เด็กสาวดวงตาวาวโรจน์เมื่อนึกถึงความคิดอันต่ำช้าของตาเฒ่าหลี่ ทว่านางก็เอ่ยเรื่องอื่นขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้แม่เฒ่าจวงต้องเป็นกังวล“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ....แล้วเรื่องชาวบ้านหมู่บ้านข้างๆ ท่านจัดการเรียบร้อยดีหรือไม่”“อืม...การลงนามในหนังสือสัญญาเรียบร้อยดี ข้าให้ทุกคนจำกัดการแลกเปลี่ยนอย่างที่เจ้าบอกไว้ แม้จะมีบางคนที่ไม่ค่อยพอใจแต่สุดท้ายก็ต้องทำตามเสียงข้างมาก อันหนิงเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”“ก็แค่เพียงการคาดเดาเท่านั้นเจ้าค่ะ แล้วนี่ท่านย่าเหลือมันเทศอยู่มากน้อยเท่าใด”แม่เฒ่าหม่ามองไปยังห้องที่อยู่อีกฟากของเรือนที่ใช้เก็บหัวมันเทศอย่างครุ่นคิด“ก็น่าจะอยู่ได้ถึงฤดูหนาวปีหน้า ทำไมหรือ”หลี่อันหนิงนึกถึงหัวมันเทศที่ตนปลูกเอาไว้ในถ้ำ“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ข้าแค่คิดว่าท่านน่าจะแลกไปให้หมด ถึงอย่างไรในถ้ำก็ยังเหลือหัวมันป่าอีกมาก อีกอย่างมันเทศที่ปลูกเอาไว้ในถ้ำตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ข้ากับเป่าเอ๋อจะแวะขึ้นไปดู”เด็กสาวเอ่ยถึงแผนการของตนกับหญิงชรา ทว่าเมื่อเหลือบเห็นชายหนุ่มที่พึ่งกลับเข้ามาในเรือนในสภาพที่มีหิมะเกาะอยู่เต็มร่างกาย นางก็นึกถึงเรื
เด็กสาวหยุดไปอีกครั้ง“ทุกคนที่นี่สามารถแบ่งที่ดินของตนมาจำนองกับท่านย่าจวงเพื่อแลกมันเทศได้ เมื่อเหมันต์ผ่านไปเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก พวกท่านจะยังคงสามารถปลูกข้าวในที่ดินที่จำนองกับย่าจวงได้ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าและดอกเบี้ยจนกว่าจะครบตามสัญญา”หลายคนมองเด็กสาวตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งงันไม่รู้ว่านางคิดเรื่องเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร ที่ดินแม้จำนองไปแล้วแต่ก็ยังสามารถใช้เพาะปลูกได้ตามเดิม มิได้เสียไปอย่างสิ้นเชิง ทว่ากลับสามารถทยอยจ่ายจนกว่าจะครบตามสัญญา เช่นนั้นพวกตนก็มิได้สูญเสียสิ่งใดเลย แต่กลับได้รับมันเทศกลับเรือนอีกด้วยเมื่อเห็นว่าผลประโยชน์เอนเอียงมาทางตน ชาวบ้านหลายคนต่างแย่งชิงกันเพื่อทำสัญญากับแม่เฒ่าจวง เพราะกลัวว่ามันเทศที่นางมีจะหมดไปเสียก่อน แต่ยังมีหลายคนที่ยังคงลังเล เช่นสะใภ้สวีที่รู้สึกว่าคำพูดของเด็กสาวตรงหน้านั้นมีบางอย่างแปลกๆ แต่ไม่รู้ว่าแปลกตรงที่ใดเย่เสวียนจื่อที่หายดีแล้วนำทางฟู่อี้มายังหมู่บ้านมู่โถว ทำให้ทันได้เห็นความเฉลียวฉลาดในการพูดให้ดูคลุมเครือของเด็กสาวผู้นั้นการที่นางไม่ให้ชาวบ้านขายขาดที่ดินแต่เปลี่ยนเป็นการจำนอง เพราะที่ดินมากมายกระจัดกระจายไปแต่ละที่ ครอบครัว
“หาใช่ความผิดของท่าน แต่เรื่องที่ข้าเอ่ยเป็นความจริง ท่านแม่คอยดูแลพวกเราพี่น้องตลอดมา ท่านถามเป่าเอ๋อดูสิว่าเหตุใดเราถึงได้รู้ว่ามีถ้ำซ่อนอยู่ที่นี่ ทั้งยังรู้เรื่องภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในต้าเหลียงก่อนใคร”เป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจนัก แต่นั่นก็ทำให้ชายหนุ่มอยากจะรู้เรื่องของพวกนางมากขึ้นกว่าเดิม“เจ้าเล่าเรื่องของตนเองให้ข้าฟังได้หรือไม่”หลี่อันหนิงไม่แน่ใจนักว่าตนเองสามารถเอ่ยถึงตระกูลพานของมารดาได้หรือไม่ เพราะนางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย“ท่านรู้จักตระกูลพานหรือไม่ มารดาของข้ามาจากตระกูลพาน”เมื่อเอ่ยถึงตระกูลพาน ชายหนุ่มก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่าเหตุใดพวกนางถึงได้มีใบหน้าคล้ายกันนักแต่เพื่อความแน่ใจชายหนุ่มจึงได้ถามชื่อมารดาของเด็กสาว“มารดาของเจ้าชื่อว่าอะไรหรือ ข้าเองก็เติบโตในเมืองหลวงอาจรู้จักหรือเคยได้พบนางบ้าง”“มารดาของข้าชื่อพานเยว่หลานเจ้าค่ะ ที่ข้ารู้มีเพียงเท่านี้”หลี่อันหนิงมิได้เอ่ยถึงภาพนิมิตที่ตนเห็นคนตระกูลพานทั้งหมด และเป็นพวกเขาที่ส่งนางให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง“นางเสียชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ”ชายหนุ่มมีท่าทีเศร้าสร้อยขึ้นมาทันทีเมื
“เจ้าพูดกับเสือรู้เรื่องหรือ”ชายหนุ่มถามเด็กสาวด้วยสีหน้าสนใจ“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้าเลี้ยงพวกมันมาตั้งแต่ยังเล็กหลังจากที่มารดาของมันถูกสังหาร เลยเข้าใจสัญชาตญาณและท่าทางที่มันแสดงออกก็เท่านั้น”หลี่ซางเป่ามองหน้าพี่สาวที่เริ่มโกหกหน้าตายไหลลื่นขึ้นทุกวัน“เป็นเช่นนั้นเอง แล้วเจ้าได้สิ่งใดมาจากมันมา ดูเหมือนจะเป็นหนังสัตว์ ให้ข้าดูได้หรือไม่”หลี่อันหนิงยื่นม้วนหนังสัตว์แผ่นนั้นให้กับชายหนุ่ม หลังจากเขาคลี่ออกก็พบว่ามันคือแผนที่ตั้งของกองทัพแคว้นศัตรูที่ห้ำหั่นกับแคว้นต้าเหลียงมาเนิ่นนาน“เด็กน้อย!! เจ้าถามมันให้ข้าได้หรือไม่ว่ามันได้หนังสัตว์แผ่นนี้มาจากที่ใด”ชายหนุ่มตรงหน้าแสดงท่าทีตื่นเต้นหลังจากที่ได้ดูม้วนหนังสัตว์ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่หลี่อันหนิงก็มิได้ปฏิเสธนางเดินไปที่ซากกวางก่อนจะชำแหละชิ้นส่วนของมันอย่างชำนาญ ชายหนุ่มมองการกระทำของเด็กสาวอย่างไม่เข้าใจ แต่เมื่อนางนำมันมาป้อนให้เจ้าลูกเสือดำทั้งสอง เขาก็เข้าใจในทันทีรางวัล นั่นคือรางวัลสำหรับเด็กที่เชื่อฟัง“เสี่ยวเกอ เสี่ยวเจี่ย บอกข้าได้หรือไม่ว่าพวกเจ้าได้สิ่งนั้นมาจากที่ใด”นางเอ่ยพลางลูบแผ่นหลังของลูกเสือดำทั
เมื่อเห็นสีหน้าเอาจริงของเด็กน้อยตรงหน้าที่พวกมันพี่น้องคิดว่าเป็นมารดา เพราะตั้งแต่ยังเล็กนางมักจะเข้ามาร้องเพลงกล่อมพวกมันนอน ลูกเสือดำที่อายุปีกว่าก็พากันหูลู่หางตกทันทีในระหว่างที่หลี่อันหนิงอาบน้ำให้เจ้าลูกเสือดำทั้งสอง ชายหนุ่มที่เด็กสาวเรียกว่าท่านขุนนางก็ฟื้นคืนสติกลับมา เสียงพูดคุยและเสียงร้องครางของสัตว์ร้ายตัวสีดำทำให้เขาตกใจไม่น้อย ถึงแม้จะยังโตไม่เต็มที่แต่สัตว์ร้ายก็ยังคงเป็นสัตว์ร้ายอยู่วันยังค่ำทว่าเหตุใดเด็กสาวคนนั้นถึงได้ทำกับพวกมันราวกับกำลังเลี้ยงลูกสุนัขเช่นนั้น นี่มันไม่เป็นการรวมตัวที่แปลกประหลาดไปหน่อยหรือ ในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตกใจ ด้านข้างของเขาก็มีบางอย่างขยับยุกยิกเด็กน้อยที่มีใบหน้าละม้ายเด็กสาวอีกคนกำลังนั่งมองเขาด้วยดวงตาใสชื่อ ชายหนุ่มสะดุดลมหายใจตนเองทันทีก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังเพื่อกลบเกลื่อนอาการของตน นี่นอกจากเด็กสาวผู้นั้นยังมีเด็กเล็กอีกคนหรือเหตุใดในป่าลึกถึงได้มีเด็กอาศัยอยู่ หรือว่าพวกเขาเป็นภูตที่สิ่งสู่อยู่ในภูเขากัน ชายหนุ่มเหลือบมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยท่าทีระมัดระวังหลี่ซางเป่าคล้ายเข้าใจความคิดของชา
ไม่คิดเลยว่าสาเหตุที่ทำให้พานเยว่หลานต้องคลอดก่อนกำหนดคือมารดาบังเกิดเกล้าของตน ชายหนุ่มเดินมายังห้องนอนของบิดาอย่างเหม่อลอย เมื่อเห็นร่างของแม่เฒ่าหม่านอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ทว่าเขากลับมองนางด้วยสายตาเย็นชา หญิงชรารู้สึกหนาวสะท้านจนจับขั้วหัวใจเมื่อได้เห็นสายตาของบุตรชาย“ให้ข้าตามหมอหรือไม่”น้ำเสียงเยียบเย็นถูกเปล่งออกมาและมันได้เสียดแทงเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจแม่เฒ่าหม่า ลูกชายคนแรกที่นางเฝ้าถนอมเลี้ยงดู บัดนี้กลับมองนางที่กำลังใกล้ตายด้วยสีหน้าเฉยชา ราวกับพวกเขามิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน“ไปตามมาเถอะ อย่างไรนางก็เป็นมารดาของเจ้า”“ขอรับ”หลี่เจี๋ยตอบรับโดยมิได้แสดงท่าทีใดใด เขาก้าวออกจากห้องไปราวกับไม่เห็นว่ามีมารดานอนอยู่ที่พื้นภายในหัวของหลี่เจี๋ยมีเพียงเรื่องราวที่บิดาเอ่ยกับมารดาเท่านั้น คำถามมากมายผุดขึ้นในใจไม่รู้จบ เพราะริษยาจึงได้เกลียดชังหรือคราแรกเมื่อพานเยว่หลานกลับมาตระกูลหลี่พร้อมกับตน หลี่เจี๋ยคิดเพียงว่าที่มารดาไม่ชอบนางอาจเป็นเพราะนางคิดว่าพานเยว่หลานกำลังล่อลวงเขา ทว่าทุกอย่างมิใช่ดั่งที่คิด มารดาเกลียดชังนางเพียงเพราะนางมีกิริยาสูงส่งซึ่งแตกต่างจากนางทาสอย่างไ