แชร์

บทที่ 23 ไม่กลับมาอีก

ผู้เขียน: ชารี
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-16 14:57:04

บทที่ 23

ไม่กลับมาอีก

ภายในบ้านพักหลังเล็กที่ยังคงเงียบสงัด มาลารินกับน้องชายช่วยกันเก็บข้าวของลงกระเป๋า เธอหันไปมองรอบห้องที่อาศัยอยู่มาเป็นเวลานาน เมื่อถึงวันที่ต้องจากไปจริง ๆ ก็รู้สึกใจหายไม่น้อยเลย

นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในรั้วบ้านสุรีย์ฉาย มีเรื่องราวทั้งทุกข์และสุขเกิดขึ้นมากมาย ทว่ามาลารินนั้นรู้สึกช่วงเวลาที่ทรมานมันมีมากว่า ดังนั้นเธอจึงไม่ลังเลสักนิดหากจะต้องออกไปจากที่นี่

กล่องกระดาษสีขาวหม่นลงตามกาลเวลา เมื่อเปิดออกก็พบกับผ้าพันคอสีเทาที่ถักด้วยไหมพรมพับอยู่ข้างใน ตอนนั้นเธอตั้งใจถักมันจนนิ้วเจ็บ เพื่อนำไปมอบให้กับชวลิตเป็นของขวัญ แต่กลับถูกเขาเหยียบย่ำมันลงกับพื้นเสมือนของไร้ค่า

เธอเก็บมันไว้ในกล่องอย่างดีราวกับของล้ำค่า ทว่าตอนนี้กลับไม่คิดจะนำมันไปด้วยให้เป็นภาระ เธอไม่ลังเลสักนิดที่จะทิ้งมันลงถังขยะ เหมือนอยากจะทิ้งอดีตอันเจ็บปวดเอาไว้เบื้องหลังด้วย

มาลารินจัดกระเป๋าใบสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย เธอพร้อมแล้วสำหรับการเดินทาง เธอจูงมือน้องชายแล้วพาไปยังเรือนหลังเล็กเพื่อกราบลาอนงค์

หญิงชรานั่งสงบอยู่ใต้ต้นพิกุล ข้างกายมีสมจิตรคอยอยู่เป็นเพื่อน อนงค์น้ำ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 35 เพียงเสี้ยววินาที

    บทที่ 35เพียงเสี้ยววินาที “กรี๊ด!” มาลารินกรีดร้องลั่น เธอดิ้นรนขัดขืนขณะที่ชวลิตพยายามดึงทึ้งเสื้อผ้าของเธอ เธอทั้งหยิก ทั้งทุบ ทั้งตี ดึงทึ้งศีรษะของเขาอย่างแรง แต่เขากลับไม่สนใจ ยังคงซุกไซ้ใบหน้าลงไปดูดเม้มซอกคอ มือหนาบีบเคล้นไปทั่วร่างของเธอ กึก! เธออ้าปากกัดเขาที่บ่าสุดแรง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ เขาหลับตาแน่นอดทนต่อคมฟันของเธอที่กดลงลึกมาบนบ่าแกร่ง เธอรวบแรงเฮือกสุดท้ายผลักเขาสุดแรง จนร่างหนานั้นเสียหลักไปเล็กน้อย มาลารินรีบลุกหนีจากโซฟา ทว่าเธอรู้ดีว่าไม่อาจพื้นเงื้อมมือของคนใจร้ายอย่างเขาได้ สายตาเหลือบเห็นแจกันเซรามิกวางอยู่ มือบางรีบหยิบมันขึ้นมาแล้วเขวี้ยงมันลงพื้น เพล้ง! แจกันสีขาวแตกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่บนพื้น มันแทบไม่ต่างจากหัวใจของมาลารินที่ถูกเขาฉีกออกจากกันในตอนนี้ ชวลิตนั้นชะงักไปเล็กน้อย เขามองเศษแจกันที่แตกกระจาย ดวงตาคมเหลือบมองเธอที่ก้มลงไปหยิบเศษแจกันที่แตกขึ้นมา เธอหันปลายแหลมคมเข้าที่ลำคอของตัวเอง “คิดจะทำอะไร?” คิ้วหนากระตุก นัยน์ตาของเขามีแววตระหนก ทว่าชวลิตก็พยายามเก็บซ่อนมันเอาไว้

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 34 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?

    บทที่ 34ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย?มาลารินมองมือของชวลิตที่จับมือของเธอไว้แน่น ทุกย่างก้าวที่เขานำพาเธอไป หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมาถึงรถเขาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร ดันเธอเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ส่วนเขาอ้อมไปฝั่งคนขับ ติดเครื่องยนต์แล้วขับรถออกไปโดยไม่รอรีบรรยากาศภายในรถเงียบงันจนมาลารินรู้สึกอึดอัด เหลือบสายตามองคนที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเลือดสีแดงเป็นรอยยาวจากหางคิ้วจนถึงขมับ ความทรงจำเมื่อครู่ย้อนกลับเข้ามา มาลารินไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่เอาแต่พร่ำบอกว่าเกลียดเธอถึงพุ่งเข้ามากอดเธอไว้อย่างนั้น ดวงตาคู่คมจ้องมองไปยังท้องถนนเบื้องหน้า แววตาของเขาเรียบนิ่งยากจะคาดเดา และหางตาของเขาก็รับรู้ถึงสายตาของคนข้างกายที่เอาแต่จับจ้องเขาอยู่ “มองอะไร?” เขาเหลือบมองเธอเล็กน้อย มาลารินยกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่หางคิ้วของตัวเองเป็นสัญญาณบอกเขา ชวลิตเหลือบมองตัวเองผ่านกระจกมองหลัง เห็นเลือดไหลเป็นทางยาว เขาใช้มือเช็ดมันลวก ๆ อย่างไม่ใส่ใจ “คุณต้องทำแผลนะ” “ช่างมัน...” มาลารินไม่พูดอะไรอีก เธอมองออกไปด้านนอก สองข้างทางเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 33 สัญชาตญาณ

    บทที่ 33สัญชาตญาณ ในช่วงบ่าย ณ วัดหลวงเก่าแก่กลางเมือง แม้ว่าแดดจะแผดเผาสักเพียงใด ทว่าผู้คนยังหลั่งไหลเข้ามาในงานศพอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนในเครื่องแบบ ข้าราชการ นักการเมือง รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจต่าง ๆ นั้นก็ร่วมส่งอนงค์เป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางคนมากมายนั้น มาลารินยืนปะปนอยู่กับผู้คน เธอสวมเดรสสีดำเรียบสนิท ใบหน้าราบเรียบ ทว่าดวงตานั้นมีร่องรอยความเศร้าชัดเจน “นั่นลารินหรือเปล่า” เสียงหนึ่งดึงขึ้นจากกลุ่มคนรับใช้ที่บ้านสุรีย์ฉายที่รวมตัวกันอยู่บริเวณหนึ่ง สมจิตรหันไปตามสายตาของพวกหล่อน เมื่อเห็นมาลารินเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ตั้งแต่สมจิตรส่งข้อความบอกมาลารินเรื่องอนงค์ไป หลายคืนที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยเห็นมาลารินปรากฏตัวที่งานศพสักคืน จนกระทั่งวันสุดท้ายนี้ เธอรอลุ้นทุกวินาทีให้มาลารินมา และมาลารินก็มาจริง ๆ มือของมาลารินกำดอกไม้จันทน์ไว้แน่น เธอก้าวขึ้นบันได้เมรุจนมาถึงหน้าโลงศพที่วางบนแท่น เธอยกขึ้นไหว้ช้า ๆ ก่อนโน้มตัววางดอกไม้จันทน์หน้าเตาเผา หลับตาพูดในใจ “เดินทางปลอดภัยนะคะคุณท่าน...” เธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นัย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ ความจริงอันเจ็บปวด

    บทที่ 32ความจริงอันเจ็บปวดบรรยากาศในเรือนกระจกเงียบลง ๆ ลมอ่อนจากช่องระบายอากาศพัดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยวนอยู่ในอากาศ คล้ายกับมวลความรู้สึกบางอย่างนั้นก่อตัวขึ้นมาในใจของพวกเขาอย่างไม่อาจควบคุม สายตาคู่คมของชวลิตจ้องมองไปยังใบหน้าสวยหวานของเธอ ผมยาวสลวยพลิ้วไหวเบา ๆ คลอเคลียข้างแก้มใส ทำให้เธอดูอ่อนโยนงดงามราวกับภาพวาดจนเขาไม่อาจละสายตา ดวงตาที่สะท้อนภาพของมาลารินนั้นเปล่งประกาย ชวลิตรู้สึกว่าหญิงสาวดูดีขึ้นมาก ๆ ร่างกายที่เคยผอมบางของเธอนั้นดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเมื่อก่อน ผิวพรรณก็ดูสดใส นัยน์ตาคู่สวยก็ดูสุกสกาวกว่าเมื่อก่อน การได้เห็นเธอเป็น ๆ มากกว่ามองดูผ่านรูปถ่าย มันรู้สึกดีมากจริง ๆ และตอนนี้มันมีคำถามเกิดขึ้นในใจของเขา อยากถามว่าเธอสบายดีไหม เธอเป็นอย่างไรบ้าง และมีเรื่องอยากจะถามอีกมากมาย ทว่าเขาเพียงแค่ยืนนิ่ง ไม่มีสักคำพูดใดที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากของเขา เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้คาดหวังว่าเจอเขา พอได้เจอดวงตาคู่นี้ก็สั่นไหวอยู่ไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเก็บมันเอาไว้ให้ลึกสุดใจ ขณะที่เธอสังเกตว่าเขานั้นเปลี่ยนไป ใบหน้าของชว

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 31 ที่ที่ไม่อยากกลับไปที่สุด

    บทที่ 31ที่ที่ไม่อยากกลับไปที่สุด รถแท็กซี่คันหนึ่งเคลื่อนตัวมาจอดบริเวณด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ที่รอบล้อมด้วยรั้วปูนสีขาว หญิงสาวก้าวลงมาจากรถพร้อมกับน้องชายวัยสิบขวบ ประตูเหล็กบานเล็กที่อยู่ตรงหน้า หวนให้เธอนึกถึงเรื่องราวที่อยู่อีกฝั่งของบานประตูนั้น สถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ทำให้วันที่เดินจากมา เธอก็ไม่คิดที่อยากจะหวนกลับมาอีก หลายเดือนมานี้ นับตั้งแต่ออกมาจากบ้านสุรีย์ฉาย มาลารินไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากสมจิตรอีกเลย กระทั่งเมื่อวานที่อีกฝ่ายโทรมาหาเธอ คำพูดคำจาแปลก ๆ เกี่ยวกับอนงค์ทำให้เธอไม่อาจวางใจลงได้ เธอเป็นห่วงอนงค์อย่างสุดซึ้ง จึงตัดสินใจลางาน และมาธารินหยุดเรียนเพื่อจะมาเยี่ยมอนงค์สักครั้ง ประตูเหล็กบานเล็กเปิดออก สมจิตรยืนรออยู่ เมื่อได้เห็นสองพี่น้องหญิงชราก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “เอ็งสบายดีจริง ๆ สินะลาริน” สมจิตรลูบศีรษะมาลารินเบา ๆ เมื่อได้เห็นแววตาที่สว่างไสวกว่าเมื่อก่อนก็ทำให้เธอเบาใจ สิ่งที่สมจิตรปรารถนามีเพียงให้สองพี่น้องประสบพบกับความสุขเท่านั้น “ไม่เจอนาน เอ็งสูงขึ้นแล้วนะธาริน” “ใช่ครับย

  • เกลียดเธอที่สุด   บทที่ 30 สังหรณ์ใจ

    บทที่ 30สังหรณ์ใจ ผ่านมากว่าสองสัปดาห์สำหรับการเรียนรู้งานจากมาลาริน วันนี้เป็นครั้งแรกที่มาลารินจะให้พีรพลฝึกรับสายจากลูกค้าจริง “ทำใจให้สบายนะคะ” มาลารินเอ่ยกับเขายิ้ม ๆ “ทำใจให้สบายนี่ ฟังดูแปลก ๆ นะคุณ” พีรพลเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ เขาหยิบหูฟังแบบครอบหูขึ้นมาสวมใส่ ท่าทางมั่นใจเต็มร้อย “แต่ผมสบาย ๆ อยู่แล้ว” “โอเค” มาลารินพยักหน้าเบา ๆ เธอกดปุ่มเริ่มระบบการทำงานให้กับเขา และสายแรกดังเข้ามาทันที “สวัสดีครับ บริษัท...พีรพลรับสาย ยินดีให้บริการครับ” น้ำเสียงที่ชัดเจนฟังดูมั่นใจของพีรพลดังไปตามสาย “จ่ายตังค์ค่าเน็ตไปแล้ว ทำไมยังใช้งานไม่ได้วะ!” น้ำเสียงห้วนจัดของลูกค้าดังตอบกลับมาอย่างไม่สบอารมณ์ ทำให้พีรพลสะดุ้งเล็กน้อย แต่เขายังเก็บอาการ “ไม่ทราบว่าผมเรียนสายกับคุณผู้ชายอะไรครับ” พีรพลถามกลับไปอย่างสุภาพ “มึงไม่แหกตาดูเลยหรือไง กูโทรไปชื่อกูก็ต้องขึ้นดิ!” ลูกค้าที่อยู่ปลายสายเริ่มหยาบคาย พีรพลหันมาสบตามาลารินอย่างขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าเธอฟังสายไปพร้อมกับเขา เธอหยิบหูฟังขึ้นมาแล้วกดโอนสายของลูกค้ามาที่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status