Home / โรแมนติก / เกียร์รักปีนเกลียว / ตอนที่1 ภาพของวันวานกับการกลับมาเจอกัน เธอคือภาพแห่งความทรงจำ

Share

ตอนที่1 ภาพของวันวานกับการกลับมาเจอกัน เธอคือภาพแห่งความทรงจำ

last update Last Updated: 2025-10-25 14:19:48

ช่วงพลบค่ำในขณะที่ทิวในวัยยี่สิบกำลังนั่งชิวกับอาของเขา ซึ่งคือ แทน ในอาวัยสามสิบต้น ๆ ทิวนั่งเอนหลังบนเก้าอี้สบาย ๆ ที่ตั้งอยู่ลานหน้าบ้าน เบียร์เย็น ๆ ในมือเป็นเพื่อนยามค่ำคืน เสียงเพลงเบา ๆ จากลำโพงบลูทูธคลอเคล้าบรรยากาศชวนให้ผ่อนคลาย

​“เหนื่อยไหมวะทิว ย้ายของตั้งเยอะแยะ” แทนเปิดบทสนทนาพลางจิบเบียร์

​“นิดหน่อยครับอา แต่ก็ดีกว่าอยู่หอเยอะเลย อย่างน้อยก็ได้คุยกับคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เรียนแล้วก็นอน” ทิวตอบด้วยรอยยิ้ม “อาจะได้มีเพื่อนคุยด้วยไง ไม่ต้องเหงาแล้ว”

​“ฮ่า ๆ ๆ ดีเลย ค่อยมีชีวิตชีวาหน่อย” แทนหัวเราะเสียงดัง “อยู่คนเดียวมานานก็เริ่มเหงาเหมือนกัน”

​เสียงตะโกนจากอีกฝั่งถนนดังขึ้น หวัดดีค่ะพี่แทน

“อ้าว! ฟ้า! นั่นฟ้าเหรอ? ย้ายกลับมาแล้วเหรอ!” แทนตะโกนทักทายตอบหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าบ้านฝั่งตรงข้าม “เป็นไงบ้าง มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

​หญิงสาวหันมาตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อนล้า “กลับมาเมื่อวานค่ะพี่แทน พรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มงานเลย แอบเซ็งนิดหน่อย ต้องกลับมาอยู่ในเมืองรถติดวุ่นวาย ฟ้าขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ” ฟ้าได้ย้ายไปช่วยงานสาขาต่างจังหวัดเปิดใหม่ราวๆ6เดือน ที่พึ่งกลับมา

  ​ขณะนั้นเอง ทิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวข้าง ๆ แทน กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แสงสีฟ้าจากจอสะท้อนใบหน้าคมสัน จมูกโด่งเป็นสันเป็นภาพที่ดูหล่อเหลาไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มือขวาเท้าแขนบนพนักเก้าอี้ ส่วนมือซ้ายเคาะเบา ๆ ที่ต้นขาอย่างกระวนกระวายใจ ลุ้นว่าหญิงสาวที่เขาเฝ้ารอจะทักทายเขาบ้างไหม แต่ก็ไม่มี หญิงสาวเดินเข้าบ้านไปเฉย ๆ โดยไม่ชายตามองเขาแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเธอไม่เห็นหรือจำเขาไม่ได้

​หลังจากที่ฟ้าลับสายตาไป ทิวก็เริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาผุดลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้แทนได้แต่มองตามอย่างงุนงง “อยู่ ๆ ก็ไปซะงั้น” แทนได้แต่คิดในใจว่าหลานชายคงเหนื่อยจากการย้ายของเลยไม่พูดอะไร

​ฟ้ารู้สึกตัวหลังจากที่เดินพ้นประตูบ้านมาแล้ว เธอฉุกคิดขึ้นได้ว่ามีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่กับแทน จึงชะเง้อคอออกไปดูอีกที แต่ก็ไม่เห็นใครแล้ว เธอได้แต่สงสัยเล็กน้อยพร้อมกับเอียงคอ “หรือว่าเราตาฝาดไป? หรือเป็นเพื่อนของพี่แทน?” เธอพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นห้องไป

​ห้องนอนของฟ้าอยู่ชั้นสองและหันหน้ามาทางบ้านของทิว ทิวที่กำลังนั่งเหม่อมองจากหน้าต่างห้องตัวเองก็เห็นว่าไฟในห้องของฟ้าเปิดอยู่ เขาได้แต่มองเหม่อไปอย่างนั้น ภาพหญิงสาวที่เขาคิดถึงมานานแสนนานกำลังเดินไปมาเพื่อจัดข้าวของในห้อง ทันใดนั้น เธอก็ถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวใน ทิวรีบหันหน้าหนีด้วยความตกใจเพราะกลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะค่อย ๆ หันกลับไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังใส่เสื้อกล้ามอยู่ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาได้แต่นั่งมองเธอและนึกเพ้อฝัน “ถ้าเราได้เจอกันจริง ๆ ฟ้าจะดีใจไหมนะ? เธอจะยังมองเราเป็นแค่น้องชายเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า?” ทิวคิดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะเอนตัวลงนอน เอาแขนขวาเท้าศีรษะไว้ แล้วหวนนึกถึงเรื่องราวในวันวานระหว่างเขากับฟ้า

​ในขณะเดียวกัน ฟ้าที่กำลังจัดของอยู่ก็เหลือบไปเห็นไฟที่เปิดอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าห้องนั้นไม่เคยมีใครอยู่มานานหลายปีแล้ว เพราะน้องชายตัวน้อยของเธอไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานหลายปีแล้ว เธอจึงฟุบหน้าลงกับเก้าอี้ริมหน้าต่าง แล้วนอนตะแคงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาเท้าคางพลางคิดถึงน้องชายตัวน้อยที่เมื่อก่อนเคยเปิดหน้าต่างตะโกนบอกฝันดีกัน ภาพความทรงจำในวัยเด็กของเธอกับเขาก็หวนกลับมาอีกครั้ง

ความทรงจำในวันวาน

ช่วงฤดูร้อนของปีนั้น ทิวในวัย 10 ขวบย่าง 11 ขวบถูกคุณย่าพามาเยี่ยมแทนที่ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้าบ้านไม่นาน ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากประโยคชวนคุยง่าย ๆ ของแทน

​“ทิว อาจะพาไปแนะนำเพื่อนบ้าน” แทนบอกทิวพลางพาเดินไปบ้านตรงข้าม “นี่บ้านป้านวล ป้านวลครับ นี่หลานผมครับ มาเที่ยวช่วงปิดเทอม”

​ทิวรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับป้านวล”

​ป้านวลยิ้มอย่างใจดี “จ้า น่ารักจังเลย”

​ทับทิม แม่ของแทนเอ่ยเสริม “ฝากลูกฝากหลานด้วยนะคะ ถ้าดื้อก็ดุได้เลยค่ะ”

​ไม่นานนัก เสียงตะโกนจากในบ้านก็ดังขึ้น “แม่ได้หยิบสมุดโน๊ตฟ้าไปไหมคะ?”

​หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมา เธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทิว ใบหน้าของเธอเป็นความทรงจำแรกที่เขารู้จักคำว่า ‘รักแรกพบ’

​“นี่ลูก ย่าทับทิมแม่พี่แทน ส่วนนี่หลานของพี่แทน น้องทิว”นวลกล่าวแนะนำ

​“สวัสดีค่ะย่าทับทิม ” เธอหันมาทักทายคุณย่าทับทิมอย่างสุภาพ “หวัดดีน้องทิว พี่ชื่อน้ำฟ้า เรียกพี่ว่าพี่ฟ้าก็ได้นะ ถ้าเบื่อก็มาเล่นกับพี่ที่บ้านได้เลย”

​“ดีเลย จะได้มีเพื่อน อยู่คนเดียวมาตั้งหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่น้องไม่อยู่ด้วย”

​ในตอนนั้นพ่อแม่ของฟ้าแยกทางกัน ฟ้าอยู่กับแม่ ส่วนน้องสาวอยู่กับพ่อ ความเหงาที่เธอต้องเผชิญในทุก ๆ วันได้รับการเติมเต็มเมื่อทิวมาอยู่ด้วย ทั้งสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว จากที่คิดว่าจะมาเที่ยวแค่ไม่กี่วัน ทิวก็ขอคุณย่าให้โทรไปขอคุณแม่เพื่อให้เขาได้อยู่ต่อจนถึงวันเปิดเทอม ความฉลาดและเป็นเด็กดีของทิวทำให้แม่วางใจและยอมให้เขาอยู่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุก ๆ ปิดเทอม เขาจะมาอยู่กับอาและได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ฟ้าเสมอ

​แต่แล้วช่วงที่ทิวอายุราวสิบสี่ย่างสิบห้าปี เขากลับหายไปจากชีวิตของฟ้าอย่างกะทันหัน ฟ้าที่คุ้นชินกับการมีน้องชายคนนี้มาเล่นด้วยในช่วงปิดเทอม กลับต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง เมื่อถามแทนก็ได้รับคำตอบแค่ว่าทิวสบายดีอยู่ที่บ้าน เธอรู้สึกน้อยใจและเสียใจลึก ๆ ที่เขาหายไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย ทั้งที่ที่ผ่านมาเธอดีกับเขามาก ดูแลเอาใจใส่เหมือนน้องชายแท้ ๆ

​ เขากลับมาที่บ้านอาอีกครั้ง ตอนอายุราวสิบแปดสิบเก้าปี แต่ครั้งนี้ทั้งสองคนกลับไม่ได้เจอกัน มีแค่ทิวที่แอบมองฟ้าจากไกลๆ เพราะทิวมาแค่ช่วงสั้น ๆ ไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็กลับไป ฟ้าที่รู้ว่าเขามาก็เลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะความรู้สึกน้อยใจที่สะสมมานาน ส่วนทิวเองก็แอบหวังว่าจะได้เจอหน้าฟ้า แต่เมื่อเห็นว่าเธอหลบหน้า เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปทัก จนสุดท้ายทั้งสองคนก็กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้งโดยไม่ได้พูดคุยกันเลย

การกลับมาเจอกันอีกครั้ง

​ฟ้าก้าวลงบนซอยเปลี่ยว แสงไฟสลัวสาดส่องเงาของตัวเองให้ดูน่ากลัว เธอรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมา จึงรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น แต่เสียงฝีเท้าหนักแน่นกลับตามมาติดๆ เธอใจเต้นระรัว ฟ้าตัดสินใจวิ่ง แต่ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา เธอหยุดหอบหายใจ หันขวับไปเผชิญหน้ากับเขา ตะโกนถามเสียงดัง "แกเป็นใคร! ไอ้โรคจิต!"

​"ผมเอง! ผมเองครับ! ผมทิวงัย จำไม่ได้เหรอ?" เขาพูดเสียงหอบ รีบยกมือขึ้นปัดป้องกระเป๋าที่หญิงสาวเงื้อจะฟาดลงมาอีกรอบ เธอชะงัก มองหน้าชายหนุ่มชัดๆ ในแสงไฟสลัว "ทิว...จริงเหรอ?" หญิงสาวถามเสียงแผ่ว ไม่แน่ใจ

​"โธ่! ก็จริงน่ะสิ! มาได้ยังไงฟาดเอาๆ ขนาดนี้ ตัวแค่นี้เอาแรงมาจากไหน" เขาบ่นพร้อมลูบหัวปอยๆ หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วก็ยังไม่แน่ใจ เดินวนรอบตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้ววนกลับมายืนตรงหน้า ถามอีกครั้ง

​"นี่ทิวจริงเหรอ? เด็กน้อยตัวเล็กในวันนั้นเหรอ โตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"

​"ถ้าเจอที่อื่นพี่ก็จำไม่ได้เลยนะเนี๊ยะ"

​"อย่าพูดว่าเจอที่อื่นจะจำไม่ได้เลยครับ เมื่อกี้พี่ก็ยังจำไม่ได้เลย" เขาเถียงกลับทันควัน "ถามจริง นี่พี่ระแวงอะไรขนาดนั้น ถึงได้ฟาดมาเต็มแรง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาก็เดินกลับบ้านเหมือนกันเหรอ"

​"แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ก็คนมันตกใจ" ฟ้าทำเสียงแข็ง พอนึกได้ว่ายังเคืองที่ทิวหายไปหลายปี หญิงสาวก็เปลี่ยนท่าทีทันที "แล้วนึกยังไงโผล่มาตอนนี้ เงียบไปตั้งหลายปีจนลืมไปแล้วว่าเคยมีคนชื่อนี้ เคยรู้จักคนชื่อนี้"

​ทิวยิ้มบางๆ นิ่งเงียบไม่ตอบ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย "นี่พี่เลิกงานเวลานี้ประจำเหรอ ไม่กลัวเหรอกลับบ้านคนเดียว"

​"กลัวอะไร เดินทางไปกลับจนชินแล้ว"

​"แหม ไม่กลัวแล้วเมื่อกี้มันอะไร" เขาพูดพลางลูบตรงที่โดนฟาด ที่หัว

​"เจ็บแค่นี้เองยังไม่ตายหรอก" ฟ้าพูด แต่ในใจก็แอบรู้สึกผิดนิดๆ "แล้วไปไงมาไงเนี่ย นายมาอยู่นี่ได้ไง"

​"ผมก็ย้ายมาอยู่กับอาแทนไง ย้ายออกมาจากหอพักแล้ว"

​"อ้าว! แล้วมาเรียนแถวนี้ตั้งกี่ปีๆ ทำไมถึงไม่เคยเจอ ทำไมไม่เคยมาหาบ้าง"

​"ผมไม่ค่อยได้เข้ามาครับ ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ช่วงแรกๆ ก็อยู่หอพัก มาไม่กี่ครั้งก็ไม่เคยเจอพี่ฟ้าเลยสักครั้ง" เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อย "แต่ก่อนหน้าก็เจอนะ วันที่พี่ย้ายมา พี่ฟ้ากลับมาจากต่างจังหวัด ผมก็นั่งอยู่ตรงนั้นแหละ พี่ต่างหากที่ไม่คิดจะทักผมสักคำ"

​"อ๋อ! วันนั้นนายเหรอที่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็คิดว่าใครเหมือนเห็นใครแว๊บๆ แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เห็นแล้วนึกว่าเพื่อนพี่แทนมาหา โถ่เอ๊ย!" ฟ้าทำเสียงไม่พอใจ

​"ลืมกันได้ขนาดนั้นเลย มันไม่คิดจะสะดุดตาความหล่อความเท่ห์ของผมเลยเหรอ?" ทิวพูดอย่างมั่นใจจนฟ้าอดขำไม่ได้

​"หัวเราะทำไม? หลักฐานก็เห็นอยู่ชัดๆ"ทิวพูดอย่างมั่นใจ

​ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้าน ก่อนจะแยกกันเข้าบ้าน ทิวเรียกฟ้าไว้ "เดี๋ยว! พรุ่งนี้เดินกลับบ้านพร้อมกันนะ พี่จะได้ไม่ต้องกลัว แล้วไปไล่ฟาดคนนั้นคนนี้อีก"

​หญิงสาวยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย พึมพำกับตัวเอง "แหม ทุกวันนี้โตแล้วพูดได้สิ เมื่อก่อนยังเป็นเด็กน้อยวิ่งตามอยู่เลย" แล้วฟ้าก็ยิ้มเดินเข้าบ้านไป

​จากหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง ฟ้าเห็นไฟที่ห้องของทิวเปิดอยู่ เขาเปิดหน้าต่างแล้วโบกมือให้ และฟ้าเองก็ยิ้มแล้วโบกมือตอบ ทิวทำมือเหมือนบอกฝันดีให้หญิง ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วปิดหน้าต่างลง

​ในขณะที่กำลังจะนอน ฟ้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังเคืองที่ทิวหายไปหลายปีอยู่เลย ทำไมเผลอพูดดีด้วยยิ้มด้วย ลืมความโกรธไปเลย แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 31 ตอนพิเศษ

    เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานปาร์ตี้กลางแจ้ง เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนที่เสียงของซันจะดังขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ​“ทุกคน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล!” เขาขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ด้วยท่าทางที่เมาได้ที่แล้ว “ผมในฐานะเพื่อนรักเจ้าบ่าว วันนี้ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ อวยพรและร่วมยินดีไปกับ ‘คุณทิวา’ หรือที่พวกเราเรียกว่าไอ้ทิวา และ ‘ทิวจ๋า’ ของเจ้าสาวของเรา ขอให้รักกันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”​เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังสนั่น “เอาทุกคน! วันนี้ไม่เมาเราไม่เลิก!” ซันชูแก้วขึ้นสูง ก่อนจะหันไปทางทิวกับฟ้าที่ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่น​อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน​ท่ามกลางความสนุกสนาน ฝนที่ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มรู้สึกมึนงงเพราะเธอไม่ใช่คนคอแข็ง เธอจึงเดินโซซัดโซเซเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ดวงตาที่ปรือและหัวที่กำลังหมุนไปมาทำให้เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงเพลงที่ดังจนกลบทุกอย่างยิ่งทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆ​เธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ดูว่างเปล่าและตรงไปที่ชักโครกอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็มีร่างผู้ชายย

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 30 การเริ่มต้นการเติบโต(ตอนจบ)

    งานแต่งงานที่เรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ​เพียงหนึ่งเดือนต่อมา ทิวก็จัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ณ รีสอร์ทส่วนตัวในเขาใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของแขกที่มาร่วมงานดังก้องไปทั่ว​“เฮ้ย! กูตกใจหมดเลย!” เสียงของซันดังลั่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท “กูก็นึกว่าที่บ้านมันแค่เลี้ยงวัวทำสวนมาตลอด! ชิบหาย! คบกันมาจนเรียนจบ เพิ่งรู้ว่่่าที่บ้านมันเป็นเจ้าของรีสอร์ท!”​“มันก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกพวกเรานี่หว่า” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “ตอนที่เราถามกันตอนปีหนึ่ง มันก็บอกว่าเลี้ยงวัวกับทำสวน ซึ่งก็จริง ที่บ้านมันเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมก็เลี้ยงวัว ส่วนไร่องุ่นกับผักออร์แกนิกของมันก็นับเป็นทำสวนสิ พวกเรานั่นแหละที่มโนไปเอง”​“ใครจะไปคิดว่าจะมีเพื่อนเป็นทายาทรีสอร์ทวะ” เพื่อนคนหนึ่งว่า “ดูมันทำตัวสิ มันก็ไม่ได้ทำตัวว่ามันรวยสักหน่อย”​“แต่มันก็ไม่ได้ทำตัวจนนะ” ซันเสริมพลางหัวเราะ “อยากใช้อะไรมันก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พวกเราต่างหากที่จินตนาการเกินจริงไปเอง”​ซันมองไปรอบๆ งานอย่างทึ่งๆ “มึงรู้ไหมตอนที่เจอมันเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งในหัวกูจินตนาการว่ามัน

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 29 การเปลี่ยนแปลงของชีวิตไปตลอดกาล

    เสียงของนวลดังขึ้นในความเงียบยามเช้า ขณะที่ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ“ฟ้า… แม่ขอถามอะไรหนูหน่อยได้ไหม”ฟ้าหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของนวลดูเป็นกังวลมากกว่าปกติ“รอบเดือนหนู… มันไม่ได้มาใช่ไหม”ฟ้าชะงักไปเล็กน้อย เธอพยายามนึกย้อนดูความทรงจำ แต่ความสับสนเข้ามาแทนที่ “ไม่แน่ใจค่ะแม่ ฟ้าก็ลืมนับ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้าง เพลียไหม เหนื่อยง่ายหรือเปล่า” นวลถามย้ำ น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความห่วงใย“ก็เพลียค่ะ เหนื่อยง่ายด้วย” ฟ้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “แต่ก็แค่เหนื่อยธรรมดา พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”“แม่ว่าฟ้าควรไปหาหมอนะ ไปให้หมอตรวจร่างกายให้ดีกว่า” นวลเสนอ “มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ให้ทิวเขาพาไปเถอะ”“อะไรกันแม่ ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด “ทำไมฟ้าต้องไปหาหมอด้วย”คำพูดของนวลทำให้เธอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แน่ใจเหรอว่าแค่อาการเหนื่อย ฟ้าไม่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายตัวเองเลยหรือไง”นวลไม่รอให้เธอตอบ แต่หันไปทางฝนที่กำลังคุยอยู่กับทิวที่หน้าบ้าน “งั้นเดี๋ยวให้ฝนไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แม่จะไปบอกน้อง”“ฝน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก แม่บอกว่าจะให้ท

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 28 ความผิดปกติ

    ความเปลี่ยนแปลงของฟ้า​เช้าวันทำงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนต่างเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ก็มีเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น"อ้าวฟ้า หยุดยาวนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอ" พี่มีนาถาม"ไปเขาใหญ่ค่ะ" ฟ้าตอบ"บรรยากาศน่าจะดีนะ อยากไปบ้างจังมีที่แนะนำไหม""ก็มีอยู่หลายที่นะคะ" ฟ้าตอบเลี่ยง ๆ"แล้วฟ้าไปรีสอร์ทไหนอ่ะ เผื่อพี่อยากไปบ้าง"​ฟ้าเงียบไป ไม่พูดต่อ "ต้องถามน้องสาวค่ะ ต้องถามฝน เพราะว่าฝนเป็นคนจอง""ฟ้าไม่สบายไหม ทำไมหน้าตาดูซีด ๆ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า มีเรื่องให้เครียดหรือเปล่า""น่าจะเป็นเพราะทางไกลมั้งคะ นั่งรถเหนื่อยมั้ง" ฟ้าตอบ"ไปเขาใหญ่ก็ไม่ไกลนะ ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้นนะ เอ๊ะ หรือว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายอ่อนเพลีย" มีนาพูดและรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่ม​ขณะที่ฟ้ากำลังถ่ายเอกสาร กระดาษติดอยู่ในเครื่อง ฟ้าพยายามดึงออกมาแต่ทำไม่ได้ เธอกทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเพื่อนร่วมงานเห็นจึงเข้ามาถามว่าฟ้าเป็นอะไร แต่ฟ้าก็เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้ วินเพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้าน​ในวันนั้น ฟ้าจึงทำงานได้แค่ครึ่งวันก็

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 27 สารภาพบาป

    บรรยากาศอึมครึม​รถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด ฝนที่นั่งอยู่เบาะหลังสังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งคู่ จึงเอ่ยปากขึ้น​"พี่ฟ้า เดี๋ยวจอดให้ฝนลงก่อนนะ ฝนไม่อยากเข้าบ้าน พี่กับทิวาไปเคลียร์กันเองที่บ้าน" ฝนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ยังไม่อยากเจอหน้าแม่ตอนนี้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด"​"ให้ฝนลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฝนกลับเอง""จะไม่ไปหาแม่เหรอ?" ฟ้าเอ่ยถาม"ไม่ ฝนจะกลับหอพักเลย""พี่ฟ้าคิดด้วยจะบอกพ่อยังไง หรือจะให้ฝนเป็นคนพูดให้ จะเอายังไงก็บอกฝนมาแล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้พ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว""โอเค พี่ขอเวลาหน่อยนะ" ฟ้าพูด" อื้ม...พี่ฟ้าฝนยืมมือถือจดเบอร์พ่อแป๊ป มือถือแบตหมด " ​ทิวขับรถไปจอดเทียบฟุตบาทส่งฝนลง ทำให้ในรถเหลือเพียงทิวและฟ้าแค่สองคน บรรยากาศภายในรถยิ่งเงียบงันลงไปอีก ทิวเห็นสีหน้ากังวลของฟ้าจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้แน่น​"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ อย่าคิดมาก" ทิวปลอบใจ "เรื่องนี้ทิวจะสารภาพกับป้านวลเอง"ฟ้าพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า"เหนื่อยเหรอ?""อืม เหนื่อยมาก" ฟ้าพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงแผ่วเบา"งั้นนอนพักก

  • เกียร์รักปีนเกลียว   ตอนที่ 26 เปิดตัว

    ​ในช่วงสายของวัน ณ จุดบริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ราตรี ผู้เป็นแม่ของ ทิว และ ทับทิม ผู้เป็นย่า เดินทางกลับจากปฏิบัติธรรมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคนนึงจอดอยู่ผิดที่​ราตรี: "อ้าว! นี่รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้เนี่ย ทำไมพนักงานถึงไม่บอกให้ไปจอดที่สำหรับลูกค้า"​ย่าทับทิม: "รถคันนี้ใช่รถที่ตาทิวซื้อใหม่หรือเปล่า ช่วยแม่ดูหน่อย"​เมื่อสอบถามพนักงานก็ได้ความจริงที่​ราตรี: "รถคันนี้...ใช้รถของคุณทิวไหม?"​พนักงาน: "ใช่ค่ะคุณผู้หญิง"​ราตรี: "จะกลับทำไมไม่เห็นบอกแม่เลยนะ!"​พนักงาน: "คุณผู้หญิงคะ...คุณทิวพาผู้หญิงมาด้วยนะคะ"​ราตรี: "มาตั้งแต่วันไหน"​พนักงาน: "มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ"​ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจผสมความสงสัย​ราตรี: "แล้วตอนนี้คุณทิวอยู่ไหนล่ะ"​พนักงาน: "อยู่โซนฝั่งน้ำตกค่ะ เดี๋ยวให้หนูพาไปไหมคะ"​ราตรี: "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้"​ย่าทับทิม: "ไปดูกัน! ตาทิวพาใครมาอยากเห็นหน้าเหมือนกันแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพาผู้หญิงเข้าบ้าน"​ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปหาทิวทันที ระหว่างทางมีเด็กสาวสองคนเดินสวนมา คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์​ฝน: "ฮัลโหลพี่ฟ้า ฝนกำลังจะเข้าไปนะคะ ตอนนี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status