เมื่อคุณหนูสุดแสนเย่อหยิ่งอยากได้เกียร์รุ่นพี่วิศวะสาวจอมเย็นชามาคล้องคอ หล่อนจึงทำทุกวิถีทางเพื่อมัน แต่ใครเล่าจะรู้ว่าการได้เกียร์มาครอบครองจะทำให้หล่อนสูญเสียทุก ๆ อย่าง
Узнайте большеภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม
“สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้
“ลองไหม?”
“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย
‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย
“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร”
“ค่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวยังเรียบเฉย มองผู้ชายร่างอวบตรงหน้าไร้ความรู้สึก เขาสวมแว่นและดูเจียมเนื้อเจียมตัว อาจเพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่ได้ดึงดูดสายตาใคร ๆ จึงทำให้เขามีท่าทางขวยเขิน ดลญาชินชากับสถานการณ์นี้ของบรรดาหนุ่ม ๆ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง หรือจะเป็นพวกผู้หญิงก็ด้วย รายนี้ก็คงเหมือนกัน ไม่ขอเบอร์ก็ขอช่องทางการติดต่ออะไรสักอย่าง ซึ่งหล่อน…
“ไม่ให้ค่ะ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเอ่ยสิ่งที่ต้องการ สาวเจ้าก็โพล่งสิ่งที่อยู่ในใจขึ้นมาก่อน ผู้ชายคนนั้นหน้าเสีย ก่อนจะเปลี่ยนท่าทีจากเหนียมอายเป็นบึ้งตึง ชายหนุ่มหายใจแรงขึ้นสาวเท้าเข้าหาร่างเพรียวจนเพื่อน ๆ ร้องลั่น
“นี่ไม่รู้ตัวหรือไงว่ากำลังตกกระป๋อง ยังคอเชิด หยิ่งอยู่ได้”
“พูดอะไร?” ประโยคนั้นเรียกให้หญิงสาวมีอารมณ์คุกรุ่นในอก ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เขาทำกิริยามารยาททรามกว่านั้นคือการถ่มน้ำลายลงพื้นที่ใกล้กับรองเท้าส้นสูงของดลญา ทุกคนในกลุ่มแตกฮือ กรีดร้องอย่างรังเกียจ
“มหา’ลัยเราควรคัดคนให้มากกว่านี้ปะวะ แม่ง!” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยอย่างหัวเสีย มองตามร่างชายคนนั้นไปจนลับสายตา ดลญายังรู้สึกคุกรุ่นในใจ
“มันบอกว่าฉันตกกระป๋อง” ใคร ๆ ต่างรู้ว่าดลญาเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด หล่อนทั้งสวยจนได้เป็นดาวคณะ การเรียนเข้าขั้นเก่งกาจไม่พลาดเอสักวิชาตั้งแต่ปีการศึกษาที่หนึ่ง แต่ยามนี้ดลญาอยู่ปีสามแล้ว นั่นจึงมีรุ่นน้องผู้หญิงหลายคนขึ้นมาเทียบรัศมีได้เป็นจำนวนมาก ทว่า…ผู้หญิงพวกนั้นมาวัดรอยเท้าได้ไม่นานก็อันตรธานไป ดลญายังคงเป็นดาวคณะอยู่ตลอดจนกระทั่งการเข้ามาเรียนของ ‘เบญจา’ หรือที่ใคร ๆ เรียก ‘น้องจิ๊บ’ รุ่นน้องปีหนึ่งคณะเดียวกันกับหล่อน
“นั่นน้องจิ๊บนี่หว่า…แม่ง มีผู้ชายเดินตามต้อย ๆ เลยโว้ย” เพื่อนคนเดิมชี้ไปทางเดินอีกฟาก
“คนนี้หรือเปล่าที่จะมาทำแกตกกระป๋อง”
“เหอะ! ไม่มีทาง คนแบบนั้นเอาอะไรมาเทียบฉันได้” มันก็จริงอย่างที่ดลญาว่า เบญจาอาจจะเทียบฐานะทางสังคมและการเงินกับดลญาไม่ได้ แต่เด็กเบญจานั่นก็มีความสดและกลิ่นหวานหอมที่ชวนให้ภมรและภุมรีทั่วมหาวิทยาลัยอยากดอมดม เบญจาเปรียบเสมือนสินค้าใหม่บนเชลฟ์ที่ดึงดูดสายตาลูกค้า ส่วนดลญาถึงจะเป็นสินค้าขายดีทว่าไร้ความน่าสนใจไปเสียแล้ว
“ฉันรู้มาว่ายัยน้องจิ๊บนั่นเคยเป็นแฟนพี่เท็นคณะวิศวะฯ ด้วยนะ” ดลญาเลิกคิ้วหันมองเพื่อน
“ใครนะ?”
“ก็พี่เท็นไง อดีตดาวคณะวิศวะฯ คนตัวสูง เท่ ๆ หน้านิ่ง ๆ น่ะ ที่ไม่เคยให้เกียร์ใครและไม่เคยให้สถานะแฟนกับใครด้วย” ดลญาร้องครางในลำคอ รุ่นพี่ผู้หญิงปีสี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ เท่าที่รู้คือฝ่ายนั้นเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาแล้ว ทั้งยามนี้ยังอยู่ชมรมกีฬาด้วย
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบ” หล่อนยังไม่เข้าใจเจตนาที่เพื่อนจะสื่อ
“ก็แหม…ถ้าเรตติงแกยังดีอยู่ก็ไปเกี่ยวพี่เท็นมาเป็นแฟนแล้วเอาเกียร์มาคล้องคอสิ”
“ไร้สาระ”
“ไร้สาระอะไรยัยเดียร์ ถ้ายัยน้องจิ๊บเคยเป็นแฟนคนที่จีบยากที่สุด ก็แปลว่ามันมีดีกว่าแกน่ะสิ ดูดิ…ผู้ชายแม่งตามเป็นขบวน ส่วนแก…” เพื่อนสาวเอนกายกอดอกปรายตามองดลญาศีรษะจดปลายเท้า
“มีใครเดินตามที่ไหนกัน” มันก็จริงอย่างที่เพื่อนว่ามา ยามนี้ดลญากลายเป็นคนที่ไม่มีใครสนใจแล้ว ที่เห็นว่ามีคนยังมาก้อร่อก้อติกก็เพิ่งจะมีรายแรกในสัปดาห์ แล้วหล่อนดันไล่ตะเพิดทำหยิ่งใส่เขาอีก ดลญามองเพื่อนในกลุ่มเห็นทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนสาวคนนั้น
“แล้วฉันจะเจอพี่เท็นได้ยังไง?”
“ไม่ยาก เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ
Комментарии