Home / รักโบราณ / เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน / เด็กนั่นรู้เรื่องของข้าแล้ว

Share

เด็กนั่นรู้เรื่องของข้าแล้ว

Author: zuey
last update Last Updated: 2025-08-08 07:14:22

ณ ห้องนอนของผู้เฒ่าหลี่

“เจ้ามีสิ่งใดต้องการเอ่ยหรือไม่”

ชายชราหันกลับไปถามภรรยาคู่ยากของตน สามสิบปีมานี้เขาไม่เคยเห็นนางแสดงท่าทางคับข้องใจออกมาเลยสักครั้ง ทว่าวันนี้ดูเหมือนนางกำลังอดกลั้นกับบางสิ่ง

“ท่านพี่...เด็กนั่นรู้เรื่องของข้า ท่าน..เล่าให้นางฟังใช่หรือไม่”

ผู้เฒ่าหลี่เลิกคิ้วด้วยความฉงน เพราะชายชราไม่เข้าใจคำถามของภรรยา

“เจ้าหมายความว่าอะไร”

“ก็เรื่องสัญญาทาสที่ยังอยู่ในมือของท่านเจ้าเมือง ท่านได้เล่าให้หลี่อันหนิงฟังหรือไม่”

ผู้เฒ่าหลี่นั่งไตร่ตรองคำพูดของภรรยาเฒ่า ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ

“ข้าไม่เคยปริปากเอ่ยเรื่องนี้กับผู้ใด ตัวเจ้าเองก็น่าจะรู้”

“แล้วเช่นนั้นหลี่อันหนิงรู้ได้อย่างไร”

แม่เฒ่าหม่าแสดงท่าทีร้อนรนออกมา แต่คนที่นั่งฟังกลับยังคงใจเย็น

“นางพูดอะไรกับเจ้า”

“นางบอกว่าถ้าข้ายังใช้งานนางอยู่เช่นนี้ นางจะนำเรื่องของข้าออกไปป่าวประกาศข้างนอกให้คนในตำบลหยางเฉิงรู้ นางจะทำให้เจียนเอ๋อไม่ได้แต่งงาน ท่านพี่...นาง”

ชายชรายกมือขึ้นห้าม

“เด็กนั่นเพียงต้องการข่มขู่เจ้าเท่านั้น นางไม่มีวันทำเช่นนั้นจริงๆ หรอก จะอย่างไรเจียนเอ๋อก็เป็นอาหญิงของนาง เจ้าเองก็เถอะเลิกรังแกพวกนางพี่น้องได้แล้ว หลายปีมานี้ทำกับพวกนางแม่ลูกถึงเพียงนั้นยังไม่พอใจอีกหรือ เลิกผูกใจเจ็บพวกนางเสียถ้าเจ๋อเอ๋อรู้เรื่องที่เจ้าทำกับมารดาของเขา เจ้าคิดว่าเด็กนั่นจะยังยอมทำตามคำสั่งของข้าอยู่อีกหรือไม่”

แม่เฒ่าหม่าที่ได้ยินสามีกล่าวเช่นนั้น นางก็รู้สึกไม่ยินยอม

“นั่น...เป็นความผิดของพานเยว่หลานมิใช่หรือ เหตุใดท่านถึงได้ตำหนิข้า ถ้ามิใช่เพราะสตรีผู้นั้นอาเจี๋ยของเราคงจะสอบได้ขุนนางไปแล้ว”

“พอเถอะน่า เรื่องผ่านไปตั้งหลายปีแล้วยังจะขุดขึ้นมาพูดอีก”

ผู้เฒ่าหลี่รู้แก่ใจดีว่าต่อให้ไม่มีพานเยว่หลาน บุตรชายคนโตของตนก็ไม่มีวันสอบได้เป็นขุนนาง เขาที่เคี่ยวกรำเด็กคนนั้นเองกับมือมีหรือจะไม่รู้ว่าความสามารถเขามีเท่าใด

เพราะอย่างนั้นถึงได้เลิกเคี่ยวเข็ญให้เขาร่ำเรียนเขียนอ่าน บุตรชายคนโตและบุตรชายคนรองนั้นเขาเลิกหวังไปนานแล้ว จนกระทั่งค้นพบความสามารถของหลี่อี้เจ๋อโดยบังเอิญ

เด็กที่อายุเพียงสามขวบก็สามารถท่องคัมภีร์ตรีอักษรได้ขึ้นใจราวกับร่ำเรียนมาแล้วหลายปี ยิ่งอายุของเด็กคนนั้นเพิ่มขึ้นเขายิ่งฉายแววของอัจฉริยะออกมา ความสุขุมที่มิต้องเสแสร้ง ความเฉลียวฉลาดที่เป็นของจริง

เด็กคนนั้นแตกต่างจากสายเลือดตระกูลหลี่ของเขา

หลังเหตุการณ์วงแตกที่โต๊ะทานอาหาร คนตระกูลหลี่ต่างก็แยกย้ายกันไป หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าสะพายตะกร้าขึ้นหลังตรงดิ่งไปยังภูเขาด้านหลังหมู่บ้านทันที

“พี่ใหญ่ หัวมันที่เราขุดเอาไว้ยังไม่พออีกหรือ”

หลี่อันหนิงหันกลับมายิ้มให้กับน้องสาว

“ไม่พอหรอก เราต้องเก็บให้ได้มากกว่านี้ เป่าเอ๋อฟังพี่นะ ภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้ามันยาวนานจนพี่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ที่ใด”

เพราะจากความทรงจำของนาง แม้กระทั่งวันสุดท้ายที่สิ้นลมหายใจ สายฝนสักเม็ดก็ยังไม่ตกลงมา

“ได้ เช่นนั้นเราก็ขุดมันในภูเขาไปเก็บเอาไว้ทั้งหมดกันเถอะ”

ผ่านไปนานนับเดือน ชีวิตของหลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าเริ่มสงบสุข คนบ้านหลี่แม้จะเอ่ยเหน็บแนมพวกนางในบางครั้ง แต่ก็มิได้เข้ามากลั่นแกล้งรังแกดั่งเช่นอดีต

กระทั่งเหมันต์มาเยือน สองพี่น้องหยุดการกระทำของตน ตอนนี้พวกนางมีหัวมันกองเท่าภูเขาลูกย่อมอยู่ภายในถ้ำ หลี่อันหนิงใช้หญ้าคาแห้งที่ตากเอาไว้มาเป็นฐานรอง จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความชื้น

อีกอย่างนางได้เมล็ดผักหลายอย่างจากแม่เฒ่าจวงมาเมื่อสองเดือนก่อน ทำให้ภายในถ้ำราวกับมีสวนผักขนาดย่อมตั้งอยู่ ยิ่งมีบ่อน้ำพุร้อนเรื่องอากาศหนาวด้านนอกยิ่งไม่ต้องกังวล

เด็กน้อยทั้งสองเก็บสะสมเสบียงเอาไว้ภายในถ้ำมากมาย เนื้อกวางและหมูป่าที่ลูกเสือดำล่ามานางก็ทำตากแห้งรมควันเอาไว้ทั้งหมด หลังจากเกิดภัยแล้งขึ้น เสบียงอาหารคือสิ่งที่จำเป็นอันดับหนึ่งที่ควรมี

หน้าเรือนตระกูลหลี่

“เจ๋อเอ๋อของเรากลับมาแล้ว”

รถม้าคันโตกำลังวิ่งขลุกขลักจากหน้าหมู่บ้านตรงมายังเรือนตระกูลหลี่ ผู้เฒ่าหลี่แสดงสีหน้าเปรมปรีดิ์เมื่อได้พบหน้าหลานชายอีกครั้งในรอบหลายเดือน

เด็กน้อยอายุเพียงหกเจ็ดขวบแต่กลับแสดงท่าทีสุขุมราวกับผู้ใหญ่ หลี่อี้เจ๋อก้าวลงมาจากรถม้าก่อนจะโค้งคำนับให้ชายชราที่สวมชุดคลุมของฤดูหนาว

“หลานคารวะท่านปู่ ท่านพ่อขอรับ”

“ดี ดี ดี กลับมาบ้านก็ดีแล้ว เข้าไปในเรือนเถอะข้างนอกอากาศหนาวนัก อาเจี๋ยรีบพาบุตรชายของเจ้าเข้าไปข้างในเร็วเข้า”

ผู้เฒ่าหลี่เอ่ยออกมาเสียงดัง ราวกับกลัวว่าจะไม่มีผู้ใดได้ยินว่า หลานชายที่น่าภาคภูมิใจของตนกลับมาบ้าน

จางเหยาฮวาบิดปากอย่างหมั่นไส้ในท่าทางของผู้เฒ่าหลี่ นางเองก็มีลูกชายให้บ้านหลี่เหมือนกันเหตุใดถึงได้เอาอกเอาใจแค่หลี่อี้เจ๋อเพียงคนเดียว ก็แค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น เขาเป็นบุตรชายของหลี่เจี๋ยมีหรือจะก้าวข้ามความสามารถของบิดาไปได้

“เป็นอย่างไรหลานชาย ปู่ได้ยินจากอาจารย์ใหญ่ว่าเจ้าเขียนบทความได้รางวัลที่หนึ่ง แม้แต่ผู้ใหญ่ยังไม่สามารถเอาชนะได้เก่งกาจสมเป็นลูกหลานตระกูลหลี่เสียจริง”

“เป็นท่านปู่ที่สอนหลานมาดี”

ผู้เฒ่าหลี่ที่ได้ยินหลานชายยกยอตนเองชายชราก็ยิ่งแสดงสีหน้าเปรมปรีดิ์ ราวกับว่าบทความที่หลี่อี้เจ๋อเขียนเป็นผลงานของตน

เด็กน้อยเห็นคนบ้านหลี่แสดงสีหน้าเบิกบานก็นึกดูแคลนในใจ ถ้าตระกูลหลี่มีความสามารถจริงเหตุใดพยายามสอบมาสองรุ่นแล้วถึงยังมิได้เป็นขุนนาง

“พี่ใหญ่และน้องสาวของข้า พวกนางอยู่ไหนขอรับ”

ตั้งแต่เข้ามาในเรือนเขายังไม่เห็นหน้าทั้งสองคนเลย ถึงแม้ที่ผ่านมาพวกนางจะเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่ที่มุมห้องตลอด แต่นั่นก็อยู่ในสายตาของตน แล้ววันนี้เหตุใดพวกนางสองคนถึงไม่อยู่ที่นี่

“นั่น...”

“ยังจะถามหาเด็กเนรคุณสองคนนั้นอยู่อีกหรือ ป่านนี้คงจะไปขอข้าวบ้านจวงกินอยู่กระมัง หลายเดือนมานี้ไม่ยอมทำงานในเรือน ไม่ทานอาหารของบ้านหลี่ คิดว่าตัวไร้ค่าอย่างพี่สาวของเจ้าอยู่มาได้ยังไง”

แม่เฒ่าหม่าเอ่ยออกมาด้วยความคับข้องใจที่ตนไม่สามารถทำอะไรเด็กนั่นได้

หลี่อี้เจ๋อเมื่อได้ยินท่านย่าเอ่ยถึงพี่สาวเช่นนั้น เด็กน้อยก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แม้จะยังเป็นเด็ก ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาไม่ต่างจากผู้ใหญ่เลยสักนิด ผู้เฒ่าหลี่ที่เป็นคนกลางเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยปรามภรรยาคู่ยากของตน

“พอได้แล้ว!! พูดอันใดนักหนา พวกนางไม่กลับมาเจ้าเป็นย่าเหตุใดไม่ไปตาม ปล่อยให้ลูกหลานบ้านหลี่ไปทานอาหารที่เรือนผู้อื่น ยังคิดจะให้หน้าข้าอยู่หรือไม่”

แม่เฒ่าหม่าเมื่อถูกสามีตำหนินางก็ไม่มีอารมณ์ที่จะมาชื่นชมความสำเร็จของหลี่อี้เจ๋อแล้ว ถึงเด็กคนนี้จะมีพรสวรรค์ อย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กคนนี้คือลูกที่พานเยว่หลานคลอดออกมา

นางมิอาจทำใจไม่เกลียดชังได้

“ไม่เป็นไรขอรับท่านปู่ เดี๋ยวข้าไปตามพวกนางเอง”

“ไม่จำเป็น พวกเรากลับมาแล้ว”

หลี่อี้เจ๋อลุกจากเก้าอี้คิดจะออกจากเรือนไปตามหาสองพี่น้อง แต่เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตูทำให้เขาหันกลับไปมองในทันที

เด็กสองคนที่แต่งกายด้วยชุดฤดูหนาวอย่างดี แม้เนื้อผ้ามิอาจเท่ากับตระกูลใหญ่แต่ก็ดีกว่าที่คนในหมู่บ้านใช้สวมใส่ คนบ้านหลี่ไม่ได้เห็นเด็กสองคนมานานแล้ว เพราะพวกเขาออกจากเรือนตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นเมื่อกลับมาทิวากรก็จากไป

“พวกเจ้า...”

“มีอันใดให้แปลกใจหรือ หรือว่าผ่านไปหลายเดือนท่านปู่ถึงกับจดจำหลานสาวของตนมิได้”

หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าบัดนี้มิใช่เด็กผอมแห้งร่างกายขาดสารอาหารอีกต่อไป เพราะหลังจากที่ทั้งสองเลิกยุ่งเกี่ยวกับตระกูลหลี่พวกนางก็ได้ทานอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์ ร่างกายผิวพรรณต่างขาวผ่องอวบอิ่มราวกับเด็กที่เกิดในตระกูลขุนนาง เส้นผมที่เคยแห้งขาดบัดนี้กลับมานุ่มลื่นเงางาม เพราะได้รับการดูแลอย่างดี

โสมที่ทั้งสองขุดพบสามหัวแม่เฒ่าจวงเป็นผู้จัดการออกหน้าขายให้นาง ขายไปแล้วสองหัวนางเก็บหัวที่ใหญ่ที่สุดเอาไว้ เพราะมีลางสังหรณ์ว่าในอนาคตอาจต้องใช้มัน

เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปเหยียบในอำเภอตงผิง หลี่อันหนิงก็จัดการซื้อชุดใหม่และเครื่องนอนอีกหลายชุดรวมถึงยาสมุนไพร

นางต้องเตรียมตัวเอาไว้สำหรับภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ยังมีข้าวขาว แป้งขาว เครื่องปรุง และอุปกรณ์ทำครัว ทุกอย่างผ่านแม่เฒ่าจวงทั้งหมด นางที่เป็นผู้อาวุโสของหัวหน้าหมู่บ้านมีใครบ้างกล้าสงสัยในการกระทำของหญิงชรา

หลี่อันหนิงได้เปิดเผยเรื่องถ้ำลับให้แม่เฒ่าจวงและจวงอี้ซิงรู้แล้วเมื่อไม่กี่เดือนก่อน

จากนั้นคนทั้งสองจึงทำการสนับสนุนเด็กสองคนอย่างไร้ข้อกังขา ทั้งยังเชื่อคำบอกเล่าของเด็กสาวเรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้าด้วย

แม่เฒ่าจวงเองก็เริ่มกักตุนอาหารของตนทีละน้อยโดยการให้จวงอี้ซิงขุดหลุมทำห้องลับสำหรับกักเก็บอาหาร หลี่อันหนิงไม่เคยแคลงใจในความหวังดีของหญิงชราเลยสักนิด เพราะในชีวิตก่อนเป็นนางที่เอาชีวิตเข้าแลก เพื่อให้ตนได้หนีรอดจากเงื้อมมือของเศษเดนมนุษย์เหล่านั้น

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   สงครามของเหล่าสตรี

    จวงอิงไม่สนใจท่าทางเกรี้ยวกราดของคู่ปรับเก่า นางแลบลิ้นให้สวีไช่ไช่ก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตน เมื่อถูกกระทำเช่นนั้นคนอย่างสวีไช่ไช่ไหนเลยจะยอมขาดทุน หญิงสาวรีบเดินสาวเท้าตามไปก่อนจะดึงหัวไหล่ของนางให้หันกลับมา“จวงอิง เจ้ามาพูดกับข้าให้รู้เรื่องนะ”สวีไช่ไช่เท้าเอวตวาดแหวใส่จวงอิง คนที่ทำงานอยู่ไม่ไกลต่างเงยหน้าขึ้นมองการโต้เถียงของหญิงสาวทั้งสอง“พูดอันใด ข้าแค่เพียงดื่มน้ำเท่านั้น”“แต่นั่นเป็นน้ำที่ข้าให้พี่อี้ซิง มิใช่ของเจ้า”“ให้ใครดื่มก็เหมือนกัน ทุกอย่างที่นี่เป็นของย่าจวง หรือกระบอกน้ำนั่นเจ้าเอามาจากเรือนของเจ้า”“ข้า!..”“เช่นนั้นก็จบเรื่อง กลับไปทำงานของเจ้าเถอะ เลิกอู้ได้แล้ว”จวงอิงยักไหล่ก่อนจะเดินหันหลังให้สวีไช่ไช่หญิงสาวที่กำลังโมโหไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี จึงได้เผลอลงมือผลักจวงอิงเพื่อระบายอารมณ์ ทว่าด้านหน้าของจวงอิงมีคราดที่วางหงายเอาไว้ หญิงสาวไม่ทันระวังตัวจึงไถลไปด้านหน้า เมื่อเห็นว่าตนเองกำลังจะล้มลง จวงอิงทำได้เพียงหลับตารอรับหายนะที่กำลังบังเกิด“กรี๊ด!!”ร่างสูงของจวงอี้ซิงก้าวเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้าถึงตัวของจวงอิง แขนแข็งแรงคว้าเอวบางเอาไว้ได้ทัน แต่ทั้งสองก

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ร่วมใจกันขุดมันเทศ

    หลังจากชายหนุ่มกลับออกมา จวงอิงบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบพุ่งออกมาจากห้อง นางมองด้านหลังอันแข็งแรงของชายหนุ่มพลางแสดงสีหน้าเขินอายหัวหน้าหมู่บ้านจวงเมื่อเห็นบุตรสาวของตนมองตามเจ้าหนุ่มอี้ซิงไป จึงถามนางด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เจ้ามองตามเขาทำไม หรือว่ามีธุระกับเจ้าหนุ่มบ้านย่าจวง”จวงอิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของบิดา“ข้า..ไม่มีธุระอันใด เพียงแต่...ท่านพ่อให้ข้าไปทำงานในไร่ย่าจวงได้หรือไม่”จวงต้าหลางมองบุตรสาวด้วยสีหน้าคลางแคลง ที่ผ่านมาตนไม่เคยให้นางต้องทำงานหนักในไร่สักครั้ง เพียงให้อยู่เฝ้าเรือนทำงานของสตรี เหตุใดวันนี้ถึงได้อยากทำงานหนักขึ้นมา“เจ้าหรือทำงานในไร่ จะทำไหวหรือ ต้องตากแดดทั้งวันขุดมันมิใช่งานเบาๆ”จวงอิงเห็นบิดาเอ่ยเช่นนั้นนางก็กระทืบเท้าอย่างขัดใจ เหตุใดจะทำไม่ได้ นางเองก็โตแล้วทำงานเล็กน้อยจะเป็นไรไป“ข้าไม่กลัว กลัวอันใดกันข้าเป็นลูกท่านพ่อไหนเลยจะกลัวความลำบาก”“ก็ตามใจ อยากไปก็เตรียมตัวให้ดี”จวงต้าหลางเห็นบุตรสาวแสดงท่าทีกระตือรือร้นแต่ก็มิได้สนใจ เพียงคิดว่านางคงจะอยากออกไปเที่ยวเล่นหรือพูดคุยกับเด็กสาวในวัยเดียวกันเท่านั้น ทว่ามิได้

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   เขายังคงไม่ลืมนาง

    หลังจากบุตรสาวทั้งสองตัดขาดจากตน หลี่เจี๋ยก็มีท่าทีเซื่องซึมอยู่หลายวัน เขาไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องมาตัดขาดจากบุตรของตนที่เกิดจากพานเยว่หลานต่อให้เขามีสตรีอื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เคยรักนาง พานเยว่หลานสตรีผู้งดงามและแสนอ่อนโยน คราแรกเมื่อได้พบสบตาหัวใจของเขาเต้นกระหน่ำไม่ยอมหยุด แม้แต่จางเหยาฮวาก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้เช่นนี้เลยมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาละเลยนางและปันใจให้สตรีอื่น คราแรกคิดเพียงเล่นๆ เท่านั้น มิได้จริงจังเพราะจางเหยาฮวาเองก็มีสามีทว่าเมื่อได้ลิ้มรสกลิ่นใหม่ เขากลับลืมเลือนสตรีที่ตนเคยรักปักใจ เขาทำเช่นนั้นกับนางได้อย่างไร เหตุใดนางถึงไม่เคยตำหนิเขาเลยทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ทำไมกันคำถามมากมายพรั่งพรูออกมาในหัวของหลี่เจี๋ย ทว่าสตรีผู้นั้นตายจากไปนานแล้ว จึงไม่มีผู้ใดสามารถตอบคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจของเขาได้“พานเยว่หลาน ตอนนี้เจ้าคงกำลังเย้ยหยันข้าอยู่ใช่หรือไม่ เพราะหลังจากที่เจ้าจากไปก็ไม่มีวันใดเลยที่ข้าสามารถลืมเจ้าได้”หลี่เจี๋ยพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเหม่อลอยจางเหยาฮวาที่อยู่ด้านหลังได้ยินเต็มสองหูว่าสามีของตนมิอาจปล่อยวางจ

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ออกจากตระกูลหลี่

    “เช่นนั้นไม่ให้อาเล็กมานอนห้องเก็บฟืนกับพวกข้าเล่า นางเองก็เป็นสตรีเช่นกัน หรือว่าบ้านอาสะใภ้รองให้บุตรสาวนอนห้องเก็บฟืนแล้วปล่อยให้ท่านใช้ชีวิตไม่ต่างจากพวกข้า”“นั่น..จะเป็นไปได้อย่างบิดามารดาของข้ารักและถนอมข้าราวกับไข่มุกในมือ จะยอมให้ลำบากได้อย่างไร”เด็กสาวหัวเราะกับคำพูดที่ย้อนแย่งของสตรีตรงหน้า“ออ เป็นเช่นนั้นเอง หมายความว่าที่พวกข้าสองคนถูกกระทำเช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับที่เป็นสตรี แต่จริงๆ แล้ว...เพราะไม่มีใครรักนี่เอง”ช่างเป็นคำพูดที่เสียดแทงใจหลี่เจี๋ยยิ่งนัก เขาที่เป็นบิดามักจะเมินเฉยเมื่อบุตรสาวถูกผู้อื่นรังแก นอกจากไม่ทำสิ่งใดแล้วยังเอาแต่มองดูพวกเขาใช้ชีวิตราวกับขอทาน ช่างไม่สมกับที่เป็นบิดานัก“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไปเถอะต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงมันอีก อาเฟิงเจ้าเองก็ควบคุมเมียของเจ้าให้ดี อย่าให้นางมาวุ่นวายกับบ้านใหญ่อีก”“ขอรับท่านพ่อ”ผู้เฒ่าหลี่ที่ฟังมานานเมื่อได้เห็นใบหน้าคับข้องใจของหลานชาย ก็ได้แต่คิดในใจว่าแย่แล้ว ถ้าหากเด็กนั่นเห็นพี่สาวถูกคนรังแก่ต่อหน้าต่อตาจะต้องไม่ยอมรามือแน่ ตนจะทำอย่างไรดี“เจ๋อเอ๋อหลานไปคุยกับปู่ดีหรือไม่ อย่างไรเรื่องทุกอ

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   สั่งสอนหนี่ม่านม่าน

    สามพี่น้องพูดคุยปลอบประโลมกันและกันอยู่นานกว่าหลี่อี้เจ๋อจะสงบลง“อี้เจ๋อ พี่มีเรื่องต้องพูดกับเจ้า แต่ที่นี่คงไม่เหมาะนักและพี่คิดว่าน้องเองก็คงมีเรื่องมากมายต้องการพูดกับเราเช่นกัน ใช่หรือไม่”หลี่อันหนิงได้ยินเสียงความคิดอันน่ารังเกียจของใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ไม่ไกล หากจะเอ่ยความลับขึ้นมาตอนนี้คงจะไม่ดีนัก นางดึงมือน้องชายให้ตามตนเองไปยังห้องเก็บฟืน“หลายปีมานี้ ลำบากพวกท่านแล้ว”เมื่อเข้ามาภายในห้องเก็บฟืนสถานที่ที่หลี่อันหนิงและหลี่ซางเป่าใช้พักอาศัย ความรู้สึกผิดก็บังเกิดขึ้นในใจของหลี่อี้เจ๋อ“ไม่เป็นไร เราสองคนไม่ได้นอนที่นี่ทุกวัน เอาเถอะไว้พี่จะเล่าให้ฟังหลังจากนี้ก็แล้วกัน”เด็กชายมองพี่สาวที่มีท่าทีลับลมคมในด้วยสีหน้าสงสัย หลี่อันหนิงหยิบกระดาษและพู่กันที่แอบซ่อนเอาไว้ออกมา ก่อนเขียนบรรยายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหนึ่งปีข้างหน้าเมื่อหลี่อี้เจ๋ออ่านมัน เขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อน“สิ่งนี้มิอาจแพร่งพราย อ่านเสร็จแล้วต้องทำลายทิ้งเท่านั้น”“เรื่องนี้...ท่านรู้ได้อย่างไร”หลี่อี้เจ๋อยังมีท่าทีเคลือบแคลงกับข้อความที่อยู่บนกระดาษ หลี่อันหนิงไม่คิดว่าน้องชายจะเชื

  • เกิดใหม่ในฐานะคุณหนูตระกูลพาน   ความในใจของหลี่อี้เจ๋อ

    “ว่าอย่างไรน้องรอง เจ้ากลับมาแล้วอย่างนั้นหรือ”หลี่อันหนิงเอ่ยทักทายน้องชายคนรองของตนอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งเป็นอะไรที่ผิดวิสัยของนางนัก หลี่อี้เจ๋อที่พึ่งคลายจากอาการตกตะลึงพยักหน้าตอบรับคำทักทายของนาง“ขอรับ ข้ากลับมาแล้วพี่ใหญ่ ข้าดีใจที่พวกท่านยังสบายดี”นางรู้สึกว่าคำพูดของน้องชายมีความนัยบางอย่างแอบแฝง ทว่าคงซักไซ้ตอนนี้มิได้เพราะมีคนบ้านหลี่คอยจับตามองอยู่“เจ้ากลับมาครานี้ต้องอยู่ที่นี่อีกกี่วัน”“นานขอรับ ช่วงนี้หิมะเริ่มตกหนัก ต้องรอจนกว่าเหมันต์จะผ่านไป ข้าถึงกลับไปที่สำนักศึกษาได้อีกครั้ง”หญิงสาวสนทนากับน้องชายราวกับมิได้เห็นคนบ้านหลี่อยู่ในสายตา ผู้เฒ่าหลี่ผู้เป็นปู่รู้สึกไม่พอใจนักที่นางเข้ามาขวางระหว่างตนและหลี่อี้เจ๋อ แต่ในเมื่อรักบ้านก็ย่อมต้องรักอีกาบนหลังคาด้วย ดังนั้นต่อให้คับข้องใจเพียงใดชายชราก็ทำได้เพียงต้องเก็บเอาไว้ภายใน“หนิงเอ๋อ เป่าเอ๋อ พวกเจ้าสองคนมาก็ดีแล้ว วันนี้บ้านเรามีเรื่องน่ายินดีเช่นนั้นก็มาร่วมฉลองด้วยกันดีหรือไม่”หลี่อันหนิงยิ้มเย็นเมื่อได้ยินเสียงสบถด่าทอตนเองจากผู้เฒ่าหลี่ในหัว ทว่าคำพูดจริงๆ ที่ออกจากปากกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ตาแก่ผู้นี้ช่าง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status