Share

บทที่ 11

“หวาน”

กู้หนานเยียนเอ่ย “นี่คุณไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ แถมยังจะไม่มีลูกกับฉันอีก”

ลู่เป่ยเฉิงอุ้มเธอขึ้นมาก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องน้ำ “มีสิ”

กู้หนานเยียนยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ “ขอบคุณค่ะบอส”

ก่อนหน้านี้เธอเรียกร้องอย่างเร่าร้อน แต่ทันทีที่ลู่เป่ยเฉิงเพิ่งจะวางเธอลงในอ่างอาบน้ำ ใครบางคนก็หลับไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทันที

เดิมทีลู่เป่ยเฉิงคิดจะพาเธอเข้านอนด้วยความประนีประนอมและใจดีสักหน่อย

แต่สุดท้าย สีหน้าของเขามืดหม่นลงเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าตัวเองโดนหลอกเข้าให้แล้ว

——

เช้าวันต่อมา

เมื่อกู้หนานเยียนลืมตาตื่นขึ้นมา หัวของเธอก็ปวดจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

เธอจำสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนไม่ได้เลย

พอตื่นมาลู่เป่ยเฉิงก็ไม่ได้อยู่กับเธอแล้ว

และหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ข่าวของลู่เป่ยเฉิงอีกเลย

ฉินไห่อวิ๋นได้โทรมาถามถึงสถานการณ์ของพวกเขาทั้งสองคน กู้หนานเยียนจึงได้ส่งข้อความหาเขา

ไม่นานนัก เซี่ยเฉิงก็โทรกลับหาเธอ และบอกว่าลู่เป่ยเฉิงออกไปทำงานข้างนอกแล้ว

จนกระทั่งถึงคืนวันศุกร์ เพื่อนร่วมงานในสำนักงานกฎหมายต่างเลิกงานกันหมดแล้ว เหลือเพียงแค่กู้หนานเยียนเท่านั้นที่ยังทำงานล่วงเวลาอยู่

ขณะที่เธอกำลังพลิกดูเอกสารในมือ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น

กู้หนานเยียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองจอ

แต่เมื่อเธอได้เห็นชื่อสามพยางค์ของลู่เป่ยเฉิงแล้ว ท่าทางที่กำลังอ่านเอกสารของเธอก็ชะงักไปในทันที

แต่งงานกันมาได้สองปี นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาเป็นฝ่ายโทรหาเธอก่อน

เมื่อได้สติกลับคืนมา เธอก็เห็นว่าใกล้จะสองทุ่มแล้ว กู้หนานเยียนจึงรับสายทันที “กลับมาแล้วเหรอคะ?”

ลู่เป่ยเฉิงเอ่ยนิ่ง ๆ จากปลายสายโทรศัพท์ “อืม!”

“งั้นก็ถึงบ้านแล้วน่ะสิ!” หลังจากพูดจบ กู้หนานเยียนก็เอ่ยต่อทันที “งั้นคุณไปอาบน้ำก่อน คุณอาบเสร็จฉันก็น่าจะกลับถึงบ้านพอดี”

...ลู่เป่ยเฉิงหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที

หลังจากนั้นเขาก็ตัดสายไป

ปึก! ลู่เป่ยเฉิงโยนโทรศัพท์ลงตรงคอนโซลรถอย่างหมดความอดทน เขาอยากจะเปิดสมองของกู้หนานเยียนมาดูจริง ๆ ว่าทั้งวันเธอคิดอะไรอยู่กันแน่

สายถูกตัดไปแล้ว แต่กู้หนานเยียนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เธอเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เรียบร้อยก่อนจะหิ้วกระเป๋า เพื่อเตรียมจะเลิกงาน

ผ่านไปสักพัก เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่างด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นรถมายบัครุ่นลิมิเต็ดของลู่เป่ยเฉิงโดยทันที

รถที่ทันสมัยกับเลขบนป้ายทะเบียน 666 ที่พ่วงมากับรถทำให้รถยิ่งดูโดดเด่นมากขึ้นไปอีก

เธอนึกว่าเซี่ยเฉิงเป็นคนขับรถมา แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ กลับไม่เห็นว่าเซี่ยเฉิงจะเดินลงจากรถมาเปิดประตูให้เธอ กู้หนานเยียนจึงรู้ว่าลู่เป่ยเฉิงเป็นคนมารับเธอในวันนี้

แต่งงานกันมาได้สองปี นี่ก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ลู่เป่ยเฉิงมารับเธอด้วยตัวเอง

เมื่อก่อนเขาไปรับไปส่งเธอบ่อยมาก แต่หลังจากเหตุการณ์ใน ‘ครั้งนั้น’ พวกเขาก็ไม่ได้รักใคร่กลมกลืนกันแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว

เมื่อเปิดประตูฝั่งที่นั่งผู้โดยสารแล้ว กู้หนานเยียนก็เข้าไปนั่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ตรงมารับจากสนามบินเลยเหรอคะ?”

“อืม!” เขาเหลือบมองกู้หนานเยียนด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเธอคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้วเขาจึงสตาร์ทรถทันที

คืนนี้ลู่เป่ยเฉิงทั้งโทรหาและมารับเธอด้วยตัวเองเลย หลังจากที่สตาร์ทรถแล้ว กู้หนานเยียนก็จ้องมองใบหน้าของเขาอย่างไม่ละสายตา

สายตาที่พ่วงไปด้วยรอยยิ้มของกู้หนานเยียนทำให้ลู่เป่ยเฉิงต้องยกมือขวาขึ้นมาใช้นิ้วดันหน้าผากเธอออกไป “เธออย่ามามองผมแบบนี้”

กู้หนานเยียนเอ่ย “ชอบคุณจัง!”

มือซ้ายที่จับพวงมาลัยรถอยู่สั่นขึ้นมาจนทำให้รถทั้งคันสั่นไปสักพักหนึ่ง

ท่าทีของลู่เป่ยเฉิงทำให้กู้หนานเยียนยิ้มสดใสมากยิ่งขึ้นไปอีก

หลังจากนั้นเธอก็เลื่อนสายตาชำเลืองมองลงไปที่ด้านล่างของเขาทันที ก่อนจะเอ่ยแซว “ลู่เป่ยเฉิง คุณแข็งแล้วนะ”

......ลู่เป่ยเฉิง

ลู่เป่ยเฉิงยกมือขวาบีบใบหน้ากู้หนานเยียนให้เธอมองไปด้านหน้า “นี่เธอยังเป็นผู้หญิงอยู่หรือเปล่า?”

กู้หนานเยียนเอ่ย “งั้นรอกลับถึงบ้านค่อยมาพิสูจน์กัน”

ลู่เป่ยเฉิงเอ่ย “เธอนี่ไม่มียางอายอะไรเลยจริง ๆ”

ใบหูของลู่เป่ยเฉิงเริ่มแดงขึ้นมาเล็กน้อย กู้หนานเยียนรู้สึกมีความสุขสุด ๆ

เห็นได้ชัดว่าคนที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่เทียมฟ้าขนาดนี้ กลับหูแดงเพียงเพราะคำพูดสองแง่สองง่ามสองประโยคแค่นั้น

ลู่เป่ยเฉิงรังเกียจใบหน้ายิ้มแย้มของกู้หนานเยียนเป็นอย่างมาก

ดังนั้นทุกครั้งเวลาที่กู้หนานเยียนมองมาที่เขา เขาจะกันเธอออกไปเพื่อไม่ให้เธอมองเขาได้

สำนักงานกฎหมายของกู้หนานเยียนห่างจากอวี้หลินวาน โดยใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมง และตัวเธอก็ได้ยื้อยุดฉุดกระชากกับลู่เป่ยเฉิงไปรอบหนึ่ง เพราะลู่เป่ยฉิงไม่ยอมให้เธอมองเขาเลย ผ่านไปไม่นานกู้หนานเยียนก็บิดขี้เกียจและนอนหลับไปเลย

สายลมเย็นที่พัดเข้ามาในอากาศช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้นเย็นสบายมาก ทิวทัศน์ในระหว่างทางกลับบ้านก็อบอุ่นชื่นใจ

ลู่เป่ยเฉิงจับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะชำเลืองตามองไปยังกู้หนานเยียนที่นอนอยู่ด้านข้าง เขาเผลอยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงคำพูดคำจาแสนจะเลอะเทอะที่เธอเพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้

ความไร้ยางอายของกู้หนานเยียนนี้

ถ้าเธอยอมเป็นที่สองของโลก ก็คงไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่งแล้ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถก็มาจอดอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ในขณะที่ลู่เป่ยเฉิงปลดเข็มขัดนิรภัย และกำลังจะปลุกกู้หนานเยียนนั้น โทรศัพท์ที่เขาโยนไปไว้ด้านข้างก็ดังขึ้นมาทันที

เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นเย่ฉู่ที่โทรมา สีหน้าของลู่เป่ยเฉิงก็ตึงขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังรับสายอยู่ดี

ทันทีที่ลู่เป่ยเฉิงรับสาย น้ำเสียงของเย่ฉู่ที่ลอดผ่านโทรศัพท์นั้นมาพร้อมกับเสียงร้องไห้ “เป่ยเฉิง แม่ฉันป่วยกะทันหัน โทรหา 120 ไปแล้วแต่หมอก็ยังไม่มา ฉันกลัวมากเลยค่ะ เป่ยเฉิง! ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำยังไงดี”

หลังจากพูดจบ อีกฝ่ายก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก

ในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ลู่เป่ยเฉิงยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร ขนตาของกู้หนานเยียนก็เริ่มขยับเล็กน้อย

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status