“ว๊าว!” เธอทั้งอึ้งทั้งตื่นเต้น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเดินอยู่ท่ามกลางคนหรูหราพวกนี้ ทุกคนที่เดินสวนเธอมา ล้วนแล้วแต่งตัวสวยงาม สง่าและแพงลิ่วทั้งนั้น ทุกคนมีสายตาที่ไม่ต่างกัน นั่นคือมองเธออย่างสงสัย
“ฉันแค่ผ่านมา” เธอพูดกับตัวเองเท่านั้น เพราะรู้ว่าสายตาของพวกเขาบอกว่าเธอแปลกแยกจากคนแถวนี้ “ฉันไม่ได้พักอยู่ที่นี่หรอกน่า”
หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ มองดูประตูห้องที่ออกแบบได้วิจิตรไปอย่างเพลิดเพลิน จนเกือบลืมไปว่ากำลังทำอะไรอยู่
“จริงสิ ยัยไอริสล่ะ???” เธอหันมองรอบกาย ทุกห้องล้วนปิดสนิท มีแต่ตัวเลขกำกับแต่ไม่มีชื่อบอกหน้าห้องเสียด้วย แล้วเธอจะเจอไอริสได้อย่างไร “ต้องถามพวกพนักงานที่ดูแลชั้นนี้สินะ”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หญิงสาวมองหาพนักงานทันที ไม่นานนัก เธอก็เห็นพวกเขายืนสนทนาเครียดกันอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง หัวหน้ากับลูกน้องกำลังสั่งงานกันอยู่เป็นแน่
“ถ้าเราเข้าไปถาม เขาจะบอกเราเหรอ” หญิงสาวก้มมองเสื้อผ้าของตัวเอง “เขาคงไม่เชื่อแน่ว่าเรารู้จักกับสาวสวยคนนั้น ที่พักอยู่ในชั้นหรูหราราคาแพงขนาดนี้”
แต่ถ้าไม่เสี่ยงดู เธอก็คงไม่มีเวลาพอจะมานั่งเฝ้าที่นี่หรอกนะ เธอมีงานสำคัญรออยู่ที่ห้องจัดเลี้ยง เธอตัดสินใจจะก้าวออกไป แต่กลับต้องชะงัก เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมาจากห้องพัก เขาพูดคุยกับพนักงานสองคนนั้นอย่างสนิทสนม
“ร็อกกี้นี่นา ตายจริง นี่พักอยู่ชั้นเดียวกันเหรอ...หรือว่ามาด้วยกัน”
เมริสาอดคิดไม่ได้ ไอริสหายเข้าไปในห้องหนึ่งแน่ๆ แต่ไม่แน่ชัดว่าห้องไหน เป็นไปได้หรือไม่ที่เธอจะอยู่ในห้องของเขา
“ให้ตาย ฉันไม่ควรยุ่งเรื่องนี้เลย พวกเขาอาจคืนดีกันแล้วก็ได้”
เธอสรุปเล่นๆ ขณะยังคงมองดูร็อกกี้คนนั้น คนที่แตกต่างกว่าที่เธอเคยเห็น ร็อกกี้คนนี้กำลังวางท่าอย่างกับตัวเองเป็นเจ้านายอย่างนั้นละ
“ฉันควรจะกลับไปทำงานนะ” เธอบอกตัวเองแล้วหันหลัง แต่ยังไม่ทันก้าว ก็ดันได้เห็นอะไรที่ไม่สมควรเห็นอีกแล้ว
“เอ๊ะ!!! นั่น!!!” ชายหนุ่มประคองหญิงสาวที่สลบซบพิงไหล่เขาอยู่ ดูเธอไม่หมดสติเสียทีเดียว แต่มีอาการควบคุมตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน เธออาจเมา!!
ส่วนชายหนุ่มที่ดูมีสติดีทุกอย่าง เขากำลังพยายามไขประตูห้อง เธอแทบไม่ต้องใช้สมองเลยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
“มอมเหล้าแล้วเอามาปล้ำสินะ” เมริสาหรี่ตาร้าย เดินลิ่วๆ เข้าไปทันที เมื่อชายหนุ่มคนนั้นหันมาเห็นเธอเข้า สายตาดุดันคมกริบก็อึ้งไม่น้อยไปกว่ากัน
“คุณ!!” เธอชะงักฝีเท้า แล้วยืนนิ่งเหมือนถูกสาป อะไรกัน พ่อของลูกในท้องจูเลียร์กำลังจะพาหญิงสาวแสนสวยอีกคนเข้าห้อง “คุณคิดจะทำอะไร!!!”
ชายหนุ่มอ่อนใจ กรอกตามองเพดานอย่างระอา
“นี่คุณอีกแล้วเหรอ”
“ใช่...ฉันเอง” หญิงสาวเชิดหน้ามั่นใจ ทำใจดีสู้เสือ ทั้งที่กลัวจนฉี่จะราด เธอขยับเท้าเข้าใกล้เขาอีกนิด สูดจมูกฟุดฟิดเหมือนสุนัขดมกลิ่น กลิ่นเหล้าฟุ้งจนทำให้เธอต้องปัดไล่ไปให้พ้นจมูก “ความเลวครั้งก่อนยังไม่ทันจะแก้ไข นี่จะสร้างเรื่องใหม่อีกแล้วเหรอ คนอย่างคุณ เลวไม่มีที่ติจริงๆ”
ชายหนุ่มละมือจากลูกบิดประตู หันหน้าหล่อๆ มาเผชิญหน้ากับเธอ หญิงสาวที่กล้าชี้หน้าเขา!
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้!!!”
เขาไล่สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “กลับไปในที่ของตัวเองเถอะ”
“หน็อยแน่!!!” เธออุทานลั่น “คุณคิดจะทำมิดีมิร้ายผู้หญิงสลบที่ไม่มีสติเพราะเมาแบบนี้ แล้วจะให้ฉันทำเหมือนไม่เห็น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง ฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่...ไม่สิ ฉันจะแจ้งเจ้าของเรือให้รู้เรื่องนี้...ดูจากใบหน้าของเธอแล้ว ยังไม่บรรลุนิติภาวะแน่นอน”
เขามีสีหน้าเย็นชายิ่งกว่าเดิม พูดแบบเซ็งสุดๆ “ไปซะ”
เมริสาถึงกับอึ้ง หมอนี่ไม่คิดจะกลัวบ้างเหรอ เธอขู่ขนาดนี้แล้ว
“ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ปล่อยเธอซะ เพราะถ้ายังดึงดันจะพาเธอเข้าไป ฉันจะร้องให้คนช่วยเดี๋ยวนี้”
เธอกำลังจะอ้าปาก แต่กลับโดนตบไปฉาดใหญ่ จนหน้าหัน!!!!
“ยัยผ้าขี้ริ้ว!!!” หญิงสาวในอ้อมกอดของชายหนุ่มลุกขึ้นมาชี้หน้าเธอ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มเหลือกมอง ผุดรอยแค้นคลั่ง เหมือนอยากจะบีบคอเธอให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น “อย่ามายุ่งเรื่องฉัน...ไป!!!”
เมริสาทั้งตกใจทั้งเจ็บ เธอเหวอไปเลย ก่อนหันมองหน้าชายหนุ่มผู้กำลังใช้ดวงตางดงามของเขามองเธอด้วยสายตาดูถูก เขาคงกำลังด่าเธอว่าโง่มากที่มาจุ้นจ้านเรื่องนี้ เพราะผู้หญิงสมยอมอยู่แล้วใช่ไหม เธออยากจะร้องไห้ แต่จำเป็นต้องกลั้นไว้ ถึงไม่ได้มีศักดิ์ศรีกับใครเขานัก แต่ก็ยังพอมีนะแหละ
“คุณไม่เป็นอะไรแล้วนี่” เขาหันมองหญิงสาวที่แสร้างเมา เพื่อให้เขาพาเข้าห้องแบบง่ายๆ เธอคงอารมณ์เสียจัดที่ถูกขัดขวาง แต่หากเธอรู้ว่า ถึงเขาพาเข้าห้อง ต่อให้เจ้าหล่อนนอนแก้ผ้าบนเตียง เขาก็คงไม่ทำอะไรเธอหรอก แบบไหนที่จะทำให้เจ้าหล่อนโมโหมากไปกว่ากันล่ะ “ถ้าอย่างนั้น ผมขอตัว”
“เดี๋ยวสิคะ!” เจ้าหล่อนหันไปออดอ้อนผู้ชายต่อ “ฉันยังมึนๆ อยู่เลยค่ะ พาฉันไปนอนพักผ่อนที่เตียงของคุณเลยได้ไหมคะ ไหนคุณบอกว่าบางเรื่องต้องคุยที่เตียงถึงจะรู้เรื่อง”
ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวที่พึ่งโดนตบจนหน้าแดงก่ำ “หมดเวลาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ผมต้องไปแสดงความยินดีกับ...”
“อย่าไปสนใจเขาเลยค่ะ” เจ้าหล่อนใช้นิ้วชี้ไล้ไปตามไรผมที่ปรกคอของชายหนุ่ม “มาสนใจฉันดีกว่า ลูกสาวคนโปรดของเขาอยู่กับคุณแล้วไง”
เธอพยายามโน้มน้าว หลังจากที่เขาปลุกอารมณ์เธอให้แตกกระเจิง เขาควรจะตอบสนองเธออย่างเต็มที่ ไม่ใช่ยื้อเวลาด้วยการพาไปเดินเล่นที่ชั้นดาดฟ้า
“ไหนบอกว่าเตียงของคุณพร้อมแล้วไงคะ”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะมัสซิโมและหญิงสาวที่ยืนกุมใบหน้าอยู่ตรงนี้ เห็นไหมว่า ถึงเขาจะถีบเจ้าหล่อนออกไปอย่างไร้ความปราณี แต่เจ้าหล่อนก็ยังคงจะกระโจนขึ้นเตียงเขาเสียให้ได้
เขาไม่คิดจะแตะต้องเธอหรอก แม้แต่ปลายนิ้วก็ไม่คิด ก็แค่ลวงให้เธอโหยหาเขาไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสมปรารถนาในบางสิ่ง ซึ่งใช้เจ้าหล่อนเป็นเครื่องมือสำคัญ วันนั้นแหละ เขาจะบอกกับคุณหนูตัวร้ายคนนี้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน!!!
ไคล์ไม่ได้ทำตามคำขอของเอมี่หรอก เขาไขประตูตามความต้องการของตัวเอง เมื่อประตูสวรรค์เปิดออก คุณหนูเอมี่ระริกระรี้ แลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างกระหาย เธอตั้งใจจะถ่ายคลิปบทรักระหว่างเธอกับเขาไปโชว์เพื่อนๆ ในงานปาร์ตี้ไวน์ครั้งหน้า
เมริสารู้สึกถึงความลำพองในอกของชายหนุ่มที่แสดงออกมาทางสีหน้า หากดวงตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความทุกข์ตรมอย่างสัมผัสได้ เขากำลังควานหาความสุขจากกามอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเพื่อปกปิดรอยหมองไหม้ในใจหรือเปล่า
เขาจะมีความสุขเมื่อได้ย่ำยีหญิงสาวแล้วทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใยในเวลาต่อมาใช่ไหม อย่างนั้นหรือคือความสำเร็จของชายหนุ่มผู้หล่อเหลา ที่กำลังใช้ใบหน้าและเรือนร่างล่อแมลงเม่าที่อ่อนต่อโลกให้เข้ากองไฟที่เต็มไปด้วยราคะ ซึ่งแมลงเม่าพวกนี้ก็พร้อมจะติดกับเขาทุกเมื่อ เธอสงสัยว่าตัวเองอยากจะเป็นแมลงเม่าอีกตัวหนึ่งไหม
“เราจะอยู่ในนี้ทั้งคืนเลยนะคะ” เอมี่ตั้งใจจะบอกกับหญิงสาวที่เธอตบ “อย่าปล่อยฉันลงจากเตียงเด็ดขาดนะคะไคล์”
ฟังหญิงสาวคนนี้พูดเข้า หากเธอเป็นแม่ของยัยนี่คงปวดหัวตาย เจ้าหล่อนช่างไม่รู้เลยว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก เขาเดินจากมา และตั้งใจจะไม่พบหน้าตาแก่อีก ปล่อยอดีตให้เป็นเรื่องของอดีต เพราะยังไงซะ ก็ไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรเขาต้องอยู่กับปัจจุบัน...และปัจจุบันของเขา มีผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเดินเคียงข้าง เพราะอย่างนี้ เขาถึงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และไม่เกรงกลัวว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร“คุณหนูกลับมาแล้ว” มาการ์เร็ตเดินนำรอล่าและเหล่าสาวใช้ออกมาต้อนรับเจ้านายที่หน้าโถงประตูคฤหาสน์ หลังจากเครื่องบินส่วนตัวของชายหนุ่มถลาร่อนลงจอดยังรันเวย์ของไร่ไวน์โรส“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนู”เหล่าสาวใช้ยิ้มแย้มยินดี จนกระทั่งเห็นหญิงสาวที่เพิ่งลงจากรถแล้วเดินมาควงแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนมแนบชิดรอล่ายิ้มค้างปากกระตุก “ยัยเมย์!”“เมริสา!” มาการ์เร็ตจ้องมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขยับดวงตาเลื่อนมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าอิ่มสุขกว่าทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังนี้ “คุณหนูคะ”“สวัสดีค่ะคุณมาการ์เร็ต คุณรอล่า เพนนีด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีกันทุกคนใช่มั้ยคะ”“ฉันเดินได้แล้ว เพราะเธอ”“ดีมากเพนนี”“แล้วนี่หล่อนกับ...” มาการ์เร็ตจ้องเมริสาที จ้องคุณหนูของพวกเธอที จนชักจะเวียนหัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไ
“ไคล์ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ อายเขา!”คนมองกันทั้งร้าน หนึ่งในนั้นคือฟรานเชสโก้ เขาแทบไม่ต้องเดาเลยว่าไคล์ ลิมเบอร์สกี้คือผู้ชายที่อยู่ในใจของเมริสามาตลอด เป็นเขาน่ะเอง เจ้าของหัวใจเธอ“ผมไม่ลุก จนกว่าคุณจะตกลง”“งั้นก็ตามใจ ฉันไปล่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ชายหนุ่มกลับรวบสองขาของเธอเอาไว้แล้วกอดแน่น“เมย์จ๋า...ผมรักคุณ ผมรักคุณได้ยินมั้ย ผมรักคุณ”“ฉันรู้แล้ว ฉันได้ยินแล้ว แต่คุณปล่อยฉันก่อนสิ”“ผมจะไม่ปล่อย ผมจะไม่ปล่อยคุณอีกแล้ว ถ้าคุณไม่รับปากว่าจะไปกับผม ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้แหละ”เขากอดแน่น แน่นจนเธอกระดิกตัวแทบไม่ได้ วินาทีนี้ เธออยากจะฆ่าพ่อจอมกะล่อนให้ตายด้วยมือของเธอเลยจริงๆลูกตื๊อของไคล์ได้ผล เพราะเธอไม่อยากให้ร้านกาแฟของ ฟรานเชสโก้เกิดเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ เธอเลยยอมถอดแบบฟอร์มคืนร้านและตามเขากลับมาบ้าน“ผมช่วยเก็บเสื้อผ้านะ”“อืม เก็บเลย เก็บให้หมดนะ อย่าให้เหลือ”“ได้ ผมจัดการให้เอง” เขากระดกคิ้วกวน ๆ ใส่เธอก่อนจะร้องเรียกด้วยเสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน “เดฟ! โรเบอร์โต้!”สองหนุ่มวิ่งรี่เข้ามาอย่างเร็ว เพื่อรอรับคำสั่งเจ้านาย“พวกนายช่วยมาดามเก็บของหน่อยสิวะ”“ชุดชั้นในกับก
เดฟกับโรเบอร์โต้ไม่ออกความคิดเห็น เพียงแต่แอบไปนินทาเจ้านายด้วยกัน ระหว่างที่เดินเวรยามรอบบ้านของหญิงสาว“ทีตัวเอง..ใจโฉดกว่านี้อีก”“เฮ๊ย! อย่าพูดอย่างนั้น ใจโฉดยังน้อยไป อย่างไคล์ เรียกว่าสารเลวเลยดีกว่า”แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนทำให้ไคล์ที่นอนตบยุงอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านต้องหันมองอย่างแปลกใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าลูกน้องตัวแสบทั้งสองกำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่“ฮึ่ม! เมย์นะเมย์ ทำไมทำกับผมแบบนี้!!!”“เมย์...เมย์จ๋า...ที่รัก”ชายหนุ่มนอนละเมอเพ้อหาหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย แน่นอนว่าในฝันของเขาคงมีแค่เรื่องลามกเท่านั้น“อ่า...ผม...ผม...ผมรักคุณ...ผมต้องการคุณ ผม..” เขาครวญครางไม่ขาดสาย เพื่อระบายความรู้สึกและอารมณ์ใต้จิตสำนึกอย่างไม่รู้อิ่ม กระทั่งได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ นั่นล่ะ“เจ้านาย! เจ้านายครับ”เสียงนั้นกระทุ้งให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แปรเปลี่ยนเป็นหน้ายุ่งไร้อารมณ์และหงุดหงิดรำคาญ“เจ้านาย!”“โอ๊ย! เรียกทำไมวะ คนกำลัง...” เข้าได้เข้าเข็ม...แต่เขาพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าตัวเองแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อดวงตาคู่สวยของเขาลืมตื่นขึ้นท่ามกลางแสงแดดรำไร“อ้าว...จริงสิ” แล้วเข
“ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”หญิงสาวเดินนำไปที่โต๊ะเล็ก ๆ สี่ที่นั่ง ซึ่งตั้งติดกับบานหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับลมทะเลและทัศนาทิวทัศน์ท้องทะเลสีฟ้าครามได้เต็มตา“บ้านของคุณน่ารักดี แต่ผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่กับผม”“ฉันจะอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะ...”เขานั่งลงตรงข้ามเธอ ตั้งใจฟังเธอแบบลุ้นระทึก“จนกว่า...อะไร”“แน่ใจว่าใครบางคน กลับตัวกลับใจได้ และเป็นคนดีได้จริงๆ ไม่ใช่แค่สร้างภาพเพื่อเอาใจผู้หญิง”“อ่า...ผมรู้ว่าผมสารเลว แต่สามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ถูกลงโทษมาพอสมควรแล้วนะ ผมอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ผม...”“ฉันตกนรกยิ่งกว่าคุณอีก”เขาอึ้งไป ก่อนพูดเสียงค่อยออกมา “ผมขอโทษ”“ฉันร้องไห้ทุกคืน”“ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันเจ็บปวด”“คนอย่างคุณจะรู้ได้ยังไง”“ผมก็...” เขาหยุดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยอมพูดออกมา แม้จะอายแค่ไหนที่ต้องพูด “ผมก็ร้องไห้เหมือนคุณน่ะแหละ ผมเกลียดตัวเองที่ร้องไห้เพราะคุณ ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร”“ว่าไงนะ” แล้วเธอก็หัวเราะ ยิ่งทำให้เขาอายไปกันใหญ่ “คุณเนี่ยนะร้องไห้ ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่มันไม่ตลกนะ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยร้องไห้ให้ใคร เข้าใจไว้ด้วย”เขาทำท่าโมโ
“แต่ขอเรื่องเดียว คุณห้ามให้คนอื่นจีบ นอกจากผม”“ไม่ให้ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องจีบสิคะ ฉันมีตัวเลือกเยอะแยะ ดีกว่าคุณก็มี” หญิงสาวยิ้มร่า เย้ยหยัน การคุมเกมนี่มันดีอย่างนี้เอง เธอหันหลังให้เขา เดินนำหน้าเขาไปหลายก้าว“เมย์....เมริสา! ผมบอกให้...”“หยุด!” เธอหันกลับมาชี้หน้าเขาตรง ๆ สายตาของหญิงสาวกดข่มให้เขารู้สึกตัวเล็กลงอย่างไม่รู้ตัว “ห้ามออกคำสั่งกับฉัน ฉันไม่ใช่ทาสคุณ”“ครับ...ครับ ผมขอโทษ”“ฉันจะพักผ่อนละ คุณกลับไปได้แล้ว”“ได้ไง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอีกเยอะแยะเลย”“ไม่ใช่ตอนนี้ นี่เป็นเวลาส่วนตัวของฉัน ฉันเหนื่อยเข้าใจมั้ยไคล์ คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันเพิ่งผ่านเหตุการณ์อะไรมา คิดสิคิด”“เอ่อ...ครับ ผมจะคิดให้เยอะกว่านี้”“ไม่ใช่คิดให้เยอะ แต่คิดให้ถูก คิดให้เป็น หัดเอาใจคนอื่นมาใส่ใจเราบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องของตัวเอง”โอ้ว...เขากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ...นี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาใช่มั้ย???“ครับเมย์...ผมเข้าใจแล้ว งั้นระหว่างที่คุณพักผ่อน ผมจะให้ลูกน้องเดินสำรวจตรวจดูรอบ ๆ บริเวณบ้านคุณนะ แล้วก็คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมจะได้ให้เดฟไปซื้อ...”“ทำไมต้องใช้
“ผมเข้าใจแล้ว...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วหลับตานิ่ง ไว้อาลัยให้กับคำตอบที่เขากระสันอยากรู้เสียเหลือเกิน “ผมเข้าใจแล้วครับคุณแม่...”เมริสาเดินกลับมาหาเขา เธอจับมือที่เย็นเยือบของเขาไว้ สายตาห่วงใยอย่างที่สุด เขาถอนหายใจซ้ำๆ ก่อนจะยิ้มให้เธอ ดวงตาสีมรกตแดงก่ำ วินาทีนั้น เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกไม่พูด“อ่า...” เขาดึงร่างเธอไปกอดแน่น เธอกอดตอบร่างใหญ่หนาที่สะอื้นนั้นไว้ ฝ่ามือนุ่มลูบแผ่นหลังเขาช้าๆ เพื่อปลอบโยน“มันจบแล้วไคล์”“คุณไม่อยากรู้เหรอ ว่าในล็อกเก็ตมีอะไร”เขาผละใบหน้าที่เปื้อนความเศร้านั้นออกมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เธอส่ายหน้า“ฉันไม่สนใจอดีต เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้นะไคล์ วันนี้กับวันพรุ่งนี้ต่างหากที่สำคัญ”“แต่เรามีวันนี้ได้เพราะอดีต” เขาพูดเสียงจริงจัง“คุณไม่คิดจะลืมมันจริงๆ เหรอ” เธอผิดหวังเล็กๆ“ผมจะลืมความจริงได้ยังไง เรื่องที่ผมเป็นลูกชายแท้ ๆ ของ...เซบาสเตียน!”เมริสาช็อคไปสามวินาที เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องปลอบใจเขาด้วยคำพูดใดถึงจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้“ผมเป็นลูกชายของมัสซิโม!” ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เธออ่าน...หญิงสาวอ่า