Masukสมองของคนฟังเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคที่เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างชัดเจนเต็มสองหู
สายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างก็ไม่อาจดับความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ ฮัลค์ทำตาลุกวาวมองเจ้านายหนุ่มพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ แก้อาการเขิน
"ทำไมคุณเดมี่ต้องขออนุญาตผมด้วยล่ะครับ ก็ขอกับคุณแม็กเองเลยสิครับ เอ่อ...คุณแม็กครับผมขอตัวก่อนนะครับ"
มือขวาคนสนิทเดินสับขาเข้าห้องนอนชั้นล่างของตนเองในพริบตาเดียว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ที่เหลือคงต้องให้เจ้านายหนุ่มของเขาตัดสินใจเอาเอง
ฝ่ามือของดารินธิรายังคงยื่นค้างรอให้เขาจับ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหยิ่งยโส ทำเมินเฉยกับสิ่งที่เธอถาม
"จะนั่งตัวเปียกอยู่ตรงนี้ไปยันเช้าเลยเหรอคะ"
"คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม"
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงรวบใบหน้าขาวมึนตึงของเขามากอบกุมแล้วบดจูบลงไปยังเรียวปากซีดเซียวนั่น
ดวงตาของคนโดนปล้นจูบถึงกับลุกวาวตื่นตะลึง กระทั่งปากอิ่มละออก กระซิบบอกข้าง ๆ กกหูร้อนผ่าวของเขา
"ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณทำให้ฉัน หลินเย่ซี"
ยิ้มกว้างสดใสและลุกเดินจากเขามาด้วยความรู้สึกกระดากอาย จังหวะที่มือน้อย ๆ กำลังผลักเข้าประตูห้องนอน มือหนาก็ตะปปลงที่ประตูห้องของเธอ ดารินธิราหันขวับมองหัวใจเต้นส่ำระรัว
"เมื่อกี้ใครกันชวนผมอาบน้ำ ลืมไปแล้วเหรอครับ ห้องคุณหรือห้องผมดีล่ะ"
และแล้วเธอก็มาอยู่ในห้องน้ำขนาดใหญ่ในห้องสีเขียวอ่อนของขาว มือที่จิ้มลงไปตรวจดูน้ำในอ่างว่าร้อนพอดีหรือยังชักออกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาว
แต่ทว่าเธอยังอยู่ในชุดเสื้อฮู้ดสีดำเปียกชื้นอยู่เหมือนเดิม
"คุณจะอาบน้ำทั้งเสื้อหนา ๆ แบบนั้นเลยเหรอ"
"เปล่าค่ะ งั้นคุณก็แช่น้ำในอ่างไปก่อน น้ำกำลังอุ่นได้ที่ ฉะ...ฉันขอไปเอาผ้าขนหนูก่อน"
พั่บ!!
ผ้าขนหนูสีขาวถูกโยนมาครอบหัวของดารินธิราอย่างรวดเร็ว เอาแล้วสิ! เธอไม่หน้าพูดทะลึ่งตึงตังออกไปแบบนั้นเลยจริง ๆ สิน่า
พ่อคนหัวหงอกคิดเลยเถิดไปจนกู่ไม่กลับซะแล้วมั้งเนี่ย
หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกอย่างทุลักทุเล เพราะถอดอยู่อีกด้านของห้องที่มีฝักบัวและมีเพียงกำแพงกั้นระหว่างเธอกับเขาเท่านั้น
ผิวกายรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมายามที่ก้าวขาเดินตรงมาหา ใบหน้าที่หลับพริ้มแหงนหัวพิงกับขอบอ่างอาบน้ำอยู่ พอบั้นท้ายหย่อนลงบนเก้าอี้ตัวสั้นที่อยู่ข้าง ๆ ฝ่ามือหนาก็คว้าหมับลงมาจนทำให้ขนแขนแสตนด์อัพขึ้นมาอย่างสามัคคีกัน
"อาบน้ำสิ ผมไม่ดูคุณหรอก" เขาสั่งทั้งที่ยังหลับตาอยู่
ดารินธิรายิ้มอ่อน ดวงตาจดจ้องรอยแดงจากริมฝีปากของผู้หญิงคนอื่นที่ประทับอยู่บนลำคอเขาอย่างหงุดหงิด
ไหนจะรอยฟกช้ำตามแผ่นหลังนั่น และรอยสักที่เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกบนต้นคอด้านหลังอีก
"akanandaba เป็นภาษาของแอฟริกาใต้หรือเปล่าคะ"
"เป็นภาษาซูลู รากศัพท์มาจากละติน คำว่า Tenax"
"ความหมายเดียวกับ Tenacious ใช่ไหมคะ ฉันเข้าใจถูกไหม"
"ถูกครับ แล้วคุณชอบหรือเปล่าล่ะ"
"ค่ะ" นิ้วเรียวไล้รอยสักที่หลังต้นคอของเขาอย่างลืมตัว อะไรที่เป็นงานศิลป์ทุกอย่างก็เหมือนมนต์สะกดดึงดูดเธอให้เข้าไปหา
เฉกเช่นเดียวกับรอยสักนี้ที่ดูสง่างามเป็นพิเศษ ยามที่ปลายนิ้วไล้วนความวูบวาบในช่องท้องของแม็กนัสก็ระอุขึ้น
ชายหนุ่มต้องหันกลับไปคว้ามือนั่นให้หยุดก่อนที่สติของเขาจะระเบิดออกเหมือนขีปนาวุธพร้อมที่จะทำลายล้าง
"ผมมีความอดกลั้นเหลือเพียงแค่ 1% เท่านั้น ถ้าคุณยังทำแบบเมื่อกี้อีก ผมอาจจะทนไม่ไหว"
ก้นของดารินธิากระเถิบหนีจนร่วงกระแทกพื้นห้องน้ำ เบิกตากว้างแล้วรีบตั้งหน้าตั้งตาลุกพรวดไปอีกฝั่งที่เป็นห้องอาบน้ำแบบฝักบัว
สรุปแล้วเธอก็ไม่กล้าพอทีจะรุกฆาตเขาก่อนอยู่ดี แถมยังไม่รู้ด้วยว่าต้องเริ่มจากเล้าโลมก่อนหรือจู่โจมยังไงให้เขาไม่คิดว่าเธอกำลังอ่อย
ชายหนุ่มพาดเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาไว้ให้ดารินธิราก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายลุกเดินออกจากห้องน้ำล่วงหน้าไปก่อน
หลังจากนั้นเธอจึงค่อย ๆ ย่องเบาออกมาและเห็นเขากำลังแชทคุยบางอย่างกับชายคนหนึ่งในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
"มะรึนนายก็เดินทางแล้วสิ ระวังตัวด้วยนะ ที่นั่นอาชญากรตัวเป้งทั้งนั้น แล้วออร่าชิฟที่นายจัดการให้สายของเราแอบฝังไว้บนตัวของพวกมัน ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะรู้ตัวแล้วหรือเปล่า"
"ไม่มีทางรู้แน่ครับ เพราะผมพัฒนาชิฟตัวนั้นให้เล็กเท่ากับเม็ดข้าว ยิ่งนานวันชิฟตัวนี้อยู่ในร่างกายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกลมกลืนไปกับสรีระและกายภาพของคน ๆ นั้น"
"ยังไงนายก็ห้ามประมาท วันนี้เซทบอกฉันว่านายโดนพ่อตามเล่นงานอีกแล้ว มีพ่ออยู่ในกลุ่มก้อนอาชญากรข้ามชาติแบบนี้ นายจะรับมือไหวแน่เหรอเจ้าแม็ก"
"ถ้าเขาเป็นคนเลว ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูของผมครับพี่อิศ"
แม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่คนแอบฟังอยู่ก็พอจะวิเคราะห์ในสิ่งที่ได้ยินว่าอัจฉริยะที่พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ล้ำโลกอยู่เสมอ
ความจริงเขาทำงานเป็นสายลับตำรวจให้กับซีไอเออะไรประมาณนั้น เพราะเธอมักจะเห็นเขาบินข้ามประเทศหายไปเป็นเดือนเดือน ทุกครั้งที่เขากลับมายังซิลิคอนวัลเลย์ก็มักจะเป็นวันที่มีข่าวว่าพวกลักลอบขนสมบัติของประเทศนั้น ๆ ถูกจับเข้าคุกบ้าง หรือจับตายบ้าง
ตอนนี้เธอชักสงสัยกับเบื้องหลังการทำงานของเขาซะแล้วสิ
แม็กนัสวิ่งออกไปตามโถงทางเดินอย่างไม่คิดชีวิต เขาไม่ได้วิ่งหนี แต่กำลังวิ่งล่อเหยื่อ การหายใจของเขาหนักหน่วงและรุนแรงไม่ต่างจากเสียงฝีเท้าของคิทซ์ โอซัลลิแวนที่วิ่งตามมาติด ๆ ชายผู้บุกรุกฉายานักแฮ็กเกอร์ขององค์กรใต้ดินผู้มีพละกำลังที่มหาศาล และความแค้นที่สั่งสมมานานหลายปีทำให้เขากลายเป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวกว่าเดิม“แกจะหนีไปไหนไม่รอดหรอก แม็กนัส! ส่งเมียแกมา!” อีกฝ่ายตะโกนลั่นอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับยิงปืนพกกระบอกสำรองเข้าใส่ผนังใกล้ ๆ แม็กนัสเพื่อกดดันให้เขาจนมุมแม็กนัสไม่ตอบโต้ เขาทิ้งตัวลงสไลด์ไปตามพื้นโถงทางเดินที่ปูด้วยพรมขนสั้น แล้วใช้ช่วงเวลานั้นในการเตะขาโต๊ะไม้แกะสลักมูลค่ามหาศาลให้ล้มลงขวางทาง คิทซ์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงชนเข้ากับโต๊ะอย่างจัง ทำให้การไล่ล่าชะงักไปชั่วขณะติ๊ด... ติ๊ด...“แอ็กเซล รายงาน ทางเข้าปล่องระบายอากาศจะปลดล็อกในอีก 30 วินาที คุณแม็กต้องถึงจุดรวมพลชั้น B ภายใน 1 นาที”“ฉันกำลังไป! ดูแลเดมี่ให้ดี!” แม็กนัสตอบกลับทางไมค์ที่ซ่อนอยู่ใต้ปกเสื้อ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่บันไดหนีไฟ แล้วเริ่มวิ่งลงบันไดไปทีละสองสามขั้น ถ้าตอนนี้ฮัลค์อยู่กับเขาด้วยก็คงจะดี เพราะเข
แม็กนัสคลายอ้อมกอดจากภรรยา แล้วใช้มือข้างหนึ่งกุมมือของเธอไว้แน่นขณะจ้องมองไปยังใบหน้าของสมาชิกทีมที่ปรากฏบนจออย่างจริงจังอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าคำสั่งของเขาไม่ใช่เรื่องเล่น และนี่เป็นเรื่องที่ต้องเอาชีวิตเข้าแลก“แอ็กเซล มานี้หน่อย" แม็กนัสหันไปกวักมือเรียกให้หัวหน้าบอดี้การ์ดเข้ามาข้างใน"ว่าไงครับบอส""ฉันอยากให้นายดูแลเรื่องเส้นทางหลบหนี ส่วนเคน จัดการเรื่องการสื่อสารและซุ่มโจมตีที่คาดไม่ถึง ผมต้องการชุดอำพรางที่ดีที่สุดสำหรับเดมี่” แม็กนัสออกคำสั่งรัวเร็ว ราวกับเครื่องจักรที่ทำงานด้วยความแม่นยำสูงบอดี้การ์ดหนุ่มคู่หูทั้งสองคนที่ปกติจะประจำอยู่ที่ซิลิคอลวัลเล่ย์ ถูกเรียกมากระทันหันเพราะพวกเขาฝีมือดีสุดในทีมบอดี้การ์ฺดที่เขาเคยจ้างมา หลังจากฟังคำสั่งเจ้านายเสร็จ ทั้งคู่จึงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “เข้าใจแล้วครับคุณแม็ก แต่การเคลื่อนย้ายภายใน 24 ชั่วโมงนั้นบีบมาก และปีกตะวันตกกำลังมีปัญหา เราสงสัยว่าคนที่มาใหม่คือกลุ่มสอดแนมจากองค์กรคู่แข่ง พวกมันกำลังพยายามเข้าถึงฐานข้อมูลหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเรา” เคนเอ่ยดารินธิราที่กำลังนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างสามีรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แผ่ซ่
แม็กนัสค่อย ๆ ประคองดารินธิราให้ลงจากตักแล้วจัดเสื้อคลุมคาร์ดิแกนให้เธออย่างเบามือ ราวกับว่าการสัมผัสแรงไปกว่านี้จะทำให้เธอแตกสลายเขาวางเธอไว้บนโซฟาตัวยาวที่แสนสบาย และเลื่อนไอแพดที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟเข้ามาใกล้ “เดี๋ยวผมขอคุยกับเดอะแก๊งไม่นานนะครับ” เขากระซิบที่ข้างหู ก่อนจะกดปุ่มเข้าร่วมการประชุมออนไลน์ทันทีที่ใบหน้าของสมาชิกทีมปรากฏขึ้นเต็มจอ บรรยากาศอบอุ่นเมื่อครู่ก็สลายหายไป กลายเป็นความเคร่งเครียดที่แผ่ออกมาทางหน้าจอ แม้แต่ฟิลิกซ์ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ปกติจะดูผ่อนคลายที่สุด ก็ยังมีคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน“สถานการณ์ล่าสุด...?” แม็กนัสไม่รอช้า เริ่มการประชุมด้วยน้ำเสียงที่กลับสู่ความจริงจังและเด็ดขาดทันทีทุกคนเริ่มรายงานสถานการณ์ที่ได้รับมอบหมาย โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาชญากรที่พวกเขาแทรกซึมเข้ามา แม็กนัสพยายามอย่างยิ่งที่จะจดจ่อ แต่สายตาของเขาก็ลอบมองไปยังดารินธิราที่นั่งเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้มอยู่บ่อยครั้ง“...สรุปคือ เป้าหมายหลักยังไม่มีการเคลื่อนไหว แต่มีสัญญาณแปลก ๆ ที่ปีกตะวันตก ดูเหมือนพวกเขาจะได้รับแขกที่ไม่คาดคิดมาเพิ่ม” เสียงของฟิลิกซ์ดังขึ้นจากลำโพง ก่อนที่เขาจะ
เรียวขาเล็กกระชับแน่นถูกฝ่ามือร้อนคลั่งรักคลั่งคะนึงหาของสามีปลดออกอย่างเร่งรัด ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามเหตุการณ์ต่าง ๆ กับเขา ใบหน้าคมขาวก็ก้มลงมาปิดปากของเธอแนบสนิท และยังไม่ได้เตรียมตักตวงออกซิเจนเลยด้วยซ้ำจูบที่สูบแก่นวิญญาณและพลังงานในร่างกายที่อ่อนเพลียมาทั้งวันไปจนเกือบหมด ไหนจะปลายลิ้นที่ควานหาลิ้นของเธอแล้วเกี่ยวรัดไว้จนเธอแทบสำลักรสจุมพิตที่หนักหน่วงนี้ สุดท้ายเธอก็หัวหมุนตาลายแต่ก็ยังอยากตักตวงความสุขนี้กับเขาต่อไป ติ๊ดดดดดด ติ๊ดดดดดดเสียงร้องจากสมาร์ทวอชที่เดมี่ฝังดวลออร่าชิฟเอาไว้ที่หลังคอทำให้มันส่งสัญญาณมาที่เครื่องของเขาและเธอพร้อมกัน ใบหน้าตื่นตระหนกผละจูบออกด้วยความตกใจและรีบยกข้อมือดูสัญญาณเตือนประหลาดที่ขึ้นเป็นรูปเด็กทารก เขาจ้องนิ่งดวงตาไม่กระพริบ "นี่มัน...." แม็กนัสก้มลงหอมแก้มของเดมี่เพื่อปลอบประโลมเธอทันที แล้วยิ้มให้กับใบหน้าที่ซีดเป็นไก่ต้มของภรรยาด้วยความดีใจ "มีอะไรคะคุณแม็ก" "สงสัยว่าคุณกำลังจะมีทาสคนใหม่ให้ไอ้เจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมซะแล้ว" "คะ.....หมายความว่าฉะ... ฉันท้อง" "อืม คุณท้อง ถึงว่าคุณต้านแรงจูบของผมไม่ได้เลย ทั้งที่ปกติคุณจะรุกกลับจนผมเสี
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ







