Share

บทที่ 10

ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้ตรงดิ่งกลับมาบ้านหลังจากเลิกงานอย่างที่เขาคิด

ไม่นาน ป้าเจียงก็เข้ามาพร้อมกับของว่างและน้ำชา ลู่เป่ยเฉิงเผลอถามถึงการใช้ชีวิตประจำวันของกู่หนานหยาน ป้าเจียงจึงเล่า "บางครั้ง คุณนายก็ทำงานล่วงเวลาบ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ปกติก็กลับบ้านเร็วอยู่นะคะ"

"เวลาในตอนนี้ก็ยังไม่ดึกเท่าไร"

ยังจะไม่ดึกอีกเหรอ?

นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว

เธอมักจะบ่นว่าเขาไม่ค่อยกลับมา แต่ตัวเธอเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไรเลย

ลู่เป่ยเฉิงคิดว่าการที่ตัวเองสัญญากับกู้หนานเยียนว่าจะกลับมาสัปดาห์ละครั้ง กู้หนานเยียนก็คงอยู่บ้าน เฝ้ารอเขากลับมาด้วยความกระตือรือร้น

ที่ไหนได้ เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เขาจินตนาการไว้

ลู่เป่ยเฉิงยังคงยืนอยู่ตรงบานหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน ด้วยท่าทางล้วงสองมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง โดยไม่ได้เดินจากไป

เขาอยากจะรู้นักว่า คืนนี้กู้หนานเยียนจะกลับถึงบ้านกี่โมง

--

ในรถออดี้รุ่นเอสี่ชายหนุ่มจับพวงมาลัยด้วยมือสองข้าง เห็นกู้หนานเยียนพิงศีรษะไปที่หน้าต่างของรถ เขาถามขึ้น"ทนายกู้ คุณโอเคไหม?"

กู้หนานเยียนขมวดคิ้ว พร้อมกับวางมือขวาบนหน้าอก "ฉันไม่เป็นไร"

คืนนี้เธอเป็นตัวเอกของงาน เธอจึงดื่มหนักไปหน่อย

เมื่อครู่นี้ ทุกคนยังชวนกันไปร้องเพลงต่ออยู่เลย แต่กู้หนานเยียนทรงตัวไม่อยู่จนเดินเซ ผู้อำนวยการจึงให้เพื่อนร่วมงานส่งเธอกลับบ้านก่อน

สิบกว่านาทีต่อมา เมื่อรถขับเข้าไปในเขตบ้านเดี่ยวอวี้หลินวานตามที่กู้หนานเยียนบอกทาง ชายหนุ่มก็อดตกใจไม่ได้

อวี้หลินวานเป็นเขตบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ที่สุดในเมือง A ล้อมรอบด้วยภูเขาและลำธาร สภาพแวดล้อมงดงาม เป็นสวรรค์บนดินที่ผู้คนในเมือง A ใฝ่ฝัน แน่นอนว่าราคาที่ดินตอนนี้ก็สูงลิบลิ่วจนน่าตกใจเช่นกัน

คิดไม่ถึงว่ากู้หนานเยียนจะพักอยู่ในอวี้หลินวาน

เมื่อรถจอดเทียบตรงบ้านเลขที่ 1 ในอวี้หลินวานตามที่กู้หนานเยียนบอกทาง ชายหนุ่มก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่

ถ้าเขาจำไม่ผิดละก็ บ้านเลขที่ 1 ในอวี้หลินวานน่าจะเป็นบ้านที่ตั้งอยู่บนที่ดินเกือบร้อยเอเคอร์ ที่คนใหญ่คนโตในเมือง A คนหนึ่งกว้านซื้อไว้ เพื่อสร้างบ้านเดี่ยวหลังที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้

“ทนายกู้” เขาเรียกกู้หนานเยียน ระหว่างที่เขากำลังจะถามให้แน่ใจ จู่ ๆ ประตูใหญ่ที่หน้าบ้าน ก็เปิดออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นชายรูปร่างผอมสูง สวมชุดนอนสีเทาเข้มคนหนึ่ง เดินออกมาอย่างมีจังหวะด้วยสีหน้าเย็นชา

เมื่อเห็นหน้าชัดว่าเขาคนนั้นคือลู่เป่ยเฉิง เส้นเลือดบนหลังมือทั้งสองข้างของชายหนุ่มก็ปูดขึ้นมา ในขณะที่ยังอยู่ในท่าจับพวงมาลัยอยู่

"ประธานลู่" วินาทีต่อมา เขาก็รีบลงจากรถเพื่อไปทักทาย

ลู่เป่ยเฉิงเหลือบตามองเขาอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็เดินไปฝั่งประตูข้างคนขับ แล้วเปิดประตูออก

กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวกู้หนานเยียน ทำให้สายตาที่ลู่เป่ยเฉิงกำลังมองเธออยู่นั้น เย็นเฉียบเสียจนแทบจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว "กู้หนานเยียน ใครอนุญาตให้เธอไปดื่มเหล้าข้างนอก?"

กู้หนานเยียนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ ได้ยินเสียงของลู่เป่ยเฉิง เธอเงยหน้าขึ้น พูดอย่างแปลกใจว่า "เอ๊ะ! คุณกลับมาแล้ว!"

เห็นได้ชัดว่า เธอลืมข้อตกลงของพวกเขาเสียสนิทเลย

ทักทายกันเสร็จ กู้หนานเยียนส่งยิ้มให้ลู่เป่ยเฉิงแล้วก็ไปปลดเข็มขัดนิรภัยต่อ พึมพำในปากว่า"ทำไมถึงแกะไม่ออกสักที!"

แม้ลู่เป่ยเฉิงทำหน้ารังเกียจ แต่เขาก็ยังจะก้มลงไปช่วยเธอปลดเข็มขัดนิรภัยออก แถมยังอุ้มเธอลงจากรถด้วย

มือทั้งสองของกู้หนานเยียนกอดคอลู่เป่ยเฉิงตามสัญชาตญาณ แต่ปาก

กลับบอกว่า "ลู่เป่ยเฉิง ฉันไม่ได้เมา ปล่อยฉันลงมานะ ฉันเดินเองได้"

ลู่เป่ยเฉิงฟังแล้ว กลับอุ้มเธอไว้แน่นกว่าเดิมอีก

ราวกับจะแสดงความเป็นเจ้าของ

ที่ประตูทางเข้านั้น ชายหนุ่มตกตะลึงตาค้างจนพูดอะไรไม่ออก

ไม่แปลกที่ทนายกู้จะสามารถเซ็นเป็นตัวแทนทางกฎหมายของลู่กรุ๊ปได้ ที่แท้ก็มีความเกี่ยวดองกับประธานลู่แบบนี้นี่เอง

นึกถึงสายตาของลู่เป่ยเฉิงที่มองมาเมื่อกี้ ชายหนุ่มก็ตัวสั่นระริกขึ้นมาทันที

หวังว่าประธานลู่คงไม่เข้าใจอะไรผิดนะ!

นึกถึงจุดนี้ เขาจึงรีบมุดเข้าไปหยิบกระเป๋าของกู้หนานเยียนในรถออกมา "ประธานลู่ นี่คือกระเป๋าของทนายกู้ครับ" แล้วอธิบายต่อ "ประธานลู่ คืนนี้สำนักงานของเรามีงานเลี้ยงสังสรรค์ ผมแพ้แอลกอฮอล์ ดื่มเหล้าไม่ได้ จึงอาสาขับรถมาส่งเพื่อนร่วมงานทุกคนครับ”

ลู่เป่ยเฉิงรับกระเป๋าที่ชายหนุ่มยื่นมาแล้วพูดแบบเรียบ ๆ "ขอบใจ!"

"ด้วยความยินดีครับ ประธานลู่"

ชายหนุ่มมองดูทั้งสองคนเดินเข้าบ้านที่ประตู จนกระทั่งกู้หนานเยียนถูกลู่เป่ยเฉิงอุ้มเข้าไปในตึก เขาก็ยังไม่ได้สติกลับมา

ที่แท้ทนายกู้ก็มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้นี่เอง

ดูเหมือนว่าสำนักงานกฎหมายของพวกเขา กำลังจะได้อัพเกรดอีกหลายระดับเลยทีเดียว

พออุ้มกู้หนานเยียนกลับมาถึงห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ลู่เป่ยเฉิงก็โยนเธอลงบนโซฟาแล้ว ลากเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ มานั่งลงตรงหน้าเธอ ทำท่าราวกับจะทำการสอบสวน

“กู้หนานเยียน ผู้ชายคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอจริงไหม เขาส่งเธอกลับมาโดยเฉพาะ หรือเขาก็ส่งคนอื่นรวมทั้งเธอด้วย?”

ชายคนเมื่อกี้ดูขาวสะอาด สุภาพเรียบร้อย เป็นประเภทคนที่กู้หนานเยียนชอบมอง

กู้หนานเยียนกอดหมอนอยู่ เหลือบตามองลู่เป่ยเฉิงด้วยอาการเมามาย "ลู่เป่ยเฉิง คุณหึงแล้วใช่ไหม?"

ยิ่งลู่เป่ยเฉิงอยากรู้มากเท่าไร กู้หนานเยียนก็ยิ่งไม่อยากบอกให้เขารู้มากขึ้นเท่านั้น

ใครให้เขามักจะทำให้เธออยู่ไม่เป็นสุขตลอดเวลา มักจะมีเรื่องอื้อฉาวต่าง ๆ นา ๆ อยู่เสมอล่ะ?

ลู่เป่ยเฉิงจ้องตรงที่ตาเธอ จุดบุหรี่ให้ตัวเองม้วนนึง เห็นกู้หนานเยียน

ขมวดคิ้ว เขาสูบทีเดียว แล้วก็ดับบุหรี่ทิ้ง "กู้หนานเยียน เธออย่าแกล้งซื่อไปหน่อยเลย ตอบคำถามเมื่อกี้ของผมก่อน"

กู้หนานเยียนหัวเราะ โยนหมอนในอ้อมแขนทิ้ง ลุกขึ้นจากโซฟาไปนั่งคร่อมบนตักของลู่เป่ยเฉิงพร้อมกับกอดคอเขา "ลู่เป่ยเฉิง ฉันอยากให้คุณกอดฉัน"

คืนนี้เธอเหล้าเข้าปาก อาศัยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

ในขณะที่คิดว่าลู่เป่ยเฉิงจะต้องโกรธแน่ ๆ จะต้องผลักเธอออกห่างแน่ ๆ ใครจะรู้ว่าเขากลับโอบเอวเธอด้วยมือทั้งสองอย่างอ่อนโยน ดึงเธอเข้ามาแล้วกอดไว้ ร่างทั้งสองจึงแนบชิดยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ความหงุดหงิดในใจได้ลดลงเล็กน้อย ลู่เป่ยเฉิงยกคางของกู้หนานเยียนขึ้นด้วยสองนิ้ว มองดูใบหน้าของเธอแล้วยกมุมปาก"ร้อนตัวแล้วอ้อนผมเหรอ?"

กู้หนานเยียนผละออกจากมือของเขา ซุกหน้าที่คอของเขาแล้วถูไปมา "ลู่เป่ยเฉิง ฉันง่วงแล้ว อยากไปนอนจังเลย"

ร่างกายของกู้หนานเยียนนุ่มนิ่มเหมือนแมว ลู่เป่ยเฉิงก็พลันใจอ่อนไปด้วย เขาเอ่ย "กู้หนานเยียน ห้ามมีครั้งต่อไปอีกนะ"

หากครั้งต่อไป เธอยังดื่มมากขนาดนี้ แถมยังจะมีผู้ชายมาส่งเธอกลับมา ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์หรือไม่ก็ตาม เขาก็ไม่มีทางที่จะคุยง่ายขนาดนี้หรอก

กู้หนานเยียนไม่ได้สนใจกับคำเตือนของเขา เธอเอนกายพิงที่ไหล่ของเขา ราวกับว่าไร้กระดูก และริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเธอก็ถูไปมาบนหน้าของเขา "ลู่เป่ยเฉิง ฉันอยากจูบคุณ"

......ลู่เป่ยเฉิงจับแขนทั้งสองของเธอไว้ ผลักเธอออกห่างอย่างเบามือ "เธออย่ามาได้คืบจะเอาศอก"

“ไม่ให้จูบเหรอ?” กู้หนานเยียนนั่งตัวตรง “งั้นฉันจะไปจูบคนอื่นแทน”

พูดจบ เธอก็ทำท่าจะลุกจากลู่เป่ยเฉิง

ลู่เป่ยเฉิงเริ่มหน้าบึ้ง เขาโอบเอวของเธอไว้แล้วดึงตัวเธอกลับมา

เธอเซแล้วล้มลงในอ้อมแขนของลู่เป่ยเฉิง ทำให้หน้าผากของกู้หนานเยียนชนเข้ากับหน้าผากเขาพอดี และริมฝีปากก็ประกบกับริมฝีปากของเขาพอดีอีกด้วย

ริมฝีปากอันอบอุ่นของทั้งสองสัมผัสกันละกัน ริมฝีปากของลู่เป่ยเฉิงมีกลิ่นหอมสดชื่นมาก แต่ของกู้หนานเยียนเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า

กู้หนานเยียนกลืนน้ำลาย กำลังเตรียมถอยออกห่างจากลู่เป่ยเฉิง ทว่าลู่เป่ยเฉิงกลับโน้มตัวเข้าหาแล้วจูบเธอ

กู้หนานเยียนหลับตาลง ยกแขนขึ้นไปกอดคอของเขาไว้

จูบอย่างเร่าร้อนไปสักพัก กู้หนานเยียนก็มองลู่เป่ยเฉิงด้วยหน้าตาสับสน ถามขึ้นว่า "ลู่เป่ยเฉิง ฉันหอมหวานหรือเปล่า"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status