เฉินมู่หยิบคุกกี้ชิ้นเล็ก ๆ ออกมาทีละชิ้นแล้วใส่ลงในกล่อง จากนั้นร่างบางก็ถือกล่องเดินไปที่ห้องนั่งเล่นพลันประตูห้องนอนใหญ่เปิดออก ความดีใจทำให้เฉินมู่เหลือบมองไปทางห้องนอนและทักทายอย่างร่าเริง “คุณฮั่ว สวัส…”ก่อนที่คำว่า “ดี” จะเอ่ย เสียงนั่นหยุดลงกะทันหัน พร้อมกับร่างที่หยุดนิ่ง มือของเธอที่ถือคุกกี้หยุดค้างอยู่กลางอากาศอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมจ้องไม่กะพริบพลางชื่นชมชายตรงหน้า...เพิ่งออกจากอ่างอาบน้ำเหรอ?ชายหนุ่มคงจะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มีปอยผมห้อยลงมาเล็กน้อย รวมทั้งหยดน้ำที่ไหลลงมาตามร่างของเขา มันกลิ้งไปมาบนกล้ามเนื้อและหน้าท้องที่แข็งแรง ก่อนจะซึมหายไปในผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวสอบไว้ฮั่วหยุนเซียวถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนไว้ในมือข้างหนึ่ง เขาใช้มันเช็ดผมด้านหลังใบหูพลางเอนตัวพิงกรอบประตูอย่างเกียจคร้าน เสียงของเขาแหบแห้ง “คุณเฉิน น้ำลายหกแล้วนะ”เฉินมู่รีบกลืนน้ำลายแล้วหันกลับไปอีกทางทันที “ฉันไม่รู้คุณ...เอ่อ...ฉันมาที่นี่เพื่อทำ...คุกกี้ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็น มัน…”เหมือนดั่งสวรรค์กลั่นแกล้ง เมื่อวานเธอเพิ่งนึกถึงรูปลักษณ์ของฮั่วหยุนเซียวในใจเงียบ ๆ แต่วันนี้กลับต้องมาน้ำลา
เฉินมู่รู้สึกว่าตัวเองชะงักกลายเป็นหินไปห้าวินาที คำพูดของฮั่วหยุนเซียวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คุณชอบไหม ชอบไหมเหรอ?ชอบก็บ้าแล้ว! ที่เธอยอมทุ่มเทความพยายามทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อตำราอาหารบ้า ๆ นี่! แถมยังมีลายเซ็นเชฟอีก มันไม่เกี่ยวอะไรกับจุดประสงค์หลักของเธอเลยไม่ใช่เหรอ?ผู้ชายคนนี้ยังจำได้ไหมว่าเขาซื้อบริษัทของเธอไป!!“เฉินมู่?” เสียงของฮั่วหยุนเซียวดึงความคิดของเธอกลับมาเฉินมู่บีบตำราอาหารไร้สาระนี้ในมือแน่น ก่อนจะพูดอย่างนอบน้อม “ชอบ...ชอบมาก ขอบคุณคุณฮั่วนะคะ”พลันร่างบางก็หันหลังเดินจากไปพร้อมความรู้สึกสับสนในใจ วิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว เธอคงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อเอาบริษัทกลับมาให้ได้“เฉินมู่” ฮั่วหยุนเซียวเรียกอีกครั้งขาเรียวหยุดเดิน แต่ยังไม่หันหลังกลับ ถ้าจะให้พูดตามตรง ตอนนี้เธอไม่ต้องการเห็นหน้าฮั่วหยุนเซียวไม่ใช่เพราะโกรธ แต่แค่รู้สึกว่าความพยายามของตัวเองนั้นสูญเปล่า เฉินมู่เหนื่อยมากและต้องการพักผ่อนสมองฮั่วหยุนเซียวมองไปที่แผ่นหลังของหญิงสาว เขารู้สึกว่าอารมณ์ของเฉินมู่เปลี่ยนไป หล่อนดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย แต่กลับปฏิเสธที่จะพูดออกมา“นี่ไม่ใช่ของขวัญที่คุณต
ไม่นานคนรับใช้ก็มาเคาะประตูเรียก “คุณหนูใหญ่ คุณปู่กลับมาแล้ว ท่านให้มาเรียกคุณไปทานอาหารด้วยกันค่ะ!”เฉินมู่ลูบจัดผมยาวยุ่ง ๆ ของตัวเองพักหนึ่ง ที่ผ่านมาคุณปู่ไปพักตากอากาศที่รีสอร์ทบนภูเขา ดังนั้นช่วงที่ครอบครัวกำลังประสบปัญหาท่านจึงไม่ได้ปรากฏตัวให้เห็นเลย ทว่าวันนี้ท่านกลับมาแล้ว แต่ทำไมถึงเรียกหาเธอด้วยเลยล่ะ?“รู้แล้ว” เฉินมู่เอ่ยพลางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของคุณปู่ช้า ๆตระกูลเฉินมักจะมารวมตัวกันที่ห้องอาหารของคฤหาสน์เสมอ ส่วนคุณปู่จะทานอาหารในห้องส่วนตัวของตนเป็นครั้งคราว แต่ท้ายที่สุด ทั้งครอบครัวก็ต้องมารวมตัวกันที่ห้องอาหารอยู่ดีเมื่อเฉินมู่เดินเข้าไปก็เห็นว่าครอบครัวของเฉินลี้ซานนั่งอยู่รอบ ๆ ตัวท่าน คุณปู่ต้องมีอะไรจะประกาศแน่ ๆ ถึงได้เรียกหาทุกคนแบบนี้“คุณปู่” เฉินมู่กล่าวทักทาย จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลงเฉินลี้ซานเอ่ยขึ้นบ้าง “พ่อ ที่พ่อเรียกหาพวกเราไปทั้งหมด เพราะมีอะไรจะประกาศใช่ไหมครับ?”คุณปู่พยักหน้ายิ้ม ๆ “ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่กันครบแล้ว ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก กองทุนเทียนสื่อส่งจดหมายเชิญมาให้ฉัน กองทุนนี้เป็นงานการกุศล
เมื่อถามคำถามออกมา เฉินลี้ซานก็หยุดพูด ส่วนซู่หรูหลานก็มองไปทางอื่นและนิ่งเงียบนี่เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมาก แต่กลับไม่มีใครตอบในที่สุดคุณปู่ก็ทำลายความเงียบ “เพราะแม่ของหลานยังไงล่ะ ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ แม่หลานทำหน้าที่เป็นครูในเขตสงครามเป็นเวลาหนึ่งปี และได้รับการยอมรับเป็นพิเศษในฐานะสมาชิกจากกองทุนเทียนสื่อ”เฉินมู่ยิ้มเล็กน้อย “ใช่ กองทุนเทียนสื่อมีไว้เพื่อการบรรเทาทุกข์ ดังนั้นสมาชิกของกองทุนจะต้องมีทรัพยากรทางการเงินที่เข้มแข็ง ความสัมพันธ์ที่กว้างขวาง และการกุศลที่กระตือรือร้น แม่ของหนูเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับความเคารพเช่นนั้น แล้วทำไมยังจะดึงเฉินชิงเสวี่ยเข้ามาอีกล่ะค่ะ?”ใบหน้าของเฉินชิงเสวี่ยแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเฉินมู่กำลังทำให้เธออับอาย!เธอเข้ามาได้ยังน่ะเหรอ? แน่นอนว่าเธอและเฉินลี้ซานก็แอบอ้างใช้สิทธิ์ของผู้หญิงที่ตายแล้วเข้าไปเป็นสมาชิกในกองทุนน่ะสิ!เฉินมู่วางมือลงที่โต๊ะ พลันมองไปทางเฉินชิงเสวี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างเย็นชา “คุณปู่คะ ถามหนูว่าหนูคิดยังไงเหรอคะ? หนูคิดว่าไม่มีใครสามารถขโมยของของแม่ไปได้ นอกจากหนู!”ซู่หรูหลานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวมู่ พูดแบ
เขารู้ดีถึงความคับข้องใจของภรรยา เพราะมันความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของภรรยารองอย่างเธอ และเขาก็ไม่สามารถเอาใจพ่อตัวเองได้เช่นเดียวกัน ตอนนี้แม้แต่เฉินมู่ก็กล้าที่จะตะโกนใส่เธอ!เฉินลี้ซานตบโต๊ะอีกครั้ง “เฉินมู่! ขอโทษป้าเดี๋ยวนี้!”เฉินมู่เบนสายตาขึ้นมอง มือบางกำตะเกียบแน่น ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “คุณป้าซู่ ถ้าแม่ของหนูยังมีชีวิตอยู่ คุณคงไม่ใส่ใจเป็นอยู่ของหนูแบบนี้หรอกค่ะ อีกอย่างคุณก็คงไม่ได้แต่งงานใหม่ด้วย”“คุณทำงานหนักมากเพื่อเลี้ยงดูหนู แต่หนูก็เสียโฉมและฆ่าตัวตาย คู่หมั้นของหนูก็ต้องกลายเป็นแฟนของลูกสาวคุณ แถมคุณยังทำให้หนูขายหน้าจนคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะเย้ยอีก!”“ละครบางเรื่องมันน่าเบื่อ ถ้าคุณแสดงออกมากเกินไป หากพูดในฐานะมนุษย์ด้วยกันแล้ว คุณไม่เคยให้เกียรติอีกฝั่งหนึ่งเลย คุณคิดว่าจริงไหมล่ะคะ?”ซู่หรูหลานรู้มานานแล้วว่า เฉินมู่คนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ในอดีตเฉินมู่ไม่กล้าแม้แต่จะมองดูพวกเขา เธอทำได้เพียงเลิกคิ้วและสัญญาตอบตกลงเท่านั้นทว่าตอนนี้ เฉินมู่คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามโต๊ะอาหารนั่นไม่สนใจใยดี แค่การบีบตะเกียบในมือก็แสดงให้เห็น
ภายในคฤหาสน์ เฉินชิงเสวี่ยนั่งอยู่ในห้องแล้วพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า “คุณปู่กินยาผิดหรือไงนะ? แต่ก่อนปู่เคยชายตามองนังเฉินมู่ที่ไหนกัน! งานกองทุนเทียนสื่อเชียวนะ! งานที่สำคัญขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะให้นังเฉินมู่เป็นคนไป!”ซู่หรูหลานพูดอย่างร้อนใจว่า “ลูกมาบ่นให้แม่ฟังที่นี่แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? ใครจะไปควบคุมคุณปู่ได้? แม้แต่พ่อของลูกก็พูดไม่ได้หรอก!”“จะว่าไป ไม่ใช่เพราะลูกก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมาหลายครั้งหรอกเหรอ นังเฉินมู่มันถึงได้เสนอหน้ามาอยู่ต่อหน้าของคุณปู่ได้”เฉินชิงเสวี่ยร้อนใจเป็นอย่างมาก เธอเป็นลูกสาวคนเล็กที่สมควรจะได้รับความรักมากที่สุดในบ้าน แต่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งสิ่งที่เธอเฝ้าไขว่คว้าจะไปตกอยู่บนหัวของนังเฉินมู่!ซู่หรูหลานถอนหายใจ “พอ ๆ ตอนนี้ลูกร้อนใจไปก็เปล่าประโยชน์ ตระกูลลู่ก็น่าจะยังโกรธอยู่ ลูกฝึกเปียโนอยู่บ้านอย่างสงบเสงี่ยมไปก่อน เดือนหน้าพอคุณนายลู่จัดงานเลี้ยง ลูกต้องเอาลู่ซีเจ๋อกลับมาให้ได้!”เฉินชิงเสวี่ยลุกขึ้นมาจากเตียง พลันเตะโซฟาอย่างไม่พอใจแล้วพูดว่า “ไม่ได้ หนูจะไม่ยอมปล่อยให้นังเฉินมู่ได้ไปต่างประเทศอย่างสบายใจแน่ ๆ”“แม่คะ แม่ล
ฮั่วหยุนเซียวเดินผ่านเฉินมู่แล้วมองไปที่โอวจินด้วยสายตาสงสัยโอวจินรายงานทันที “ที่แขนเธอมีอาการแพ้น่ะ! น้องสาวตัวดีของเธอคงจะเป็นคนทำแน่ ๆ!”ฮั่วหยุนเซียวขมวดคิ้ว “ให้ผมดูหน่อย”เฉินมู่รีบขยับแขนไปหลบทางด้านหลัง “ก็แค่อาการแพ้นิดหน่อยเอง ไม่เป็นอะไรมากหรอก คุณชายฮั่วคะ ฉันต้องกลับแล้วล่ะ”พูดจบก็เตรียมจะเดินอ้อมฮั่วหยุนเซียวออกไป แต่ชายคนนั้นกลับกุมข้อมือของเธอไว้ เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญาแล้วถามว่า “ยังโกรธอยู่เหรอ?”เฉินมู่หลับตาลง พลันนึกถึงตำราอาหารที่วางทิ้งไว้ในช่องเก็บของบนหัวเตียง “พวกเราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันนี่คะ ฉันจะโกรธไปทำไม?”เธอได้จัดการกับอารมณ์ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอไม่ได้กำลังโกรธ ก็แค่คาดหวังมากเกินไป เมื่อผลลัพธ์มันไม่ได้เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวัง มันก็อดที่จะจิตตกไม่ได้แววตาของฮั่วหยุนเซียวหม่นหมองลงเล็กน้อย สาวน้อยคนนี้มีนิสัยตรงไปตรงมามาก ๆ ตำราอาหารพัง ๆ เล่มนั้นทำให้คนโมโหได้จริง ๆหญิงสาวบอกว่าไม่ได้โกรธ แต่น้ำเสียงฟังดูห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด มันไม่ได้สดใสและน่ารักเหมือนเมื่อวานตอนที่ถือคุกกี้“คุณชายฮั่วคะ ถ้าหากว่าไม่มีธุระอะไรแล้ว อย่างนั้นฉัน...”
“เฉินมู่! นังบ้า!” เฉินชิงเสวี่ยอยากจะกัดอีกฝ่ายให้ตาย!“โชคไม่ดีเลยนะ ฉันเผลอวางของไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งของเธอ ก็เลย...” เฉินมู่ยิ้มขำ “อ้อ จริงสิ วันนี้ฉันช่วยนัดลู่ซีเจ๋อให้เธอแล้วนะ เธอจะว่ายังไงล่ะ? พอลู่ซีเจ๋อได้ยินว่าเธอร้องไห้ทั้งวันทั้งคืนอย่างทรมานข้าวปลาไม่ยอมกิน เขาก็ใจอ่อนยอมตกปากรับคำว่าจะมาหาเธอ”เฉินชิงเสวี่ยเบิกตากว้าง “แกว่าไงนะ? แกนัดซีเจ๋อมางั้นเหรอ? หน้าของฉัน! ฉัน...”เธอกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก ทางด้านลู่ซีเจ๋อที่เดินเข้ามาในห้องรับแขกชั้นล่างก็มองไปยังสองพี่น้องที่อยู่ชั้นบนแล้วตะโกนว่า “ชิงเสวี่ย ผมมาแล้ว”“อ๊ายยยยย” เฉินชิงเสวี่ยกรีดร้องเสียงแหลม เธอไม่กล้าหันไปมองลู่ซีเจ๋อเลยแม้แต่น้อย จึงทำได้เพียงลั่นเสียงร้องออกมาแล้วรีบร้อนวิ่งกลับไปที่ห้องนอนสิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดก็คือรูปลักษณ์ของเธอ เธอรู้ดีว่าลู่ซีเจ๋อชอบรูปร่างหน้าตาเธอมากแค่ไหน ขืนให้ลู่ซีเจ๋อเห็นเธอในสภาพนี้ สู้เธอตายไปเลยเสียดีกว่า!“ชิงเสวี่ย! ชิงเสวี่ย! เป็นอะไรไป?” ลู่ซีเจ๋อรีบร้อนวิ่งขึ้นมาชั้นบน แต่กลับถูกเฉินชิงเสวี่ยปิดประตูขังไว้ด้านนอกเฉินมู่เดินลงบันไดไปอย่างคนอารมณ์ดี ลู่ซีเจ๋อเด