1
ความทรงจำ
ระหว่างที่กำลังแต่งตัวในชุดเจ้าสาวแบบโบราณอยู่ หญิงสาวก็คิดถึงเรื่องในความทรงจำก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน
“แม่เล็กท่านพักผ่อนให้ดี อ้ายฉิงต้มยาไว้ให้แล้วอีกเดี่ยวเสี่ยวหรงจะนำยากับโจ๊กมาให้ท่าน อ้ายฉิงต้องออกไปหาสมุนไพรก่อน” ร่างบอบบางอ่อนแอมองบุตรสาวด้วยความรัก เมื่อได้ยินเสียงหวานบอกกับนางเบา ๆ แม่เล็กของนางป่วยเรื้อรังมาเกือบแปดปีแล้ว เดิมทีมารดาของนางเป็นหมอสมุนไพรนางเรียนรู้วิชาสมุนไพรจากมารดาแต่เด็ก
เมื่อแม่เล็กล้มป่วยนางก็หาเก็บสมุนไพรมาขายเพื่อหาเงินรักษา เพราะฉีฮูหยินเกลียดแม่เล็กของนาง เบี้ยแต่ละเดือนก็แทบไม่พอใช้ หากนางไม่หาสมุนไพรเกรงว่าต้องขอทานกันกินแล้ว
“แม่ขอโทษที่ทำให้เจ้าลำบากเช่นนี้”
“หาใช่ความผิดท่านแม่ไม่ ท่านแม่ไม่ต้องห่วงลูกจะรักษาท่านให้หายให้ได้ นั่นไงเสี่ยวหรงมาแล้ว ลูกจะรีบกลับมาท่านแม่อย่าได้กังวล” นางรีบแอบออกนอกจวนตั้งแต่เช้าเพื่อไม่ให้ถูกพี่สาวร่วมบิดาจับได้ หากโดนจับได้ก่อนนางจะถูกลงโทษ
หลังจวนมีช่องทางลับเล็ก ๆ อยู่ หากเป็นบุรุษเกรงว่าคงรอดเข้าออกไม่ได้ ดีที่นางตัวเล็กจึงรอดเข้าออกได้ง่าย นางมักไปเก็บสมุนไพรที่ตีนเข้าด้านหลังบ้านเรือนนอกเขตตลาด
ฉีอ้ายฉิงแบกตะกร้าเดินเลาะป่าไปตามตีนเขาจนถึงป่าที่เริ่มรกชัฎ พอถึงก็เริ่มลงมือเก็บสมุนไพรที่หาได้ในบริเวณนี้ เก็บอยู่หนึ่งชั่วยาม ก็เดินไปอีกทาง เก็บทางอื่น
“ช่วยด้วย” ขณะที่กำลังเก็บสมุนไพรอยู่นางได้ยินเสียงราวกับมีใครร้องเรียกอยู่ เสียงนั้นแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินแต่นางก็ยังได้ยิน หญิงสาวเดินเข้าไปแหวกหญ้าที่สูงเกือบถึงเอว
บุรุษรูปร่างสูงกำยำในชุดเกราะ นอนอยู่บนพื้นดินที่เย็นเฉียบ ตามร่างกายมีบาดแผลที่เกิดจากการถูกขูดขีด นางคิดว่าชายผู้นี้น่าจะพลัดตกเขาจึงบาดเจ็บมาก แต่หนักสุดคงเป็นบาดแผลตรงหน้าอกที่ถูกธนู
“คุณชายท่านเป็นอย่างไรบ้าง” ฝ่ามือเรียวรีบแหวกหญ้าเข้าไปประคองเขาให้นอนหงาย พยายามถอดเกราะออกเพื่อช่วยดูบาดแผล
รอบปากแผลเริ่มเป็นสีคล้ำ นางดึงปิ่นปักผมของตนเองออกหมุนปลายปิ่นจากนั้นเอาเข็มเงินออกมาจิ้มไปยังบาดแผลของเขา
หัวธนูมีพิษ!
นางนำสมุนไพรในตะกร้าออกมาบดบนหิน จากนั้นยัดใส่ปากเขา หวังว่าจะพอช่วยได้บ้าง ยามนี้ให้ต้มยาเกรงว่าคงไม่ทันแล้ว พอเขากินยาแล้วนางก็ดึงธนูออกโป๊ะสมุนไพรลงไปบนแผล ใช้น้ำที่ได้จากการบดสมุนไพรทาแผลถลอกตามร่างกาย
นางอยู่ช่วยเขาเกือบสองเค่อถึงรู้ว่าตนเองออกมาจากจวนนานเกินไป หากไม่กลับตอนนี้เกรงว่าจะถูกลงโทษ
“คุณชาย ข้าช่วยท่านได้เท่านี้ ข้าต้องไปแล้วหากกลับช้ากว่านี้ พี่สาวต้องฆ่าข้าเป็นแน่” นางบอกเขาด้วยน้ำเสียงกังวล นึกเป็นห่วงเขาอยู่ไม่น้อย แต่เขาสวมเสื้อเกราะเช่นนี้คงเป็นตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ไม่นานคงมีคนมาตามหา
“แม่ทัพ ท่านแม่ทัพ” เสียงตะโกนโหวกเหวกแว่วมาจากที่ไกล ๆ อีกไม่นานต้องมีผู้ใดมาพบเขา นางยัดแป้งย่างใส่มือเขาเอาไว้ เผื่อผู้ที่ตามหาใช้เวลานานเขาอาจจะหิวขึ้นมา แต่คิดอีกทีอยู่ตรงตีนเขาพงหญ้าเช่นนี้ คงหาได้ยากยิ่งนัก
นางคิดเช่นนั้นก่อนจะสุมไฟจุดกำยานไว้ใกล้เขา กลิ่นนี้คงลอยไปได้ไกลต้องมีคนได้กลิ่นและช่วยเขาไว้ทันแน่ จากนั้นนางก็รีบออกไปไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่านางอยู่ที่นี่ หากคนของเขามาเจออาจเข้าใจผิดว่านางเป็นผู้ลอบทำร้ายเขาก็เป็นได้ เช่นนี้คงยิ่งแย่ นางคงถูกลงโทษอย่างที่คิดไว้แต่แรก
สิบวันหลังจากนางได้ช่วยเหลือคนผู้นั้นเอาไว้ ในวังก็มีข่าวว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของพี่สาว องค์ชายรองได้รับบาดเจ็บจนตาบอดเพราะไปรบที่ต่างแคว้น เรื่องนี้ผู้คนภายนอกยังไม่รู้มากนักเพียงแต่บิดานางเป็นหัวหน้าหอดูดาวหลวง มีข่าวเช่นนี้ย่อมรู้ก่อนผู้อื่นจึงมาปรึกษากับแม่ใหญ่
เดิมทีพี่สาวนางคิดว่าหากได้แต่งกับองค์ชายรองนั้นยิ่งดี เพราะมีโอกาสขึ้นเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป แต่พอรู้ว่าองค์ชายกลายเป็นคนพิการนางก็ร่ำร้องไม่อยากแต่งแม้ว่าองค์ชายจะได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องแล้ว สุดท้ายแม่ใหญ่จึงบังคับให้นางที่เป็นลูกอนุแต่งแทน
“คุณหนูเสร็จแล้วเจ้าคะ” เสียงเล็ก ๆ ของสาวใช้เสี่ยวหรงทำให้นางตื่นจากความทรงจำของอ้ายฉิงคนเก่า มองเงาตนเองในคันฉ่องขณะสาวใช้คลุมหน้าด้วยผ้าคลุมสีแดง หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคปัจจุบันแม้แต่คนรักก็ไม่มี เพียงข้ามคืนก็ต้องเข้าพิธีสมรสเสียแล้ว
หญิงสาวสวมชุดเจ้าสาวงดงามเดินอย่างเชื่องช้าไปยังประตูจวน ขบวนรับเจ้าสาวรออยู่หน้าจวนมาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว พอขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวรับตัว ขบวนเจ้าก็เคลื่อนออกไป นางเปิดม่านเกี้ยวออกดูสาวใช้ของแม่ใหญ่กำลังใช้น้ำสาดตามหลังขบวนรับเจ้าสาว น้ำนี้สาดตามมาความนัยคือการแต่งบุตรสาวออกไปก็ไม่ต่างจากการสาดน้ำทิ้ง แต่งแล้วย่อมเป็นของ ๆ สามี
การรับสาวเจ้าแท้จริงควรให้เจ้าบ่าวมารับถึงหน้าจวน เนื่องจากอ๋องอันมองไม่เห็นพิธีจึงเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานกาณ์ยามนี้
28สตรีใดที่ท่านหลงรัก“เห็นอยู่กับตาว่าเจ้าคือฉีอ้ายฉิง เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย ไม่รู้เหตุใดชายาตนเองจึงพูดจาแบบนี้ ถามผู้ที่เคยพบล้วนต้องบอกว่านางคือฉีอ้ายฉิงบุตรตระกูลฉีเป็นแน่“เดิมทีฉีอ้ายฉิงถูกฉีอ้ายเหม่ยบุตรสาวคนโตทำร้ายจนสิ้นใจภายในจวน และหม่อมฉันตายจากที่อื่นก็เลยเข้ามาอยู่ในร่างนางแทน เช่นนั้นข้าจึงจำไม่ได้ว่าเคยช่วยท่านเอาไว้ เพราะผู้ที่ช่วยพระองค์ไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นนาง”“...”“หม่อมฉันฟื้นขึ้นมาวันที่ต้องเข้าพิธีสมรส จนได้เจอกับพระองค์ คราแรกกังวลใจไม่น้อยที่อยู่ ๆ ต้องเข้าพิธีกับผู้ที่มีชื่อเสียงโหดร้ายเช่นท่าน แต่เมื่อแต่งแล้วจึงรู้ว่าท่านไม่ได้เป็นดั่งที่ชาวบ้านร่ำลือ”“...”“ที่หม่อมฉันช่วยพระองค์ก็เพื่อให้ตนเองได้อยู่อย่างไม่ลำบาก จนไม่นานมานี้ได้รับรู้ว่าที่พระองค์ดีกับหม่อมฉันเพราะทรงจำได้ว่าฉีอ้ายฉิงเคยช่
27เรื่องเหลือเชื่อนี้“โชคดีจริง ๆ ที่ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมอุปสรรคเยอะแยะเหมือนในละคร ไม่งั้นตายแน่เลย เนาะไอ้จิ๋วของแม่” หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบาๆ ขณะนั่งหน้าคันฉ่องบานใหญ่ เรื่องนี้ยังไม่มีผู้ใดรู้นางไม่กล้าบอกเพราะกลัวว่าจะไม่มีผู้ใดเชื่อเรื่องเหลือเชื่อนี้เสียงเรียกแผ่วเบาหน้าประตูทำให้นางลุกไปดู หยินซูหยางหรือมารดาแท้ ๆ ของฉีอ้ายฉิงคนเก่า นางมาอยู่ที่จวนอ๋องได้เกือบหนึ่งเดือนแล้วเพราะตระกูลฉีถูกเนรเทศจากเมืองหลวงหลังถูกโบย“ท่านแม่มีอันใดหรือเจ้าคะ”“แม่ไม่ได้พูดคุยกับเจ้ามานานจึงอยากมาพูดคุยด้วยสักหน่อย เป็นอย่างไรบ้าง ยังอาเจียนอยู่หรือไม่”“ท่านแม่เชิญเข้ามาก่อนเถอะเจ้าค่ะ” หยินซูหยางเดินตามบุตรสาวเข้าไปนั่งเก้าอี้ในห้อง อ๋องอันยามนี้คงอยู่ในวังเพื่อวางเรื่องการป้องกันเมืองกับไท่จื่อ นางรินชาให้มารดาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แม้ไม่ใช่บุตรแท้ ๆ แต่อย่างไรยามนี้นางก็เป็นฉีอ้
26โอกาสสุดท้ายของการกลับตัวไท่จื่อเบิกตาโตมองผู้คนที่เดินเข้ามาภายในโถงร้านค้าเก่าแห่งนี้ ภายนอกมีคนของเขาเฝ้าอยู่ด้านนอกหลายคนรวมถึงองครักษ์ประจำตัว แต่เมื่อเห็นผู้ที่เดินเข้ามาเป็นคนสุดท้ายจึงรู้ว่าเพราะเหตุใดองค์จักรพรรดิทรงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดปะปนอยู่เลย ร่างกายเย็นวูบชาไปทั่วทั้งร่างไม่นึกเลยว่าองค์จักรพรรดิจะเสด็จเองเช่นนี้ แต่เขากลับไม่รู้เลย“อ้ายฉิงเป็นอย่างไรบ้าง”“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ เพียงรู้สึกอับชื้นจึงหายใจไม่สะดวกเท่านั้น” น้ำเสียงหวานใสบอกกับผู้เป็นสามี ใบหน้ายิ้มแย้มไม่ได้โกรธเคืองหรือตื่นกลัวอันใด“ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ เหตุใดเสด็จพ่อจึงเสด็จมาเองเช่นนี้” องค์ไท่จื่อหันไปพูดกับฮ่องเต้ด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด คงกังวลว่าจะถูกกล่าวโทษที่ทำเรื่องเช่นนี้ หรืออาจกังวลว่าฮ่องเต้ทรงรู้สิ่งใดมาบ้าง“ถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”
25ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง“เช่นนั้นก่อนตายข้าจะสงเคราะห์ให้” เขาพูดจบก็แหวกม่านหมวกออกทั้งสองฝั่ง เผยให้เห็นใบหน้าโหดเหี้ยม นางไม่คุ้นเคยใบหน้านี้แม้แต่น้อย ไม่เคยเห็นสักครั้งเดียว“แม้จะเห็นหน้าท่านเช่นนี้ข้าก็ไม่รู้อยู่ดีว่าท่านเป็นผู้ใด อยากจะพูดก็พูดเถอะ หากไม่แล้วก็เชิญทำตามใจ” สิ่งที่เอ่ยออกไปนางไม่ได้จงใจยั่วยุแต่นางคิดเช่นนั้นจริง ๆ อย่างไรนางก็เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แม้ไม่ได้อยากตายก็ตาม ครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อฟ้าลิขิตให้ตายผู้ใดเล่าจะรอดนางพูดจบก็เงยหน้ามองเขาอีกครั้งด้วยแววตานิ่งไม่หวั่นไหว ถามว่ากลัวหรือไม่นางย่อมต้องกลัว แต่จะให้อ้อนวอนขอชีวิตก็คงไม่มีประโยชน์อันใด“ยิ่งเห็นสายตาราวกับไม่กลัวสิ่งใดของเจ้า ทำให้ข้ายิ่งนึกถึงคนผู้นั้นยิ่งนัก ข้าเคยให้โอกาสเจ้าเลือกแล้วที่จะไม่รักษาอ๋องอัน แต่เจ้าดื้อรั้นและดื้อดึง”“อย่างที่ท่านกล่าวมา ข้าทั้งดื้อรั้นและดื้อดึงต่อให้ท่านจะฆ่
24มีเวลาให้พักมากพอ“ขอแสดงความยินดีกับพระชายา พระองค์ทรงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” นางยกมือกุมขมับตนเองทันที เป็นหมอแท้ ๆ แต่กลับไม่ทันได้คิดเรื่องนี้เลย มัวแต่ใช้เวลาดูแลผู้อื่นจนลืมสังเกตตนเอง“ขอบคุณท่านหมอ เชิญท่านหมอเถอะ ข้าขอพักเสียหน่อย”“กระหม่อมทูลลา” รายงานเสร็จหมอก็ออกไปจากรถม้าให้นางได้อยู่ตามลำพัง ไม่ได้สั่งยาหรือมอบเทียบยาใดให้เพราะเห็นว่านางอ่อนเพลียจึงปลีกตัวออกมาให้ได้พักผ่อน“ตัวจิ๋วเดียวก็สร้างเรื่องเลยนะ ถ้าอยากมาเกิดจริง ๆ อย่าให้แม่ทรมานนักสิ” นางพึมพำกับตนเองพร้อมกับลูบหน้าท้องแบนราบแผ่วเบาแล้วผล็อยหลับไป“ท่านหมอพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง พระชายาทรงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ดวงตาคมเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่น้อย ริมฝีปากยกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว
23ป่วยแล้วหรือไม่“เสด็จพี่ เช่นนั้นผู้บงการนี้”“แม้จะไม่อยากคิด แต่ข้าคิดว่าคงเป็นคนผู้เดียวกับที่เจ้าคิด บัดนี้มีหลักฐานแต่ยังขาดพยาน อาจจะไม่ใช่ก็ได้ ต้องหาคนผู้นั้นให้เจอเราจึงจะได้คำตอบ” น้ำเสียงราบเรียบ เขาให้จื่ออี้ตามหาผู้ที่จับตัวฉีอ้ายฉิงในวันนั้น แม้จะยังไม่พบแต่ไม่นานต้องพบแน่ คนผู้นั้นเองก็คงไม่อยากตาย“หากมีสิ่งใดที่ข้าพอช่วยได้”“ย่อมต้องมีเรื่องรบกวนเจ้าในภายหน้าเป็นแน่” คนเจ็บยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินผู้เป็นพี่ชายบอกว่าต้องมีโอกาสใช้งานเขาแน่นอน เพราะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูด้วยกันองค์ชายสามจึงมีแบบอย่างเป็นองค์ชายรองมาโดยตลอด ไม่ว่าองค์ชายรองจะทำอย่างไรจะเป็นอย่างไร เขาล้วนพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพื่อที่ในสักวันจะได้คอยช่วยพี่ชายออกรบในสนามรบได้หลังได้ยินว่าเขาจะต้องไปช่วยอ๋องอันบรรเทาทุกข์ที่เซียงโจวก็ดีใจมาก คิดตลอดคืนว่าจะพูดคุยกับพี่ชายอย่างไรดีแต่จน