เสียงเปิดประตูห้องพิเศษทำให้เรย์เหลียวไปมองเห็นพยาบาลเพื่อนรัก เปิดประตูหน้าตามีแววกังวล หญิงสาวสั่งให้สมศรีเก็บของ แล้วตนเองก็มาจัดการกับเด็กชายนนทวัตรอย่างรวดเร็ว
“เรย์ หมออนุญาตให้กลับบ้านแล้วแกเก็บของสิ แล้วเย็นนี้นะรีบไปเก็บของที่คอนโดฯ แกมาที่บ้านฉันด้วย” น้ำเสียงต้นน้ำร้อนรน “โห อะไรจะเร็วปานนั้น แกเป็นอะไรไป” “ไม่มีเวลาแล้วแก รู้ป่ะพี่หมอมาพักบ้านอาจารย์หมอสุชาติ” ต้นน้ำเล่าเสียงสูงด้วยความตื่นเต้น เรย์ปิดปากหัวเราะ “น้ำตาจิไหล โห โลกมันกลมจริงว่ะน้ำ ฉันว่าแกอย่าหนีเลยสงสัยสามีแกเนี่ย เนื้อคู่ขนานแท้ ไปๆมาๆ ก็อยู่แค่ข้างบ้านกันเอง” “แกอย่ามาทำเป็นเรื่องตลกแก พี่หมอเขาไม่ธรรมดานะแก เกิดเขามาเอาน้องนนท์ไป แล้วฉันจะอยู่ยังไง” “เออ พูดถึงน้ำนนท์ เมื่อคืนนะฉันแอบเห็นเขาเข้ามาหาแกกับลูกด้วย พอดีฉันเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมา แล้วที่สำคัญ รู้ไหมเขาทำอะไรแก” สาวประเภทสองในร่างกายชายหนุ่มรูปงามจีบปากเล่า “ทำไม เขาทำอะไรฉัน” “เขาจูบแกด้วย กรี๊ดฉันเกือบจะกรี๊ดออกมา” ต้นน้ำตาโต ใบหน้าร้อนผ่าวก่อนจะใช้มือลูบริมฝีปากบางเบา ก่อนสะบัดศีรษะไปมาเบาๆ “เร็วสิ เรย์ เดี๋ยวฉันไปส่งลูกที่บ้านก่อน แล้วให้แกยืมรถไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดแก เนี่ยฉันยังกลุ้มใจไม่หาย คืนนี้เขาบอกให้ฉันเอาปิ่นโตไปส่งเขาด้วยตัวเอง” “เออ จริงด้วย แกส่งปิ่นโตให้อาจารย์หมอสุชาตินี่นา” พูดจบเรย์ก็อมยิ้ม “โห้ย อะไรเนี่ย เรื่องชักเหมือนซีรีย์เกาหลีที่ฉันดู แอบรักสาวข้างบ้าน” “นี่เรย์ อย่าเพ้อเจ้อได้ไหม ฉันกลุ้มใจจะแย่” “รีบกลับบ้านกันเถอะ” ต้นน้ำหันไปอุ้มร่างเด็กชายมากอดแน่น ก่อนพยักหน้าให้สาวใช้คนสนิท และชายหนุ่มเพื่อนรักให้ออกเดินทางระหว่างทางไม่มีบทสนทนาระหว่างพยาบาลสาวเลย อาจเป็นเพราะต้นน้ำกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เมื่อมาถึงบ้านต้นน้ำเปิดประตู แล้วพยักหน้าให้สาวใช้อุ้มเด็กชายนนทวัตรเข้าบ้านเด็กชายกระโดดลงวิ่งด้วยท่าทางดีใจที่ได้กลับบ้าน “รีบไป รีบมานะเรย์” “คืนนี้แกให้ฉันไปนอนห้องน้องนนท์ใช่ไหม บอกตรงๆนะ ถ้าให้ฉันนอนกับชะนีอย่างแกนะ ฉันคงอึดอัดตายแน่” เรย์สะบัดผมเบาๆ “บ้า ฉันไม่ให้แกมานอนด้วยเหมือนกันย่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะปล้ำแก” พูดจบสองเพื่อนรักก็หัวเราะให้กัน เมื่อชายหนุ่มที่นิสัยกระเดียดไปทางผู้หญิงใช้มือจับผมเบาๆ “ไปได้แล้ว ฉันทำกับข้าวรอแกนะรีบไปรีบมา เร็วๆ” พยาบาลต้นน้ำสั่ง พร้อมผลักร่างเพื่อนชายเข้าไปนั่งในรถ ก่อนจะโบกมือเมื่ออีกฝ่ายออกรถ หญิงสาวเดินเข้าบ้านด้วยหัวใจเต้นรัวที่เขาบอกคือเรื่องอะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับจอยเพื่อนรักหรือเปล่า ทำไมจนป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้ คิดดังนั้นต้นน้ำก็คว้ามือถือมากดหาเบอร์เพื่อนรักแต่ต้องขมวดคิ้ว เมื่อสัญญาณที่ได้รับก็เหมือนจะปิดเครื่องแทบจะตลอดเวลา ซึ่งผิดปกติของเพื่อนสาวที่ปกติจะเปิดเครื่องตลอดเวลา “จอย แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมฉันติดต่อแกไม่ได้” ต้นน้ำยืนนิ่งในห้องครัว ก่อนคิดไปถึงความวุ่นวายที่จะตามมาอีกหลายเดือนที่อดีตสามีจะมาทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกัน เชียงใหม่ เวลาสองทุ่มกว่า ต้นน้ำยืนอยู่ที่ช่องที่ลอดจะไปบ้านพักอาจารย์หมอสุชาติทางหลังบ้านรู้สึกภายในใจเต้นรัวเร็วจนต้องเอามือวางไว้ที่หัวใจ หญิงสาวหลับตามือซ้ายจับปิ่นโตแน่น ส่วนมือข้างขวาจับที่หัวใจที่เต้นรัวเร็ว ก่อนจังหวะหัวใจเต้นช้าลงเมื่อหญิงสาวสูดลมหายใจ ภาพในอดีตย้อนเข้ามาราวกับไทม์มาชีน ภาพเด็กชายวัยสิบกว่าใส่แว่นตาขาวใส ใบหน้าเคร่งขรึมมักจะมีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ มักจะไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้อยู่คนเดียว เขามักจะปกป้องน้องสาวบุญธรรมจากการรังแกจากพี่ชายและเพื่อนๆ ยังอยู่ในความทรงจำ ภาพที่ดูเหมือนพี่ชายใหญ่ที่ดูแลน้องสาว วันและเดือนผ่านไปผ่านไปความประทับใจในตัวชายหนุ่มทำให้ซึมซับในหัวใจ ร่างกาย ชายหนุ่มเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเข้าเรียนพยาบาล เพื่อที่ตนเองจะมีโอกาสใกล้ชิดชายที่ตนแอบรัก ภาพช่วงชีวิตต่างๆตัดผ่านเข้ามาในสมอง ภาพความหวานชื่นปีกว่าๆ แห่งความหวานชื่น ก่อนที่ช่วงชีวิตสามเดือนสุดท้ายจะขมจนเหมือนบอระเพ็ดในความรู้สึก อยู่ๆขอบตาก็ร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงวันครบรอบแต่งงาน มันน่าจะเป็นวันที่น่าจะมีความสุข เมื่อเธอเตรียมอาหารอย่างประณีตเตรียมของขวัญและแต่งตัวอย่างตั้งใจ โดยน้องสาวบุญธรรมโดยความตั้งใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปต้นน้ำจำได้ว่าเธอนั่งรอชายหนุ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงตีหนึ่ง ต้นน้ำจำได้ว่ากว่าชายหนุ่มจะกลับบ้านวันนั้นก็ตีสองกว่าๆ ต้นน้ำแกล้งหลับไปทั้งน้ำตาจำได้ว่าตัวเองทั้งเสียใจและน้อยใจ แต่ก็ฝืนทำทุกอย่างให้ปกติ จนกระทั่งนึกแปลกใจว่าทุกศุกร์และเสาร์ที่เคยเป็นวันครอบครัวที่ชายหนุ่มมักจะพาเธอไปทานอาหารกับครอบครัวของเขาบ้างเธอบ้าง หรือพาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน แต่ชายหนุ่มมักตอบว่าต้องขึ้นเวร ต้นน้ำเก็บความสงสัยจนกระทั่งไปเจอภาพแปลกๆในอินสตราแกรมของแพทย์หญิงเพื่อนร่วมงานคนสนิทของสามี แล้วอีกต่อมาก็มาถึงขบวนการสืบและสิ่งที่เจ็บปวดเมื่อเจอสามีในบ้านแพทย์หญิงนิภาคนที่แสดงตัวว่าจะแย่งสามีของตนเองทุกวินาที ต้นน้ำเคยคิดว่าตนเองเป็นคนที่หนักแน่นและเข้มแข็ง แต่ภาพที่เห็นมันทำให้ทั้งเธอและเพื่อนสนิทร่วมอาชีพถึงตกตะลึง ต้นน้ำกลับบ้านด้วยหัวใจแตกสลาย ต้นน้ำหลับตาก่อนสลัดความคิดที่ชักจะฟุ้งซ่าน หญิงสาวหลับตาก่อนจะลืมตาขึ้นแววตามุ่งมั่น จะไม่มีต้นน้ำที่มองโลกสวยงามอีกแล้ว หญิงสาวเม้มปากก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูบ้านพักแววตาเย็นเยียบ ต้นน้ำยกมือไปเปิดประตูบ้านก่อนจะไปยืนอยู่กลางบ้าน มองไปรอบๆ ไม่เห็นมีใครอยู่ มีแต่เพียงเพลงเปิดคลอเบาๆ “น้ำ มาช้าไปห้านาที” เสียงชายหนุ่มดังออกมาข้างหลัง ต้นน้ำเอี้ยวตัวหันไปมองที่มาของเสียง แล้วก็ตะลึงเมื่อชายหนุ่มอดีตสามีในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงวอร์มสีดำ ผมของชายหนุ่มยังเปียกแสดงว่าชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กลิ่นโคโลญจน์กลิ่นเดิมคุ้นจมูก ต้นน้ำยืนนิ่งมองใบหน้าชายหนุ่มที่ปราศจากแว่น ทำให้ต้นน้ำหัวใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อต้องอยู่กันตามลำพังระยะประชิด “รอตั้งนาน น้ำมาช้าไปห้านาที” อนวินท์กอดอก ใบหน้าอมยิ้มเมื่อมองเห็นอดีตภรรยาสวมใส่ชุดพื้นเมืองทางเหนือสีสันสดใส ผมยาวรวบมวยทำให้เห็นใบหน้ารูปไข่ชัดเจน มีเพียงปอยผมเล็กน้อยข้างๆแก้ม “ฉันก็มาแล้ว คุณมีอะไรก็พูดมาเถอะ แล้วนี่ปิ่นโต” ต้นน้ำพยายามบังคับให้ตัวเองพูดไม่ให้เสียงสั่น อนวินท์ผายมือพร้อมรับปิ่นโตมาถือ ต้นน้ำนั่งลงบนโซฟามองชายหนุ่มนั่งเก้าอี้ตรงข้าม ชายหนุ่มเปิดปิ่นโต ชายหนุ่มก้มลงสูดดมอาหารก่อนยิ้มราวกับเด็กได้รับของเล่นถูกใจ “ว้าว ไข่พะโล้ของโปรดพี่เลย ขอบคุณครับที่จำได้” อนวินท์ยิ้ม ก่อนพูด “พี่หิวมากเลย” “มีอะไรก็รีบพูดเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว” ต้นน้ำกอดอก ใบหน้าเชิดขึ้น “ขอทานข้าวก่อนนะ ท้องหิวทำให้คิดอะไรไม่ออก” อนวินท์ตักกินข้าวกับไข่พะโล้ และอาหารอีกสองอย่างที่เป็นของโปรดของตน อย่างน้อยอนวินท์รู้สึกดีใจที่หญิงสาวยังจำได้ อนวินท์ตักกินอย่างอร่อย ตาก็เหลือบมองภรรยาสาวที่ใบหน้าบึ้งและงออย่างนึกสนุกที่ได้แกล้งอีกฝ่าย อนวินท์กินจนหมด ชายหนุ่มยกน้ำขึ้นดื่ม “ทานเสร็จแล้ว คงคุยธุระได้แล้ว” “ก็ได้ เราเริ่มกันเลยก็ได้ แต่พี่ว่าน้ำดื่มอะไรสักหน่อย ริมฝีปากแห้งละ อีกอย่างเราคงต้องคุยกันอีกสักพัก ทานน้ำเผื่อจะทำให้สบายใจขึ้น” ต้นน้ำเม้มปาก แต่ก็รับแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “น้องนนท์เป็นลูกของพี่ที่จะพูดกับน้ำวันนี้ก็เรื่องพี่อยากได้สิทธิ์การเลี้ยงดูบ้าง สามวันที่ลูกต้องมาอยู่บ้านพี่” น้ำเสียงของอนวินท์เด็ดเดี่ยว “น้องนนท์เป็นลูกน้ำคนเดียว” ต้นน้ำขยับตัวพูดเสียงแข็งพลางเชิดหน้า อนวินท์เดินไปหยิบกระดาษบางอย่าง ต้นน้ำชะเง้อมอง ก่อนจะทำใบหน้าตึงเหมือนเดิม เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา “เอานี่ รูปพี่ตอนเด็กๆ คุ้นๆ ไหม ทีนี้คงไม่ตะเบ็งเสียงเถียงสินะว่าพี่ไม่ใช่พ่อน้องนนท์” ต้นน้ำผลักรูปก่อนจะลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีธุระอะไรมากกว่านี้ ดิฉันคงต้องกลับ ถ้าคุณจะคุยเรื่องนี้ดิฉันไม่มีเรื่องคุยด้วย” ต้นน้ำออกเดินไปได้เพียงสองก้าว ก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงตวาดของชายหนุ่ม “เดี๋ยว ผมยังพูดไม่จบ ก่อนที่คุณจะกลับดูนี่ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” อนวินท์หยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วยิ้มที่มุมปาก แล้วต้องชะงักเมื่อภาพมือถือจอภาพ เฮชดีชัดแจ๋ว เป็นภาพเพื่อนพยาบาลคนสนิท ที่กำลังเดินลับๆ ล่อๆ ก่อนจะเดินไปเปิดล็อคเกอร์ของเธอและเขาที่ใช้ร่วมกัน ภาพเพื่อนสาวที่หันมองไปรอบๆ ก่อนจะหยิบสิ่งที่เธอเป็นคนขอร้องให้เพื่อนสาวไปหยิบออกมา ต้นน้ำปากสั่นน้ำตาคลอ ทั้งโกรธ สับสน “คุณ คุณ คุณทำอะไรจอย นี่คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” อนวินท์เอื้อมมือไปหยิบมือถือแล้วเก็บไปไว้ที่กางเกงเหมือนเดิม ชายหนุ่มกอดอก ต้นน้ำหันไปมองอดีตสามีแววตาบ่งบอกว่าไม่พอใจ “ทีนี้เราพอมีเรื่องจะคุยกันได้หรือยัง” “ฉันถามว่าคุณทำอะไรเพื่อนฉัน ทำไมฉันติดต่อเขาไม่ได้” ต้นน้ำเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับอดีตสามีด้วยความโกรธและต้องการความจริง “ฉันถามคุณได้ยินหรือเปล่า คุณทำอะไรเพื่อนฉัน คุณนี่มัน...” “ถ้าคลิปนี้ไปถึงตำรวจ พอจะนึกออกไหมอะไรจะเกิดขึ้น” อนวินท์นึกสนุก ยิ่งเห็นหญิงสาวโกรธก็ยิ่งอยากแกล้ง “คุณนี่มันทุเรศมาก คุณก็รู้ว่าฉันเป็นคนขอร้องให้จอยไปเอาของของฉัน แล้วคุณยังแกล้งเพื่อนฉัน ทั้งๆที่เพื่อนฉันเทิดทูนบูชาคุณทุกอย่าง คุณนี่มันใจร้ายใจดำทุเรศมาก” ต้นน้ำกำมือด้วยความโกรธ เมื่อพอนึกว่าชายหนุ่มกำลังเอาคลิปนี้มาข่มขู่เกี่ยวกับสิทธิ์ได้ดูแลลูก หญิงสาวสับสน แล้วเริ่มมีความกลัวว่าจะสูญเสียลูกไป ต้นน้ำคิดไปแล้วรู้สึกหนาวจับขั้วหัวใจ “ช่วยไม่ได้ อยู่ๆ อะไร อะไร มันก็ลงล็อคไปหมด” อนวินท์พูดพลางหัวเราะ อย่างที่ต้นน้ำได้ยินแล้วรู้สึกโมโห “คุณทำอะไรเพื่อนฉัน ทำไมฉันติดต่อจอยไม่ได้” “ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก ก็แค่พักงาน” อนวินท์ยักไหล่ พลางใช้มือล้วงไปในกางเกง อย่างที่ต้นน้ำเห็นแล้วยิ่งหมั่นไส้ “นี่คุณพักงานเพื่อนฉันงั้นเหรอ ใจร้ายมาก” ต้นน้ำน้ำตาที่คลอหยดลงมาที่แก้ม แต่แววตากลับเกรี้ยวกราดด้วยความโกรธ “คุณว่าผมใจร้าย แต่คุณโหดร้ายมากกว่า คุณหนีออกจากชีวิตผม ผมยังไม่รู้เลยว่าผิดอะไร ปิดผมเรื่องลูก ถ้าว่าผมใจร้ายคุณร้ายยิ่งกว่า” อนวินท์ตะเบ็งเสียงดังจนต้นน้ำต้องหลับตา ก่อนที่ทั้งสองประจันหน้ากัน ใบหน้าห่างกันแค่คืบ จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน “ถ้าไม่อยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน คุณต้องทำตามที่ผมต้องการทุกอย่าง” อนวินท์พูดเสียงเข้ม “ฉันเกลียดคุณ” ต้นน้ำพูดเน้นทีละคำ อนวินท์เจ็บแปลบ แต่เพียงครู่เดียวชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับไหล่ของหญิงสาวก่อนจะกระชากแล้วก้มใบหน้าลงไปตะบมจูบในขณะที่พยาบาลสาวตกใจ อนวินท์ระดมจูบหนักหน่วงหญิงสาวพยายามขัดขืน แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนตกเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแนบแน่น ต้นน้ำใช้มือหยิกที่เอว อนวินท์สะดุ้งแต่กระชากร่างของหญิงสาวตามติดกันไป ร่างหญิงสาวและชายหนุ่มล้มลงไปในโซฟา ริมฝีปากของชายหนุ่มบี้บดริมฝีปากอดีตภรรยาสาวแนบแน่นจนแทบไม่มีแม้แต่มดเล็ดรอดออกไปได้ อนวินท์จับมือภรรยาสาวยืดแน่น ต้นน้ำนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเมื่อชายหนุ่มยึดแน่น ยิ่งหญิงสาวดิ้นไปมายิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้อนวินท์ทั้งฮึกโหม เพลิงพิศวาสถูกปลุกเร้าจนทั้งสองแทบจะมอดไหม้ด้วยแรงพิศวาส อนวินท์ทั้งจูบอย่างดุดัน เกี่ยวลิ้นของตัวเองสัมผัสลิ้นของหญิงสาวไปมา ต้นน้ำหยุดดิ้น เมื่อรู้สึกถึงแรงปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าจนไม่สามารถต้านทานตนเองได้อีกต่อไป เมื่อหญิงสาวหยุดดิ้นรนอนวินท์ก็ปล่อยมือหญิงสาว เลื่อนมือมาลูบไล้ เอวบาง และสะโพกสวย ต้นน้ำเผลอครางไม่รู้ตัว เมื่อชายหนุ่มจูบไล้ที่ซอกคอขาว ก่อนจะจูบที่ติ่งหูขาวราวต้องการปลุกอารมณ์สาวให้เตลิด เสียงอนวินท์ครางเสียงดัง เมื่อหญิงสาวโอบรอบไปด้านหลังลูบไล้ไปมา เหมือนน้ำมันและไฟ เมื่อเจอกันทีไรก็ติดพึ่บพั่บทันทีต่างคนต่างปรนเปรอ อนวินท์เลิกเสื้อผ้าพื้นเมืองขึ้นสูง จนเห็นร่างขาวนวลของหญิงสาวกระจ่างสายตา ชายหนุ่มจูบระที่หน้าท้องสาว เสียงกรีดร้องเบาๆ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งเหิมเกริม ก่อนจะจูบระที่ฐานหน้าอกสาวและจูบระไปที่เต้าสาวอย่างดูดดื่ม ต้นน้ำกรีดร้องครวญครางเมื่อชายหนุ่มดูดกลืนเม็ดบัวสีชมพูสวยราวกับทารกดูดดื่มนมจากเต้ามารดา หญิงสาวใช้มือขยุ้มเส้นผมของชายหนุ่มด้วยแรงพิศวาสที่ปลุกเร้าจนรู้สึกร้อนไปทั่วเรือนร่าง รู้สึกตัวอีกที ก็รู้สึกเหมือนเนื้อตัวของตนเองแนบแน่นเนื้อตัวของชายหนุ่ม รู้สึกแปลกใจว่าชายหนุ่มใช้เวลาไหนถอดเสื้อยืดสีขาวออกไปตอนไหน เสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์มือถือปลุกภวังค์ ให้ชายหนุ่มหญิงสาวตื่นจากอารมณ์พิศวาสที่รู้สึกเหมือนเตลิดเปิดเปิง เสียงกรีดร้องดังแบบรัวไม่มีช่วงเวลาหยุด ทำให้ต้นน้ำสติกลับมา หญิงสาวทั้งผลักทั้งหยิกความรู้สึกตอนนั้นทั้งอายทั้งเจ็บใจตนเองที่เผลอไปร่วมมือกับชายหนุ่มในขณะที่จอยผลักให้ต้นน้ำเดิน เพราะหญิงสาวกำลังตกตะลึง.. ต้นน้ำวิ่งย้อนขึ้นกลับไปบนบันไดเลื่อน ในขณะที่อนวินท์วิ่งลงมา ภาพประทับใจแบบนี้ ทำให้จอยถึงกลับต้องตบมือด้วยความซาบซึ้ง ต้นน้ำวิ่งเข้าสวมกอดอนวินท์ทันที “น้ำขอโทษ น้ำเสียใจที่เอาแต่ใจ น้ำน่าจะเชื่อใจพี่หมอมากกว่านี้ น้ำมันงี่เง่าเอง” ต้นน้ำร่ายยาว อนวินทร์สวมกอดภรรยาสาวแน่น มองหน้าภรรยาสาว ตาบวมแดง จมูกแดง ปากสั่นๆขณะพูด ชายหนุ่มอมยิ้ม ก่อนก้มลงจูบภรรยาสาวในขณะที่หญิงสาวละล่ำละลักพูด ต้นน้ำตกใจหัวใจเต้นแรง จูบตอบชายหนุ่มด้วยความโหยหา แม้ว่ารสจูบจะหนักหน่วง แต่ต้นน้ำไม่ขัดขืนเพราะเธอก็คิดถึงอ้อมกอดนี้ ริมฝีปากนี้ แล้วยิ่งรู้ว่าจะต้องจากชายหนุ่มนาน หญิงสาวใช้มือโอบรอบต้นคอ จอยอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบวินาที “โห จะเลิฟซีนก็สะกิดก่อนสิ จะได้หลบไปไกลๆ เอามาให้คนโสด อิจฉา” จอยบ่นก่อนเดินหันหลังลงบันไดเลื่อนด้วยความเซ็ง แต่ก็เพียงแป๊ปเดียวก็หันมาถ่ายรูปที่คุณหมอหนุ่มชื่อดัง และภรรยาสาว กำลังแลกจูบกันไปมาด้วยความคิดถึง “แหม ลีมินโฮ ก็ลีมินโฮ เถอะ เจอคุณหมอวินท์ชิดซ้าย เล่นมาจูบกลางสนามบินสุวรรณภูมิงี้” จอยหันไปมองผู้คนรอบข้างที่
อนวินท์เมื่อวางสายจากลูกชาย ก็มองไปที่แบตเตอรี่ที่บอกสัญญาณว่าจะใกล้หมด เหลือเพียงสี่เปอร์เซนต์ เมื่อค้นหาพาวเวอร์แบงก์ก็ต้องหงุดหงิดว่าลืมเอาใส่กระเป๋าโหลดลงเครื่องไป ชายหนุ่มตัดสินใจปิดเครื่องทันที โดยไม่ได้เปิดไปมองโปรแกรมยอดฮิต ที่มีข้อความเข้ามานับสิบข้อความ ต้นน้ำพยายามที่จะโทรศัพท์อีก แต่คราวนี้ เหมือนกับว่าเจ้าของเครื่องได้ทำการปิดเครื่องแล้ว “พี่หมอปิดเครื่องแล้ว เมื่อกี้สายไม่ว่าง แต่คราวนี้ปิดเครื่องไปเลย เอาไงดีจอย” ต้นน้ำพูดน้ำเสียงร้อนรนจอยนิ่งคิด เมื่อได้ยินเสียงผู้ประกาศสาวที่กำลังประกาศ น้ำเสียงอ่อนหวาน ก็ดีดนิ้ว เมื่อนึกอะไรออก“ไปกับฉันแก เราต้องพึ่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ มันเป็นโอกาสสุดท้ายล่ะ ถ้าไม่ได้ทางนี้ แกคงต้องรอคุณหมอที่บ้านแหละ”“ไปเถอะ โอกาสสุดท้ายฉันก็ยอม ฉันรอพี่หมอได้ แต่ฉันอยากจะใช้โอกาสสุดท้ายของฉัน แค่ได้บอกเค้าก็ยังดี”“งั้นไปกัน”ประกาศ ผู้โดยสารที่ชื่อว่า คุณอนวินท์ เลิศวสิน กรุณาเปิดเครื่องสื่อสารของท่าน ทางบ้านมีเรื่องด่วนแต่ติดต่อไม่ได้ค่ะประกาศอีกครั้ง ประชาสัมพันธ์สาวพูดย้ำอีกรอบ อนวินท์ยืนนิ่งเมื่อได้ยินเหมือนเสียงเรียกชื่อตนเอง ชายหนุ่มขมวด
จอย หันไปมองเพื่อนสาว ที่บางทีก็หัวเราะ บางทีก็ร้องไห้ ระหว่างที่ตนขับรถ คิ้วขมวด ก่อนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้“แกเป็นอะไรน้ำ เสียใจจนเป็นบ้าไปเลยเหรอ คุณหมอยังไม่ได้ทิ้งแกหรอกนะ”“ไม่...ฉันอ่านข้อความที่พี่หมอเขียน ดูสิ สติ๊กเกอร์ พี่หมอเอาเวลาไหนไปโหลดมา ปกติใช้แต่ของฟรี” ต้นน้ำหัวเราะเบาๆ พร้อมปาดน้ำตา “สรุปแล้วฉันเข้าใจผิดพี่หมอหมดเลย..ทำยังไงดีล่ะแก ฉันจะเอาหน้าไหนไปสู้กับพี่หมอได้ล่ะ ต่อว่าเค้ามากมาย ทั้งเรื่องแม่ของหมอนิ ทั้งเรื่องที่โรงแรมที่เชียงใหม่ ว่าแต่แกรู้เรื่องพี่หมอสุชาติด้วยเหรอ ทำไมแกไม่เล่าให้ฉันฟัง” ต้นน้ำเขย่าแขนเพื่อนสาว หลังจากอ่านข้อความไปเกินสิบหน้า “ก็ตอนนั้นแกไม่มาทำงาน แล้วงานโรงพยาบาลเวลาไม่มีแก ก็ยุ่งๆ” จอยหันมาตอบเสียงอ่อย“มันคงเป็นเวรกรรมของฉันมั้ง ไปว่าพี่หมอให้มากมาย ถ้าฉันไปไม่ทันจริงๆ แล้วพี่หมอไปนาน ๆฉันต้องคลอดลูกคนเดียวอีกเหรอเนี่ย” ต้นน้ำทำเสียงเศร้า หญิงสาวเลื่อนหน้าจอมาเจอคลิปวีดีโอ แล้วเปิดฟังทรมานไปทั้งหัวใจทุกครั้งที่เราได้ชิดใกล้ แต่พูดความจริงไม่ได้...ได้แต่เก็บอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะรู้หัวใจได้โปรดมองในตาฉัน มองที่ตรงนั
โรงพยาบาลเลิศวสินต้นน้ำลงจากรถวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล ราวร่างไร้หัวใจ กว่าชั่วโมงที่ตามหาชายหนุ่มแต่ไม่พบทำให้ต้นน้ำรู้สึกถึงความผิดปรกติ หญิงสาวแทบวิ่งถลาไปที่ห้องทำงาน เห็นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังทำงานอย่างวุ่นวาย “จอย” ต้นน้ำตะโกนเรียกไปก่อนพยาบาลจอย สะดุ้งก่อนมองไปที่ต้นเสียง แว๊บแรก แสดงความตื่นเต้น แต่เมื่อนึกถึงว่า ตลอดหลายวันมานี่ ไม่ว่าเธอพยายามติดต่อหญิงสาวอย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ ทำให้จอยรู้สึกน้อยใจเพื่อนสาว ทั้งน้อยใจของตัวเองและยังโกรธเพื่อน เพราะสงสารเจ้านายหนุ่ม ที่ตลอดหลายวันตั้งแต่หญิงสาวหายไป นายแพทย์หนุ่มทั้งเครียด และไม่ได้ดูแลตัวเองเลย จอยแกล้งทำงานต่อไปราวกับไม่ได้ยินเสียงเพื่อนรัก“จอย พี่หมออยู่ไหน” ต้นน้ำถาม เมื่อเดินมายืนตรงหน้า “แกสนใจด้วยเหรอ หายไปไหนมา ทั้งฉันทั้งพี่หมอติดต่อแกไม่ได้ ตอนนี้จะมาถามหา ช้าไปหน่อยไหม” จอยพูดประชดแล้วทำงานต่อ“แกอย่าเพิ่งโกรธฉันนะ ฉันไม่สบายนอนโรงพยาบาล แล้วลืมเอาที่ชาร์ตโทรศัพท์ไปด้วย แบตหมดตั้งแต่วันแรกแล้วมั้ง ฉันรู้ข่าวหมอนิ ตกลงเป็นยังไง”จอยได้ฟัง แล้วเงยหน้ามองเพื่อนที่ท่าทางดูอิดโรยก็รู้สึกตัว รีบลุกขึ้นมาโอบกอดเพื่อนสาวแน่
พิพัฒนพงษ์ตรีรินทร์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ก็เหลียวไปมอง ก่อนจะเดินไปรับสายโทรศัพท์ “พิพัฒนพงษ์ค่ะ”“คุณแม่ครับ คุณแม่ติดต่อน้ำได้หรือเปล่า”“ยังเลยตาหมอ”อนวินท์มีใบหน้าสลดลง ถอนหายใจ “คุณแม่ครับ ผมต้องเดินทางไปประชุมงานที่ญี่ปุ่นสักพักฝากคุณแม่ดูแลน้องนนท์ ผมโทรหาเมื่อกี้เห็นบอกว่าไปแคมป์กับน้องกายที่เขาใหญ่”“ใช่จ๊ะ ตาหมอไม่ต้องเป็นห่วง แม่จะดูแลตานนท์ให้จ๊ะ”อนวินท์วางโทรศัพท์ กลับไปที่บ้านชายหนุ่มเดินไปทั่วบ้านด้วยความรู้สึกเหงา บ้านที่ปราศจากหญิงสาวและลูกชายตัวน้อย ดูเงียบสนิท ภาพความทรงจำเก่าๆ จะเห็นหญิงสาวในห้องครัวทำอาหารมีลูกชายตัวน้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ บนเก้าอี้ในห้องครัว อนวินท์กอดอกนึกย้อนภาพเก่าๆ อย่างมีความสุข เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน อนวินท์ออกไปต้อนรับ“ขอบคุณมากจอย” “ไม่เป็นไรค่ะหมอ” จอยตอบ ขณะที่มีพนักงานบริษัทอีเว้นต์แพลนเนอร์ชื่อดัง อีกสามคนเดินตามมาอนวินท์เดินนำเข้าไปในบ้าน อีกหลายชั่วโมงต่อมาทั้งบ้านเต็มไปด้วยดอกไม้ ลูกโป่ง จัดแต่งอย่างสวยงาม โรแมนติค จอยมองรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ถูกตกแต่งในแต่ละห้องอย่างสวยงาม ทั้งดอกไม้ ลูกโป่ง ข้อความ หญิงสาวมองด้วยความซาบซึ้ง“โห โรแ
โรงพยาบาลเลิศวสินจอยเอาอาหารและน้ำมาเสิร์ฟ ให้นายแพทย์อนวินท์ ที่นั่งสะสางงานจนดึกด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่กลับจากสถานีตำรวจ นายแพทย์หนุ่มขังตัวเองอยู่ในห้อง เกือบครึ่งวัน“หมอคะ ทานอะไรสักหน่อย ตั้งแต่เช้าจอยยังไม่เห็นหมอทานอะไรเลย” พยาบาลสาวมองนายแพทย์ที่เป็นทั้งสามีเพื่อนและเจ้านายด้วยความเป็นห่วง “วางไว้ตรงนั้นแหละจอยขอบใจมาก อืมคุณติดต่อน้ำได้ไหม ผมติดต่อไม่ได้เลย” อนวินท์มีสีหน้าเป็นกังวล“ไม่ได้เหมือนกันค่ะ กลับมาจอยจัดการให้พี่หมอเลย งอนเป็นนางเอกละครไทยไปได้” จอยพูดน้ำเสียงหงุดหงิด“น้ำคงมีเหตุผล นั่งสิจอยผมมีเรื่องอยากถาม”“น้ำเขาเคยพูดเรื่อง วันครบรอบแต่งงานสี่ปีก่อน ก่อนที่เขาจะหนีผมไป คุณอยู่ในเหตุการณ์ ไหนเล่าให้ฟังสิ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมอยากรู้อะไรทำให้เขาน้อยใจ เพราะปรกติแค่เรื่องผมไม่กลับบ้านติดคนไข้ ไม่น่าจะทำให้เขาโกรธขนาดนี้”อีกสามสิบนาทีต่อมา อนวินท์ก็พอปะติปะต่อ เรื่องต่างๆ ได้ ชายหนุ่มถอนหายใจยาว“ผมเป็นต้นเหตุกับเรื่องต่างๆ นี้เอง”“ยัยน้ำเป็นคนอ่อนไหว เพราะเป็นลูกสาวคนกลาง คิดว่าพ่อแม่ไม่ค่อยรัก เกี่ยวกับคุณหมอ น้ำมันฝังใจมาตลอดว่าเพราะคุณหมออกหัก