ใบหน้าที่เลอะเทอะคราบน้ำตาสะอื้นเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามด้านนอกตัวบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่กุ๊กไก่โทรเข้ามาหา เธอพยายามหยุดร้องไห้และกดรับโทรศัพท์ของเลขา
"จ้ะ ว่าไงกุ๊กไก่"
"พี่คะ คุณแม็กโอเคไหมคะ"
"ทำไมคนพรรค์นั้นต้องไม่โอเคด้วยล่ะ"
"นี่คุณแม็กยังไม่ได้บอกพี่เหรอคะ เฮ้อ!...พ่อพระจริง ๆ ชอบปิดทองหลังพระตลอด"
"เธอพูดอะไรพี่ไม่เห็นเข้าใจ"
"ก็คุณแม็กกับมือขวาร่างยักษ์มาหาฉันที่โรงแรม บอกว่าจะมาเอาสัมภาระของพี่ แต่อยู่ดี ๆ ยัยปีศาจฟีโอน่า ก็โผล่พรวดมากับคุณเบลค อาเวนชี่เฉยเลย"
"เธอหมายถึงพ่อของเขาน่ะเหรอ"
"ใช่ค่ะ แถมคนของพ่อเขายังจับคุณแม็กลากไปแบบถูลู่ถูกัง พาเข้าไปห้อง ๆ หนึ่งในโรงแรม ฉันเห็นว่าเขาหายเงียบไป กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี ก็เลยโทรตามคุณฮัลค์ที่บอกว่าจะแวะไปซื้ออาหารแมว หลังจากที่คุณฮัลค์มาถึงก็รีบเข้าไปเจรจาพาตัวคุณแม็กออกมา แต่ฉันก็ยืนดูอยู่พักใหญ่กว่าพวกเขาจะกลับออกมา แถมสีหน้าคุณแม็กก็ดูไม่ค่อยดี"
"ตกลงเธอรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น"
"ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ คุณแม็กไม่ยอมเล่า แต่มันคันปาก ตะกี้ก็เลยโทรหาคุณฮัลค์เพื่อถามตรง ๆ คุณฮัลค์บอกว่าก่อนวันที่คุณแม็กจะมาฟอร์ทเมสันกับยัยฟีโอน่านั่น คุณแม็กโทรไปเจรจาเรื่องไม่ให้นังงูพิษนั่นถอนตัวจากการเป็นสปอนเซอร์ให้สถาบันของพี่"
เดมี่แทบเข่าทรุด ไม่คิดว่าคนที่ปากบอกเกลียดเธอแต่มักจะทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำพูดเสมอ เช่น คอยปกป้องเธออย่างลับ ๆ
"แล้วยังไงต่อกุ๊กไก่"
"หลังจากนั้นฟีโอน่าก็ต่อรองโดยการขอให้คุณแม็กยอมเป็นแฟน โชคร้ายที่คุณแม็กไม่ตกลง แต่จะยอมเดินทางไปกับฟีโอน่าที่ฟอร์ทเมสันแทนเพื่อให้นังประสาทนั่นสบายใจ แต่อีงูเห่าตัวร้ายก็อิจฉาเพราะเห็นคุณแม็กเอาแต่ดูแลพี่" กุ๊กไก่เล่าเป็นช่องเป็นฉาก
"ร้ายชะมัดนังนี่มันยิ่งกว่างูเห่าอีก มันคือผีห่าซาตาน" ดารินธิราเปรียบเทียบความเลวร้ายของคู่ค้า
"แล้วพี่รู้ไหมว่ายัยนั่นทำไงต่อ สุดท้ายแม่นั่นก็เลยโทรหาพ่อของนางที่มีหุ้นอยู่ในบริษัทเบลค คอร์ปเปอเรชั่น พ่อนางเลยขู่ว่าจะถอนหุ้นทิ้ง ถ้าพ่อคุณเบลคไม่เป็นฝ่ายมาเจรจาให้คุณแม็กคบกับลูกสาวขี้วีน นี่ก็เลยเป็นเหตุให้คุณเบลควิ่งหน้าตาตื่นมาบังคับให้ลูกชายสมยอมนังงูพิษนั่น"
"ที่แท้เรื่องก็เลวร้ายขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อกี้พี่ก็เพิ่งจะอารมณ์เสียใส่เขาไปหมาด ๆ ด้วย"
"โธ่ พี่เดมี่ เชื่อกุ๊กไก่เถอะค่ะ ว่าคนที่เกลียดเราที่สุดเนี่ย ก็คือคนที่รักเราที่สุด บางทีการแสดงออกอาจจะดูฝืนกับสิ่งที่พูด แต่ที่คุณแม็กทำ เขาทำเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายไม่เดือดร้อน ทั้งทางครอบครัวของเขา และครอบครัวพี่"
"พี่เข้าใจแล้ว ยังไงก็ขอบคุณเธอมากนะกุ๊กไก่"
ท่ามกลางเสียงสายฟ้าฟาดรุนแรง เสียงเคาะประตูของบ้านสีลูกกวาดดังขึ้น
หลังจากที่เธอเพิ่งกระจ่างแจ้งเรื่องของแม็กนัส อาเวนชี่ หญิงสาวสังเกตุเห็นชายสามคนยืนอยู่หน้าประตูบ้าน เธอเห็นฮัลค์เดินออกมาคุยที่ระเบียงหน้าบ้าน
ทว่ากลับถูกชายคนหนึ่งชกล้มไปกองกับพื้น จังหวะเดียวกันก็เห็นแม็กนัสวิ่งถลาออกไปรับกำปั้นของชายร่างใหญ่อีกคน เขาต่อสู้กันพัลวัน ร่างของเขากระเด็นออกไปจากชานหน้าบ้านจนเปียกโชกด้วยเม็ดฝน
"หรือจะเป็นคนที่พ่อเขาส่งมา"
ดารินธิรากระซิบกับตัวเองคว้าหยิบเสื้อฮู้ดสีดำตัวหนาในตู้มาสวมทับชุดนอน แล้ววิ่งลงไปข้างล่างด้วยความวิตกกังวล ขณะที่ชายคนหนึ่งที่ถือร่มสีดำอยู่นั้นเดินเข้าไปกระชากตัวของแม็กนัสขึ้นมาให้ลูกน้องชายชุดดำอีกสองคนล็อคแขนของเขาไม่ให้ขยับเขยื้อน
ทันใดฝ่ามือของชายที่อยู่ใต้คันร่มก็ฟาดลงมาที่ใบหน้าคมขาวของกรอบหน้าขาวจนสะบัดเหวี่ยงไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ และเตรียมง้างขึ้นมาตบหน้าของเขาซ้ำอีกรอบ
ภาพนี้มันเหมือนกับเดจาวูซะเหลือเกิน ช่างเหมือนกับตอนที่น้าสาวของเธอทำกับแม่แล้วเธอพุ่งเข้าไปรับฝ่ามือนั่นแทน
เช่นเดียวกับช่วงเวลาอันมืดมนนี้ เธอจะทำแบบเดิมอย่างที่เคยทำ จะไม่ยอมให้คนที่แสนดีกับเธอต้องเจ็บปวดอยู่เพียงฝ่ายเดียวอีก
เผียะ!!!!
ใบหน้าของดารินธิราสะบัดหัน ขณะที่ดวงตาสีเข้มของแม็กนัสเบิกโพลงด้วยความตกใจ ทำไมเธอถึงวิ่งมารับฝ่ามือนี้แทนเขา
ทำไมถึงต้องลงทุนเจ็บตัวเพื่อเขา
"เดมี่!!!"
เสียงเข้มร้องเรียกชื่อของหญิงสาว ดารินธิราตวัดใบหน้าที่เจ็บแปลบและแสบมาที่เจ้าของฝ่ามือหนักที่ฉาบลงบนแก้มของเธอ
ไม่นึกเลยว่าคนที่โหดเหี้ยมทารุณ จะเป็นผู้ที่ให้กำเนิดอัจฉริยะที่คนทั่วโลกชื่นชม
"คุณเบลค!! ทำไมคุณต้องทำกับลูกตัวเองขนาดนี้ เขาเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณนะคะ"
"เพราะมันเป็นลูกแท้ ๆ ไง ฉันจึงทำอะไรกับมันก็ได้ เธอมันเป็นแค่คนนอก อย่ามาสอดเรื่องพ่อลูกเลยจะดีกว่า"
"ผมว่าคุณหยุดเท่านี้เถอะครับ คุณเบลค"
เสียงเข้มของชายหนุ่มคนหนึ่งโพล่งดังเข้ามาในความมืด ร่างสูงใหญ่ของเขาที่อยู่ใต้ร่มสีแดงขัดกับรูปร่างทำให้ทุกคนต่างมองไปที่เขาด้วยความแปลกใจ
ป้ายตราสัญลักษณ์พื้นสีน้ำเงินบ่งบอกถึงสถานะของชายลึกลับที่โผล่มายามค่ำคืนที่พายุบ้าคลั่งนี้ ทำให้เบลค อาเวนชี่ และลูกน้องคนอื่น ๆ ปล่อยมือจากตัวของน้องเล็กแห่งสมาคมลับทันที
"แกอย่านึกนะว่ามีพรรคพวกเป็นถึงซีไอเอจะรอดพ้นจากพ่ออย่างฉันไปได้ กลับ!!!" เขาขู่ลูกชาย แล้วจากไปพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนอย่างรีบร้อนเนื่องด้วยกลัวอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ของ เซท เอร์โดอัน
ดารินธิราไม่ได้สนใจว่าคนที่มาช่วยแม็กนัสจะเป็นใคร แต่เธอรู้สึกขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งที่ช่วยผู้ชายหัวรั้นคนนี้
หญิงสาวเข้าไปประคองเขาขึ้นมา แล้วพยุงให้นั่งที่เก้าอี้หน้าบ้าน ขณะที่ชายร่มแดงเดินตามมาส่งแล้วยื่นถุงขนมส่งให้กับเธอ
"น้องคงเป็น ดารินธิรา ธนินกุลใช่ไหม"
"ค่ะ คุณ..." ทำหน้างงพักหนึ่งแล้วรับถุงขนมมา
"พี่ชื่อ เซทนะ เป็นพี่ใหญ่ของไอ้หมอนั่น พอดีพวกเราทำงานด้วยกันมานานก็เลยนับถือแบบพี่น้องร่วมสาบาน"
"เหรอคะ ดีจัง แล้วพี่เซททำงานอยู่ใกล้ ๆ นี่เหรอคะถึงโผล่มาได้ทันเวลาพอดิบพอดี"
"พี่แค่แวะมาหาช็อกโกแลตกินเฉย ๆ ยังไงก็ฝากดูแลเจ้าแม็กด้วยนะครับ ขอตัวก่อน กินขนมให้อร่อยนะครับ"
"เอ่อค่ะ ลาก่อนนะคะ" ดารินธิรายิ้มเผล่ แล้วเอานิ้วชี้เขี่ยที่แก้มของตัวเองแบบงุนงงไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่เขาพูดเท่าไร แต่ก็ยอมรับถุงขนมมาจากชายชื่อเซท โดยไม่ปฏิเสธ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งหน้าตาปูดบวมอยู่อย่างเงียบเชียบ
"ผมว่าคุณเดมี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่านะครับ เปียกฝนมาเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก" ฮัลค์บอกหญิงสาว ทว่าเธอก็ยังคงเขม็งมองดวงตาที่แข็งขืนของแม็กนัสอยู่
เพื่อทำให้เขาเปิดปากพูดอะไรสักคำ แต่จะบังคับให้เขาพูดความจริงตอนนี้ก็คงไม่ทันการ เพราะอีกวันเดียวเขาก็จะจากเธอไปแอฟริกาใต้
แถมยังไปแบบไม่มีกำหนดกลับ ดังนั้นเธอต้องเคลียร์เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นคงหมกหมุ่นแล้วไม่เป็นอันทำอะไรแน่
"ฉันจะพาคุณแม็กนัสไปอาบน้ำด้วยได้มั้ยคะ....คุณอนุญาตหรือเปล่าคุณฮัลค์?"
ใบหน้าขาวคมที่เอาแต่แน่นิ่งเฉยชา เบิกดวงตากว้างและมองเข้าไปภายในดวงตากลมโต ที่เอื้อนเอ่ยประโยคที่เขย่าหัวใจให้สั่นแรงหลายริกเตอร์อย่างไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ
เพราะเธอกำลังยื่นมาส่งมาให้เขาจับ เพียงแค่เขาจับมือเธอตอบเท่านั้น
เธอก็พร้อมจะบอกทุกสิ่งที่เก็บกดไว้ในใจกับเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขใด ๆ อีก
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให