Share

ข้าเป็นห่วงเจ้าอย่างไรล่ะ

last update Last Updated: 2025-11-18 01:00:58

10

ข้าเป็นห่วงเจ้าอย่างไรล่ะ

"คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย อยู่ ๆ ผู้เป็นนายก็ล้มป่วยหลังจากตกบ่อบัวก็ผ่านมาเกือบเจ็ดวันแล้วเหตุใดนายของตนเองจึงมาป่วยเอาตอนนี้ได้

"ข้าไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องห่วงมากนัก อีกสองสามวันข้าก็หายแล้ว เจ้าไปเอาน้ำที่ข้าทำไว้เมื่อวานมาให้ที" น้ำเสียงหวานแหบแห้งบอกกล่าวแก่สาวใช้คนสนิท ผู่เย่ว์พยักหน้ารับคำแล้วเดินไปเอาน้ำในกาที่ผู้เป็นนายทำไว้ราวกับนางรู้ล่วงหน้าว่าตนเองจะล้มป่วย

"ผู้เย่ว์ นายเจ้าอยู่ที่ใด ยามนี้นางต้องอยู่ในควรไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงไม่เห็นนางหรือนางอยู่ที่แปลงผัก" อันอี้เฉินกล่าวจบก็หมุนตัวหมายจะไปทางแปลงผักข้างเรือน แต่ถูกผู่เย่ว์เรียกไว้เสียก่อน

"คุณหนูป่วย นอนอยู่ในเรือนเจ้าค่ะคุณชาย"

"เหตุใดจึงกะทันหันเช่นนี้ แล้วนี่นางเป็นอย่างไรบ้าง ตามหมอแล้วหรือ" ผู้มาใหม่ถามด้วยความเป็นห่วงจิตใจกระวนกระวาย กลัวนางจะสิ้นลมดังคราวตกบ่อบัว ยังไม่ทันที่ผู่เย่ว์จะตอบอันอี้เฉินก็ตรงไปยังห้องพักของเจียงถิงถิง โดยมีผู่เย่ว์ถือกาน้ำวิ่งตามมาติด ๆ

"เดี๋ยวเจ้าค่ะคุณชาย"

"ท่านมาทำสิ่งใดในห้องของข้ากัน" เจียงถิงถิงหรี่ตาสู้แสงสว่างที่สาดส่องมายังห้องนอนมองบุรุษตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยถามอย่างงุนงงว่าเหตุใดจึงมีบุรุษบุกห้องนอนตนเองเช่นนี้ นางหยัดกายลุกนั่งเชื่องช้าเมื่อจำได้ว่าตนเองไม่ได้สวมใส่อาภรณ์ชั้นนอกก็รีบดึงผ้าห่มบนเตียงมาคลุมกาย

"ข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจเสียมารยาทเช่นนี้" อันอี้เฉินยืนหันหลังให้ผู้เป็นเจ้าของห้อง จากนั้นจึงกล่าวขอโทษที่ใจร้อนถือวิสาสะเข้ามาในห้องส่วนตัวไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้

"แค่ก ๆ ผู่เย่ว์น้ำข้าเล่า"

"อยู่นี่เจ้าค่ะคุณหนู" รินน้ำเสร็จนางจึงขยับไปยืนชิดริมเตียงใหญ่ของผู้เป็นนายเพื่อรอรับคำสั่งอื่นต่อ

"ท่านมีธุระอันใดงั้นหรือจึงรีบร้อนเช่นนี้" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามพร้อมกันก็หย่อนขาสองข้างลงบนพื้น สวมรองเท้าแล้วเรียกผู่เย่ว์มาประคองหมายจะออกไปพูดคุยกับอันอี้เฉินนอกห้อง

"ข้าก็เป็นห่วงเจ้าอย่างไรล่ะ ถามแปลกเสียจริง"

"ท่านมาห่วงข้าด้วยเรื่องอันใดกัน" คนล้มป่วยถามกลับ ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งคู่เป็นสหายกันแต่ก็คิดว่าเขาใจร้อนเกินเหตุไปเสียหน่อย ขนาดลืมไปว่าเขาและนางอยู่ในฐานะน้องสามีและพี่สะใภ้

"เอ่อ…ก็เจ้าเป็นสหายข้า ข้าห่วงกลัวเจ้าจะหมดลมมันแปลกอย่างไรเล่า แล้วนี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"

"ข้าไม่ได้เป็นหนัก อีกเพียงวันสองวันก็หายแล้ว ท่านไม่ต้องห่วงมากไป" เจียงถิงถิงบอกด้วยความมั่นใจผ่านน้ำเสียงแหบแห้ง

อันอี้เฉินเดินตามเจียงถิงถิงออกไปที่โต๊ะหินอ่อนหน้าห้อง จากนั้นจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามนางสายตาคู่คมจับจ้องร่างอวบอิ่มที่ตอนนี้ดูซูบลงกว่าเดิม แม้ไม่ได้มากมายแต่ก็ยังเห็นได้ชัด ริมฝีปากที่เคยแห้งแตกกลับดูชุ่มชื้นขึ้นมาก น่าแปลกใจนักนางทำได้อย่างไรให้ตนเองป่วยแต่กลับดูงดงามขึ้นเช่นนี้

ไม่รู้เผลอคิดในใจนานเท่าใด สตรีตรงหน้าจึงเคาะโต๊ะหินอ่อนเรียกสติเขาเบา ๆ

"ว่าอย่างไร"

"ข้าต้องถามท่านต่างหากเล่า มีสิ่งใดจึงมาหาข้า"

"ข้าก็มาที่นี่ทุกวันเจ้าจะถามไปทำไม" อันอี้เฉินตอบเสียงเบาแล้วหลบตานาง เขาไม่รู้ว่าทำไปทำไม หากแต่รู้สึกว่าตนเองยังไม่อาจสู้สายตานางในตอนนี้ได้

"หากหิวท่านต้องไปกินที่อื่นแล้ว ข้าไม่มีอารมณ์มาทำอาหารหรอก แค่ก ๆ "

ในเมื่อไม่มีธุระใดต้องอยู่ต่อเขาจึงยื่นซองสีขาวที่ญาติผู้พี่ฝากมาให้นาง จะได้รีบกลับเพื่อให้นางได้พักผ่อน เจียงถิงถิงมองซองสีขาวตรงหน้าด้วยความสงสัยหยิบมามันพลิกไปพลิกมาพินิจอยู่ครู่เดียว

"ท่านพี่ฝากข้ามาให้เจ้า"

"งั้นเหรอ งั้นนี่ก็หนังสือหย่าน่ะสิ โอ้ย ดีใจจริง ๆ เธอเป็นอิสระแล้วนะถิงถิง" คนป่วยพรั่งพรูวาจาออกมาอย่างตื่นเต้น และวาจาเหล่านั้นผิดแปลกจากเดิมมากนักคล้ายนางลืมตัวไปชั่วขณะว่าตนเองป่วยอยู่

"เจ้าว่าหนังสือหย่างั้นหรือ" คำถามจากสหายทำให้นางคิดหนักไม่รู้จะโกหกหรือบอกความจริงเขาไปตรง ๆ แต่ก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าตนได้มาอยู่ในร่างนี้ก็เพราะเคยกล่าววาจาโกหกผู้อื่น

"ใช่ ข้ากับญาติผู้พี่ของท่านเราหย่ากันแล้ว เพียงแต่ข้าต้องอยู่ที่นี่อีกหนึ่งปีจึงจะเป็นอิสระจริง ๆ" นางตัดสินใจว่าจะไม่โกหกสหายเพียงคนเดียว และตัดสินใจจะไม่ผลักไสบุรุษผู้นี้หากไม่ได้เขานางคงอยู่อย่างเดียวดายจนตายคาเรือน

"เช่นนั้นก็ดี ดีแล้ว ฮ่า ๆ" อันอี้เฉินกล่าวจบก็หัวเราะขบขัน จนผู่เย่ว์และเจียงถิงถิงมองตามแววตาขุ่นข้องไม่เข้าใจว่าเขาหัวเราะมากมายด้วยเรื่องอันใด

"ข้าหย่า ไม่ใช่ท่านหย่าเสียหน่อย เหตุใดจึงดีใจเช่นนั้น"

"ขะ..ข้าก็ดีใจแทนเจ้าอย่างไรล่ะ เจ้าไม่เคยอยากอยู่ที่นี่ต่อไปจะได้ไม่ต้องทนถูกรังแกอีก" เสียงนุ่มคุ้นหูกล่าวด้วยรอยยิ้มละมุน เขาดีใจแทนนางจากใจแต่ก็ไม่มั่นใจว่าเหตุใดดีใจแทนนางถึงเพียงนี้

"ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้ารังแกข้าแล้วเช่นกัน ยกเว้นก็แต่ท่านเท่านั้น"

"ข้าหรือ ข้าไปรังแกเจ้าเมื่อใดกัน" จากจะได้พักผ่อนนางจำต้องนั่งถกเถียงกับอันอี้เฉินอีกเกือบสองเค่อ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   ตัดสินใจ [END]

    29ตัดสินใจ“ข้าไม่ได้ขู่ท่าน ข้าเพียงเตือนท่านเท่านั้นว่าข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้นางลำบากใจอีก”“ท่านมาตั้งแต่เมื่อใด” เจียงถิงถิงลุกจากที่นั่งแล้วเงยหน้าถามชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ นางมาที่นี่กับผู่เย่ว์ซึ่งรออยู่ด้านนอกเหตุใดอันอี้เฉินจึงพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้อันอี้เฉินรู้จากคนงานที่ร้านบะหมี่ว่าเจียงถิงถิงนัดพบกับหยุนฮ่าวหรานที่โรงน้ำชาจึงรีบตามมา เขาเกรงว่านางจะถูกหยุนฮ่าวหรานบีบบังคับให้กลับไปยังสกุลหยุน“ข้ารีบตามมาเกรงว่าเจ้าจะถูกญาติผู้พี่รังแก”“เหตุใดข้าต้องรังแกนาง”“คนอย่างหยุนฮ่าวหรานจะทำสิ่งใดข้าได้เล่า ท่านคิดมากไปแล้ว ไม่รู้จักข้าหรืออย่างไร” เจียงถิงถิงตอบคำถามของอันอี้เฉินด้วยรอยยิ้มขบขัน นึกเอ็นดูสิ่งที่เขาห่วงนางไม่รู้ว่าเขาห่วงหรือหึงหวงนางกันแน่ แต่ภายในกลับรู้สึกดีจนสิ่งที่อยู่ด้านในเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวเนียนเปล่งสีแดงระเรื่อลามไปทั่วพวงแก้ม

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   หลักฐาน

    28หลักฐานผ่านพ้นวันเปิดร้านไปเพียงหนึ่งวันเจียงถิงถิงก็ให้คนนำเทียบเชิญไปส่งที่ตระกูลหยุน นัดหมายพูดคุยกับคนที่จ้างให้ผู้อื่นมาก่อกวนร้านนางเมื่อวาน พอเห็นใบหน้างดงามที่เฝ้านึกถึงมาตลอดแม้จะไม่สามารถมาพบได้หยุนฮ่าวหรานก็รีบลุกไปต้อนรับ“เจ้ามาแล้วหรือ มานั่งเถิด ข้าให้คนเตรียมชาเขียวไว้ให้ เจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่”“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินข้าวกับท่าน”“เช่นนั้นเจ้าส่งเทียบเชิญให้ข้าเพราะเหตุใด” หยุนฮ่าวหรานถามด้วยความสงสัยราวกับไม่รู้ว่านางส่งเทียบเชิญให้เขาเพราะสิ่งใด ใบหน้ายิ้มแย้มในคราแรกพลันหายไปเหลือเพียงใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอเห็นเทียบเชิญจากนางเขาก็รีบให้บ่าวคนสนิทไปตอบรับคำเชิญ แต่นางไม่ยอมไปที่ตระกูลจึงเปลี่ยนมาเจอกันในโรงน้ำชาใกล้ร้านบะหมี่แทน“ท่านไม่รู้หรือว่าข้ารู้เรื่องที่ท่านเป็นผู้จ้างคนมาป้ายสีร้านข้าใช่หรือไม่”

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   ถิงถิง

    27ถิงถิง“ท่านบอกว่าเงินกินบะหมี่นี่เป็นเงินอีแปะสุดท้ายใช่หรือไม่” เมื่อนึกถึงตอนอยู่ในโรงน้ำชาได้นางจึงสอบถามเขาอีกครา นางจะเปิดโปงคนสารเลวผู้นั้นให้ได้ บังอาจมากที่มาทำเช่นนี้กับร้านของนาง“ใช่ทั้งเนื้อทั้งตัวข้ามีเงินเพียงหนึ่งอีแปะ หากไม่ใช่เพราะท่านคิดค่าบะหมี่เพียงครึ่งเดียวข้าจะมากินร้านท่านหรือ แต่หากรู้ว่าคิดราคาเพียงครึ่งแล้วสกปรกเช่นนี้ข้าก็คงไม่มาเช่นกัน”“เหลียวต่ง ไปค้นผ้าคาดท้องของบุรุษผู้นั้นทีมียี่สิบตำลึงอยู่หรือไม่” ราวกับล่วงรู้ว่าเจียงถิงถิงคิดจะทำสิ่งใดต่อไป อันอี้เฉินจึงหันไปสั่งบ่าวคนหนึ่งของตนซึ่งเป็นบุรุษเพียงสองคนในร้าน เหลียวต่งค้อมตัวรับคำผู้เป็นนายก่อนจะเดินเข้าไปหมายจะตรวจค้นร่างกายเขาตามที่ผู้เป๋นเจ้านายบอก ยังไม่ทันได้แตะตัวชายผู้นั้นก็ปัดป้องเป็นพัลวันราวกับกลัวว่าจะมีผู้ใดแตะต้องตนเอง ใบหน้าซีดเผือดหลบซ้ายหลบขวา เหลียวต่งไม่อยากใช้กำลังกับลูกค้าในร้า

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   ก่อกวน

    26ก่อกวนเปิดร้านวันแรกผู้คนก็พากันมาลองลิ้มชิมรสจนร้านเต็มตั้งแต่เปิด เจียงถิงถิงนางแทบไม่ได้พักเหนื่อยเลย เถ้าแก่อีกคนของร้านจึงเดินไปยืนด้านหลังขณะที่นางกำลังตักน้ำแกงใส่บะหมี่ ผ้าเช็ดหน้าผืนบางสีขาวสะอาดถูกยื่นมาซับเหงื่อบนใบหน้างดงามเบามือ นางชะงักมือตกใจก่อนจะหันกลับไปมองผู้ที่เข้ามาด้านหลังโดยที่นางไม่รู้ตัว“ท่านเอง ข้านึกว่าผู้ใด มาไม่บอกไม่กล่าว ข้าตกใจหมด”“จะมีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เจ้าเช่นนี้อีก”“ผู่เยว์อย่างไรเล่า”“ไม่เหนื่อยหรือ พักบ้างเถิดเจ้าทำบะหมี่มาครึ่งค่อนวันแล้ว” ซับเหงื่อไปก็บ่นไปทั้งที่ถูกตำหนิแท้ ๆ แต่เจียงถิงถิงกลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้มนางมีความสุขเพราะตนเองได้ทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องคิดถึงชื่อเสียงผู้ใด นางไม่คิดว่าจะมีร้านบะหมี่เล็ก ๆ จะมีลูกค้าจนไม่ได้พักเช่นนี้“เถ้าแก่ บะหมี่ได้หรือยัง”

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   เปิดร้าน

    25เปิดร้านเพียงหกวันชั้นล่างโถงกลางของตึกไม้ด้านหน้าก็ถูกเจียงถิงถิงตกแต่งให้เป็นร้านบะหมี่ขนาดเล็ก มีโต๊ะให้นั่งกินบะหมี่สี่ตัว นางไม่ได้ต้องการมีร้านใหญ่โตจึงไม่ได้ใช้พื้นที่ในเรือนไม้ทั้งหมด นางใช้พื้นที่เพียงหนึ่งในห้าของเรือนเท่านั้น“ท่านว่าเท่านี้ พอหรือไม่” เจียงถิงถิงร้องถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่มุมด้านในสุดของร้าน เขายืนมองนางวางถาดใส่กาชาบนโต๊ะทุกตัวจนเสร็จ พอเสร็จก็หันมาถามเขาหลายหน อันอี้เฉินมองนางอย่างขบขันเขาคิดว่านางคงกำลังคิดมากเรื่องเปิดร้านวันพรุ่งนี้จึงได้ย้ายกาชายกเก้าอี้ไปทางนั้นทีทางนี้ที“นี่เจ้าย้ายมันรอบที่สิบแล้ว”“ข้ากลัวว่ามันยังดีไม่พอ”“เจ้าไม่ได้เปิดภัตตาคารเสียหน่อย กังวลสิ่งใดกัน แค่บะหมี่อร่อยก็เพียงพอแล้วสำหรับร้านขายบะหมี่ และบะหมี่ของเจ้าอร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมา หากเปิดแล้วเกรงว่าร้านคงไม่พอให้ผู้คนนั่งแน

  • เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นคุณหนูร้อยโลที่สามีเมิน   ข้าก็เป็นครั้งแรกของเจ้า

    24ข้าก็เป็นครั้งแรกของเจ้ารถม้าสามคันที่อันอี้เฉินจ้างมาขนของมุ่งตรงไปยังตรอกการค้าที่ผู้คนพลุกพล่าน จากสกุลหยุนมาถึงตรอกการค้ากลางเมืองใช้เวลาครึ่งชั่วยาม รถม้าทั้งหมดหยุดลงที่หน้าเรือนไม้ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นที่ทำงานสำหรับผู้คนยากไร้ไม่มีที่ไป สามด้านถูกปิดล้อมไว้หมดมีเพียงด้านหน้าที่เปิดให้เข้าออกได้ข้าวของต่าง ๆ รวมถึงสินเดิมของเจียงถิงถิงถูกยกเข้าผ่านทางเข้าเล็ก ๆ และผ่านตัวเรือนไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเข้าไปถึงเรือนหลัง ที่มีเรือนไม้ขนาดไม่ใหญ่มากกลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ด้านหลังเรือนไม้ ตรงกลางเป็นที่ดินโล่ง ๆ เหมาะแก่การทำแปลงผักของนางยิ่งนัก“ทำไมที่นี่จึงเปลียนไปมากมายเช่นนี้ หนก่อนที่ข้ามาที่ดินโล่ง ๆ นั่นยังไม่มีแปลงผักเลย” เจียงถิงถิงเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายขณะที่ทั้งสองเดินผ่านเรือนชั้นนอกเข้ามาชั้นใน พร้อม ๆ กับที่คนงานรับจ้างขนของเข้าไปวางไว้หน้าเรือน“ไม่กี่วันก่อนข้าให้คน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status