Share

๑๑ สตรีที่หมายตาต้องใจ

last update Huling Na-update: 2025-09-14 23:30:57

หัวคิ้วเข้มของอวิ๋นเฟิ่งขมวดมุ่นเล็กน้อย ไม่รู้จะตกใจเรื่องใดก่อนดีระหว่างจวนสกุลไป๋ซุกซ่อนบุตรสาวไว้ หรือคุณหนูไป๋ผู้นั้นเป็นม่ายหอบลูกหนีสามีมา!?

“เจ้าว่าอย่างไร มู่เหยียนเจ๋อ” อวิ๋นเฟิ่งถาม สายตาคมกริบจ้องบุรุษตรงหน้าอย่างจริงจังคล้ายไม่เชื่อ

มู่เหยียนเจ๋อยกยิ้มจางๆ อย่างเล่ห์ ช้อนสายตาสบกับสหายก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบ “อย่างไรเสีย ตามหลัก หากบุตรเติบโตได้ดีย่อมสมควรมีบิดา”

จากนั้นเขาจับพู่กันขึ้น ตวัดเขียนบนแผ่นกระดาษตรงหน้า สายตาจดจ่อใช้สมาธิทันที

อวิ๋นเฟิ่งเบิกตากว้างขึ้นเรื่อยๆ ราวไข่ห่าน ทั้งที่เรื่องใหญ่โต ท่าทางมู่เหยียนเจ๋อกลับนิ่งเฉยราวกับเป็นเรื่องเล็กยิบย่อย “หึ! มิใช่ว่าเจ้าปรารถนาได้นางเป็นภรรยาหรือ”

ถ้อยคำที่ฟังดูรื่นรมย์ราวกับผ่านการคัดสรรมาอย่างดี ทว่าสิ่งแท้จริงนั้น บุรุษผู้นี้มิได้ใส่ใจสิ่งใดอื่นเลย นอกจากคุณหนูไป๋ผู้นั้นเพียงผู้เดียวต่างหาก!

“ข้าก็อายุมากขึ้นทุกวัน...จวนสกุลก็มู่เงียบเหงา แม้มีเงินทองมากมายจนสามารถใช้ชีวิตไปถึงร้อยปีได้โดยไม่ลำบาก ทว่าไม่มีคนใช้ออกไป เช่นนั้น ข้าทไงานหนักหาเงินไปเพื่
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๙ ช่วยหนึ่งครั้งหวังทั้งชีวิต

    ภายในจวนสกุลไป๋ กลางลานกว้าง คุณหนูไป๋ซูหนิงกำลังสนทนากับนายท่านมู่ เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วดังลอยมากับสายลม เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่แถวนั้นพากันอมยิ้มอย่างอดอิจฉาไม่ได้สายตาของนายท่านมู่ที่ทอดมองคุณหนูอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นจนสาวใช้ผู้หนึ่งอดพึมพำไม่ได้ว่า “หากมีบุรุษใดมองข้าด้วยแววตาเช่นนี้ ข้าคงยกแม่สื่อไปสู่ขอเป็นสามีทันที”เพราะมีสตรีใดเล่าที่ไม่อยากถูกรักอย่างถนุถนอมแต่เสี่ยวเถากลับกอดอก หรี่ตามองอย่างไม่วางใจนัก “ข้าว่าเศรษฐีมู่ผู้นี้ ดูจะตกหลุมรักคุณหนูของพวกเราเร็วเกินไปหน่อย”สาวใช้คนนั้นหันขวับมาถาม “แล้วพี่เสี่ยวเถาเคยมีความรักงั้นหรือ…ผู้ใดจะรู้ว่าความรักจะเกิดขึ้นเมื่อใด”แสงแดดยามสายเริ่มแผดร้อน เม็ดเหงื่อเริ่มผุดบนใบหน้าคนงาม มู่เหยียนเจ๋อเห็นแล้วอดไม่ได้จึงยื่นชายแขนเสื้อซับให้แผ่วเบาระมัดระวัง “ขออภัยที่ล่วงเกิน เกรงว่าเหงื่อจะไหลเข้าตา”ไป๋ซูหนิงชะงัก เห็นภาพความอ่อนโยนที่เซี่ยจวิ้นอี้เคยมีต่อนางแวบเข้ามาก่อนจะทับซ้อนด้วยภาพจอกยาพิษและผ้าขาวในวันนั้น หัวใจก็พลันเต้นกระหน่ำจนอกกระเพื่อม“ข้าเป็นพ่อค้าวาณิช ไหนเลยจะพกผ้าเช็ดหน้าติดตัว หากผ้าหยาบบาดผิวจนคุณหนูระคายต้องขออภั

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๘ บุรุษดื้อรั้น

    ไป๋ซูหนิงได้ยินแล้วก็ไม่รู้ว่าควรตกใจเรื่องใดก่อนดี ระหว่างเรื่องที่เศรษฐีมู่ผู้นี้ร่ำรวยเหลือเฟือถึงขั้นใช้จ่ายราวกับเทน้ำเทท่า หรือเรื่องที่เขาซื้อจวนข้างๆ ของสกุลไป๋!?นางเอ่ยเสียงหวาน “ไปกันเถอะ พี่เล็ก…นายท่านมู่เพียงซื้อจวนหลังข้างๆ มิใช่ซื้อถนนเสียหน่อยจะไปไม่ได้อย่างไร”นางยืนอยู่หลังพี่ชาย เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายพยายามหลีกเลี่ยงและตัดขาดไม่ให้นางข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้ที่เอาแต่ตามเกี้ยว แต่ในยามนี้นางไม่ได้มีความคิดอยากแต่งงานกับผู้ใด ขอเพียงคลอดลูกในครรภ์ออกมาอย่างปลอดภัยก็มากพอแล้วหัวคิ้วเข้มของไป๋อวี่เซวียนขมวดมุ่น เพ่งมองบุรุษตรงหน้าไม่ลดละ เขาแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอ ไม่อยากขัดใจน้องสาว แต่ก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบุรุษผู้นี้เช่นกันไป๋อวี่เซวียนหมุนตัวกลับ แล้วคว้าแขนน้องสาวออกจากจวน “อย่าอยู่ห่างจากข้า”ไป๋ซูหนิงกระพริบตาพริบๆ “นายท่านมู่ก็เป็นเพียงบุรุษผู้หนึ่งเท่านั้น” น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้างามคลี่ยิ้มจางๆ เมื่อเดินผ่านอีกฝ่าย นางเข้าใจดีว่าพี่ชายทั้งหวงและห่วงเกินเรื่องมู่เหยียนเจ๋อมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความขบขัน มุม

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๗ เจ้าของจวนคนใหม่

    ราคาที่ดินในชิงโจวสูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเป็นเมืองติดชายแดนเพราะมีพ่อค้าวาณิชจากต่างแคว้นย้ายมาตั้งถิ่นฐานและทำกิจการมากมาย ยิ่งจวนที่อยู่ใกล้สกุลไป๋แล้ว ราคายิ่งสูงลิ่ว ฟังแล้วชวนให้ปวดหูนัก“หากนายท่านมู่สนใจ ข้าย่อมลดราคาให้พิเศษแน่”นายหน้าขายบ้านเอ่ย ใบหน้าระบายยิ้มกว้างจนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าปรากฏเด่นชัดเมื่อสามวันก่อน เจ้าของจวนซึ่งทำกิจการในชิงโจวมาหลายปีจนร่ำรวย เห็นว่าจากบ้านมานานจึงคิดย้ายกลับไป หลังจากขนย้ายข้าวของออกก็นำมาฝากเขาขาย พร้อมเอ่ยว่าหากขายได้เร็วจะให้เงินอีกถุงเป็นค่าตอบแทนเพิ่มแต่ไม่ทันได้ป่าวประกาศ จู่ๆ เช้าวันนี้ก็มีคนจากจวนสกุลมู่มาเคาะประตู บอกว่านายท่านมู่สนใจจะซื้อจวน!นี่ไม่ใช่ตกถังข้าวสารแล้วจะเรียกว่าอะไรได้อีก?เศรษฐีมู่ผู้นี้มีผู้ใดไม่รู้จัก! ไม่ว่าจะเป็นที่ดินว่างเปล่าทั้งหมดในชิงโจวก็มักเป็นของสกุลมู่ทุกตารางนิ้วกระมัง เกรงว่า ทรัพย์สินเงินทองที่มีต่อให้ตายแล้วฟื้นมาใช้อีกสิบรอบก็ไม่พร่องลงสักนิดนับวันกิจการของสกุลมู่ก็ยิ่งขยายไปทั่วทั้งใต้หล้า กอบโกยกำไรจนแทบปิดปากถุงเงินไม่มิด คิดแล้วก็น่าเสียดาย เขาน่าจะรีบหาบุตรสาวเพิ่มสักคน เผื่อวันหน้าโชคห

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๖ เยื่อใยที่ยังเหลืออยู่

    เซี่ยจวิ้นอี้ไม่ได้เชื่อข่าวลือเหล่านั้นเต็มอก ทว่าเขากลับเห็นความสนิทสนมของทั้งคู่เกินเลยจนแทบไม่อาจเรียกว่าได้เป็นความบังเอิญถึงหลายครั้งหลายคราทว่าไป๋ซูหนิงที่เขารู้จักนั้น…นางไร้เดียงสายิ่งนัก เกรงว่าคงไม่มีทางคิดเรื่องบุรุษอื่นใดในหัวนอกจากเขาเท่านั้นเซี่ยจวิ้นอี้ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง พลางถอนหายใจหนักอึ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งบรรยากาศยามดึกสงัดเท่าไร ใจเขาก็ยิ่งปั่นป่วนจนไม่อาจสงบลงได้ ความคิดมากมายที่ไร้คำตอบแล่นเข้ามาในหัว จนหนังตากระตุก รู้สึกถึงความตึงเครียดที่กดทับขมับเต้นตุบๆ อย่างหนักหน่วงเพราะเหตุใดกัน เขาจึงรู้สึกคับแคลงใจสงสัยในตัวนาง และไม่ไว้วางใจ ทั้งที่รู้จักนิสัยใจคอนางดีกว่าผู้ใด“ท่านพี่นอนไม่หลับหรือเจ้าคะ”น้ำเสียงงัวเงียดังขึ้นที่หน้าประตู เซี่ยจวิ้นอี้ปรายสายตาไปมอง เห็นภรรยาอีกคนในชุดนอนผืนบาง ยืนเกาะขอบประตูกึ่งหลับกึ่งตื่น จึงหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู มุมปากหนาโค้งยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจางๆ ก่อนลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเซี่ยจวิ้นอี้หยุดตรงหน้าเหม่ยจินฮวา สายตาคมกริบทอดมองอีกฝ่าย ก่อนยกมือขึ้นลูบเรือนผมอย่างอ

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๕ สัมพันธ์ที่ไม่อยากสานต่อ

    “รังเกียจจนไม่อยากรับของจากสกุลมู่ของข้าเลยหรือ?”น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นอย่างชัดเจน เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างสะดุ้งรีบแหวกทางให้เศรษฐีมู่ พวกนางก้มหน้าหลุบสายตาลง ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองอย่างหวาดหวั่น ราวกับกลั้นลมหายใจไปชั่วขณะใบหน้าของมู่เหยียนเจ๋อเผยรอยยิ้มจางๆ เจือความผิดหวังเล็กน้อย มุมปากหยักยกขึ้น สายตาคมกริบประสานกับพี่ใหญ่จวนสกุลไป๋อย่างตรงไปตรงมา หัวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเชิงถาม “ข้าไปทำอันใดให้คุณชายไป๋ไม่พอใจหรือ ถึงได้แสดงท่าทีรังเกียจราวกับโกรธเคือง ไม่อยากพบหน้าข้าแม้แต่ครั้งเดียว”แม้จะรู้คำตอบในใจดี แต่มู่เหยียนเจ๋อก็อดไม่ได้ที่จะยั่วยวนโทสะอีกฝ่ายนับตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นที่ท่าเรือ จวนสกุลไป๋มีสินค้าต้องส่งไปต่างแคว้น แต่กลับบังเอิญมีคนจากวังหลวงมาตรวจตรา ทำให้ล่าช้าไปหนึ่งวันทว่ามู่เหยียนเจ๋อมีของสำคัญที่ต้องส่งออกด่วนอย่างไรก็ไม่สามารถล้าช้าถึงนำของสกุลไป๋ออกแล้วนำของเขาส่งไปแทนเพราะอย่างไรเสีย เขาคิดว่าของของสกุลไป๋ก็ได้ล่าช้าแล้ว ดังนั้น พรุ่งนี้ค่อยนำสินค้าเก่าออกไปกับของใหม่พร้อมกันได้กระมัง แต

  • เกิดใหม่อีกคราข้าจะพาลูกหนีสามีชั่ว   ๑๔ สหายหรือศัตรู

    ตั้งแต่วันที่เซี่ยจวิ้นอี้บุกไปจวนเว่ยอ๋อง ท่าทางโกรธเกรี้ยว ฟาดงวงฟาดงาใส่ผู้อื่นไปทั่ว เว่ยจิ้นหลานก็ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาอีกฝ่ายอีกเลย และเมื่อให้คนไปสืบความที่สกุลเซี่ยกลับพบว่า สตรีผู้นั้นหายตัวไปจริงๆทว่าที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือข่าวลือระหว่างเขากับสตรีผู้นั้น ที่ไม่ว่าผู้ใดต่างก็กล่าวว่าลอบคบชู้ สวมหมวกเขียวให้เซี่ยจวิ้นอี้!บัดซบเถอะ! นางเป็นภรรยาของสหาย ส่วนเขาก็เป็นสหายของอีกฝ่ายย่อมไม่คิดที่จะลอบลักกินหลังจวนผู้ใด!ใครกันช่างกล้าปล่อยข่าวลืออัปมงคลเช่นนี้?เว่ยจิ้นหลานทำใจยอมรับได้ยาก ทั้งโกรธเคืองไม่น้อย และเกรงว่าความสัมพันธ์สหายระหว่างเขากับเซี่ยจวิ้นอี้ก็คงขาดสะบั้น เพราะข่าวลือไร้ที่มานี้กระมัง!ตอนนั้นเว่ยจิ้นหลานติดธุระในวังหลวง มีงานให้ต้องจัดการสะสางจนล้นมือ ยากจะปลีกตัวได้จนเวลาผ่านไปครึ่งเดือนเต็ม!ไม่นึกเลยว่ายิ่งเขาหายไป ข่าวลือกลับยิ่งตอกย้ำหนักขึ้นรถม้าของเว่ยอ๋องจอดแน่นิ่งอยู่หน้าประตูจวนสกุลเซี่ยเว่ยจิ้นหลานเดินลงจากม้าอย่างหนักอึ้ง ไม่นานก็ถูกเชิญเข้าไปในจวน อย่างไรเสียก็ต้องคุยและแก้ข่าวลือนั้นให้ชัดเจนเขาบริสุทธิ์ใจ หาได้คิดไม่ซื่อกับภรรยาของสหายไม่!

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status