LOGINเขาคือผัวเก่าที่จ้องจะยึดตำแหน่งผัวใหม่ และทวงหน้าที่พ่อของลูกคืน 'ผัวเก่า' ก็แค่สถานะในอดีต!
View Moreเลิก คือคำสั้น ๆ ที่พูดเบา ๆ ก็สามารถทำให้คนฟังเจ็บได้ อารีรัตน์ก็รู้สึกเช่นนั้น
การแต่งงาน มีลูก และอยู่ด้วยกันมาหลายปีไม่ได้การันตีว่าชีวิตคู่ของเราจะยืนยาวตลอดไป ประโยคนี้เธอเคยได้ยินและได้เห็นจากชีวิตคู่ของใครหลาย ๆ คน แต่ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับชีวิตคู่ของเธอ
เมื่อคำว่าครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการและเขาต้องการอิสระของตัวเองคืน เธอก็จะยินดีคืนให้แม้ต้องส่งคืนไปด้วยหัวใจที่แตกสลายก็ตาม...
เสียงเจื้อยแจ้วดังระงมไปทั่วร้านพิซซ่าฟอร์ซ่า ร้านพิซซ่าเปิดใหม่และกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ ด้วยความที่ร้านมีพื้นที่ใหญ่โตสามารถรองรับลูกค้าได้เป็นจำนวนมากและมีพื้นที่จัดเป็นส่วนของเด็กเล็ก มีของเล่นและเครื่องเล่นที่ได้มาตรฐาน ทำให้กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการส่วนมากจะเป็นกลุ่มครอบครัวตั้งแต่สามคนไปจนถึงครอบครัวขนาดใหญ่
และเพราะร้านพิซซ่าฟอร์ซ่ามีระบบรักษาความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ พิซซ่าอร่อย ขนมหวานหลากหลาย มีแอลกอฮอล์นำเข้าและร้านกำลังมาแรง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่คุณพ่อดีเด่นอย่างเขา จะเหมาทั้งร้านเพื่อจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวสุดที่รัก
อินทัช จัญญาภิวัฒน์ หรือ โอบ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าและส่งออกเครื่องหอม น้ำมันหอมระเหยสำหรับทำสปา อายุ 32 ปี เป็นหนุ่มหล่อไฟแรงสถานะแน่นอนว่าไม่โสด เพราะวันนี้เขาคือคุณพ่อที่จัดแจงเหมาร้านพิซซ่าเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดให้ลูกสาว
“ปะป๊า น้องอันหิวน้ำค่ะ” ลูกสาวตัวน้อยรีบวิ่งมาเกาะขาคุณพ่อของเธอพร้อมส่งสายตาออดอ้อนน่ารัก
เด็กหญิง อันนา จัญญาภิวัฒน์ หรือ น้องอันนา อายุ 3 ขวบ น้องอันนาเป็นเด็กน้อยช่างพูดช่างจา นิสัยติดไปทางขี้เล่นและขี้งอน น้องอันนาเป็นเด็กน่ารักมีอัธยาศัยดีและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เธอไม่ค่อยกลัวใครและชอบแบ่งปันขนมกับของเล่นให้เพื่อนที่มาเล่นด้วยกันเสมอ เห็นแววเป็นเด็กชอบเข้าสังคมแต่เล็กเลยทีเดียว
“แล้วคุณแม่ละครับน้องอัน” อินทัชย่อตัวลงแล้วอุ้มลูกสาวขึ้นมา หอมแก้มกลม ๆ ไปหนึ่งฟอดใหญ่ก่อนจะจัดการปาดเหงื่อที่เปียกชุ่มไปทั่วใบหน้าและศีรษะของอันนา เช็ดเหงื่อให้ลูกสาวไปสายตาก็เลื่อนไปสบเข้ากลับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเดินยิ้มสวยตรงเข้ามาหาเขาและเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น แม่ของลูก
“น้ำอยู่นี่ค่ะน้องอัน”
“คุณแม่มาแล้ว” อันนาฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจพร้อมยื่นมือไปรับแก้วน้ำที่คุณแม่ของเธอนำมาให้ ยกขึ้นดื่มด้วยท่าทางที่สดชื่นสุด ๆ ก่อนจะดิ้นขลุกขลักเล็กน้อยเหมือนต้องการจะบอกคุณพ่อว่าเธออยากกลับไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ต่อแล้ว
อินทิชก็ไม่ได้ขัดใจเขายอมปล่อยตัวลูกสาวลง ยืนมองจนเห็นว่าอันนาวิ่งเข้าไปร่วมกับกลุ่มเพื่อนของเธอแล้วจึงหันมามองหน้าภรรยาด้วยสายตานิ่งเฉย สายตาที่อีกคนเริ่มสัมผัสได้ถึงความเฉยชาของเขามาระยะหนึ่งแล้วเพียงแต่...เธอเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็น
อารีรัตน์ อนันต์ธนะเดช หรือ เอิร์น อายุ 29 ปี เป็นหญิงสาวหน้าตาสวยหวาน มองแล้วเหมือนกำลังมองขนมเค้กที่ถูกทำขึ้นอย่างพิถีพิถัน น่ากิน อินทัชมักจะเปรียบเธอแบบนั้นตลอด และที่เขาคิดก็ไม่ได้เกินจริงเพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เลี้ยงดูประดุจลูกคุณหนูแต่อารีรัตน์ไม่เคยทำตัวเอาแต่ใจเลย เธอก็คือผู้หญิงปกติทั่วไปคนหนึ่งที่เติบโต มีความรัก แต่งงานและเลี้ยงลูก
“วันนี้ลูกของเรามีความสุขมากเลยค่ะพี่โอบ”
เธอเริ่มบทสนทนากับสามีก่อนเพราะเห็นว่าเขายังมองหน้าเธอนิ่งแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักคำ สายตาของเขามีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น อะไรบางอย่างที่อารีรัตน์รู้สึกได้ ว่าเป็นเรื่องที่สร้างความหนักใจให้กับสามีของเธอแต่มันแย่ตรงที่เธอไม่รู้ว่าจะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้อย่างไร
“อืม” มีเพียงแค่นั้นที่อินทัชตอบกลับไป สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทอดสายตามองไปยังลูกสาวตัวน้อยแล้วค้างสายตาไว้ตรงนั้นเพียงครู่ เมื่ออินทัชตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เขาจึงหันกลับมาหาอารีรัตน์
“เอิร์น พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย” อินทัชเอ่ยบอกแล้วออกเดินผ่านหน้าภรรยาของตัวเองไป ก่อนจะหันมาพูดกับเธออีกครั้งว่า
“ตามลำพัง”
“ค่ะ พี่โอบ” แม้อารีรัตน์จะเกิดความสงสัยขึ้นในใจแต่ก็ยอมเดินตามหลังสามีของเธอไป โดยไม่ลืมหันไปส่งสายตาบอกมินตราเพื่อนสนิทของเธอที่วันนี้ใจดีมาช่วยดูแลเด็กๆ ในงานวันเกิดอันนาด้วย ซึ่งเพียงสบตามินตราก็พยักหน้าตอบรับให้อารีรัตน์รู้ ว่าเธอจะคอยมองอันนาให้เองไม่ต้องเป็นห่วง
เมื่อเห็นดังนั้นอารีรัตน์จึงสบายใจขึ้นและเริ่มเดินตามหลังอินทัชไปเงียบ ๆ เธออยากก้าวให้เร็วกว่านี้เพื่อจะได้ขึ้นไปเดินข้าง ๆ สามี แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งเธอก้าวยาวมากขึ้นเท่าไหร่ก็เหมือนกับว่าเขาก้าวห่างจากเธอมากขึ้นเท่านั้น จากที่อยากเดินเคียงข้างอารีรัตน์ขอยอมแพ้แล้วเดินตามหลังเขามาเรื่อย ๆ จนในที่สุดอินทัชก็พาเธอเดินออกไปยังหลังร้าน พื้นที่ตรงนี้ปลอดคนและมีเพียงลังกระดาษวางอยู่เท่านั้น
“พี่โอบมีอะไรหรือเปล่าคะ เอิร์นเห็นพี่โอบทำหน้าเครียด ๆ มาหลายวันแล้ว” เป็นอีกครั้งที่เธอเริ่มถามเขาออกไปก่อนและที่ถามก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วงทั้งนั้น
“คือพี่...”
มีสิ เขามีเรื่องเครียดที่เกี่ยวกับเธอโดยตรงเลยละ และที่อินทัชทำตัวตึง ๆ ใส่เธอมาหลายวันก็เพราะเขาพยายามคิดหาคำพูดดี ๆ ที่จะพูดออกไปแล้วสร้างความเจ็บปวดให้อารีรัตน์น้อยที่สุด กว่าเขาจะหาคำพูดได้มันไม่ง่ายเลยนะแต่พอถึงเวลาที่จะต้องพูดจริง ๆ มันกลับยากยิ่งกว่าการคิดไปเยอะมาก
“พี่โอบเครียดเรื่องงานใช่ไหมคะ ระบายให้เอิร์นฟังได้นะ เอิร์นพร้อมช่วยพี่โอบคิดทุกอย่างเลยค่ะ”
อารีรัตน์รีบเสนอตัวด้วยความยินดีเธอพร้อมอยู่ข้างเขาไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เธอเลือกผู้ชายคนนี้เป็นสามีแล้วและเธอรักเขามานานมาก ๆ ความรักที่เธอมีต่ออินทัชไม่เคยลดน้อยลงและอารีรัตน์ตั้งใจไว้แล้ว ว่าเธอจะเป็นภรรยาที่ดีของเขา นอกจากงานบ้านแล้วเธอจะต้องเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้สามีด้วย
“ขอบใจนะเอิร์น แต่ไม่ใช่เรื่องงาน”
“แล้ว เรื่องอะไรเหรอคะ” พอเขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องงาน หัวคิ้วเรียวสวยก็เริ่มขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
“พี่อยากเลิก...” อินทัชพูดออกมาในที่สุด เขาพูดออกมาเพียงเท่านั้นแล้วค้างไว้เพื่อต้องการสังเกตปฏิกิริยาของอารีรัตน์ เธอยังคงมองหน้าเขาด้วยดวงตาทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“เลิก พี่โอบหมายถึงเลิกอะไรเหรอคะ?” หรือว่าเขาหมายถึงอยากให้งานวันเกิดของลูกผ่านไปโดยเร็วหรือเปล่า อารีรัตน์คิดแบบนั้นเพราะปกติแล้วสามีของเธอไม่ชอบอยู่ในที่ที่ต้องมีคนแออัดเยอะ เขาถึงได้ยอมเหมาร้านพิซซ่าเพื่อที่จะได้เชิญแขกมางานวันเกิดลูกได้ในจำนวนที่อินทัชพอใจจะให้มาเท่านั้น
“ถ้าเป็นงานเลี้ยงวันนี้ รออีก 15 นาทีนะคะพี่โอบ เดี๋ยวก็ได้เวลาเป่าเค้กวันเกิดของอันนาแล้วค่ะ”
“พี่ไม่ได้หมายถึงงานวันเกิดของลูก”
“ถ้าไม่ใช่งานวันเกิดของลูก แล้วพี่โอบหมายถึงอะไรเหรอคะ”
อินทัชมองลึกเข้าไปในดวงตาของอารีรัตน์และมองสำรวจไปทั่วดวงหน้าหวานของเธอ ใบหน้าที่มองมุมไหนก็น่ารักและเคยทำให้เขาพอใจและรู้สึกโชคดีที่ได้เมียสวย แต่บางทีความสวยและแสนดีก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับอินทัช
“พี่อยากเลิกกับเอิร์น”
“...คะ?”
ไม่รู้ว่าหูดับไปแล้วหรือว่าอะไรแต่อารีรัตน์ขอให้สิ่งที่เธอได้ยินนั้นก็แค่หูฝาดไป เธอพยายามคิดแบบนั้น แต่แล้วก็เป็นคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอที่ยืนยันสิ่งที่เธอได้ยินออกมาอีกครั้งจากปากของเขาเอง
“พี่ต้องการเลิกกับเอิร์น พี่ไม่อยากใช้ชีวิตแบบครอบครัวกับเอิร์นอีกแล้ว”
“เออเอิร์น เรื่องโรงเรียนมินถามผอ.ของโรงเรียนแล้วนะ เขาบอกว่ายังเปิดรับนักเรียนอยู่ พรุ่งนี้ไม่ก็มะรืนนี้เอิร์นพาอันนาไปสมัครเรียนได้เลยนะจ๊ะ” มินตราพูดด้วยความตื่นเต้นพร้อมส่งเบอร์โทรศัพท์ของโรงเรียนอนุบาลให้อารีรัตน์ ‘โรงเรียนอนุบาลเติมฝัน...ผอ.ปณิธาน’“ดีจัง เอิร์นขอบใจมินมากเลยนะที่เป็นธุระเรื่องนี้ให้ อันนาต้องดีใจมากแน่ ๆ ที่จะได้เรียนโรงเรียนเดียวกันกับตังเม”คนเป็นแม่ที่มีลูกเกิดใกล้ ๆ กันก็พากันตื่นเต้นที่จะต้องหาโรงเรียนให้ลูกสาว ทางด้านอารีรัตน์จะตื่นเต้นและค่อนข้างเครียดเรื่องโรงเรียนมากหน่อยเพราะเดิมทีวางแผนไว้จะให้อันนาเรียนโรงเรียนนานาชาติใกล้บ้านนั่นคือความคิดก่อนหน้าที่อินทัชจะขอเลิกกับเธอ ตอนนี้แผนทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดและยอมรับเลยว่าเรื่องหาที่เรียนให้ลูกทำเอาอารีรัตน์นอนหลับไม่สนิทมาหลายคืน และเธอยังมีความโชคดีอยู่บ้างที่มีเพื่อนดีหากไม่ได้มินตราเป็นธุระเรื่องโรงเรียนให้อารีรัตน์ก็ยังคิดไม่ตกว่าจะไปหาโรงเรียนที่เชื่อถือได้จากที่ไหน“โรงเรียนอนุบาลเติมฝันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กเล็กที่มินคิดว่าที่ดีสุดในย่านนี้แล้ว เรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของบุคลากรในโรง
“แล้วดีพอในความหมายของมึงคือแบบไหนวะ แบบไหนที่เรียกว่าดี”“แบบกูไง” ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าที่บีบเกือบร้าวขึ้นมาดื่มต่อ“เหรอ ฮ่า ๆ โทษทีนะที่กูขำ” ชัชชัยอดขำพรวดออกมาไม่ได้ จะพูดว่าไงดีละ เขาคิดว่าเพื่อนของเขากำลังเยินยอตัวเองมากเกินไปหน่อย“ขำอะไรของมึงวะ นี่กูพูดจริง ๆ นะ ไม่มีใครดีสำหรับเอิร์นได้เท่ากูอีกแล้ว” ตั้งแต่เด็กก็ไม่เห็นจะมีผู้ชายคนไหนที่ดูจะเป็นคนดีในสายตาของอินทัช เพราะเหตุนี้ไงเขาถึงยอมเสียสละตัวเองมาแต่งงานกับอารีรัตน์“ถ้ามึงดีนักแล้วขอเลิกกับเขาทำไมวะ”“เอ้า ก็กูไม่ได้รักเอิร์นไงมึง คนขอเลิกมันก็จะมีกี่เหตุผลกันวะ แล้วกูก็บอกเอิร์นดี ๆ กูไม่ได้นอกใจหรือทำเรื่องเลว ๆ แล้วถึงมาขอเลิกเว้ย”“เออครับ มึงมันคนดี ประเสริฐจนยากจะหาชายใดมาเทียบได้ แล้วมึงได้ถามเขาไหม”“ถามอะไรวะ”“มึงเคลมว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับน้องเอิร์น แล้วมึงได้ถามเขาไหมว่าในสายตาของเอิร์นมึงดีขนาดนั้นหรือเปล่า กูว่านะตอนนี้น้องเอิร์นคงมองว่ามึงเหี้ย...”“เฮ้ย ไอ้ชัช มึงหลอกด่ากูเหรอ”ไอ้เพื่อนเวร คนกำลังเคลิ้มและหลงใหลไปกับความดีในความคิดของตัวเองอยู่ แต่ไอ้นี่มันมาพูดซะความดี
“อืม...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด เอียงคอไปด้วยขณะที่กำลังใช้ความคิดทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำถามและหาคำตอบเพื่อตอบคุณแม่ของเธอ“ปะป๊าทำงาน งานยุ่งมาก”เป็นเรื่องที่อันนาคุ้นชินมาตั้งแต่เธอเริ่ม ๆ จำความได้ เวลาทั้งวันเธอจะอยู่กับคุณแม่มากกว่าเพราะรู้ว่าที่ปะป๊าต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับเข้ามาตอนค่ำ ๆ ก็เพราะออกไปทำงานและถ้าวันไหนปะป๊าของอันนากลับช้ากว่าปกติคุณแม่ก็จะบอกว่าปะป๊างานยุ่งมากทำให้กลับบ้านช้า และอันนาจะได้เจอหน้าปะป๊าในเช้าวันถัดไป ปะป๊าจะคอยที่โต๊ะทานข้าวเพื่อรอป้อนมื้อเช้าให้เธอเสมอ“น้องอันไม่โกรธค่ะ เพราะปะป๊าทำงานหนักเพื่อดูแลน้องอันกับคุณแม่” คำตอบของอันนาทำให้อารีรัตน์ต้องอมยิ้มและรู้สึกเบาใจที่ลูกสาวเข้าใจว่าปะป๊าทำงานหนักก็เพื่อลูกคนนี้และดีใจมากที่อันนาจะไม่โกรธปะป๊า“วันนี้ปะป๊าก็งานยุ่งเหรอคะคุณแม่” เปลี่ยนมาเอียงคออีกข้างแล้วถามคุณแม่กลับไปบ้าง สีของท้องฟ้าทำให้อันนารู้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่เธอต้องได้เจอหน้าปะป๊าแล้วแต่ก็ยังไม่เจอ ทำให้เด็กน้อยเข้าใจไปเองว่าที่ปะป๊ายังไม่กลับมาก็เพราะปะป๊างานยุ่ง“จ้ะ” อารีรัตน์เลือกที่จะตอบเออออไปในทางที่ลูกสาวของเธอกำลังเข
“พรุ่งนี้เอิร์นเข้าไปเริ่มงานได้เลยนะ มินบอกพนักงานในคาเฟ่ไว้แล้วว่าเอิร์นจะเข้าไปเป็นผู้จัดการร้าน มีอะไรสงสัยหรือติดปัญหาอะไรก็ถามทุกคนในร้านได้เลย น้อง ๆ นิสัยดีทุกคนเพราะมินคัดมาเองกับมือ”มินตราพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่อารีรัตน์จะเข้ามาเป็นผู้จัดการคาเฟ่ให้เธอ คาเฟ่ของมินตราเป็นร้านกาแฟขนาดกลาง ไม่เล็กมากแต่ก็ไม่ใหญ่โตจนเกินไป เธอพึ่งเริ่มเปิดมาได้หกเดือนเท่านั้นยังจัดว่าเป็นมือใหม่ แม้จะยังมือใหม่ก็ถือว่าเป็นร้านคาเฟ่ที่พึ่งเปิดแต่มีลูกค้าประจำหนาแน่น“ขอบคุณมาก ๆ เลยนะมิน ถ้าเอิร์นไม่มีมินก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี”อารีรัตน์พูดจากใจจริงและรู้สึกขอบคุณเพื่อนรักคนนี้มาก ๆ มินตราจะเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือเธอในเวลาที่ทุกข์ใจเสมอ อิงค์น้องของอินทัชก็ด้วยแต่ว่าตอนนี้อิงค์ทำงานอยู่ที่อเมริกาไทม์โซนต่างกันทำให้ไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ แต่มินตราจะอยู่ใกล้เธอมากกว่าและอาจจะเพราะว่าเราเป็นคุณแม่เหมือนกัน เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็มักจะเข้าใจกันได้ในทันทีโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา“ตอนนี้เอิร์นทำใจให้สบายนะไม่ต้องคิดอะไรมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไร





