ทันใดนั้น ผู้คนในงานเลี้ยงต่างก็ตกอยู่ในความโกลาหล“โอ้พระเจ้า! ความลับแตกใช่ไหมเนี่ย เฉินมู่ถูกน้องสาวของตัวเองทำร้ายงั้นเหรอ”“ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเฉินชิงเสวี่ยที่ดูเหมือนจะเป็นคนใจดี จะทำเรื่องแบบนี้ได้...”“เฮอะ เกรงว่าจะแกล้งเป็นคนใจดีนะสิ จริง ๆ ตอนที่ภาพปรากฏขึ้นเมื่อกี้นี้ ทำไมหล่อนถึงไม่ถอดปลั๊กไฟออกล่ะ”“...”“ว่าไงล่ะ ชิงเสวี่ย?” เฉินมู่ที่อยู่บนเวที เอ่ยเรียกเฉินชิงเสวี่ยอย่างเหยียดหยาม ไม่เหมือนเด็กกำพร้าแม่ผู้โดดเดี่ยวในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมาเลยสักนิด!คิ้วเรียวตรงที่เย็นชาไร้ความรู้สึก เริ่มเลิกขึ้นเมื่อถูกกระตุ้น เฉินมู่ย้ำสิ่งที่พูดเมื่อครู่อีกครั้ง “ฉันทำให้ใครขุ่นเคืองนะ? ลับหลังฉัน แกทำร้ายฉันแบบนี้เหรอ?”ลู่ซีเจ๋อยังมองไปที่หญิงสาวแสนสวยในอ้อมแขนของตนด้วยท่าทางตกใจ เฉินชิงเสวี่ยเป็นคนวางแผนอย่างรอบคอบ เธอไม่เคยทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลยสักครั้ง?โอวจินตกตะลึงขณะมือก็ยังถือโทรศัพท์อยู่ เขาเพิ่งพบแหล่งที่มาของข่าว แต่จะเทียบกับความเร็วของแฮ็กเกอร์คอมพิวเตอร์อย่างเฉินมู่ได้อย่างไร?ใบหน้าที่น่าสงสารของเฉินชิงเสวี่ยซีดราวกับกระดาษ หล่อนส่ายหน้าจนเกือบจะล้มล
แต่เฉินมู่ไม่ใช่คนแบบนั้น เธอตัดวิดีโอตอนท้ายออก แม้แต่รองเท้าหนังของผู้ชายที่เข้ามาในกล้องโดยไม่ได้ตั้งใจก็ถูกเข้ารหัสไว้ไม่ให้เข้าถึงวิดีโอตัวเต็มได้ง่าย ๆ เธอขีดเส้นไว้ชัดเจน ไม่ว่าวันนี้เธอจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว เธอจะไม่มีวันดึงคนอื่นให้ต่ำลงไปพร้อมกับตัวเองเด็ดขาดเฉินมู่ปิดวิดีโอ พลางมองไปที่คุณนายจาง “คุณนายจาง คุณกำลังมองหาประธานจางอยู่ใช่ไหมคะ? ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่สถานีตำรวจ เพื่อนของฉันช่วยฉันไว้ แล้วเรียกตำรวจมา คุณสามารถไปหาเขาที่นั่นได้”คุณนายจางตกตะลึง เธอทรมานมาเป็นเวลานานเพราะเรื่องของสามี เฉินมู่จะตกเป็นผู้เคราะห์ร้ายได้ที่ไหนกัน? เธอคนนี้ไม่มีสิ่งที่บอกว่ายั่วยวนสามีเธอเลยแม้แต่น้อย!เธอจึงรีบโทรศัพท์หาที่บ้าน แล้วพรวดพราดออกจากงานเลี้ยงไปในพริบตาเฉินชิงเสวี่ย ปาดน้ำตาสะอื้นไห้“พี่คะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันคิดมาเสมอว่าพี่ทำ…และนั่นคือเหตุผลที่ฉันพยายามปกปิดมัน ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ฉันกับซีเจ๋อจะช่วยกันฟ้องร้องห้องทำงานนั่นให้พี่เอง! แล้วก็ประธานจางด้วย!”เฉินชิงเสวี่ยกำลังร้องไห้เพื่อให้คนอื่นรู้สึกสงสาร อีกฝ่ายแสร้งทุกข์ใจเรื่องพี่สาวและหวาดกลัว อย่างก
“ถอนหมั้น?” เซินมู่เลิกคิ้วขึ้นถาม “มีเพียงของที่คุณภาพดีเท่านั้นที่ฉันอยากได้คืน จะบอกให้เอาบุญนะ สำหรับเราสองคน ฉันเปรียบเสมือนหัวหน้า และเขาคือผู้ลูกน้องที่ไม่มีประโยนช์ เธอคิดว่าเขามีคุณสมบัติอะไรเหรอที่จะถอนหมั้นฉันได้?”เฉินมู่หันไปมองคุณปู่พลันเหยียดหลังให้ตรง ร่างบางยื่นนิ่งไม่ถ่อมตัวหากไม่ได้เอาแต่ใจเช่นกัน “คุณปู่คะ ไหนไหนท่านก็มาแล้ว ได้โปรดให้หนูตัดสินใจเรื่องที่ถอนหมั้นด้วยค่ะ แล้วหนูจะไม่ค้านความคิดเห็นอื่นเลย!”“ขอแค่ไม่ใช่ตระกูลลู่ที่จะถอนหมั้น แต่เป็นตระกูลเฉินของเราต่างหากที่กำลังจะถอนหมั้น วันนี้ฉันเฉินมู่ จะประกาศให้รู้อย่างเป็นทางการว่า ฉันขอถอนหมั้นกับลู่ซีเจ๋อ!”“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรเนี่ย?” ยังไม่ทันที่ลู่ซีเจ๋อจะได้จัดแจงเรื่องของเฉินชิงเสวี่ยเมื่อครู่ ชายหนุ่มกลับต้องชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่เฉินมู่พูดออกมา!ดวงตาของเขาเบิกกว้าง “จะถอนหมั้นงั้นเหรอ? แล้วคุณมีหลักฐานฟ้องร้องหรือไง?”เฉินมู่ไม่ได้มองที่ลู่ซีเจ๋อด้วยซ้ำ เธอแค่มองไปที่คุณปู่ แล้วพูดว่า “ลู่ซีเจ๋อตัดสินผู้คนจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขา หนำซ้ำยังเป็นฝ่ายไม่รักษาสัญญาการแต่งงานในครั้งนี้ อีกอย่างตอ
ท่าทางของเฉินมู่ในปัจจุบันไม่ได้ด้อยกว่าแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กเลย บางทีเฉินมู่อาจเป็นลูกที่ดีที่สุดของตระกูลเฉินก็ได้ เขาจะเธอรีบออกจากบ้านไปได้ยังไงกันล่ะ?เฉินมู่ยิ้ม “คุณปู่เป็นคนตัดสินใจเองเถอะค่ะ”“เสี่ยวมู่ มานี่ กลับบ้านกับปู่ ปล่อยให้ทั้งคู่จัดการเรื่องเลอะเทอะนี่ไปเถอะ!” คุณปู่พูดอย่างหงุดหงิดเฉินมู่ไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินไปหาคุณปู่ แต่ทันทีที่ผ่านหน้าเฉินชิงเสวี่ย เฉินมู่ก็ยิ้มเยาะเล็กน้อย “จะประกาศสงครามไม่ใช่เหรอ? วันเกิดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น! แกพอใจกับมันไหม?”เฉินชิงเสวี่ยตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้ ขาของหล่อนอ่อนแรงลง และเกือบจะล้มลงกับพื้นคืนนี้คนที่ต้องถูกทำลายควรจะเป็นเฉินมู่ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังชี้เป้าไปที่เฉินชิงเสวี่ยเธอแพ้ และแพ้อย่างไม่น่าให้อภัยด้วย!ลู่ซีเจ๋อมองไปที่แผ่นหลังของเฉินมู่ที่มีผมยาวสยายถึงเอว อีกทั้งยังมีรูปร่างผอมเพรียว แต่เธอได้แสดงออร่าที่กล้าหาญและเฉียบขาดออกมาให้พวกเขาได้เห็นแล้วตั้งแต่เมื่อไรกัน เฉินมู่ไม่ใช่เด็กกำพร้าแม่ที่แสนโด่ดเดี่ยวอีกต่อไป เธอทั้งมีความภูมิใจ มีอำนาจ และยังมีเสน่ห์จนน่าอิจฉามีเสน่ห์เหรอ? ลู่ซีเ
ทันทีที่เฉินมู่พูดจบ ไม้เท้าของคุณปู่ก็กระแทกกับพื้นอย่างแรง“เธอกำลังจะหมั้นอยู่แล้ว! ยังจะใช้ความอายุน้อยของเธอเป็นข้ออ้างอีก เพราะความประพฤติผิดของเธอ ยังคิดเพ้อเจ้อที่จะแต่งงานกับตระกูลลู่อีก! แล้วยังคิดที่จะเข้าวงการบันเทิงตามชิงโหรวงั้นเหรอ! หน้าฉันคงไม่เหลือที่ว่างให้อับอายแล้ว!”“พ่อครับ ชิงเสวี่ยเธอ…” เฉินลี้ซานคงต้องการพูดอะไรบางอย่างกับลูกสาวตัวน้อยของเขา“หุบปาก!” คุณปู่ดุ “ถ้าเธอไม่เอาแต่ใจจนเคยตัว เธอจะคิดแผนที่ชั่วร้ายแบบนี้ออกมาได้ไหม?”“ระหว่างพี่น้อง แค่มีปัญหาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็พอฟัง แต่นี่เธอต้องการทำลายความบริสุทธิ์ของพี่สาวตัวเองจริง ๆ! หักเงินค่าขนมของเธอซะ เธอจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกในช่วงวันหยุดนี้ จงพิจารณาตัวเองอยู่ที่บ้าน! ถ้าสร้างปัญหาอีก ก็ให้ส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศเลย แล้วคืนนี้ก็ไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วย!”เฉินชิงเสวี่ยร้องไห้โฮ เมื่อปู่พูดออกมาแบบนี้ เธอจึงต้องไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษและคุกเข่าสำนึกผิด ซู่หรูหลานรู้สึกเสียใจต่อลูกสาวของเธอ ดังนั้นเธอจึงไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วยเฉินลี้ซานนั่งบนโซฟา พลางถามอย่างไม่พอใจ
ฮานเฉิงแอบเช็ดเหงื่อออกจากหน้าอย่างเงียบ ๆ เขาติดตามฮั่วหยุนเซียวหลายปีแล้ว อีกทั้งยังคงรู้จักฮั่วหยุนเซียวเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเดาความคิดของบอสตัวเองได้เลย!เขาไม่สามารถเก็บซ่อนสายไม่จากคุณเฉินได้ ร่างสูงทำท่าทีเฉยเมย แต่ลึก ๆ แล้วกลับไม่มีความสุขอยู่สินะ?หัวใจผู้ชายนี่ยากจะเข้าถึง ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก…เฉินมู่วางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว แล้วหันไปนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ เธอก็ไม่เคยเกลี้ยกล่อมคนได้สำเร็จ ก็เธอเป็นนักฆ่านี่หน่า จะเกลี้ยกล่อมคนได้อย่างไร?เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินมู่ลงไปทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง เหล่าคนรับใช้ต่างก็เปลี่ยนพฤติกรรมจากหน้ามือเป็นหลังมือ พร้อมทั้งกล่าวทักทายเธอด้วยความเคารพ “คุณหนูใหญ่ สวัสดีตอนเช้าค่ะ!”ทันทีที่เฉินมู่นั่งลง คนรับใช้ก็วิ่งเข้ามาพลางส่งการ์ดเชิญให้เธอ หล่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนู ใหญ่ นี่คือการ์ดเชิญที่ส่งมาจากคุณนายลู่ ขอเชิญคุณไปงานเลี้ยงตระกูลลู่ในตอนบ่ายค่ะ”เฉินมู่รับการ์ดเชิญ พลางชำเลืองมองดู แน่นอนว่ามาจากตระกูลลู่จริง ๆเธอแปลกใจเล็กน้อย เมื่อวานเธอตบหน้าตระกูลลู่ท่ามกลางสาธารณชนแบบนั้น แ
ประโยคนี้คงจะแทงใจดำเฉินชิงเสวี่ยอย่างไม่ต้องสงสัย!หลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืน ลู่ซีเจ๋อก็รีบออกจากงานไปทันที เฉินชิงเสวี่ยโทรไปหลายรอบ แต่ไม่มีใครรับสายจนถึงตอนนี้ลู่ซีเจ๋อก็ไม่ได้ติดต่อกลับมานานกว่าสิบชั่วโมงแล้ว!ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็ไม่เคยแยกจากกันเลย! ทว่าครั้งนี้ ลู่ซีเจ๋อคงโกรธมากจนไม่อยากคุยกับเธอ!เฉินชิงเสวี่ยจ้องมองไปที่เฉินมู่ “หุบปาก! มันเป็นเพราะเธอนั่นแหละ!”เฉินมู่เยาะเย้ย “เพราะฉันงั้นเหรอ? เฉินชิงเสวี่ย แกหาคนมาลักพาตัวและใส่ร้ายฉัน ตอนนี้ยังจะมาตำหนิฉันอีก หน้าแกนี่ทำมาจากอะไรเหรอ? ทำไมถึงหนาได้ขนาดนี้นะ?”“หุบปาก หุบปาก!” เฉินชิงเสวี่ยผลักเฉินมู่ออกไป “นั่นเป็นเพราะเธอ! ถ้าเธอออกจากบ้านตระกูลเฉินไป ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น! เฉินมู่...ทำไมเธอไม่ตายไปพร้อมกับแม่ของเธอห๊ะ!”ปกติแล้วเฉินชิงเสวี่ยจะแสร้งทำเป็นสุภาพและใจดี แต่ตอนนี้เธอถูกกระทบกระเทือนจากการละเลยของลู่ซีเจ๋อ เธอจึงดุด่าเฉินมู่โดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของตัวเอง เธอผลักเฉินมู่อย่างแรงเหมือนผู้หญิงบ้าแต่เฉินมู่ไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เคยถูกรังแกอีกต่อไป เธอผลักเฉินชิงเสวี่ยคืนจนอีกฝ่ายล้มเสียงดังลั่น!
“ฉันตบเธองั้นเหรอ?” เฉินมู่มองเฉินชิงเสวี่ยที่ทำตัวน่าสงสารบนโซฟา เจ้าตัวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าที่ซีดขาวนั่นหล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังอยากบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งมันเป็นความพิเศษของน้องสาวคนนี้เฉินมู่เดินเข้าไปพร้อมยักไหล่ด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม “ถ้าฉันอยากจะทำอะไรกับเธอจริง ๆ ตอนนี้เธอคงจะอยู่ในหอผู้ป่วยหนักหรือไม่ก็...ห้องเก็บศพ”“เฉินมู่!” เฉินลี้ซานพูดด้วยความโกรธ “อย่าให้มันเยอะเกินไป!”ลู่ซีเจ๋อก็ดูผิดหวังเช่นกัน เขายืนขึ้นเดินไปใกล้เฉินมู่ แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “เฉินมู่ ผมรู้ว่าแม่ของผมส่งการ์ดเชิญให้คุณในวันนี้ ผมจะบอกคุณให้ชัดเจนว่า คุณล้มเลิกความตั้งใจนี้ซะเถอะ!”“แม้ว่าแม่ของผมจะชอบคุณ! และแม้ว่าเสวี่ยเอ๋อจะทำผิดพลาดไปบ้าง แต่ผมก็จะไม่แต่งงานกับผู้หญิงที่ใจร้ายอย่างคุณ!”ลู่ซีเจ๋อเคยมีความประทับใจที่ดีต่อเฉินมู่ แต่หลังจากที่เฉินมู่เสียโฉม เขาก็รู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับเขาต่อให้เฉินมู่จะร้องไห้ขี้มูกโป่งขนาดไหน ก็มีแต่จะทำให้เขาเบื่อมากยิ่งขึ้นหลังจากรู้จักกันมาหลายปี เขาเริ่มรู้สึกเคยชินกับการไล่ติดตามของเฉินมู่ดั่งเช่นครั้งที่เขาสั่งสอนเฉินมู่อ