เสียงโหยหวนในยามค่ำคืนยิ่งทำให้บรรยากาศเยือกเย็นจนน่าขนลุก ไอสีดำคละคลุ้งแผ่ขยายโดยรอบ
หวังเยี่ยนหลงลุกขึ้นบิดคอไปทางซ้ายขวาอย่างช้า ๆ ใบหน้าขาวซีดไม่แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความหิวกระหาย
ปราณมารส่วนนั้นพุ่งออกไปหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนว่าเป็นคนของฝ่ายไหน
ซวงและหลุนเห็นอาการของเขาเป็นเช่นนั้นพยายามจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อมาช่วยเจ้านายของตน
ทว่า คนอื่น ๆ นั้น
หลายวันต่อมา สตรีที่อยู่ในเรือนดอกโบตั๋นเรียกชายลึกลับเข้าพบเป็นการส่วนตัว นางรู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่จะไม่ได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสองตาของนาง แต่หากมันทำให้เขาเจ็บปวดได้มากเท่าใดก็พอจะหยวน ๆ ไปได้บ้าง “ขอรับ” ชายลึกลับโค้งคำนับเตรียมตัวออกเดินทาง “อื้ม” รอยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้น ริมฝีปากแดงแสยะยิ้มรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหว หลังจากรอจนเหลียนเฟินหายดีแล้ว หวังเยี่ยนหลงตัดสินใจพาเขากลับมาอยู่ที่สำนักตระกูลหวังตามเดิม อย่างน้อยที่แห่งนั้นก็ห่างไกลจากพรรคมารและสำนักเซียนอื่น ๆ
สองสามวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงเริ่มจัดการงานทุกอย่างด้วยตัวเองเขาสั่งให้ซวงและหลุนคอยเฝ้าเหลียนเฟินที่เรือน ห้ามให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่าย ส่วนตัวเขาออกไปสะสางพยัคฆ์ดำที่รอดชีวิต แม้ว่าจะสั่งการลูกน้องไปทำเรื่องแทนตัวเองได้ แต่คงไม่อาจดับความโกรธแค้นที่ทำให้เขาควบคุมปราณมารไม่ได้จนคนของเขาหลายคนต้องบาดเจ็บล้มตาย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหลียนเฟิน กระนั้นก็กลัวว่าเหลียนเฟินจะรู้ว่าเขาแอบไปทำเรื่องไม่ดีอีกจึงสั่งให้ลูกน้องทั้งสองคนช่วยปิดบังไว้ 
เช้าวันต่อมา เหลียนเฟินได้สติลืมตาตื่นขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย พลันสบสายตากับคนผู้หนึ่งพอดี “เยี่ยนหลง?” เขาพึมพำ หวังเยี่ยนหลงยังคงใส่เสื้อผ้าชุดเดิม บาดแผลบนร่างกายยังไม่ได้รับการรักษา มือข้างหนึ่งยังคงกุมมือของเขาเอาไว้ ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้นอนทั้งคืน เหลียนเฟินจึงบีบมือหนาเบา ๆ พยายามยันตัวลุกขึ้นมา “อย่าเพิ่งลุก เจ้าบาดเจ็บ” หวังเยี่ยนหลงดันตัวเหลียนเฟินให้กลับไปนอนตามเดิม
เสียงโหยหวนในยามค่ำคืนยิ่งทำให้บรรยากาศเยือกเย็นจนน่าขนลุก ไอสีดำคละคลุ้งแผ่ขยายโดยรอบ หวังเยี่ยนหลงลุกขึ้นบิดคอไปทางซ้ายขวาอย่างช้า ๆ ใบหน้าขาวซีดไม่แสดงสีหน้าอื่นใดนอกจากความหิวกระหาย ปราณมารส่วนนั้นพุ่งออกไปหาเหยื่อที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยไม่สนว่าเป็นคนของฝ่ายไหน ซวงและหลุนเห็นอาการของเขาเป็นเช่นนั้นพยายามจัดการกับคู่ต่อสู้ของตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อมาช่วยเจ้านายของตน ทว่า คนอื่น ๆ นั้น
เช้าวันต่อมา หวังเยี่ยนหลงและเหลียนเฟินพร้อมกับพรรคพวกที่เหลือเดินทางถึงที่ตั้งของพรรคบุปผาทมิฬ การปรากฏตัวของเขาทำให้คนจากพรรคมารหลายคนได้รับรู้ว่าหวังเยี่ยนหลงเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคบุปผาทมิฬอย่างแท้จริง หลายคนล่าถอยไปเพราะรู้ว่าไม่ควรด่วนลงมือในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาควบคุมปราณมารส่วนนั้นสังหารคนได้ในพริบตา คงจะมีก็แต่คนบางกลุ่มที่คิด
หลายวันก่อน ณ หอสุราแห่งหนึ่งตอนใต้ของแคว้นซีเป่ย ห้องท้ายสุดด้านในกลายเป็นที่ประชุมลับระหว่างสำนักพยัคฆ์ดำกับใครบางคนที่สวมชุดสีทึม ผ้าปิดหน้า สวมหมวกพรางสายตานั่งอยู่หลังม่าน “ทำถึงขนาดนั้นแล้วยังลอบโจมตีไม่สำเร็จ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไร้น้ำยากันแล้วหรืออย่างไร” เสียงของคนลึกลับเยาะเย้ยดูถูกกลุ่มคนร่างกายกำยำที่นั่งอยู่อีกฟากหนึ่งของห้องปึง!เสียงทุบโต๊ะไม่พอใจขอผู