วันนั้น หวังเยี่ยนหลงนึกอยากกลับมาที่เรือนน้อยในรอบหกเดือน ครั้นมาถึงแล้วก็เห็นว่าบรรยากาศเงียบเชียบจึงเอ่ยเรียกเซี่ยฟาน
“เซี่ยฟาน” ไม่มีเสียงผู้ใดตอบกลับมา
“เซี่ยฟาน!” หวังเยี่ยนหลงตะโกนดังขึ้น อารมณ์เริ่มหงุดหงิด เดินไปดูรอบเรือนแต่ก็ยังไม่เห็นใคร ท้องเริ่มร้องโครกครากเพราะทั้งวันยังไม่กินอะไร จนแล้วจนเล่าเกือบครึ่งวันก็ยังไม่เห็นเซี่ยฟานแม้แต่เงา
หวังเยี่ยนหลงจึงระบายอารมณ์ด้วยการทำลายข้าวของที่อยู่ในเรือนจนระเนระนาด แล้วเดินกลับไปที่หอโคมแดง
เวลานั้น เซี่ยฟานเที่ยวเล่นกับเหอชิงหยางในตลาดไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนน้อย
ขณะที่ทั้งสองยืนอยู่หน้าร้านพู่หยก ก็มีสายตาเยือกเย็นมองตาม ความไม่พอใจก่อเกิดขึ้น
“ที่แท้ก็อยู่นี่?” หวังเยี่ยนหลงพึมพำกับตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก คว้าสุรามากรอกดื่มแทนอาหารทุกครั้งที่เห็นเซี่ยฟานยิ้มให้เหอชิงหยาง
“เซี่ยฟาน เจ้าชอบอันไหนหรือ” เหอชิงหยางถามเขา
หวังเยี่ยนหลงยังคงมีเป้าหมายที่จะตรวจสอบความสามารถของคนในสำนักตระกูลหวังให้ได้มากที่สุด การประลองในวันนี้จึงคิดจะยอมแพ้ แกล้งทำเป็นว่าพลังของตนเองอ่อนด้อยกว่าใคร กระนั้นในสายตาของหวังเฉิงเย่ผู้เป็นบิดากลับเห็นว่าบุตรชายผู้นี้มีความลับซ่อนอยู่ เขาจึงสั่งให้บรรดาอาจารย์จับตาดูอย่างใกล้ชิด “คุณชายสาม ไม่คิดว่าวันนี้จะมีโอกาสได้ประมือกับท่าน” เสียงของศิษย์น้องร่วมสำนักเอ่ยขึ้น อันที่จริงคนผู้นี้อายุน้อยกว่าหวังเยี่ยนหลงสามปี ฝีมือไม่ถึงขั้นจะมีโอกาสได้ประมือกันกับเขา แต่เป็นเพราะแผนการที่หวังเยี่ยนหลงวางไว้ ศิษย์น้องจึงคิดว่าคุณชายสามฝีมือตกจนดูน่าเวทนาไปเสียแล้ว
อีกเพียงไม่กี่ก้าว เซี่ยฟานก็จะถึงหน้าประตูเรือนเขาแล้วแต่คุณชายสามผู้นี้ อารมณ์ฉุนเฉียวยิ่งนัก ทั้งยังเอาแต่ใจขึ้นมากกว่าเดิม ครั้นได้เห็นว่าเป็นเซี่ยฟานจึงหยุดบังคับโลหิตมารแล้วเดินมาดูอาการของเขา หยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาแล้วบังคับให้เซี่ยฟานกลืนลงไป “ไม่นานก็หาย” เขาพูดแต่เพียงเท่านี้แล้วก็เดินกลับห้อง ดวงตาของเซี่ยฟานมองตามด้วยความท้อแท้ใจ เอามือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ส่วนอีกข้างเก็บเศษจานชามที่แตกบนพื้น
หวังเยี่ยนหลงถอนมันออกมาจากเซี่ยฟาน พลันน้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมาด้วย สีหน้าของเขาในเวลานี้สับสน คิดว่าที่ทำลงไปคงเป็นเพราะฤทธิ์สุราและคนตรงหน้าอาจจะไม่ใช่เซี่ยฟานก็ได้ทว่า ทันทีที่พลิกตัวคนที่ยังนอนหลับใหล ใบหน้านั้นก็บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นเขา“บัดซบ!” หวังเยี่ยนหลงตบหน้าตัวเองอีกครั้ง รีบใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไปจากเรือนน้อย ทิ้งให้เซี่ยฟานนอนอยู่เพียงลำพังครั้นมาถึงหอโคมแดง หวังเยี่ยนหลงครุ่นคิดไปคิดมา พยายามโบ้ยให้เป็นความผิดของเซี่ยฟาน ไม่ว่าจะทางใดก็ทางหนึ่งแล้วสั่งสุรามาเพิ่มอีกหลายไห ซดดื่มให้ลืมว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปจนเมามายเรียกสาวงามในหอโคมแดงสามสี่คนเข้าไปในห้องบรรเลงบทอัศจรรย์เร่าร้อนกับพวกนางอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ถึงฝั่งฝันดังที่ตั้งใจไว้ ครานี้แม้จะเมามายแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง นึกสงสัยทำไมถึงรู้สึกไม่เหมือนกัน กระดกสุราเข้าปากอีกอึกใหญ่แล้วเผลอเห็นหน้าคนที่กำลังแนบชิดกายเขาอยู่เป็นเซี่ยฟานหวังเยี่ยนหลงยิ้มมุมปากดึงนางเข้ามาใกล้ ลีลาที่ใช้เริ่
วันนั้น หวังเยี่ยนหลงนึกอยากกลับมาที่เรือนน้อยในรอบหกเดือน ครั้นมาถึงแล้วก็เห็นว่าบรรยากาศเงียบเชียบจึงเอ่ยเรียกเซี่ยฟาน“เซี่ยฟาน” ไม่มีเสียงผู้ใดตอบกลับมา“เซี่ยฟาน!” หวังเยี่ยนหลงตะโกนดังขึ้น อารมณ์เริ่มหงุดหงิด เดินไปดูรอบเรือนแต่ก็ยังไม่เห็นใคร ท้องเริ่มร้องโครกครากเพราะทั้งวันยังไม่กินอะไร จนแล้วจนเล่าเกือบครึ่งวันก็ยังไม่เห็นเซี่ยฟานแม้แต่เงาหวังเยี่ยนหลงจึงระบายอารมณ์ด้วยการทำลายข้าวของที่อยู่ในเรือนจนระเนระนาด แล้วเดินกลับไปที่หอโคมแดงเวลานั้น เซี่ยฟานเที่ยวเล่นกับเหอชิงหยางในตลาดไม่ได้รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่เรือนน้อยขณะที่ทั้งสองยืนอยู่หน้าร้านพู่หยก ก็มีสายตาเยือกเย็นมองตาม ความไม่พอใจก่อเกิดขึ้น“ที่แท้ก็อยู่นี่?” หวังเยี่ยนหลงพึมพำกับตัวเอง รู้สึกหงุดหงิดบอกไม่ถูก คว้าสุรามากรอกดื่มแทนอาหารทุกครั้งที่เห็นเซี่ยฟานยิ้มให้เหอชิงหยาง“เซี่ยฟาน เจ้าชอบอันไหนหรือ” เหอชิงหยางถามเขา
นิยายเรื่องนี้เขียนจบแล้วนะคะ ตอนหลักเล่มแรก 55 ตอน เล่มสอง 49 ตอนและตอนพิเศษอีก 12 ตอนค่ะป.ล. คำเตือนยังเหมือนเดิม เรื่องนี้เหมาะสำหรับนักอ่านอายุ 18 ปีขึ้นไป ระหว่างทางมีน้ำตา พระเอกสำนึกช้า-------------------------------------------------------------------------------------ตั้งแต่วันที่หวังซีซวนมาหาเซี่ยฟาน เขาก็รีบกลับไปที่สำนักตระกูลหวัง แล้วบอกบิดาของตนว่าค้นพบหนทางที่จะกลั่นยาอมตะนิรันดร์ได้แล้ว เพียงแต่ว่าต้องตามหาส่วนผสมของยาที่กระจัดกระจายในหลายแคว้นหวังเฉิงเย่นึกสงสัยว่าเหตุใดบุตรชายที่ดึงดันไม่เคยยอมบอกข้อมูลใด ๆ กับเขาจึงเปิดปากพูดในวันนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะอย่างไรเสียหวังซีซวนก็ไม่มีทางหลุดลอดไปจากเงื้อมมือเขาได้เขาได้ยินเรื่องยาอมตะนิรันดร์มาจากมารดาของหวังซีซวน จึงเคี่ยวเข็ญให้บุตรชายถอดความในตำรามาโดยตลอด นับว่าเลี้ยงไปไม่เสียข้าวสุกตัวอักษรในหนังสือที่เขาเคยพยายามถอดความเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ไม่มีความหมายใด จึงได้แต่ปล่อยหวังซีซวนให้อยู่รอดตลอดมาเพื่อรอเวลาเช่นนี้&n
หวังเยี่ยนหลงเลิกคิ้วมองดวงหน้าของเซี่ยฟานแล้วยิ้มร้าย ดึงมือของตนเองกลับมาวางตรงจุดนั้น พยายามจะล่วงล้ำเข้าเขตหวงห้าม ทั้งสองคนต่างใช้แรงของตนเองผลักดันกันไปมาแต่ก่อนที่เหตุการณ์ในค่ำคืนนั้นจะบานปลายไปมากกว่าเดิม ฤทธิ์ยาที่ผสมกันกับสุราก็รุนแรงมากจนทำให้หวังเยี่ยนหลงเวียนหัวผล็อยหลับไป มือของเขาข้างนั้นจึงยังคงวางค้างอยู่เหนือท้องน้อยของเซี่ยฟานเช่นเดิม ใบหน้าของหวังเยี่ยนหลบฟุบลงที่หน้าอกของเซี่ยฟาน“คุณชาย” เซี่ยฟานลองเรียกเขาเบา ๆ พอเห็นว่าคุณชายสามไม่ขยับตัวจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ค่อย ๆ ดันตัวเขาพลิกไปอีกทางแล้วรีบกระโจนหนีไปอีกฝั่งมุมหนึ่งของห้อง ดึงเสื้อผ้าชิ้นนอกที่หลุดรุ่ยมาปกปิดร่างกายท่อนบนของตัวเองแล้วนั่งขดอยู่ในมุมมืดคืนนั้น เซี่ยฟานไม่กล้าแม้จะหลับตานอน หัวใจเต้นสั่นรัว คิดในใจว่าเขากระทำเช่นนี้คงเพราะเมาสุรารุ่งเช้าหวังเยี่ยนหลงลืมตาตื่นขึ้นมาก็ลืมเรื่องเมื่อคืนวานไปจนหมดสิ้น ในหัวของเขายังคงปั่นป่วนจนแทบจะอาเจียน“เซี่ยฟาน
หลังจากวันนั้นมา เซี่ยฟานเริ่มรู้สึกสนิทกับเขามากขึ้น เหอชิงหยางเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเซี่ยฟาน ช่วยตักน้ำ กวาดลานบ้าน หาวัตถุดิบมาทำอาหาร ราวกับอยู่ด้วยกันอย่างไรอย่างนั้น“เซี่ยฟาน ข้าให้เจ้า” เหอชิงหยางยื่นม้วนกระดาษใบหนึ่งให้เขา พอคลี่ดูข้างในก็เห็นเป็นภาพของตัวเอง“ภาพของข้าหรือ” เซี่ยฟานไม่เข้าใจ“อื้ม เจ้าก็รู้ว่าข้าชอบวาดภาพ ข้าเลยวาดให้เจ้าใบหนึ่ง” เขายิ้มแป้น ภูมิใจในฝีมือของตนเอง ภาพวาดลงสีนั้น เหอชิงหยางตั้งใจทำอยู่สามสี่วัน เป็นภาพที่เซี่ยฟานกำลังยิ้ม“ขอบคุณ” เซี่ยฟานบอกเขา “แต่ว่าข้าไม่มีอะไรให้เจ้า”“ข้าให้เจ้าเพราะอยากให้ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน เจ้าอย่าได้กังวล” เหอชิงหยางหมายความเช่นนั้นหลายวันต่อมาหวังซีซวนมาหาเซี่ยฟานที่เรือนน้อยเพื่อตามกลับบ้านเพราะเจ้าตัวสัญญาว่าจะรีบกลับทันทีที่มาส่งคุณชายสาม แต่เวลาล่วงเลยหลายเดือนแล้วกลับไม่เห็นแม้แต
เช้าวันต่อมาหวังเยี่ยนหลงกลับมาที่เรือนน้อยเพื่อพักผ่อนจากการเร่งฟื้นฟูเส้นชีพจรและพลังภายในของตนเอง“เซี่ยฟาน!” เขาตะโกนเรียกครั้นได้เห็นสภาพของเซี่ยฟานถือไม้เท้าเดินออกมาข้างนอก หวังเยี่ยนหลงก็ถอนหายใจ“คุณชายหรือขอรับ” เซี่ยฟานถามกลับเพราะมองเห็นไม่ชัด“อืม”“ทานอะไรสักหน่อยหรือไม่ขอรับ”“ไม่ต้อง” พูดจบเขาก็เดินไปนอนในห้องพลางเรียกเซี่ยฟาน “มานี่ นวดตัวให้ข้าสักหน่อย”เซี่ยฟานเดินเข้ามาใกล้ ๆ แต่ไหนแต่ไรไม่เห็นเคยต้องทำเช่นนี้ แล้วเริ่มบีบแขนบีบขาให้เขา หวังเยี่ยนหลงเพียงแค่รู้สึกว่าต้องการพักผ่อนเพราะฝึกอย่างเข้มงวดมาหนึ่งเดือนไม่หยุดเลยสักวัน ร่างกายจึงรู้สึกล้าไปบ้าง คิดจะกลับมานอนเล่นในที่ที่คุ้นเคย“คุณชายกลับมาอยู่ที่เรือนนี้แล้วหรือขอรับ” เซี่ยฟานถาม หากเป็นอย่างที่คิด เขาคงต้องเตรียมรับมือ 
หวังเยี่ยนหลงมองหน้าหลิงซีคาดคั้นเอาคำตอบ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“เรื่องนั้นข้าเพียงคาดเดา ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าความจริงเป็นเช่นไร” หลิงซีส่ายหน้าถอนหายใจ “บิดาของเจ้าเคยเล่าเรื่องนางให้ฟังบ้างหรือไม่” นางมองหวังเยี่ยนหลง เอ่ยต่อ “คงไม่สินะ”“เจ้าบอกว่าจะช่วยข้า มีวิธีแล้วหรือ” หวังเยี่ยนหลงถามขึ้น“แน่นอนว่ามี เพียงแต่ว่าเจ้าจะอดทนทำมันได้หรือไม่ก็เท่านั้น”“รีบบอกข้ามา”หลิงซียื่นตำราเล่มหนึ่งให้เขา หน้าปกเก่าจนแทบขาดหลุดลุ่ย พอพลิกเปิดดูด้านในจะเห็นตัวหนังสือเขียนด้วยลายมือฉวัดเฉวียนกับรูปภาพเล็ก ๆ และข้อความสีแดงกำกับอยู่“คุณชายควรจะรักษาตัว ฝึกฟื้นฟูพลังปราณที่นี่จะดีกว่า อย่างไรเสียคนในสำนักจะได้ไม่สงสัย” หลิงซีกล่าวขึ้น แผนการของนางจะต้องสำเร็จลุล่วง กว่าจะถึงวันนั้น ทุกอย่างต้องเป็นความลับ“ไม่ต้องบอกข้าก็รู้”