ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เธอกลับรู้สึกกลัวที่จะไปเปิดประตู เพื่อพูดคำโกหกต่างๆ นานา
“ทำไงดีๆ ๆ” เสียงเคาะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมริสาตัดสินใจทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ แล้วเดินออกไปดูที่ประตู เธอมองผ่านช่องตาแมว จึงก็ได้เห็นชายสุดหล่อยืนถือช่อกุหลาบสีแดงแจ๋ “หมอนั่นจริงๆ ด้วย สงสัยจะงานใหญ่ แต่งหล่อพร้อมช่อกุหลาบ”
เมริสาหันหลังให้บานประตู “หรือจะแกล้งทำเป็นไม่มีใครอยู่”
สิ้นสุดคำนั้น ประตูเปิดออก เธอหันหลังขวับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทางอารมณ์ดี แต่พอเห็นหน้าเธอ สีหน้าและอารมณ์เขาก็เปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์แทน
“ไอริสล่ะ”
“คุณเข้ามาได้ยังไง”
เขาชูกุญแจให้ดู ก่อนเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา
“ไปเรียกสุดที่รักของฉันมา”
“ถ้าคุณหมายถึงไอริสล่ะก็...”
“แล้วจะให้หมายถึงใคร”
“เธอไม่อยู่ค่ะ”
เขาขมวดคิ้ว “ไปไหน”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” เธอโกหกอีกแล้ว และการโกหกทุกครั้งในชีวิต เกิดจากไอริสทั้งสิ้น “แต่คงไม่อยู่ราวๆ สองสามวันน่ะค่ะ”
“ได้ยังไง” ชายหนุ่มอารมณ์กราดเกรี้ยวขึ้นทันตา ทำให้หญิงสาวผงะเล็กน้อย เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที เขาฟังครู่หนึ่งก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างอารมณ์เสีย “ปิดเครื่อง หมายความว่าไง ไปไหน ทำไมไม่บอก”
“สงสัยจะเซอร์ไพรส์แฟน”
“ว่าไงนะ”
“เปล่าค่ะ” เมริสายิ้มเจื่อน เวลานี้เธออึดอัดเกินทน อยากจะเข้าไปสูดอากาศหอมๆ ในห้องน้ำต่อ “คุณจะนั่งให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้นะคะแล้วค่อยกลับ”
“ทำไมต้องกลับ ในเมื่อที่นี่เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง เธอคงเป็นแม่บ้านของไอริสสินะ”
“แม่บ้าน!!!” ไม่ใช่สาวใช้แต่เป็นแม่บ้าน เขาจำหน้าเธอไม่ได้เลยเหรอ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน “ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านของคุณไอริส เธอจ่ายเงินเดือนให้ฉันแพงมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวไปทำความสะอาดห้องน้ำต่อเลยนะคะ เพราะหากมัวแต่พูด งานจะไม่เสร็จ ไม่คุ้มกับเงินเดือนค่ะ”
เจ้าหล่อนหันหลังแล้วสะแยะยิ้มด้วยความโมโห หากหายตัวได้เหมือนแฮรี่ พอร์ตเตอร์ เธอคงทำทันที
“หวังว่าล้างห้องน้ำเสร็จ คุณคงกลับไปแล้วนะ” เธอพูดกับตัวเองขณะกลับประจำที่หน้าโถส้วม
ชายหนุ่มคลายเน็คไทออกหลวมๆ เพื่อผ่อนความอึดอัด
“จะไปไหนมาไหนก็น่าจะบอกกันบ้าง”
ร็อกกี้อดบ่นไม่ได้ วันนี้เขาอุตส่าห์เลิกงานเร็ว เพื่อจะกลับมาดินเนอร์กับเธอแท้ๆ
“ล้างห้องน้ำเสร็จแล้ว ทำอาหารให้ฉันกินด้วยนะ” เขาตะโกนเสียงดังเพื่อให้แม่บ้านได้ยิน เสียงตอบรับหวานๆ จากหญิงสาวทำให้เขาแปลกใจ
“ค่ะคุณผู้ชาย”
หญิงสาวสูดลมหายใจดังฟืดฟาดด้วยความโมโห วินาทีนี้ เธอระบายกับใครไม่ได้ นอกจากอ่างอาบน้ำ เธอกระโดดลงไปข้างใน แล้วถูชนิดที่ว่าถ้าเป็นเนื้อคนคงขาดไปแล้ว
“นี่มันเรื่องอะไรของฉันเนี่ย”
เธออยากจะกรี๊ดให้ลั่นตึก ทำงานให้ไอริสยังพอทน แต่ต้องทำให้คนที่เกลียดเธอด้วย มันรับไม่ได้ เธอมั่นใจเลยว่าหมอนี่เพิ่งใช้สายตารังเกียจและดูถูกเธอไปเมื่อสักครู่นี้
“เดี๋ยวก็เอาน้ำยาล้างห้องน้ำทำให้กินหรอก”
“อะไรนะ”
“ว๊าย!!!” เธอตกใจหงายหลังกระแทกกับพื้นอ่างที่เพิ่งขัดจนตัวไถล...โป๊ก!! “โอ๊ย!!!”
ชายหนุ่มแอบยิ้มแวบหนึ่งกับภาพตลกตรงหน้า ก่อนปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม
“เป็นไปได้ไหมที่ไอริสมีงานเดินแบบที่ต่างประเทศ”
นี่เขาสงสัยมากจนถึงขนาดตามมาถามเธอถึงในห้องน้ำเชียวเหรอ แต่ไม่ถามสักคำนะว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า ผู้ชายอะไร คิดจะเป็นสุภาพบุรุษแต่กับผู้หญิงสวยๆ เหรอ
“เป็นไปได้” เจ้าหล่อนกัดฟันกรอด มือหนึ่งจับก้นเอาไว้ อีกมือจับขอบอ่าง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก้าวลงจากอ่าง แล้วยิ้มสดใสแต่นัยน์ตาแค้น “เธออาจมีงานด่วนเลยบินไปปารีส”
“ปารีสเหรอ!!!”
เมริสาหุบปากฉับ “ฉันเดาเล่นน่ะค่ะ ฉันก็แค่แม่บ้าน จะไปรู้อะไรล่ะคะ จริงไหม?”
ชายหนุ่มมองเธออย่างจับผิด “ล้างห้องน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” เธอกัดฟันตอบ “ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันตกใจจนลื่นไถลลงไปในอ่างซะก่อน”
“นั่นสินะ ตัวเธอสกปรกกว่าอ่างน้ำเสียอีก สงสัยต้องขัดใหม่อีกรอบสองรอบ ให้เวลาห้านาที เคลียร์ให้เรียบร้อย แล้วออกไปทำอาหารให้ฉันกิน หิวจะแย่อยู่แล้ว”
หมอนั่นสั่งเสร็จก็เดินออกไป เธออยากจะหยิบถังน้ำมาขว้างตามหลังไปจริงๆ
“ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง จะถูกทิ้งอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว!”
เมริสาทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย เลยเวลาที่เขากำหนดเล็กน้อย เธอล้างมือ ล้างเนื้อตัวและล้างหน้าจนสะอาด เกลี้ยงเกลา นวลเนียน สดใส ก่อนจะมัดผมขึ้นเป็นทรงซาลาเปา เผยลำคอระหงงดงาม
แม่บ้านจำเป็นเตรียมตัวออกไปทำอาหารต่อ เธอเดินเข้าครัว โดยผ่านห้องรับแขก หมอนั่นนั่งดูทีวีอย่างสบายใจที่โซฟาตัวยาวสีแดงเข้ม เขาลืมไปรึเปล่าว่าคนรักหายไป
“คนอะไร เห็นบอล ดีกว่าแฟนตัวเอง” เธอเปิดตู้เย็นออกดู ก็พบเพียงความว่างเปล่า “อะไรกันเนี่ย ยัยนั่นซื้อตู้เย็นไว้ทำไม เสียบปลั๊กไฟไว้เฉยๆ เป็นของประดับห้องว่างั้น น้ำ เบียร์ไม่มีสักอย่าง อยากจะบ้าตาย”
เมริสาสงบสติอารมณ์ แล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขก
“ฉันต้องออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเกต”
“ก็ไปสิ” เขาไม่มองเธอด้วยซ้ำ
“เงินล่ะคะ” หมอนี่ขี้เหนียว ไอริสเพิ่งจะกล่าวถึงสรรพคุณข้อนี้ของเขา “ฉันขอเบิกเงินไปซื้อของสดมาทำอาหารเย็นให้คุณค่ะ”
ชายหนุ่มฟึดฟัดไม่พอใจ เขาปิดโทรทัศน์ แล้วลุกขึ้นยืน
“ไปด้วยกันเลย”
“ห๊า...” หญิงสาวกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ “ฉันว่าคุณรออยู่ที่ห้องดีกว่าค่ะ ฉันไปซื้อแป๊บเดียว”
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไปด้วย เธอเป็นแค่แม่บ้าน ทำตามคำสั่งก็พอ” ชายหนุ่มเดินนำออกไปที่ประตู หญิงสาวคิดว่าจะมีเวลาส่วนตัวลั้นลาที่ซุปเปอร์มาเกตซะอีก เผื่อจะซื้อของใช้ส่วนตัว แต่กลายเป็นว่ามีผู้คุมไปด้วยเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มออกจากห้องไปก่อน หญิงสาวจัดการล็อกประตู เป็นเวลาเดียวกับที่ ชายหนุ่มที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอาศัยข้างห้องเป็นวันแรก กำลังไขประตูห้องเพื่อเข้าข้างใน
“เอ๊ะ...” เมริสาประหลาดใจมากที่เห็นเขาผู้นั้น ชายผู้เย็นชาไร้จิตใจที่ใครๆ ต่างเรียกเขาว่าผีดิบประจำคณะ เขาอยู่เงียบๆ และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ผู้หญิงหลายคนที่พยายามเข้าใกล้เขา แต่ไม่เคยมีใครอยู่กับเขาได้เกินหนึ่งวัน
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาซาดิสม์เกินไป จึงทำให้ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นลูกชายของมาเฟียที่โหดร้ายที่สุดคนหนึ่งของอิตาลีเริ่มมีน้ำหนัก
แต่เธอเคยเอาชื่อและนามสกุลเขามาเสิร์ชหาข้อมูลดู ผลที่ได้คือว่างเปล่า เขาไม่มีประวัติในกูเกิ้ล
ตกลง เขาเป็นใครกันแน่...???
“ไคล์ คาร์โล” คือชื่อของเขา เธอจำได้ขึ้นใจเชียวล่ะ เพราะเขาคือคนที่เธอเฝ้ามองมาตลอดตั้งแต่เข้าเรียนวันแรกจนเธอจบตัวเอง ลาออกในปีที่สอง
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอีก เขาเดินจากมา และตั้งใจจะไม่พบหน้าตาแก่อีก ปล่อยอดีตให้เป็นเรื่องของอดีต เพราะยังไงซะ ก็ไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรเขาต้องอยู่กับปัจจุบัน...และปัจจุบันของเขา มีผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจเดินเคียงข้าง เพราะอย่างนี้ เขาถึงรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และไม่เกรงกลัวว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร“คุณหนูกลับมาแล้ว” มาการ์เร็ตเดินนำรอล่าและเหล่าสาวใช้ออกมาต้อนรับเจ้านายที่หน้าโถงประตูคฤหาสน์ หลังจากเครื่องบินส่วนตัวของชายหนุ่มถลาร่อนลงจอดยังรันเวย์ของไร่ไวน์โรส“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณหนู”เหล่าสาวใช้ยิ้มแย้มยินดี จนกระทั่งเห็นหญิงสาวที่เพิ่งลงจากรถแล้วเดินมาควงแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนมแนบชิดรอล่ายิ้มค้างปากกระตุก “ยัยเมย์!”“เมริสา!” มาการ์เร็ตจ้องมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขยับดวงตาเลื่อนมองชายหนุ่มที่มีสีหน้าอิ่มสุขกว่าทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังนี้ “คุณหนูคะ”“สวัสดีค่ะคุณมาการ์เร็ต คุณรอล่า เพนนีด้วย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สบายดีกันทุกคนใช่มั้ยคะ”“ฉันเดินได้แล้ว เพราะเธอ”“ดีมากเพนนี”“แล้วนี่หล่อนกับ...” มาการ์เร็ตจ้องเมริสาที จ้องคุณหนูของพวกเธอที จนชักจะเวียนหัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไ
“ไคล์ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ อายเขา!”คนมองกันทั้งร้าน หนึ่งในนั้นคือฟรานเชสโก้ เขาแทบไม่ต้องเดาเลยว่าไคล์ ลิมเบอร์สกี้คือผู้ชายที่อยู่ในใจของเมริสามาตลอด เป็นเขาน่ะเอง เจ้าของหัวใจเธอ“ผมไม่ลุก จนกว่าคุณจะตกลง”“งั้นก็ตามใจ ฉันไปล่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นจะเดินหนี แต่ชายหนุ่มกลับรวบสองขาของเธอเอาไว้แล้วกอดแน่น“เมย์จ๋า...ผมรักคุณ ผมรักคุณได้ยินมั้ย ผมรักคุณ”“ฉันรู้แล้ว ฉันได้ยินแล้ว แต่คุณปล่อยฉันก่อนสิ”“ผมจะไม่ปล่อย ผมจะไม่ปล่อยคุณอีกแล้ว ถ้าคุณไม่รับปากว่าจะไปกับผม ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้แหละ”เขากอดแน่น แน่นจนเธอกระดิกตัวแทบไม่ได้ วินาทีนี้ เธออยากจะฆ่าพ่อจอมกะล่อนให้ตายด้วยมือของเธอเลยจริงๆลูกตื๊อของไคล์ได้ผล เพราะเธอไม่อยากให้ร้านกาแฟของ ฟรานเชสโก้เกิดเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ เธอเลยยอมถอดแบบฟอร์มคืนร้านและตามเขากลับมาบ้าน“ผมช่วยเก็บเสื้อผ้านะ”“อืม เก็บเลย เก็บให้หมดนะ อย่าให้เหลือ”“ได้ ผมจัดการให้เอง” เขากระดกคิ้วกวน ๆ ใส่เธอก่อนจะร้องเรียกด้วยเสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน “เดฟ! โรเบอร์โต้!”สองหนุ่มวิ่งรี่เข้ามาอย่างเร็ว เพื่อรอรับคำสั่งเจ้านาย“พวกนายช่วยมาดามเก็บของหน่อยสิวะ”“ชุดชั้นในกับก
เดฟกับโรเบอร์โต้ไม่ออกความคิดเห็น เพียงแต่แอบไปนินทาเจ้านายด้วยกัน ระหว่างที่เดินเวรยามรอบบ้านของหญิงสาว“ทีตัวเอง..ใจโฉดกว่านี้อีก”“เฮ๊ย! อย่าพูดอย่างนั้น ใจโฉดยังน้อยไป อย่างไคล์ เรียกว่าสารเลวเลยดีกว่า”แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จนทำให้ไคล์ที่นอนตบยุงอยู่บนเก้าอี้หน้าบ้านต้องหันมองอย่างแปลกใจ เขาอดคิดไม่ได้ว่าลูกน้องตัวแสบทั้งสองกำลังสมน้ำหน้าเขาอยู่“ฮึ่ม! เมย์นะเมย์ ทำไมทำกับผมแบบนี้!!!”“เมย์...เมย์จ๋า...ที่รัก”ชายหนุ่มนอนละเมอเพ้อหาหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหื่นกระหาย แน่นอนว่าในฝันของเขาคงมีแค่เรื่องลามกเท่านั้น“อ่า...ผม...ผม...ผมรักคุณ...ผมต้องการคุณ ผม..” เขาครวญครางไม่ขาดสาย เพื่อระบายความรู้สึกและอารมณ์ใต้จิตสำนึกอย่างไม่รู้อิ่ม กระทั่งได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ นั่นล่ะ“เจ้านาย! เจ้านายครับ”เสียงนั้นกระทุ้งให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข แปรเปลี่ยนเป็นหน้ายุ่งไร้อารมณ์และหงุดหงิดรำคาญ“เจ้านาย!”“โอ๊ย! เรียกทำไมวะ คนกำลัง...” เข้าได้เข้าเข็ม...แต่เขาพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าตัวเองแค่ฝันไปเท่านั้น เมื่อดวงตาคู่สวยของเขาลืมตื่นขึ้นท่ามกลางแสงแดดรำไร“อ้าว...จริงสิ” แล้วเข
“ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันหิวแล้ว”หญิงสาวเดินนำไปที่โต๊ะเล็ก ๆ สี่ที่นั่ง ซึ่งตั้งติดกับบานหน้าต่างขนาดใหญ่ เปิดรับลมทะเลและทัศนาทิวทัศน์ท้องทะเลสีฟ้าครามได้เต็มตา“บ้านของคุณน่ารักดี แต่ผมอยากให้คุณย้ายไปอยู่กับผม”“ฉันจะอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าจะ...”เขานั่งลงตรงข้ามเธอ ตั้งใจฟังเธอแบบลุ้นระทึก“จนกว่า...อะไร”“แน่ใจว่าใครบางคน กลับตัวกลับใจได้ และเป็นคนดีได้จริงๆ ไม่ใช่แค่สร้างภาพเพื่อเอาใจผู้หญิง”“อ่า...ผมรู้ว่าผมสารเลว แต่สามเดือนที่ผ่านมา ผมก็ถูกลงโทษมาพอสมควรแล้วนะ ผมอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็น ผม...”“ฉันตกนรกยิ่งกว่าคุณอีก”เขาอึ้งไป ก่อนพูดเสียงค่อยออกมา “ผมขอโทษ”“ฉันร้องไห้ทุกคืน”“ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันเจ็บปวด”“คนอย่างคุณจะรู้ได้ยังไง”“ผมก็...” เขาหยุดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะยอมพูดออกมา แม้จะอายแค่ไหนที่ต้องพูด “ผมก็ร้องไห้เหมือนคุณน่ะแหละ ผมเกลียดตัวเองที่ร้องไห้เพราะคุณ ผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร”“ว่าไงนะ” แล้วเธอก็หัวเราะ ยิ่งทำให้เขาอายไปกันใหญ่ “คุณเนี่ยนะร้องไห้ ฉันไม่เชื่อหรอก”“ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่มันไม่ตลกนะ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยร้องไห้ให้ใคร เข้าใจไว้ด้วย”เขาทำท่าโมโ
“แต่ขอเรื่องเดียว คุณห้ามให้คนอื่นจีบ นอกจากผม”“ไม่ให้ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องจีบสิคะ ฉันมีตัวเลือกเยอะแยะ ดีกว่าคุณก็มี” หญิงสาวยิ้มร่า เย้ยหยัน การคุมเกมนี่มันดีอย่างนี้เอง เธอหันหลังให้เขา เดินนำหน้าเขาไปหลายก้าว“เมย์....เมริสา! ผมบอกให้...”“หยุด!” เธอหันกลับมาชี้หน้าเขาตรง ๆ สายตาของหญิงสาวกดข่มให้เขารู้สึกตัวเล็กลงอย่างไม่รู้ตัว “ห้ามออกคำสั่งกับฉัน ฉันไม่ใช่ทาสคุณ”“ครับ...ครับ ผมขอโทษ”“ฉันจะพักผ่อนละ คุณกลับไปได้แล้ว”“ได้ไง ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณอีกเยอะแยะเลย”“ไม่ใช่ตอนนี้ นี่เป็นเวลาส่วนตัวของฉัน ฉันเหนื่อยเข้าใจมั้ยไคล์ คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันเพิ่งผ่านเหตุการณ์อะไรมา คิดสิคิด”“เอ่อ...ครับ ผมจะคิดให้เยอะกว่านี้”“ไม่ใช่คิดให้เยอะ แต่คิดให้ถูก คิดให้เป็น หัดเอาใจคนอื่นมาใส่ใจเราบ้าง อย่าคิดแต่เรื่องของตัวเอง”โอ้ว...เขากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ...นี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาใช่มั้ย???“ครับเมย์...ผมเข้าใจแล้ว งั้นระหว่างที่คุณพักผ่อน ผมจะให้ลูกน้องเดินสำรวจตรวจดูรอบ ๆ บริเวณบ้านคุณนะ แล้วก็คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ย ผมจะได้ให้เดฟไปซื้อ...”“ทำไมต้องใช้
“ผมเข้าใจแล้ว...” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วหลับตานิ่ง ไว้อาลัยให้กับคำตอบที่เขากระสันอยากรู้เสียเหลือเกิน “ผมเข้าใจแล้วครับคุณแม่...”เมริสาเดินกลับมาหาเขา เธอจับมือที่เย็นเยือบของเขาไว้ สายตาห่วงใยอย่างที่สุด เขาถอนหายใจซ้ำๆ ก่อนจะยิ้มให้เธอ ดวงตาสีมรกตแดงก่ำ วินาทีนั้น เหมือนเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาเลือกไม่พูด“อ่า...” เขาดึงร่างเธอไปกอดแน่น เธอกอดตอบร่างใหญ่หนาที่สะอื้นนั้นไว้ ฝ่ามือนุ่มลูบแผ่นหลังเขาช้าๆ เพื่อปลอบโยน“มันจบแล้วไคล์”“คุณไม่อยากรู้เหรอ ว่าในล็อกเก็ตมีอะไร”เขาผละใบหน้าที่เปื้อนความเศร้านั้นออกมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เธอส่ายหน้า“ฉันไม่สนใจอดีต เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้นะไคล์ วันนี้กับวันพรุ่งนี้ต่างหากที่สำคัญ”“แต่เรามีวันนี้ได้เพราะอดีต” เขาพูดเสียงจริงจัง“คุณไม่คิดจะลืมมันจริงๆ เหรอ” เธอผิดหวังเล็กๆ“ผมจะลืมความจริงได้ยังไง เรื่องที่ผมเป็นลูกชายแท้ ๆ ของ...เซบาสเตียน!”เมริสาช็อคไปสามวินาที เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะต้องปลอบใจเขาด้วยคำพูดใดถึงจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาได้“ผมเป็นลูกชายของมัสซิโม!” ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เธออ่าน...หญิงสาวอ่า