Masukดารินธิรานอนคว่ำเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนและอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่ยาวคลุมถึงเพียงแค่ช่วงสะโพกกลมกลึง ท่อนล่างใส่ซับในแบบกางเกงเพื่อปกปิดเรียวขาเปล่งปลั่งไม่ให้ดูน่าเกลียด
หลังจากที่ชำระล้างร่างกายจนสดชื่นดีแล้ว เพียงแค่หยิบสมุดโน็ตในกระเป๋าออกมาเขียนจดไอเดียอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีความง่วงก็เข้ามาทำหน้าที่สั่งการให้ร่างกายได้พักผ่อนเดี๋ยวนั้น
ขณะที่ปาตาโกไททัน มาโยรัม นอนหลับเงียบอยู่บนฟูกของมันโดยไม่รบกวนทาสสาวแต่อย่างใด
ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูเรียกดังถึงสองครั้งแต่เจ้าของห้องนอนก็ยังคงหลับเงียบฝันลึก
จนคนด้านนอกต้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาแทน และเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพใบหน้านอนทับอยู่กับสมุดโน๊ด
มือข้างหนึ่งยังคงกำดินสอ ชายหนุ่มยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระที่เขาไปขนมาจากโรงแรมซึ่งทีมงานของดารินธิราพักระหว่างงานนิทรรศการที่ ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์
เขานึก ๆ แล้วก็รู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตนเองอยู่เหมือนกัน เพราะเขาหอบหิ้วดารินธิราไป ๆ มา ๆ ทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสนอนพักที่โรงแรมกับทีมงานของตัวเองเลยสักครั้ง ป่านนี้เธอคงคิดในใจอยู่ว่าเขาเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว
แม็กนัสเห็นเธอนอนอยู่ในท่าที่ดูไม่ค่อยสบายนัก แถมกระดูกงูที่ร้อยเชื่อมอยู่กับสมุดโน๊ตก็ประทับรอยเด่นชัดบนแก้มข้างที่เธอนอนทับอยู่ซะดูน่าขัน หนุ่มผมสีเงินจับตัวของดารินธิราขยับขึ้นไปนอนบนหมอนดี ๆ แล้วเก็บสมุดโน๊ดกับดินสอของเธอ
จังหวะที่มือใหญ่กำลังปิดหน้าสมุดที่กางออกอยู่ ก็บังเอิญเห็นภาษาจีนคำว่า 'เสี่ยว' ที่เขียนอยู่ในหน้าสมุด หรือว่าดารินธิราจะรู้ความจริงเรื่องรอยสักที่นิ้วมือของเขาแล้ว
อัจฉริยะนักคิดพยายามพิจารณาอยู่หนึ่งนาทีพลางส่ายหน้าขจัดความเวิ่นเว้อของตัวเอง ก้าวขาลงจากเตียงนอน ทว่ามือกลับถูกรั้งดึงเอาไว้ ใบหน้าคมขาวหลุบต่ำมองมือของตนที่ถูกดารินธิราพันธนาการอยู่
มือนุ่มออกแรงกระชากเขาจนล้มลง ร่างสูงล้มหงายลงด้านข้าง สบตามองกับนัยน์ตากลมที่กระพริบขยับมองเขาเสมือนว่ากำลังจะเปิดประเด็นถามบางสิ่ง
มือเนียนนุ่มยื่นมาลูบใบหน้าขาวนวลเนียนที่คล้ายกับผิวของทารกวัยแรกเกิด นิ้วเรียวแตะลงบนปลายจมูกโด่งคมดั่งแท่งหินสลักอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้ากรีก และริมฝีปากที่ชอบเอะอะโวยวายไม่ต่างกับก๊อตซิลล่าพ่นไฟ เห็นแบบนั้นทีไรอยากจับมาขยำแล้วเอาพู่กันจุ่มสีทาบ้านโบกลงไปบนหน้าของเขาซะจริง
"คุณทำอะไร"
"กำลังสเก็ตหน้าคุณอยู่"
"แต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยเหมือนการสเก็ตเท่าไหร่เลย"
"นักวาดทุกคนมีวิธีที่แตกต่างกันค่ะ"
"แล้วที่ผ่านมาคุณจับหน้าทุกคนมาสเก็ตแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่า ถ้าคุณทำแบบนั้น...ผมเคืองตายเลย"
"แล้วคุณจะมาเคืองฉันทำไม"
"คุณไม่รู้หรือซื่อบื้อ" ทำปากขมุบขมิบเด้งลุกนั่ง โดยมีสายตาของปาตาโกไททันมาโยรัมจ้องมองอยู่
ม่านตาของเจ้าเหมียวขนฟูขยายใหญ่กว้างราวกับเห็นจิ้งจกตัวใหญ่เนื้อเลิศรสตรงหน้า
"อะไรของแกอีก ไอ้แมวทรยศ"
ม๊าววววว!
ร้องลากเสียงยาวแล้วลุกสะบัดก้นให้ทาสหน้าเก่าเป็นคำตอบแทน แต่ทำให้ดารินธิราหลุดขำออกมาเสียงดังคับห้อง
"ฮ่าาาฮ่ะ ๆ ปาตาโกไททันมาโยรัมดูเหมือนคุณมากเลย สมแล้วที่เป็นแมวของอัจฉริยะ"
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กรี๊ด!
ม๊าวววววว!
ทั้งคนทั้งแมวต่างพากันกรีดร้องแล้วตะครุบลงบนตัวของแม็กนัสราวกับนัดกันมา
ใบหน้าที่หลับตาอยู่ด้วยความหวาดเสียวนั้นซุกลงที่ซอกคอของชายหนุ่ม
ส่วนปาตาโกไททันมาโยรัมก็นอนตัวสั่นอยู่บนตักของทาสหนุ่มด้วยความหวาดระแวง เพราะเสียงร้องคำรามของพายุฝนที่กำลังก่อตัวขึ้นจนทิวเมฆด้านนอกหน้าต่างมืดครึ้มดูน่ากลัว
"อยากให้ฟ้าร้องฟ้าผ่าแบบนี้ทุกวันเลย"
ใบหน้าของคนขี้ตกใจละออก พลันใดสายตาก็สะดุดเข้ากับรอยแดงที่ต้นคอด้านใน และกลิ่นหอมคุ้น ๆ ที่คล้ายกับกลิ่นของยัยฟีโอน่า พาร์สันนั่น และเธอจำได้ดีว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมของรุ่น กุชชี่ แบมบู แต่ว่าทำไม...กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนอื่นถึงมาอยู่บนตัวของเขา
"คุณไปเอากระเป๋าฉันมาเองเหรอคะ"
"ผมแวะไปทำธุระแถวนั้น ก็เลยแวะไปเอามาให้"
"ทำธุระบนเตียงมางั้นสิ"
ปากอิ่มขยับถามเสียงอ่อน ทำให้คนที่โดนตั้งคำถามถึงกับหน้าชาขึ้นมาและยังคงนั่งเงียบอยู่แบบน้้น
"ทีแบบนี่ล่ะเงียบ แสดงว่าคุณไปทำธุระแบบนั้นมาจริง ๆใช่ไหมล่ะ"
".........." เสมองทางอื่นเป็นคำตอบให้ดารินธิรา ด้วยความโมโหเธอจึงกระชากคอเสื้อของเขาเข้ามา แล้วแหวกรอยที่ต้นคอดูให้เห็นกับตา
"คุณอยากเห็นมากใช่ไหม"
ตะเบ็งเสียงเข้มแล้วแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ดแหวกสาปเสื้อออกเผยให้เห็นแผงอกขาวสว่าง กับรอยแดงเป็นจ้ำนั่นที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ตามต้นคอ ตามแผงอกขาว
"กับใคร!?"
"คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอก" เขาตัดบทและลุกเดินออกจากห้องไปไร้คำอธิบายใด ๆ
การกระทำเมินเฉยของเขาส่งผลให้หยาดน้ำตาไหลบ่าออกมาเหมือนเขื่อนแตก
ไหนว่าอัจฉริยะอย่างเขาไม่คบค้าสมาคมกับผู้หญิง
ไหนว่าเขาจะไม่มีวันทำตัวเหมือนกับพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง
แล้วรอยพวกนั้นมันคืออะไร คือข้อพิสูจน์ว่าเขาเกลียดเธอ ที่เขาพาเธอมานี่ก็เพราะเพื่อแก้ขัดแก้เหงาเท่านั้นใช่ไหม หรือทุกอย่างที่ผ่านมาเขาทำไปเพื่อ 'แก้แค้น' ให้กับแม่ตัวเอง
แม็กนัสวิ่งออกไปตามโถงทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่ได้วิ่งหนี แต่กำลังวิ่งล่อเหยื่อ การหายใจของเขาหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างจากเสียงฝีเท้าของคิทซ์ โอซัลลิแวนที่วิ่งตามมาติด ๆ ชายผู้บุกรุกฉายานักแฮ็กเกอร์ขององค์กรใต้ดินผู้มีพละกำลังที่มหาศาล และความแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าเดิม“แกจะหนีไปไหนไม่รอดหรอก แม็กนัส! ส่งเมียแกมา!” อีกฝ่ายตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยิงปืนพกกระบอกสำรองเข้าใส่ผนังใกล้ ๆ แม็กนัสเพื่อกดดันให้เขาจนมุมแม็กนัสไม่ตอบโต้ เขาทิ้งตัวลงสไลด์ไปตามพื้นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมขนสั้น แล้วใช้ช่วงเวลานั้นในการเตะขาโต๊ะไม้แกะสลักมูลค่ามหาศาลให้ล้มลงขวางทาง คิทซ์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ทำให้การไล่ล่าชะงักไปชั่วขณะติ๊ด... ติ๊ด...“แอ็กเซล รายงาน ทางเข้าปล่องระบายอากาศจะปลดล็อกในอีก 30 วินาที คุณแม็กต้องถึงจุดรวมพลชั้น B ภายใน 1 นาที”“ฉันกำลังไป! ดูแลเดมี่ให้ดี!” แม็กนัสตอบกลับทางไมค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่บันไดหนีไฟ แล้วเริ่มวิ่งลงบันไดไปทีละสองสามขั้น ถ้าตอนนี้ฮัลค์อยู่กับเขาด้วยก็คงจะดี เพราะเข
แม็กนัสคลายอ้อมกอดจากภรรยา แล้วใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของสมาชิกทีมที่ปรากฏบนจออย่างจริงจังอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคำสั่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น และนี่เป็นเรื่องที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก“แอ็กเซล มานี้หน่อย" แม็กนัสหันไปกวักมือเรียกให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเข้ามาข้างใน"ว่าไงครับบอส""ฉันอยากให้นายดูแลเรื่องเส้นทางหลบหนี ส่วนเคน จัดการเรื่องการสื่อสารและซุ่มโจมตีที่คาดไม่ถึง ผมต้องการชุดอำพรางที่ดีที่สุดสำหรับเดมี่” แม็กนัสออกคำสั่งรัวเร็ว ราวกับเครื่องจักรที่ทำงานด้วยความแม่นยำสูงบอดี้การ์ดหนุ่มคู่หูทั้งสองคนที่ปกติจะประจำอยู่ที่ซิลิคอลวัลเล่ย์ ถูกเรียกมากระทันหันเพราะพวกเขาฝีมือดีสุดในทีมบอดี้การ์ฺดที่เขาเคยจ้างมา หลังจากฟังคำสั่งเจ้านายเสร็จ ทั้งคู่จึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณแม็ก แต่การเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงนั้นบีบมาก และปีกตะวันตกกำลังมีปัญหา เราสงสัยว่าคนที่มาใหม่คือกลุ่มสอดแนมจากองค์กรคู่แข่ง พวกมันกำลังพยายามเข้าถึงฐานข้อมูลหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรา” เคนเอ่ยดารินธิราที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างสามีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่
แม็กนัสค่อย ๆ ประคองดารินธิราให้ลงจากตักแล้วจัดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนให้เธออย่างเบามือ ราวกับว่าการสัมผัสแรงไปกว่านี้จะทำให้เธอแตกสลายเขาวางเธอไว้บนโซฟาตัวยาวที่แสนสบาย และเลื่อนไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวผมขอคุยกับเดอะแก๊งไม่นานนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะกดปุ่มเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ทันทีที่ใบหน้าของสมาชิกทีมปรากฏขึ้นเต็มจอ บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่ก็สลายหายไป กลายเป็นความเคร่งเครียดที่แผ่ออกมาทางหน้าจอ แม้แต่ฟิลิกซ์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ปกติจะดูผ่อนคลายที่สุด ก็ยังมีคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“สถานการณ์ล่าสุด...?” แม็กนัสไม่รอช้า เริ่มการประชุมด้วยน้ำเสียงที่กลับสู่ความจริงจังและเด็ดขาดทันทีทุกคนเริ่มรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่พวกเขาแทรกซึมเข้ามา แม็กนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อ แต่สายตาของเขาก็ลอบมองไปยังดารินธิราที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง“...สรุปคือ เป้าหมายหลักยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มีสัญญาณแปลก ๆ ที่ปีกตะวันตก ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับแขกที่ไม่คาดคิดมาเพิ่ม” เสียงของฟิลิกซ์ดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่เขาจะ
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ







