จวิ้นอ๋องเป็นของนางแต่นางไม่เคยเป็นของจวิ้นอ๋อง นางลุ่มหลงในรักครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งทำเรื่องต่ำช้าขึ้นเพียงเพราะลุ่มหลงบุรุษเมื่อความรักของนางไร้ค่านักเช่นนั้น!ข้าก็จะเลิกรักท่านแล้ว
View Moreจวนจวิ้นอ๋องอันโอ่อ่าใหญ่โตอีกทั้งร่ำรวย ด้วยเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้เยี่ยเทียนหลงทรงรักและโปรดปรานมากที่สุด พระอนุชาที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่และคอยช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นรัชทายาท ทำให้เมื่อฮ่องเต้เยี่ยได้ขึ้นครองราชจึงประทานทรัพย์สิน หญิงงาม บ่าวไพร่ให้มากมาย ว่ากันว่าจวิ้นอ๋องเพียงเอ่ยพระองค์ก็หามาประทานให้เสียหมดเว้นเสียแต่บัลลังก์มังกรที่พระองค์มิยอมยกให้ผู้ใดโดยง่าย
บัดนี้จวนใหญ่ที่คึกคักกลับมีสตรีที่รูปโฉมงดงาม รูปร่างเย้ายวน การแต่งกายผิดแผกไปจากสตรีของต้าเว่ย ชุดกระโปรงตัวยาวจับกลีบล้อมเอวสีแดงสวย อาภรณ์ด้านบนตัวเล็กรัดทรวงอกอิ่มจนล้นออกมาให้ได้ยล สวมทับเสื้อคลุมบางเบาตามแบบสตรีสูงศักดิ์ของเผ่าทุ่งหญ้าที่มักใช้ชีวิตเรียบง่าย เปิดเผยเนื้อหนัง ชายหญิงเท่าเทียมและเปิดกว้างเรื่องเพศ
หากเป็นสตรีทั่วไปย่อมไม่สามารถเดินเข้าออกของจวนจวิ้นอ๋องได้โดยง่ายเฉกเช่นนาง แต่อันหนิงเยว่สามารถเดินเข้าออกในจวนแห่งนี้ได้ตลอดเวลาเพราะหน้าที่นางคือสาวใช้ต้นห้องชั่วคราวของท่านอ๋องที่นางอาจหาญทูลขอจากไทเฮานั่นเอง
“นี่เจ้า คิดทำอันใด!” เสียงทุ้มเข้มตวาดขึ้นอย่างดัง หากเป็นบรรดาทหารรึผู้อื่นเกรงว่าคงตัวสั่นงันงกไปเสียแล้ว แต่สตรีตรงหน้าเยี่ยเฟิงหลงเวลานี้ คือ อันหนิงเยว่ บุตรสาวของแม่ทัพคนเก่าที่ตายในสยามรบ ยอมสละชีพเพื่อปกป้องต้าเว่ยจนสามารถชนะศึกครั้งใหญ่จนแคว้นยิ่งใหญ่ และรุ่งเรืองแห่งนี้ สงบสุขมาอีกหลายขวบปีจวบจนปัจจุบัน
การที่แม่ทัพคนก่อนสละชีพตนเองในครั้งนั้นทำให้ฮ่องเต้สำนึกในความเสียสละของเขาไม่น้อย จึงได้เลี้ยงดูบุตรสาวของตระกูลที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวให้ฐานะเทียบเท่าองค์หญิงในราชวัง เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของบิดานาง
เมื่อครั้งนั้นนางยังเยาว์นัก ท่านตานางซึ่งเป็นชาวทุ่งหญ้าจึงได้นำนางไปเลี้ยงดูเสียก่อน จวบจนตอนนี้อายุนางคบ 19 ปี เลยวัยปักปิ่นมาหลายปีแล้วจึงได้ให้นางกลับเข้าเมืองหลวงเพื่อรับใช้ราชวงศ์ต่อไป และการมาของนางนี่เองทำให้ จวิ้นอ๋องวุ่นวายปวดเศียรเวียนเกล้าไม่เว้นวัน เรียกได้ว่าตำหนักเหมันต์ที่เคยเงียบสงบของเขาในเวลานี้มีเรื่องวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน
“เยว่เล่ออยากช่วยให้ท่านอ๋องผ่อนคลาย ก็เท่านั้น” เสียงหวานกังวานดุจแก้วใสเอ่ยพร้อมเอนลงซบที่ซอกคอแกร่ง มือเรียวขาวเนียนไล้ไปมาตามลาดไหล่หนาอย่างเอาใจ
หากเป็นบุรุษทั่วไปคงเคลิ้มและหลงใหลไปกับมารยาของสตรีน้อย หากแต่รูปร่างเย้ายวนใจบุรุษเช่นนางเป็นแน่
หากแต่! ไม่ใช่กับจวิ้นอ๋อง ผู้เป็นพระอนุชาอันดับสองที่ฮ่องเต้เยี่ยทรงรักและโปรดปรานมากที่สุด อ๋องหนุ่มรูปงามผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึง 25 ขวบปีเช่นเขาเป็นแน่ แต่ก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่าใจแก่งเองก็สั่นไหวอยู่ไม่น้อย หากแต่เพียงชั่วครู่มันก็กลับมาสงบนิ่งเต้นเป็นจังหวะดังเดิม
“เจ้าหยุดทำตัวเป็นสตรีไร้ยางอายเสียที ข้าบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่าข้า! เยี่ย เฟิง หลง มิได้ชอบรึปรารถนาในตัวเจ้าเลยสักนิด!”
มือใหญ่สากกระด้างเพราะจับดาบกระบี่อยู่ประจำรวบเอามือของนางเข้ามากำกุมไว้จนกระดูกแทบแตกก่อนจะกระชากลงมาในสระน้ำพลุร้อนที่ตนแช่อยู่อย่างเร็ว ด้วยความที่หนิงเยว่เข้าใจว่าอ๋องหนุ่มคล้อยตามนางทำให้ไม่ทันได้ระวังตัว จึงพลัดตกลงไปในน้ำโดยง่าย
“เพคะ”เยว่เล่อนั่งสนทนากับไทเฮา เมื่อเห็นเวลาว่าสมควรแล้วก็เอ่ยขอตัวปลีกออกมาแต่คล้ายดั่งสวรรค์กลั่นแกล้งนางรึไร เพียงหมุนตัวก็ประจันหน้ากับ จวิ้นอ๋องเข้าอย่างจัง เขายังคงรูปงามหล่อเหลา แววตายังเรียบนิ่งสงบ เยว่เล่อมองเพียงครู่ก่อนจะย่อตัวทำความเคารพโดยมิได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดอย่างที่ควรจะเป็น นางกลับทำตัวลีบคล้ายคนไม่คุ้นเคยกันเดินผ่านไป“หึ!” ท่าทางห่างเหินของนางทำให้จวิ้นอ๋องรู้สึกยุบยิบคันในใจพิกล ขบกรามแกร่งนึกชิงชังกับท่าทางของนางยิ่งนัก“เสด็จแม่”“อ้าวเฟยหลง”ทุกการกระทำของคนทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของไทเฮาทั้งหมด สตรีที่ผ่านการช่วงชิงอำนาจมาเหตุใดจะมองสองคนนี้ไม่ออก แต่ชั่งเถอะแล้วแต่บุพเพสวรรค์ก็แล้วกัน“เสด็จแม่ให้คนไปตามลูก”“อืม เห็นฝ่าบาททรงยุ่งเรื่องบ้านเมืองไม่กล้ารบกวน ข้าไม่รู้จะถามไถ่กับผู้ใดจึงได้เรียกเจ้ามา”“ฮึ” จวิ้นอ่องเผยยิ้มทรงเสน่ห์ทำเอาเหล่านางกำนัลในห้องต้องรีบก้มหน้างุดอย่างเขินอาย“เจ้าเจ็ดเห็นว่าถูกเจ้าส่งไปดูราชการนอกวังงั้นรึ”“ขอรับ”“เฮ้อ แล้วนี่จะกลับมาทันงานเลี้ยงวันพรุ่งรึไม่นี่”ไทเฮาลอบถอนหายใจ เป็นเช่นข่าวที่ได้ยินมา จวิ้นอ๋องนะจวิ้นอ๋องมัวแต่ป
สองนายบ่าวเดินลัดเลาะผ่านตำหนักน้อยใหญ่ ด้วยความที่ไม่ได้ออกเรือนเป็นเวลานานเสียหลายวัน อีกทั้งเรื่องที่ก่อไม่ใช่น้อย ๆ เหล่าสนมนางกำนัล ขันทีในวังต่างนำไปเล่าลือกันสนุกปาก อีกทั้งเหมือนจงใจให้ได้ยิน ทำให้เยว่เล่อนึกไม่ชอบใจแต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ด้วยเพราะตำหนักแห่งนี้เป็นของสตรีที่เป็นใหญ่ในวังหลังนั่นเอง“เยว่เล่อ ถวายพระพรไทเฮาเพคะ” เยว่เล่อทำความเคารพตามพิธีปฏิบัติ“มาแล้วรึ มานี่สิเจ้าหนะก่อเรื่องอันใดไว้ฮึ ก่อเรื่องไว้แล้วเล่นหายไปเสียหลายวัน หึ! ไม่มาเล่าให้ข้าฟังบ้าง เกรงว่าไม่เห็นหัวสตรีเช่นข้าแล้วใช่รึไม่” ท่าทางเง้างอน คำพูดของไทเฮาทำเอาเยว่เล่อที่ตั้งใจมาสารภาพพร้อมทั้งรับโทษต้องอ้าปากค้าง“เอ่อ คือว่าไทเฮาไม่ต่อว่าเยว่เล่อเช่นนั้นรึเพคะ” เยว่เล่อถามหยั่งเชิง“อืม มา ๆ ลุกขึ้นมานั่งจิบชากับข้าเถอะ ชานี้ได้จากเจียงหนาน ชาดีทีเดียวมาเถอะ มาใกล้ ๆ”เยว่เล่อไม่อาจปฏิเสธได้จึงได้แต่ลุกเดินไปตามคำเชิญชวนของไทเฮา นางยกชาขึ้นจิบในหัวก็เอาแต่ขบคิดอย่างไม่เข้าใจ“มาหาข้ามีเรื่องอันใดเล่า นี่หากว่าไม่มีเรื่องเจ้าคงมามาเยี่ยมคนชราเช่นข้าสินะ” ไทเฮายกชาขึ้นจิบใบหน้าประดับยิ้มแต้มอย่างเ
พ่อบ้านหูวิ่งสุดชีวิต ไม่ได้เงินเดือนข้าที่ตรากตรำรับใช้ท่านอ๋องมาทั้งเดือนจะมาสูญสิ้นปล่อยถวายวัดไม่ได้ ร่างอ้วนท่วมของชายวัยสูงอายุวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามายึดยื้อแย่งม้วนภาพวาดออกจากไห่ถัง ทำเอาทั้งเยว่เล่อและสาวใช้นิ่งชะงักตกใจกันไปชั่วครู่“เรื่องอะไรท่านถึงมาแย่งข้ากันเล่า เอาคืนมา!” ไห่ถังพยายามยื้อแย่งแต่บุรุษผู้นี้ตัวสูงใหญ่กว่านางจึงแย่งกลับคืนมาไม่ได้“ท่านหยุดเผาเถอะนะคุณหนู หากท่านไม่หยุดข้า เงินเดือนข้า ฮือ ช่างเถอะข้าขอร้องคุณหนูโปรดนึกให้ถี่ถ้วนเถิด”พ่อบ้านหูทรุดตัวคุกเข่าที่พื้น สองมือก็กอดภาพที่ยื้อแย่งมาได้แนบอกสีหน้าคล้ายอยากร้องไห้เสียเต็มที“นี่! พ่อบ้านหูเจ้าทำอะไรเนี่ย ลุกขึ้น ๆ เร็วเข้าอย่าทำเช่นนี้” เยว่เล่อรีบลงไปประคองพ่อบ้านหูให้ยืนขึ้น หากแต่เขาเองช่างดื้อดึงยิ่งนัก“พ่อบ้านหู ลุกขึ้นเร็วเข้า เร็ว!”“เฮ้อ ฮือ คุณหนูอันได้โปรดอย่าเผาเลย นั่นรูปจวิ้นอ๋องเชียวนะ หากรู้ถึง ฝ่าบาทว่าท่านกำลังเผาทำลายรูปลักษณ์ของสมาชิกราชวงศ์ คือว่าโทษหนะประหารเจ็ดชั่วโคตรเชียวนะ คุณหนู” พ่อบ้านอันไร้หนทางจึงชักแม่น้ำทั้งห้าอีกทั้งเติมแต่งโป้ปดออกไป ทำเช่นไรได้จวิ้นอ๋องนั้นน่ากลัว
ในกระถางใบใหญ่บัดนี้เริ่มมีเปลวไฟลุกให้ได้เห็น เยว่เล่อทนตัดใจเปิดหีบของรักของหวงของนางขึ้นอย่างจำใจ ในใจไหววูบนึกไม่อยากทำ แต่เมื่อจะตัดใจแล้วนางจะเก็บไว้ก็คงไร้ประโยชน์อีกทั้งเมื่อแลเห็นก็ทำให้อดนึกถึงใครอีกคนไม่ได้มือขาวสะอาดนวลเนียนเอื้อมปลดกุญแจเปิดหีบขึ้นช้า ๆ อย่างอ้อยอิ่ง ในใจนึกเสียดาย นิ้วมือไล่ไปตามม้วนกระดาษภาพวาดช้า ๆ ภาพในนี้บางภาพนางนั่งวาดเองกับมือ ภาพจวิ้นอ๋องในอริยบทต่าง ๆ แถมนางยังใช้เงินไม่น้อยไปกว้านซื้อมาจากพ่อค้าในตลาด“เฮ้อชั่งเถอะ ไห่ถังเผาเถอะ”“เจ้าค่ะ”ไห่ถังที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนึกแต่ว่าเป็นเพียงม้วนกระดาษเก่า ๆ จึงหยิบไม่ทันดูทิ้งลงในกระถางที่กำลังลุกโชนด้วยเปลวไฟ กระดาษภาพถูกไฟเผาราวใจของเยว่เล่อถูกเผาไปด้วย น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นอย่างนึกเสียดาย หากคิดจะตัดใจแล้วเก็บไว้ก็คงไร้ประโยชน์สู้ทำลายไปพร้อมกับความรู้สึกนางเสียให้จบสิ้น“คุณหนู!นะนี่...” ไห่ถังที่นึกสงสัยจึงเปิดดูด้านในครั้นเมื่อเห็นว่าคือผู้ใดในภาพวาดก็มือไม้อ่อนจนม้วนกระดาษร่วงหล่นลงพื้นควันไฟที่ลอยจาง ๆ ออกจากตำหนักไทเฮาให้ได้เห็นไกล ๆ จากอุทยานสวนท้อทำให้จวิ้นอ๋องที่รู้ดีว่าทีนั่นคือที่ใดต้อ
ฝั่งเยว่เล่อตั้งแต่ครั้งเกิดเหตุการณ์วิวาทที่อุทยานสระบัวทอง เยว่เล่อก็เก็บตัวในเรือนเงียบไม่ยอมออกมาพบปะผู้ใด นางใช้เวลาตรึกตรองนึกคิดเป็นนานหลายวันก็ค้นพบคำตอบว่าไม่อาจตัดใจจากจวิ้นอ๋องได้โดยง่าย หากเป็นเมื่อครั้งก่อนคงเป็นนางที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาท่านอ๋องแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นางตรึกตรองได้ว่าทำเช่นไรก็คงมิอาจเอาชนะใจอ๋องหนุ่มรูปงามแห่งต้าเว่ยได้ เช่นนั้นทางเดียวที่จะตัดบัวไม่เหลือใยคงทำได้เพียงอยู่กันคนละที่ ไม่พบเจอ ไม่พบหน้า ยามนี้นางเองก็เบื่อหน่ายในตนเองไม่น้อย หลายวันมานี้นางไม่เจริญอาหารเอาเสียเลย บางคราก็ร้องไห้ อารมณ์เหนือการควบคุม เช่นนั้นก็รอให้งานเลี้ยงใหญ่ของต้าเว่ยผ่านพ้นไปก่อนก็แล้วกัน ไว้ค่อยนึกหาทางใหม่ต่อไปนี้นางจะคืนอิสระให้กับชีวิตนางและจวิ้นอ๋องเองเช้าตรู่วันนี้ เยว่เล่อจึงตื่นขึ้นมาแต่เช้า นางเร่งให้ไห่ถังตระเตรียมชุดพร้อมทั้งเปลี่ยนอย่างเร่งรีบ วันนี้ภารกิจที่นางต้องทำนั้นมากอยู่ทีเดียว เยว่เล่อให้ไห่ถังไปนำบ่าวชายในเรือนไปนำของสะสมนางออกมาจากหีบที่เฝ้าทะนุถนอมอีกทั้งไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องนอกจากตัวเยว่เล่อมานานเสียหลายปี“คุณหนูเช่นไรต่อเจ้าคะ”เยว่เล่อมอ
“ฮือ ท่านอ๋องตวาดข้า ฮึก ไห่ถัง ฮือ ขะข้าฮึก สะเสียใจนัก” เยว่เล่อทั้งต่อว่าทั้งตัดพ้อ นางผิดเช่นนั้นรึ นางเพียงนึกหึงหวง รึการที่จวิ้นอ๋องได้เคยอิงแอบแนบชิดกันนั้น ไม่คิดผูกพันแม้เพียงนิดหรือ ยิ่งคิดร่างยิ่งสั่นไหวอย่างน่าสงสาร ไห่ถังที่เห็นผู้เป็นนายร่ำไห่ก็ตรงเข้าสวมกอดอย่างถือวิสาสะ ยามนี้ทั้งนายทั้งบ่าวกอดกันร่ำไห่อย่างน่าสงสาร“ท่านอา ท่านทำเช่นนี้เยว่เล่ อ้าวเยว่เล่อ เห็นเยว่เล่อรึไม่” องค์ชายเจ็ดหันกลับมาอีกคราก็ไม่พบสตรีผู้เป็นสหายเสียแล้ว นางไปตั้งแต่เมื่อใดกันท่าทางลังเลและกระวนกระวายของผู้มีศักดิ์เป็นหลานยิ่งทำให้จวิ้นอ๋องต้องกัดฟันอดทนจนเห็นเป็นสันนูน คู่หมั้นอยู่นี่แล้วหลานเขายังจะไปนึกห่วงนางอยู่ได้ มันน่าส่งไปค่ายทหารพร้อมกันทั้งสองคนเสียจริงจวิ้นอ๋องเองใช่ว่าไม่ร้อนในใจ น้ำตาเยว่เล่อและสายตาตัดพ้อของนางทำให้จวิ้นอ๋องใจอ่อนยวบ แต่หากจะให้ดึงนางเข้ามาปลอบนะหรือเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วการกระทำของนางก็สมควรแล้วที่เขาจะต่อว่า“ท่านอ๋อง องค์ชายเจ็ดพวกท่านหยุดเถอะ พ่านพ่านขอร้อง เพียงเท่านี้ก็ อับอายบ่างรับใช้นางกำนัลแล้วเพคะ” พ่านเอ๋อร์เมื่อเห็นท่าทางลังเลของคนทั้งคู่จึ
Comments