LOGIN"ข้าขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงาน ขอให้ครอบครัวและสหายทั้งหลาย อยู่เย็นเป็นสุขดุจดอกเหมยบานไม่ร่วงโรย" หลัวฟางเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดังก้องพร้อมกัน งานเลี้ยงดำเนินไปถึงยามค่ำ ไฟโคมแดงถูกจุดเรียงรายทั่วจวน แสงโคมสะท้อนยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้คืนวันนั้นกลายเป็นความทรงจำที่อบอุ่นที่สุดของทุกคนค่ำค
แปดเดือนต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ลมอ่อนพัดกลีบดอกเหมยปลิวว่อนทั่วจวนตระกูลถาน เสียงร้องทารกสองคนดังประสานกันในห้องคลอด ไป๋หลินเหน็ดเหนื่อยเหงื่อชุ่มแต่รอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้ายังคงงดงามยิ่งนักหมอตำแยยกห่อผ้าขาวสองห่อส่งให้หลัวฟาง เด็กคนหนึ่งมีแก้มแดงระเรื่อร้องเสียงใส อีกคนตาปรือเงียบสงบแต่กำมือแน่นราว
โรงหมอกังอันในยามเช้าอาบด้วยแสงแดดอุ่นอ่อน กลิ่นดอกเหมยที่หลัวฟางเด็ดมาจากสวนยังอบอวลอยู่ในแจกันไม้ไผ่ ไป๋หลินที่เพิ่งตรวจชีพจรให้คนไข้รายสุดท้ายในห้องรักษา เขารู้สึกผิดแปลกในร่างกายตนเองมาตลอดหลายวันอ่อนเพลียง่าย ใจเต้นแรงและบางครั้งมีคลื่นไส้ยามเช้าจึงขอมาพักที่เรือนรับรองก่อนไป๋หลินจึงนั่งลงที่โ
ตอนนี้องค์ชายรองเฟยซินก็มาศึกษาเล่าเรียนวิชาแพทย์ได้ห้าเดือนกว่าแล้ว แต่กลับเข้าใจทุกอย่างและจดจำขั้นการรักษาของแต่ละโรคได้อย่างแม่นยำ สมุนไพรรักษาโรคทุกชนิดก็จำสรรพคุณได้อย่างขึ้นใจ ด้วยความเก่งและฉลาดจนตอนนี้องค์ชายเฟยซินสามารถรักษาผู้ป่วยแทนท่านอาจารย์อย่างไป๋หลินได้แล้ววันนี้มื้อเย็นไป๋หลินได้ท
ไป๋หลินลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะสมุนไพร เปิดลิ้นชักแล้วหยิบรากโสมแห้งขึ้นมา เฟยซินรับสมุนไพรนั้นมาพิจารณาอย่างตั้งใจ พระเนตรเต็มไปด้วยประกายสงสัย"เช่นนั้น ท่านอาหมายความว่าของที่ดี หากใช้ผิดวิธีก็อาจฆ่าคนได้ ใช่ไหมขอรับ" เฟยซิน"ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้เป็นแพทย์ต้องเรียนรู้ทั้ง คุณและโทษ ของทุกสิ่
"ขอรับท่านกงกง ข้าจะดูแลองค์ชายเฟยซินเป็นอย่างดี" ไป๋หลินไป๋หลินคุกเข่าลงรับพระราชโองการ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงบในหัวก็พึ่งนึกได้ว่าเคยสัญญากับองค์ชายไว้ ว่าจะรับองค์ชายเฟยซินเป็นศิษย์คนแรกของตน นี้คงถึงเวลาที่ต้องรับองค์ชายเป็นศิษย์จริง ๆ แล้วสินะ หลัวฟางที่ยืนข้างกายมองนางด้วยรอยยิ้มภูมิใจพร้อมกล







