ยามค่ำคืน ณ โรงหมอกลางหมู่บ้าน ด้านในสะท้อนแสงสว่างจากเปลวเทียนที่ทอประกายวูบไหวกลางโต๊ะกินข้าวทรงกลม
“จูเอ๋อร์”
“เจ้าคะ”
มือเรียววางตะเกียบลง จางหลินจูช้อนสายตามองตอบหมอวัยกลางคนฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าที่ประดับไปด้วยคำถาม
จางหลินจูและจางหลินชวนอาศัยอยู่ที่โรงหมอเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม อายุของจางหลินจูก็เลยวัยปักปิ่นไปอีกหนึ่งปี ส่วนเจ้าเด็กขี้แยชวนเอ๋อร์อายุได้หกขวบ
“เจ้ายังต้องเดินทางไปหาญาติหรือไม่”
ท่านหมอหลี่เอ็นดูสองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทว่าเด็กทั้งสองไม่อาจอยู่กับเขาไปตลอดได้ เพราะเดิมทีมารดาของจางหลินจูจะพาพวกเด็ก ๆ เดินทางไปพบญาติตั้งแต่แรก
จางหลินจูเงียบไปครู่หนึ่ง ภายใต้จิตสำนึกเจ้าของร่างเดิมบอกนางว่าถึงเวลาต้องเดินหน้าต่อแล้ว แท้จริงจางหลินจูไม่อยากจากท่านหมอหลี่ไปเลย เพราะทั้งหลี่จงหยางและเสี่ยวหลงรวมถึงบรรดาชาวบ้านที่นี่ ล้วนใจดี มีน้ำใจกับนางและจางหลินชวนเป็นอย่างมาก ท่านหมอหลี่มีสิ่งใดก็หยิบยื่นน้ำใจแบ่งปัน ไม่เคยหวงแหนกระทั่งความรู้ศาสตร์การแพทย์ ท่านหมอหลี่ล้วนถ่ายทอดให้จางหลินจูทั้งหมด
ทว่าผ่านมานับปีแล้ว จางหลินจู
หนึ่งปีหลังจากจางหลินจูและซวี่ฟางจิ้นวิวาห์และสะสางงานทั้งหมดจนเรียบร้อยทั้งสองก็เดินทางมาเยี่ยมท่านหมอหลี่“ซื่อจื่อ” ท่านหมอหลี่ค้อมศีรษะลงจากนั้นผินหน้ามาส่งยิ้มให้จางหลินจูเขาตั้งใจค้อมศีรษะเพื่อเคารพนาง ทว่าจางหลินจูรุดเข้าประคองเขาไว้เสียก่อน“ท่านหมอหลี่ เกรงใจไปแล้ว”“ได้อย่างไร เป็นถึงฮูหยินซื่อจื่อ”“ท่านหมอหลี่คนกันเองทั้งนั้น ท่านเคยช่วยเหลือจูเอ๋อร์ไว้ตั้งมาก อย่าได้มากพิธีเลย” ซวี่ฟางจิ้นเอ่ยไม่นานเจ้าตัวเล็กก็วิ่งรี่เข้ามาเกาะเอวหลี่จงหยาง “ท่านหมอหลี่”“ตายแล้ว คุณชายน้อย ระวังเจ้าค่ะ”ลู่เสียนวิ่งหน้าตื่นเพราะเกรงว่าจางหลินชวนจะวิ่งซนจนได้บาดแผล“ไม่เป็นไร” ท่านหมอหลี่เอ่ย จากนั้นยอบกายลงอุ้มเจ้าตัวเล็กไว้บนอ้อมแขน พลางเขี่ยปลายจมูกหยอกล้อ“ชวนเอ๋อร์ โตเป็นหนุ่มแล้วนี่นา”จางหลินชวนยิ้มตาหยี “ท่านหมอหลี่ คิดถึงชวนเอ๋อร์หรือไม่ขอรับ”“คิดถึงสิ คิดถึงมากเลยล่ะ”จางหลินจูและซวี่ฟางจิ้นยืนมองจางหลินชวนเจื้อยแจ้วกับท่านหมอหลี่ไม่หยุดปากก็ต่างส่งยิ้มให้กับภาพอันแสนสุข
สองวันก่อน ณ ท้องพระโรงแคว้นอันอี้โอรสแห่งสวรรค์นั่งแผ่กลิ่นอายครั่นคร้ามอยู่บนบัลลังก์มังกรสีทองอร่าม ซวี่ฟางจิ้นถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าพร้อมเหล่าขุนนางทั้งบู๊และบุ๋น“ซวี่ซื่อจื่อ”“พ่ะย่ะค่ะ” ซวี่ฟางจิ้นประสานฝ่ามือพลางค้อมศีรษะอยู่บริเวณกลางท้องพระโรงหน้าบัลลังก์“เจ้าสามารถกวาดล้างพวกหนักแผ่นดินออกไปได้อย่างแยบยล กลยุทธ์การศึกล้วนเป็นเลิศแม้อายุยังน้อย เช่นนั้นข้าจะปูนบำเหน็จให้แก่เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท เพียงแต่บำเหน็จนี้สามารถทูลขอตามความต้องการได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ขุนนางทั้งท้องพระโรงแตกตื่น รวมถึงบิดาของเขา ซวี่อ๋อง เหงื่อกาฬเริ่มเปียกโซมแผ่นหลัง ลูกชายตัวดีของเขากำลังจะก่อเรื่องอีกแล้ว ครั้งก่อนเขาต้องบากหน้าใช้ข้ออ้างสารพัดเพื่อยกเลิกงานหมั้นหมายกับท่านหญิงรั่วซี มาหนนี้บุตรชายตัวดีอยากได้บำเหน็จที่ตนต้องการ ทั้งที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยร้องขอมาก่อน“จิ้นเอ๋อร์” เสียงทุ้มเอ่ยลอดไรฟันหมายปรามซวี่ฟางจิ้นทว่าซวี่ฟางจิ้นหาได้ใส่ใจ เขายังคงประสานฝ่ามือและทำหูทวนลมต่อไป อึดใจเดียวทุกคนก็ได้ยินเสียงตบเข่าดังฉาด ขุนนางทั้งซ้ายขวาที่ถ
อรุณรุ่งมาเยือน จวนนายอำเภอกลับบังเกิดความอลหม่าน เมื่ออยู่ ๆ ก็มีหมายจากทางการเข้าจับกุมทุกคนต่างมารวมที่ลานกลางเรือน จางจางอิงที่ตื่นขึ้นบริเวณศาลาริมน้ำ กรีดร้องจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ใบหน้าของจางจางอิงแดงเป็นจ้ำเพราะถูกบรรดาแมลงกัดต่อย ฟูมฟายไม่นานก็ถูกทหารสองนายมาลากตัวออกไป“ปล่อยนะ ปล่อยข้านะ พวกเจ้าเป็นใคร”“คุณหนู เจ้าอย่าดิ้นรนให้เปลืองแรง ยามนี้จวนนายอำเภอถูกล้อมไว้หมดแล้ว”จางจางอิงหน้าตื่น “หมายความว่าอย่างไร”นายทหารไม่ตอบอีก ทว่ากลับพานางถูลู่ถูกังมายังลานกลางเรือนร่วมอีกคนหนิงเจินเห็นหน้าบุตรสาวลายพร้อยประหนึ่งเสือดาวก็แตกตื่น แต่เรื่องที่น่าตระหนกยิ่งกว่าคือทั้งจวนนายอำเภอกระทำสิ่งใดผิดก็หารู้ได้ และผู้นำการจับกุมครั้งนี้ก็คือ ซวี่ซื่อจื่อ“อิงเอ๋อร์ นี่เจ้าเป็นอะไรไป”จางจางอิงหน้าบูด “ท่านแม่ ข้าเองก็ไม่ทราบ ตื่นมาอีกครั้งก็เห็นตัวเองนอนอยู่ที่ศาลาริมน้ำท้ายสวนโน่นเจ้าค่ะ”หนิงเจินผงะ หวนนึกถึงภาพเมื่อคืนก็บังเกิดความผวา “ละ…แล้วเมื่อคืนที่แม่เห็น ไม่ใช่เจ้างั้นหรือ”จางจางอิงหันขวับ “หมายความ
บ่าวรับใช้นายหนึ่งเดินเข้ามาโน้มกระซิบข้างหูจางหมิ่น “นายท่าน คุณหนูยังไม่กลับเรือนเล็กเลยขอรับ”จางหมิ่นลอบมองท่าทางซึ่งเริ่มเมาได้ที่ของซวี่ฟางจิ้น ซื่อจื่อเองก็ไม่ได้มองหรือใส่ใจเขา จางหมิ่นจึงวางใจ“ส่งคนไปตามหานางให้ทั่ว เอาของสิ่งนั้นมาให้ได้”“ขอรับ”บ่าวบุรุษร่างโตถอยหลังค้อมศีรษะจากไป จางหมิ่นเหลือบมองภรรยาข้างกายเป็นนัยให้ทำตามแผนเสียที“ซื่อจื่อ ดื่มอีกหน่อยนะเจ้าคะ นาน ๆ ท่านจะได้มาเยือนที่นี่”ซวี่ฟางจิ้นมิได้ปฏิเสธเขายิ้มตอบพร้อมรับจอกสุรากระดกลงคอ ซวี่ฟางจิ้นดื่มสุรามากเกินไป ยามนี้สติของเขากำลังพร่าเบลอ ร่างกายโอนเอนไปมาประหนึ่งหญ้าอ่อนต้องสายลมจางหลินจูผลัดอาภรณ์ใหม่ให้คล้ายกับสาวใช้ในจวน นางยืนหลบหลังสาวใช้อีกนางอยู่ไม่ห่าง เหลือบมองท่าทีเมาแอ้ของซวี่ฟางจิ้นอย่างนึกหงุดหงิดซื่อจื่อ ท่านนี่มีหัวไว้คั่นหูหรือไง ไยต้องทำตนเองให้เมาหัวราน้ำเพียงนี้กันภารกิจช่วยเหลือผู้มีพระคุณของจางหลินจูดูเหมือนจะเกิดอุปสรรคใหญ่เสียแล้ว เมื่อเห็นว่าซวี่ฟางจิ้นกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบา
จางหลินจูกลับมายังจุดชมบุปผา ทว่านางไม่พบเฟยหมิงแล้ว“อาลี่ แล้วหัวหน้าผู้ตรวจการเล่า”“คุณหนู ท่านมาแล้วหรือ ไม่นานมานี้ท่านหญิงรั่วซีถูกงูกัดเจ้าค่ะ”จางหลินจูตกใจ “ท่านหญิงเป็นอันใดมากหรือไม่ แล้วยามนี้นางอยู่ที่ใด”“นายท่านตามหมอมาแล้วเจ้าค่ะ และตอนนี้หัวหน้าผู้ตรวจการก็กำลังพาท่านหญิงไปส่งที่จวน”จางหลินจูถอนหายใจโล่งอก ครั้นเหลือบมองอีกด้านก็เห็นบุรุษร่างสูงเดินตรงเข้ามาไม่ห่าง ทั้งหมดเป็นเพราะเขาทำให้นางต้องผิดนัดกับเฟยหมิง หนำซ้ำท่านหญิงรั่วซีเกิดเหตุขึ้นทั้งที่นางมีวิชาแพทย์ติดตัวแต่กลับช่วยสิ่งใดไม่ได้เลย“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ” ซวี่ฟางจิ้นเอ่ยถามซูลี่สะดุ้งโหยง “เอ่อ…ซื่อจื่อ เมื่อครู่ท่านหญิงถูกงูกัดเจ้าค่ะ”ซวี่ฟางจิ้นเหลียวมองผู้คนในงานที่หลงเหลือบางตา แต่มิได้แตกตื่นเช่นคราแรกแล้ว “นางเป็นไงบ้าง”“ท่านหญิงปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ หัวหน้าผู้ตรวจการกำลังไปส่งที่จวน”คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งฝั่ง เขาพอทราบความสัมพันธ์สองคนนี้มาบ้าง ดูเหมือนเขาคงไม่ต้องหวาดระแวงเรื่องหมั้นหมายของตนเพียงนั้นแล้วจางหลินจูยื
ค่ำคืนนี้ยังหลงเหลือแขกอีกมาก เพราะหลายคนล้วนอยากชื่นชมผการ้อยราตรีด้วยกันทั้งสิ้น เนื่องจากจวนซวี่อ๋องอยู่ไกลถึงหัวเมืองใหญ่ จางหมิ่นจึงให้บ่าวรับใช้ตระเตรียมห้องหับเพื่อต้อนรับแขกคนสำคัญโดยเฉพาะ ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ไม่ไกลจากจวนนายอำเภอมากนัก จึงไม่ได้เกิดปัญหาต่อการเดินทางยามกลับเรือนเวลามืดค่ำแต่อย่างใด“จูเอ๋อร์”จางหลินจูสะดุ้งตัวโยนเมื่อได้ยินเสียงทุ้มดังมาจากเบื้องหลัง เสียงอันคุ้นเคยนี้เป็นเหตุให้จิตใจของนางระส่ำระสาย มือที่ถือกล่องขนมหวานเอาไว้สั่นระริกจางหลินจูได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ร่างระหงยังคงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมและไม่กล้าขยับ กระทั่งลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดใบหูเล็ก จางหลินจูก็ผละห่างจากเขา“ซะ…ซื่อจื่อ ท่านมีอันใดเจ้าคะ ไยจึงไม่อยู่ในงานหรือ”นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบคำถามของนาง เพียงมองไปยังกล่องขนมที่จางหลินจูถือเอาไว้“แล้วเจ้าเล่า เหตุใดมาอยู่ตรงนี้ผู้เดียว”“ข้าก็แค่มาเอาของเจ้าค่ะ”“ของที่ว่าคือขนมนั่น ซึ่งเจ้าทำให้หัวหน้าผู้ตรวจการเฟยงั้นหรือ”จางหลินจูกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลง