ログイン9
เจ้าอยากให้ข้าทำสิ่งใด
“ยามเซินแล้วท่านมาทำสิ่งใดที่เรือนข้าอีกเล่าคุณชายอี้เฉิน” เมื่อผู้เป็นสามีกลับไปเจียงถิงถิงจึงกลับมาสนใจผู้เป็นสหายที่คราแรกตั้งใจจะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วย แต่นางรู้สึกยอมแพ้ให้ความพยายามของเขาจึงปล่อยให้เป็นไปตามที่เขาอยากทำ อย่างไรเสียเขาก็เป็นสหายเก่าแก่เพียงคนเดียวดีเสียอีกจะได้มีเพื่อนคุย
"มารอกินข้าวฝีมือเจ้าอย่างไรล่ะ ข้ารู้จากผู่เย่ว์ว่าเจ้ามักจะทำอาหารยามนี้"
"อยากจะกินฝีมือข้ามันไม่ง่ายหรอกคุณชาย ท่านเองก็ต้องมาช่วยข้าจึงจะได้กิน" เจียงถิงถิงกล่าวด้วยน้ำเสียงชวนให้บุรุษตรงหน้างุนงง เขายกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสงสัยก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามนางไปเลยเสียยังดีกว่า
"แล้วเจ้าอยากให้ข้าทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ"
"มาสิ ตามข้ามา" นางพาตนเองเดินไปทางครัวในเรือน โดยมีอันอี้เฉินเดินตามไปไม่ห่าง
เมื่อเดินถึงครัวที่ถูกทำความสะอาดไว้เป็นอย่างดีก็พบกับผู่เย่ว์กำลังก่อไฟอยู่ที่เตา เจียงถิงถิงไหว้วานให้นางมาเตรียมของก่อน เสร็จจากงานสวนนางจึงจะตามมาลงมือทำเอง
"นั่นเจ้าทำสิ่งใด" เจียงถิงถิงหยิบมีดเล่มใหญ่ขึ้นมาชูไว้ราวกับกำลังจะฟาดมันลงมาบนตัวของเขา คนมาใหม่ตกใจรีบเอ่ยถามไปด้วยความตระหนก
"ทำอาหารอย่างไรล่ะ" เสียงผ่อนลมหายใจคล้ายโล่งอกของบุรุษตรงหน้าทำเอานางหลุดหัวเราะขึ้นมา พอตอบเขาแล้วจึงลงมือสับหมูบนเขียงเสียงดังลั่นครัว
อันอี้เฉินยืนมองท่าทางเชี่ยวชาญของนางยิ่งไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ท่าทางนี้ไม่ใช่เพียงวันสองวันจะมีได้ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเพลิดเพลิน นางสับหมูจนหมดก็ใช้มีดพลิกเนื้อหมูจากด้านหลังขึ้นมาสับต่อ เขาถอยหลังไปนั่งบนเก้าอี้ยกมือขึ้นมาเท้าคางราวกับกำลังดูงิ้วอย่างไรอย่างนั้น
"คุณชายอี้เฉิน คุณชาย อี้เฉิน ลุกมานี่ได้แล้ว" เสียงหวานเรียกหาอยู่หลายหนแต่บุรุษผู้นั้นกลับได้แต่นั่งมองนางอย่างล่องลอย ต้องเรียกซ้ำอีกหลายคราเขาจึงมีสติขึ้นมา แล้วลุกไปตามคำนางว่า
"เจ้าจะให้ข้าทำสิ่งใด" อันอี้เฉินถามขึ้นเมื่อตนเองมายืนหน้าอ่างไม้ขนาดกลางที่มีเนื้อหมูอยู่ภายใน เจียงถิงถิงหยิบเกลือขึ้นมาโรยไปบนเนื้อหมู น้ำหมักถั่วเหลืองสีดำ น้ำตาลปลายช้อน ตามด้วยพริกไทยดำที่ถูกทุบจนแหลกละเอียด
"นวดเนื้อหมูนี่ไง ท่านทำได้ใช่หรือไม่"
"แค่นี้เอง"
"เดี๋ยวก่อน…" ยังไม่ทันที่สองมือของคุณชายอันอี้เฉินจะแตะถูกเนื้อหมูก็ถูกสองมืออวบยั้งไว้ก่อน ผู้ถูกรั้งงุนงงเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันจะได้ถาม นางก็ตอบให้หายข้องใจเสียก่อนแล้ว
"มาล้างมือก่อนสิ จะทำอาหารทั้งที่ยังไม่ได้ล้างมือได้อย่างไร" เจ้าของเรือนกล่าวจบก็จูงมือเขาไปยังอ่างใส่น้ำ จับมือเขาจุ่มลงในอ่างทั้งถูทั้งขัด เจ้าของมือเรียวยาวมองตามสิ่งที่นางทำก็นึกขันในใจ แต่ความขบขันนั้นกลับแสดงออกทางใบหน้าอย่างชัดเจน บุรุษดวงหน้างดงามสายตาอบอุ่นดุจดวงตะวันทอดมองไปยังสตรีข้างกายด้วยความเอ็นดู ผู่เย่ว์เห็นมันได้อย่างชัดเจนนางเพียงยกยิ้มดีใจแต่ไม่ได้กล่าววาจาใดออกไป
หากคนที่แต่งกับคุณหนูของนางคือคุณชายอันอี้เฉินผู้นี้คงดีไม่น้อย
"เสร็จแล้ว ท่านไปนวดหมูให้เครื่องปรุงเข้าไปในเนื้อหมู นวดจนกว่าข้าจะบอกให้หยุด ทำได้ใช่หรือไม่"
"ได้สิ"
"เช่นนั้นก็ดี" เจียงถิงถิงยกยิ้มอย่างได้ใจราวกับว่าตนเองชนะเขาได้ แล้วจึงหันกลับไปปลอกแตงกวาลูกใหญ่เกือบหกลูกด้านหลัง
ผู่เย่ว์นั่งเฝ้าหม้อใบใหญ่ที่มีน้ำอยู่ครึ่งหม้อ ไอความร้อนเริ่มพวยพุ่งขึ้นจากน้ำนิ่งสนิทในหม้อ คุณหนูเจียงก็หยิบเกลือโยนลงไปในหม้อ ตามด้วยรากผักชี เห็ดหอม หัวไชเท้า รอให้น้ำเดือด
"แล้วเหตุใดเจ้าจึงหั่นมันใหญ่นัก" ผู้ที่กำลังนวดหมูอย่างแรงถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเจียงถิงถิงผ่าแตงกวาหนึ่งลูกเป็นสองซีก และมันก็ใหญ่จริงดังคำของอันอี้เฉินนางไม่เพียงไม่ตอบแต่ยังใช้มีดเล็กคว้านเอาไส้มันออกจนหมด
"นวดหมูเสร็จหรือยังคุณชายอี้เฉิน" พอนางเอายถามบุรุษผู้นั้นก็นวดแรงขึ้นจนกระทั่งอ่างไม้แตกออกจากกัน
"นี่ท่านโมโหที่ข้าใช้จนทำลายข้าวของเชียวหรือ"
"ไม่ ไม่ใช่เช่นนั้น ถิงถิงเจ้าเข้าใจผิดแล้ว โถ่"
"ฮ่า ๆ " คราแรกนึกว่านางจะโกรธที่ทำของแตกแต่นางกลับหัวเราะชอบใจ เมื่อเห็นท่าทางตระหนกลนลานของสหายเก่าแก่ผู้นี้เสียได้
นางจับอ่างไม้ให้ตั้งขึ้นจนเนื้อหมูไปรวมกันอยู่ที่อ่างอีกซีก
"เช่นนั้นช่วยข้าอีกสักหน่อยก็แล้วกัน" นางจับแตงกวาขึ้นมาถือไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างจับเนื้อหมูยัดใส่ตรงกลางแทนที่ใส่แตงกวาที่คว้านออกไปจนแน่น
อันอี้เฉินเองก็มองแล้วค่อย ๆ ทำตามอย่างเบามือในที่สุดเนื้อหมูทั้งหมดก็ถูกยัดไส้แตงกวาจนครบทุกลูก
"น้ำเดือดหรือยังผู่เย่ว์"
"เดือดนานแล้วเจ้าค่ะ บ่าวใส่ทุกอย่างที่คุณหนูสั่งจนครบหมดแล้วด้วยเจ้าค่ะ" สาวใช้คนสนิทตอบพร้อมกับมองผู้เป็นเจ้านาย นางกำลังหยิบแตงกวาทั้งหมดหย่อนลงไปในน้ำแกงเดือด ๆ ใส่จนหมดก็ไปทำสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยสักมื้อ ผ่านไปหนึ่งเค่อหนังไก่ทอดของชอบก็ถูกตักขึ้นจากกระทะร้อน ๆ พอดีกับที่ต้มจืดของนางได้ที่แล้ว
ผู่เย่ว์ยกชามต้มจืดแตงกวาที่เจ้านายบอกและชามหนังไก่ทอดออกไปวางที่โต๊ะ เจียงถิงถิงถือชามข้าวสองชามที่วานให้คุณชายอี้เฉินตัก นางยังกำชับให้เขาตักน้อย ๆ สองอุ๋งมืออีกต่างหาก คนไม่รู้เรื่องงานครัวจึงตักข้าวร้อน ๆ ใส่มือตนเองสองครา จนถูกเจียงถิงถิงดุเพราะหาเรื่องให้ตนเองมือพอง
เมื่ออาหารถูกยกมาจนหมดทั้งสามจึงนั่งกินข้าวด้วยกันบนโต๊ะ
"เป็นอย่างไร รสชาติดีหรือไม่" เจียงถิงถิงถามขึ้นทันทีที่สิ้นเสียงกัดหนังไก่ทอดของคุณชายอี้เฉิน อาหารชนิดนี้ต้องมีบนโต๊ะทุก ๆ มื้อของนาง อันอี้เฉินไม่แปลกใจเลยที่นางชอบเพราะคราแรกที่ได้กินเขาเองก็ชอบเช่นกัน
"ดีมาก ข้าไม่เคยรู้เลยว่ามีอาหารชนิดนี้อยู่ด้วย เจ้าไปจำมาจากไหนงั้นหรือ"
"จำมาจากไหนจะสำคัญอย่างไร ที่สำคัญคือมันอร่อยก็กิน ๆ ไปเถอะ เอาผู่เย่ว์เจ้าก็กินเสียสิ"
29ตัดสินใจ“ข้าไม่ได้ขู่ท่าน ข้าเพียงเตือนท่านเท่านั้นว่าข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำให้นางลำบากใจอีก”“ท่านมาตั้งแต่เมื่อใด” เจียงถิงถิงลุกจากที่นั่งแล้วเงยหน้าถามชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ นางมาที่นี่กับผู่เย่ว์ซึ่งรออยู่ด้านนอกเหตุใดอันอี้เฉินจึงพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้อันอี้เฉินรู้จากคนงานที่ร้านบะหมี่ว่าเจียงถิงถิงนัดพบกับหยุนฮ่าวหรานที่โรงน้ำชาจึงรีบตามมา เขาเกรงว่านางจะถูกหยุนฮ่าวหรานบีบบังคับให้กลับไปยังสกุลหยุน“ข้ารีบตามมาเกรงว่าเจ้าจะถูกญาติผู้พี่รังแก”“เหตุใดข้าต้องรังแกนาง”“คนอย่างหยุนฮ่าวหรานจะทำสิ่งใดข้าได้เล่า ท่านคิดมากไปแล้ว ไม่รู้จักข้าหรืออย่างไร” เจียงถิงถิงตอบคำถามของอันอี้เฉินด้วยรอยยิ้มขบขัน นึกเอ็นดูสิ่งที่เขาห่วงนางไม่รู้ว่าเขาห่วงหรือหึงหวงนางกันแน่ แต่ภายในกลับรู้สึกดีจนสิ่งที่อยู่ด้านในเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าขาวเนียนเปล่งสีแดงระเรื่อลามไปทั่วพวงแก้ม
28หลักฐานผ่านพ้นวันเปิดร้านไปเพียงหนึ่งวันเจียงถิงถิงก็ให้คนนำเทียบเชิญไปส่งที่ตระกูลหยุน นัดหมายพูดคุยกับคนที่จ้างให้ผู้อื่นมาก่อกวนร้านนางเมื่อวาน พอเห็นใบหน้างดงามที่เฝ้านึกถึงมาตลอดแม้จะไม่สามารถมาพบได้หยุนฮ่าวหรานก็รีบลุกไปต้อนรับ“เจ้ามาแล้วหรือ มานั่งเถิด ข้าให้คนเตรียมชาเขียวไว้ให้ เจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่”“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินข้าวกับท่าน”“เช่นนั้นเจ้าส่งเทียบเชิญให้ข้าเพราะเหตุใด” หยุนฮ่าวหรานถามด้วยความสงสัยราวกับไม่รู้ว่านางส่งเทียบเชิญให้เขาเพราะสิ่งใด ใบหน้ายิ้มแย้มในคราแรกพลันหายไปเหลือเพียงใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พอเห็นเทียบเชิญจากนางเขาก็รีบให้บ่าวคนสนิทไปตอบรับคำเชิญ แต่นางไม่ยอมไปที่ตระกูลจึงเปลี่ยนมาเจอกันในโรงน้ำชาใกล้ร้านบะหมี่แทน“ท่านไม่รู้หรือว่าข้ารู้เรื่องที่ท่านเป็นผู้จ้างคนมาป้ายสีร้านข้าใช่หรือไม่”
27ถิงถิง“ท่านบอกว่าเงินกินบะหมี่นี่เป็นเงินอีแปะสุดท้ายใช่หรือไม่” เมื่อนึกถึงตอนอยู่ในโรงน้ำชาได้นางจึงสอบถามเขาอีกครา นางจะเปิดโปงคนสารเลวผู้นั้นให้ได้ บังอาจมากที่มาทำเช่นนี้กับร้านของนาง“ใช่ทั้งเนื้อทั้งตัวข้ามีเงินเพียงหนึ่งอีแปะ หากไม่ใช่เพราะท่านคิดค่าบะหมี่เพียงครึ่งเดียวข้าจะมากินร้านท่านหรือ แต่หากรู้ว่าคิดราคาเพียงครึ่งแล้วสกปรกเช่นนี้ข้าก็คงไม่มาเช่นกัน”“เหลียวต่ง ไปค้นผ้าคาดท้องของบุรุษผู้นั้นทีมียี่สิบตำลึงอยู่หรือไม่” ราวกับล่วงรู้ว่าเจียงถิงถิงคิดจะทำสิ่งใดต่อไป อันอี้เฉินจึงหันไปสั่งบ่าวคนหนึ่งของตนซึ่งเป็นบุรุษเพียงสองคนในร้าน เหลียวต่งค้อมตัวรับคำผู้เป็นนายก่อนจะเดินเข้าไปหมายจะตรวจค้นร่างกายเขาตามที่ผู้เป๋นเจ้านายบอก ยังไม่ทันได้แตะตัวชายผู้นั้นก็ปัดป้องเป็นพัลวันราวกับกลัวว่าจะมีผู้ใดแตะต้องตนเอง ใบหน้าซีดเผือดหลบซ้ายหลบขวา เหลียวต่งไม่อยากใช้กำลังกับลูกค้าในร้า
26ก่อกวนเปิดร้านวันแรกผู้คนก็พากันมาลองลิ้มชิมรสจนร้านเต็มตั้งแต่เปิด เจียงถิงถิงนางแทบไม่ได้พักเหนื่อยเลย เถ้าแก่อีกคนของร้านจึงเดินไปยืนด้านหลังขณะที่นางกำลังตักน้ำแกงใส่บะหมี่ ผ้าเช็ดหน้าผืนบางสีขาวสะอาดถูกยื่นมาซับเหงื่อบนใบหน้างดงามเบามือ นางชะงักมือตกใจก่อนจะหันกลับไปมองผู้ที่เข้ามาด้านหลังโดยที่นางไม่รู้ตัว“ท่านเอง ข้านึกว่าผู้ใด มาไม่บอกไม่กล่าว ข้าตกใจหมด”“จะมีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เจ้าเช่นนี้อีก”“ผู่เยว์อย่างไรเล่า”“ไม่เหนื่อยหรือ พักบ้างเถิดเจ้าทำบะหมี่มาครึ่งค่อนวันแล้ว” ซับเหงื่อไปก็บ่นไปทั้งที่ถูกตำหนิแท้ ๆ แต่เจียงถิงถิงกลับมีใบหน้าเปื้อนยิ้มนางมีความสุขเพราะตนเองได้ทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่ต้องคิดถึงชื่อเสียงผู้ใด นางไม่คิดว่าจะมีร้านบะหมี่เล็ก ๆ จะมีลูกค้าจนไม่ได้พักเช่นนี้“เถ้าแก่ บะหมี่ได้หรือยัง”
25เปิดร้านเพียงหกวันชั้นล่างโถงกลางของตึกไม้ด้านหน้าก็ถูกเจียงถิงถิงตกแต่งให้เป็นร้านบะหมี่ขนาดเล็ก มีโต๊ะให้นั่งกินบะหมี่สี่ตัว นางไม่ได้ต้องการมีร้านใหญ่โตจึงไม่ได้ใช้พื้นที่ในเรือนไม้ทั้งหมด นางใช้พื้นที่เพียงหนึ่งในห้าของเรือนเท่านั้น“ท่านว่าเท่านี้ พอหรือไม่” เจียงถิงถิงร้องถามชายหนุ่มที่ยืนอยู่มุมด้านในสุดของร้าน เขายืนมองนางวางถาดใส่กาชาบนโต๊ะทุกตัวจนเสร็จ พอเสร็จก็หันมาถามเขาหลายหน อันอี้เฉินมองนางอย่างขบขันเขาคิดว่านางคงกำลังคิดมากเรื่องเปิดร้านวันพรุ่งนี้จึงได้ย้ายกาชายกเก้าอี้ไปทางนั้นทีทางนี้ที“นี่เจ้าย้ายมันรอบที่สิบแล้ว”“ข้ากลัวว่ามันยังดีไม่พอ”“เจ้าไม่ได้เปิดภัตตาคารเสียหน่อย กังวลสิ่งใดกัน แค่บะหมี่อร่อยก็เพียงพอแล้วสำหรับร้านขายบะหมี่ และบะหมี่ของเจ้าอร่อยที่สุดเท่าที่ข้าเคยกินมา หากเปิดแล้วเกรงว่าร้านคงไม่พอให้ผู้คนนั่งแน
24ข้าก็เป็นครั้งแรกของเจ้ารถม้าสามคันที่อันอี้เฉินจ้างมาขนของมุ่งตรงไปยังตรอกการค้าที่ผู้คนพลุกพล่าน จากสกุลหยุนมาถึงตรอกการค้ากลางเมืองใช้เวลาครึ่งชั่วยาม รถม้าทั้งหมดหยุดลงที่หน้าเรือนไม้ ซึ่งบัดนี้กลายเป็นที่ทำงานสำหรับผู้คนยากไร้ไม่มีที่ไป สามด้านถูกปิดล้อมไว้หมดมีเพียงด้านหน้าที่เปิดให้เข้าออกได้ข้าวของต่าง ๆ รวมถึงสินเดิมของเจียงถิงถิงถูกยกเข้าผ่านทางเข้าเล็ก ๆ และผ่านตัวเรือนไม้หลังใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าเข้าไปถึงเรือนหลัง ที่มีเรือนไม้ขนาดไม่ใหญ่มากกลางเก่ากลางใหม่ตั้งอยู่ด้านหลังเรือนไม้ ตรงกลางเป็นที่ดินโล่ง ๆ เหมาะแก่การทำแปลงผักของนางยิ่งนัก“ทำไมที่นี่จึงเปลียนไปมากมายเช่นนี้ หนก่อนที่ข้ามาที่ดินโล่ง ๆ นั่นยังไม่มีแปลงผักเลย” เจียงถิงถิงเอ่ยถามชายหนุ่มข้างกายขณะที่ทั้งสองเดินผ่านเรือนชั้นนอกเข้ามาชั้นใน พร้อม ๆ กับที่คนงานรับจ้างขนของเข้าไปวางไว้หน้าเรือน“ไม่กี่วันก่อนข้าให้คน







