆ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆ อดีตภรรยาสาว อนวินท์เอื้อมมือไปกุมมืออดีตภรรยาสาวเบาๆ “พี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำถึงหนีพี่แล้วปกปิดพี่เรื่องลูก พี่ปล่อยเวลาผ่านไปนานเกินไป ตอนนี้เวลานี้พี่จะเรียกร้องทุกอย่างของพี่กลับมาไม่ว่าจะเป็นน้ำ หรือแม้แต่นนท์” อนวินท์กระซิบเบาๆ ที่ข้างแก้ม ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากบางเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินออกจากห้องไป อนวินท์ชายตาไปมองร่างของชายหนุ่มรุ่นน้องที่นอนบนโซฟา ด้วยแววตาคมเข้มแต่แฝงด้วยความมุ่งมั่น ในแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและต้องการเอาชนะ น้อยใจ และหึงหวง ความรู้สึกตีกันวุ่นวายอยู่ในความรู้สึกและความคิด ชายหนุ่มกัดฟันจนเห็นกรามนูนขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าคุณเป็นใคร แน่มาจากไหน ผมไม่สน ยังไงผมจะต้องเอาของที่เป็นของผมคืนให้ได้คอยดู” อนวินท์กำมือแน่น พร้อมวาดแผนการที่จะทำในวันรุ่งขึ้นอย่างมุ่งมั่น โรงพยาบาลพิงค์วราคม ต้นน้ำรู้สึกแปลกใจว่าถูกตามตัวไปห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาลแต่เช้า หญิงสาวเข้าเวรปกติเพราะอาการลูกชายตัวน้อยดีขึ้นมาก โชคดีวันนี้เพื่อนชายคนสนิทอาสาเฝ้าให้เพราะไม่ได้ไปทำงาน แถมได้รับข่าวดีว่าคุณหมอสุชาติเซนต์ให้ออกในช่วงบ่าย ต้นน้ำกะว่าจะลางานครึ่งวัน แต่หญิงสาวต้องแปลกใจเมื่อถูกตามตัวให้ไปห้องผู้อำนวยการด่วน พยาบาลสาวรู้สึกสงสัยเพราะตั้งแต่เป็นพยาบาลที่นี่น้อยครั้งที่จะได้เข้าพบผู้อำนวยการโรงพยาบาล ส่วนใหญ่เธอจะได้ทำงานกับหมอ ต้นน้ำยืนอยู่หน้าห้องผู้อำนวยการโรงพยาบาล หญิงสาวเคาะประตูเสียงเบาได้ยินเสียงอนุญาต หญิงสาวเปิดประตูเบามือ เมื่อเดินเข้าไป เห็นผู้ชายสองคนนั่งหันหลังให้กับประตู แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ คนหนึ่งคืออดีตสามี อีกคนก็เป็นอาจารย์หมอสุชาติเพื่อนบ้านตรงข้าม “อ้าว น้ำมาพอดี เชิญนั่งสิ” อาจารย์หมออำนวยผายมือให้หญิงสาวนั่ง เก้าอี้ถัดจากอดีตสามี ต้นน้ำกลืนน้ำลายเบาๆ ก่อนจะขยับนั่งที่เก้าอี้ให้เอียงไปข้างที่ไม่ต้องนั่งติดกับชายหนุ่มนัก หญิงสาวนึกหมั่นไส้เมื่อหันไปเห็นว่าชายหนุ่มอมยิ้ม แล้วดูเหมือนจะขยับเก้าอี้มาใกล้เกินความจำเป็น “นี่รู้จักกันไว้ รศ.ดร. อนวินท์ เลิศวศิน เป็นแพทย์แลกเปลี่ยนมาจากกรุงเทพฯ” อาจารย์อำนวยแนะนำโดยไม่รู้ว่าจุดใต้ตำตอ แนะนำให้สามีและภรรยาให้รู้จักกัน อนวินท์หันไปยิ้มให้อ่อนๆ ก่อนยื่นมือมาข้างหน้า แต่ต้องอึ้งเมื่อพยาบาลสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ชายหนุ่มยักไหล่ก่อนจะดึงมือกลับ ในขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มองด้วยความแปลกใจกับปฏิกิริยาของทั้งสอง “เดี๋ยวคุณน้ำช่วยพาอาจารย์หมอวินท์ดูรอบๆโรงพยาบาล ตอนแรกผมว่าจะให้ชมพู่พาเดินชมโรงพยาบาล แต่เห็นอาจารย์หมอวินบอกว่าต้องการให้คุณน้ำพาชมก็เลยต้องรบกวนด้วยแล้วกัน อ้ออาจารย์หมอสุชาติ จะต้องไปประจำการที่โรงพยาบาลของคุณหมอวินท์ นี่คุณรู้ไหม นี่เป็นเลือดใหม่ ของโรงพยาบาลเลิศวศินนะเนี่ย” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล่ายาว หารู้ไม่ว่าเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน ต้นน้ำเพียงแค่ยิ้มบางๆ แต่ในใจอึดอัด ยิ่งอยากหนีก็ต้องมีเหตุต้องเข้าใกล้ อาจารย์หมอสุชาติเดินออกมาพร้อมกับตนเองและอดีตสามี “พี่หมอจะลงกรุงเทพฯ เลยเหรอครับ” อนวินท์ชวนเพื่อนรุ่นพี่คุย “ครับ ผมอยากไปเลย อ้อนี่น้ำยังไง ผมไม่อยู่คุณช่วยส่งปิ่นโตเหมือนเดิมนะ พอดีคุณหมอวินท์พักที่บ้านผม” อาจารย์หมอสุชาติหันหน้าไปคุยกับพยาบาลสาวเพื่อนบ้าน “บ้านน้ำอยู่ถัดจากบ้านของผมไง คุณหมอ” ต้นน้ำตกตะลึงกับข่าวใหม่ หันขวับไปมองหน้าอดีตสามี “เออคือ น้ำว่า.. น้ำ..คงไม่” “ยังไงก็รบกวนด้วยแล้วกัน ผมคงเดินทางเย็นนี้เลย ยังไงน้ำก็ให้สมศรีเอาปิ่นโตไปส่งตามเวลาเดิมนะครับ ส่วนค่าปิ่นโตผมจะโอนให้ทุกเดือนเหมือนปกติ ยังไงผมขอตัวก่อนนะ” อาจารย์หมอสุชาติเดินหายไปเหลือแต่หญิงสาวและชายหนุ่มที่กำลังอึ้งกับข่าวใหม่ อนวินท์รู้สึกตื่นเต้นว่านี่เขาไม่รู้เลยว่าอยู่ใกล้แค่เอื้อม บ้านหลังเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่แท้ก็บ้านของหญิงสาวนี่เอง อนวินท์หัวเราะเบาๆ “บังเอิญจังเลยนะ” อนวินท์พูดพลางเดินตาม เมื่อหญิงสาว จ้ำเดินเร็วขึ้น “ตลกร้ายนะสิ ไม่อยากเจอก็ต้องเจอ” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงห้วน “ก็ต้องเจอกันอีกนานเชียวแหละ บอกแล้วไงน้ำหนีพี่ไม่พ้น” “อยากจะบ้าตาย” ต้นน้ำรำพึงเบาๆ “ชักเริ่มสนุกแล้วสิ เอาล่ะจะพาพี่ไปที่ไหนก่อนดี” อนวินท์เริ่มยั่วเย้า เมื่อเห็นใบหน้างอๆ ของอดีตภรรยาสาวสวย “นั่นตึกผู้ป่วยในค่ะ มีเตียงอยู่สามสิบเตียง ห้องพิเศษสิบห้องค่ะ ห้องคลอด ห้องฉุกเฉินสองห้อง โรงพยาบาลนี้มีแพทย์เจ็ดคน พยาบาลหนึ่งร้อยสามสิบกว่าคนค่ะ แบ่งเป็นกะสามกะ มีห้องคลอดสองห้อง ห้องฉุกเฉินอยู่ด้านหน้า ส่วนแผนกเวชปฏิบัติตรงโน้นค่ะ ระหว่างที่หญิงสาวกำลังบรรยายเกี่ยวกับโรงพยาบาล อนวินท์ก็ลอบมองใบหน้าของหญิงสาวไม่ว่าผ่านไปกี่ปี หญิงสาวก็ยังสวยเหมือนเดิม มองไม่ออกเลยว่ามีลูกแล้วหนึ่งคน นี่ถ้าพ่อแม่บุญธรรมรู้ว่า ตนเองมีลูกคงจะมีความสุขมากๆ อนวินท์สัญญากับตนเองว่ายังไง ช่วงระยะเวลาสามเดือนที่มาทำงานที่นี่ กลับไปต้องได้ทั้งภรรยาและลูกกลับไปด้วยให้ได้ ชายหนุ่มกะจะเซอร์ไพร์สพ่อและแม่ โดยการจูงหลานเข้าไปหาเลยโดยตอนนี้ที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีใครรู้ว่าตนเองได้เจอกับภรรยาสาวแล้ว อนวินท์เอื้อมมือไปคว้ามือของพยาบาลสาว ต้นน้ำกระตุกมือกลับก่อนหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ชอบใจ “นี่อย่ามารุ่มร่ามแถวนี้นะคะคุณหมอ” ต้นน้ำตวาดเสียงเบาๆ แต่แข็งกระด้าง “เมื่อไหร่เราจะนั่งคุยเรื่องของเราจริงๆ จังๆ สักที” อนวินท์ตอบกลับน้ำเสียงแข็งพอๆกัน “ไม่มีเรื่องของเราค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมออยากทราบอะไรเพิ่มเติมค่ะ ถ้าไม่..ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อ” “เดี๋ยว ยังไปไม่ได้” อนวินท์คว้าตัวพยาบาลสาว แล้วผลักเข้าในลิฟท์ที่เปิดค้างไว้เมื่อไม่มีผู้ใช้ ต้นน้ำตกใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกดปิด “นี่คุณจะทำอะไร” ต้นน้ำตกใจเมื่ออนวินท์คว้าไหล่ก่อนที่ทั้งสองจะเผชิญหน้ากันอย่างใกล้ชิด “คืนนี้คุณต้องเป็นคนเอาปิ่นโตไปส่งผมที่บ้านด้วยตัวเอง” “ไม่ ฉันไม่ไป ปกติสมศรีเป็นคนไปส่ง” ต้นน้ำพูดเสียงแข็ง “ก็ได้ ถ้าคุณอยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน” อนวินท์จ้องหน้าภรรยาสาวแววตาแข็งกระด้าง แต่แฝงด้วยความน้อยใจ “หมายความว่ายังไง” “เจอกันคืนนี้สองทุ่ม บอกไว้ก่อนว่าเพราะคุณทำให้เพื่อนคุณเดือดร้อน ผมให้ไปคิดเป็นการบ้าน ก่อนหน้านี้ให้เพื่อนทำอะไรล่ะ ถ้าคิดไม่ออกผมจะมาเฉลย” อนวินท์ยิ้มยั่ว มือที่จับไหล่เอื้อมไปจับแก้ม ต้นน้ำกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด พอได้สติชายหนุ่มก็เอื้อมมือประคองใบหน้านุ่มนวลแต่มั่นคง “ปล่อยนะ จะทำอะไร” น้ำเสียงต้นน้ำสั่นใจเต้นรัว เมื่ออีกฝ่ายเบียดตัวเข้ามาแนบชิด แทบที่มดสักตัวคงผ่านไปยาก ต้นน้ำหัวใจเต้นแรงเร็ว “ให้รางวัลที่พาทัวร์โรงพยาบาล” อนวินท์ก้มลงหอมแก้ม “ปล่อยนะ คนบ้า” อนวินท์ก้มลงหอมแก้มอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนไปจูบที่ริมฝีปากแรงและเร็ว เมื่อเหลือบไปเห็นว่าลิฟท์เลื่อนลงมาชั้นล่างสุด “คืนนี้เจอกันครับที่รัก” อนวินท์เดินออกจากลิฟท์ ก่อนจะโบกมือเบาๆ เป็นการยั่วภรรยาสาว ก่อนจะหัวเราะเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้างอกัดริมฝีปากแน่น “อย่าลืมนะถ้าไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน น้ำต้องมาพบพี่คืนนี้สองทุ่ม อย่าลืมปิ่นโตพี่ด้วย” อนวินท์เดินจากไปนานแล้ว แต่ต้นน้ำยืนนิ่ง ล้วงมือถือกดสายหาเพื่อนสนิททันที ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อมีสัญญาณเหมือนกับการปิดโทรศัพท์ หญิงสาวร้อนใจโทรสายตรงเข้าเบอร์โรงพยาบาลทันที แต่คำตอบที่ได้รับ ยิ่งทำให้หญิงสาวมึนงง “จอยพักร้อน เป็นไปได้ยังไงก็เพิ่งพักไปเมื่อเดือนก่อนตอนมาเชียงใหม่ เกิดอะไรขึ้นนะ” ต้นน้ำครุ่นคิดหัวแทบระเบิดในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก