LOGINช่วงพลบค่ำในขณะที่ทิวในวัยยี่สิบกำลังนั่งชิวกับอาของเขา ซึ่งคือ แทน ในอาวัยสามสิบต้น ๆ ทิวนั่งเอนหลังบนเก้าอี้สบาย ๆ ที่ตั้งอยู่ลานหน้าบ้าน เบียร์เย็น ๆ ในมือเป็นเพื่อนยามค่ำคืน เสียงเพลงเบา ๆ จากลำโพงบลูทูธคลอเคล้าบรรยากาศชวนให้ผ่อนคลาย
“เหนื่อยไหมวะทิว ย้ายของตั้งเยอะแยะ” แทนเปิดบทสนทนาพลางจิบเบียร์
“นิดหน่อยครับอา แต่ก็ดีกว่าอยู่หอเยอะเลย อย่างน้อยก็ได้คุยกับคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เรียนแล้วก็นอน” ทิวตอบด้วยรอยยิ้ม “อาจะได้มีเพื่อนคุยด้วยไง ไม่ต้องเหงาแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ ดีเลย ค่อยมีชีวิตชีวาหน่อย” แทนหัวเราะเสียงดัง “อยู่คนเดียวมานานก็เริ่มเหงาเหมือนกัน”
เสียงตะโกนจากอีกฝั่งถนนดังขึ้น หวัดดีค่ะพี่แทน
“อ้าว! ฟ้า! นั่นฟ้าเหรอ? ย้ายกลับมาแล้วเหรอ!” แทนตะโกนทักทายตอบหญิงสาวที่กำลังเดินเข้าบ้านฝั่งตรงข้าม “เป็นไงบ้าง มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
หญิงสาวหันมาตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อนล้า “กลับมาเมื่อวานค่ะพี่แทน พรุ่งนี้ก็ต้องเริ่มงานเลย แอบเซ็งนิดหน่อย ต้องกลับมาอยู่ในเมืองรถติดวุ่นวาย ฟ้าขอตัวเข้าบ้านก่อนนะคะ” ฟ้าได้ย้ายไปช่วยงานสาขาต่างจังหวัดเปิดใหม่ราวๆ6เดือน ที่พึ่งกลับมา
ขณะนั้นเอง ทิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวข้าง ๆ แทน กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แสงสีฟ้าจากจอสะท้อนใบหน้าคมสัน จมูกโด่งเป็นสันเป็นภาพที่ดูหล่อเหลาไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มือขวาเท้าแขนบนพนักเก้าอี้ ส่วนมือซ้ายเคาะเบา ๆ ที่ต้นขาอย่างกระวนกระวายใจ ลุ้นว่าหญิงสาวที่เขาเฝ้ารอจะทักทายเขาบ้างไหม แต่ก็ไม่มี หญิงสาวเดินเข้าบ้านไปเฉย ๆ โดยไม่ชายตามองเขาแม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าเธอไม่เห็นหรือจำเขาไม่ได้
หลังจากที่ฟ้าลับสายตาไป ทิวก็เริ่มหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาผุดลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทิ้งให้แทนได้แต่มองตามอย่างงุนงง “อยู่ ๆ ก็ไปซะงั้น” แทนได้แต่คิดในใจว่าหลานชายคงเหนื่อยจากการย้ายของเลยไม่พูดอะไร
ฟ้ารู้สึกตัวหลังจากที่เดินพ้นประตูบ้านมาแล้ว เธอฉุกคิดขึ้นได้ว่ามีผู้ชายอีกคนนั่งอยู่กับแทน จึงชะเง้อคอออกไปดูอีกที แต่ก็ไม่เห็นใครแล้ว เธอได้แต่สงสัยเล็กน้อยพร้อมกับเอียงคอ “หรือว่าเราตาฝาดไป? หรือเป็นเพื่อนของพี่แทน?” เธอพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นห้องไป
ห้องนอนของฟ้าอยู่ชั้นสองและหันหน้ามาทางบ้านของทิว ทิวที่กำลังนั่งเหม่อมองจากหน้าต่างห้องตัวเองก็เห็นว่าไฟในห้องของฟ้าเปิดอยู่ เขาได้แต่มองเหม่อไปอย่างนั้น ภาพหญิงสาวที่เขาคิดถึงมานานแสนนานกำลังเดินไปมาเพื่อจัดข้าวของในห้อง ทันใดนั้น เธอก็ถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวใน ทิวรีบหันหน้าหนีด้วยความตกใจเพราะกลัวว่าจะเห็นอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะค่อย ๆ หันกลับไปมองอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังใส่เสื้อกล้ามอยู่ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาได้แต่นั่งมองเธอและนึกเพ้อฝัน “ถ้าเราได้เจอกันจริง ๆ ฟ้าจะดีใจไหมนะ? เธอจะยังมองเราเป็นแค่น้องชายเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า?” ทิวคิดไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะเอนตัวลงนอน เอาแขนขวาเท้าศีรษะไว้ แล้วหวนนึกถึงเรื่องราวในวันวานระหว่างเขากับฟ้า
ในขณะเดียวกัน ฟ้าที่กำลังจัดของอยู่ก็เหลือบไปเห็นไฟที่เปิดอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าห้องนั้นไม่เคยมีใครอยู่มานานหลายปีแล้ว เพราะน้องชายตัวน้อยของเธอไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้นานหลายปีแล้ว เธอจึงฟุบหน้าลงกับเก้าอี้ริมหน้าต่าง แล้วนอนตะแคงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมาเท้าคางพลางคิดถึงน้องชายตัวน้อยที่เมื่อก่อนเคยเปิดหน้าต่างตะโกนบอกฝันดีกัน ภาพความทรงจำในวัยเด็กของเธอกับเขาก็หวนกลับมาอีกครั้ง
ความทรงจำในวันวาน
ช่วงฤดูร้อนของปีนั้น ทิวในวัย 10 ขวบย่าง 11 ขวบถูกคุณย่าพามาเยี่ยมแทนที่ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษาที่เพิ่งย้ายเข้าบ้านไม่นาน ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นจากประโยคชวนคุยง่าย ๆ ของแทน
“ทิว อาจะพาไปแนะนำเพื่อนบ้าน” แทนบอกทิวพลางพาเดินไปบ้านตรงข้าม “นี่บ้านป้านวล ป้านวลครับ นี่หลานผมครับ มาเที่ยวช่วงปิดเทอม”
ทิวรีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับป้านวล”
ป้านวลยิ้มอย่างใจดี “จ้า น่ารักจังเลย”
ทับทิม แม่ของแทนเอ่ยเสริม “ฝากลูกฝากหลานด้วยนะคะ ถ้าดื้อก็ดุได้เลยค่ะ”
ไม่นานนัก เสียงตะโกนจากในบ้านก็ดังขึ้น “แม่ได้หยิบสมุดโน๊ตฟ้าไปไหมคะ?”
หญิงสาวคนหนึ่งเดินออกมา เธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าทิว ใบหน้าของเธอเป็นความทรงจำแรกที่เขารู้จักคำว่า ‘รักแรกพบ’
“นี่ลูก ย่าทับทิมแม่พี่แทน ส่วนนี่หลานของพี่แทน น้องทิว”นวลกล่าวแนะนำ
“สวัสดีค่ะย่าทับทิม ” เธอหันมาทักทายคุณย่าทับทิมอย่างสุภาพ “หวัดดีน้องทิว พี่ชื่อน้ำฟ้า เรียกพี่ว่าพี่ฟ้าก็ได้นะ ถ้าเบื่อก็มาเล่นกับพี่ที่บ้านได้เลย”
“ดีเลย จะได้มีเพื่อน อยู่คนเดียวมาตั้งหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่น้องไม่อยู่ด้วย”
ในตอนนั้นพ่อแม่ของฟ้าแยกทางกัน ฟ้าอยู่กับแม่ ส่วนน้องสาวอยู่กับพ่อ ความเหงาที่เธอต้องเผชิญในทุก ๆ วันได้รับการเติมเต็มเมื่อทิวมาอยู่ด้วย ทั้งสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว จากที่คิดว่าจะมาเที่ยวแค่ไม่กี่วัน ทิวก็ขอคุณย่าให้โทรไปขอคุณแม่เพื่อให้เขาได้อยู่ต่อจนถึงวันเปิดเทอม ความฉลาดและเป็นเด็กดีของทิวทำให้แม่วางใจและยอมให้เขาอยู่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุก ๆ ปิดเทอม เขาจะมาอยู่กับอาและได้ใช้เวลาอยู่กับพี่ฟ้าเสมอ
แต่แล้วช่วงที่ทิวอายุราวสิบสี่ย่างสิบห้าปี เขากลับหายไปจากชีวิตของฟ้าอย่างกะทันหัน ฟ้าที่คุ้นชินกับการมีน้องชายคนนี้มาเล่นด้วยในช่วงปิดเทอม กลับต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง เมื่อถามแทนก็ได้รับคำตอบแค่ว่าทิวสบายดีอยู่ที่บ้าน เธอรู้สึกน้อยใจและเสียใจลึก ๆ ที่เขาหายไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย ทั้งที่ที่ผ่านมาเธอดีกับเขามาก ดูแลเอาใจใส่เหมือนน้องชายแท้ ๆ
เขากลับมาที่บ้านอาอีกครั้ง ตอนอายุราวสิบแปดสิบเก้าปี แต่ครั้งนี้ทั้งสองคนกลับไม่ได้เจอกัน มีแค่ทิวที่แอบมองฟ้าจากไกลๆ เพราะทิวมาแค่ช่วงสั้น ๆ ไม่ถึง 3 ชั่วโมงก็กลับไป ฟ้าที่รู้ว่าเขามาก็เลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะความรู้สึกน้อยใจที่สะสมมานาน ส่วนทิวเองก็แอบหวังว่าจะได้เจอหน้าฟ้า แต่เมื่อเห็นว่าเธอหลบหน้า เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปทัก จนสุดท้ายทั้งสองคนก็กลับไปใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้งโดยไม่ได้พูดคุยกันเลย
การกลับมาเจอกันอีกครั้ง
ฟ้าก้าวลงบนซอยเปลี่ยว แสงไฟสลัวสาดส่องเงาของตัวเองให้ดูน่ากลัว เธอรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องมา จึงรีบก้าวเท้าให้เร็วขึ้น แต่เสียงฝีเท้าหนักแน่นกลับตามมาติดๆ เธอใจเต้นระรัว ฟ้าตัดสินใจวิ่ง แต่ก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามมา เธอหยุดหอบหายใจ หันขวับไปเผชิญหน้ากับเขา ตะโกนถามเสียงดัง "แกเป็นใคร! ไอ้โรคจิต!"
"ผมเอง! ผมเองครับ! ผมทิวงัย จำไม่ได้เหรอ?" เขาพูดเสียงหอบ รีบยกมือขึ้นปัดป้องกระเป๋าที่หญิงสาวเงื้อจะฟาดลงมาอีกรอบ เธอชะงัก มองหน้าชายหนุ่มชัดๆ ในแสงไฟสลัว "ทิว...จริงเหรอ?" หญิงสาวถามเสียงแผ่ว ไม่แน่ใจ
"โธ่! ก็จริงน่ะสิ! มาได้ยังไงฟาดเอาๆ ขนาดนี้ ตัวแค่นี้เอาแรงมาจากไหน" เขาบ่นพร้อมลูบหัวปอยๆ หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วก็ยังไม่แน่ใจ เดินวนรอบตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้ววนกลับมายืนตรงหน้า ถามอีกครั้ง
"นี่ทิวจริงเหรอ? เด็กน้อยตัวเล็กในวันนั้นเหรอ โตขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"
"ถ้าเจอที่อื่นพี่ก็จำไม่ได้เลยนะเนี๊ยะ"
"อย่าพูดว่าเจอที่อื่นจะจำไม่ได้เลยครับ เมื่อกี้พี่ก็ยังจำไม่ได้เลย" เขาเถียงกลับทันควัน "ถามจริง นี่พี่ระแวงอะไรขนาดนั้น ถึงได้ฟาดมาเต็มแรง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาก็เดินกลับบ้านเหมือนกันเหรอ"
"แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ก็คนมันตกใจ" ฟ้าทำเสียงแข็ง พอนึกได้ว่ายังเคืองที่ทิวหายไปหลายปี หญิงสาวก็เปลี่ยนท่าทีทันที "แล้วนึกยังไงโผล่มาตอนนี้ เงียบไปตั้งหลายปีจนลืมไปแล้วว่าเคยมีคนชื่อนี้ เคยรู้จักคนชื่อนี้"
ทิวยิ้มบางๆ นิ่งเงียบไม่ตอบ แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย "นี่พี่เลิกงานเวลานี้ประจำเหรอ ไม่กลัวเหรอกลับบ้านคนเดียว"
"กลัวอะไร เดินทางไปกลับจนชินแล้ว"
"แหม ไม่กลัวแล้วเมื่อกี้มันอะไร" เขาพูดพลางลูบตรงที่โดนฟาด ที่หัว
"เจ็บแค่นี้เองยังไม่ตายหรอก" ฟ้าพูด แต่ในใจก็แอบรู้สึกผิดนิดๆ "แล้วไปไงมาไงเนี่ย นายมาอยู่นี่ได้ไง"
"ผมก็ย้ายมาอยู่กับอาแทนไง ย้ายออกมาจากหอพักแล้ว"
"อ้าว! แล้วมาเรียนแถวนี้ตั้งกี่ปีๆ ทำไมถึงไม่เคยเจอ ทำไมไม่เคยมาหาบ้าง"
"ผมไม่ค่อยได้เข้ามาครับ ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ช่วงแรกๆ ก็อยู่หอพัก มาไม่กี่ครั้งก็ไม่เคยเจอพี่ฟ้าเลยสักครั้ง" เขาเว้นช่วงไปเล็กน้อย "แต่ก่อนหน้าก็เจอนะ วันที่พี่ย้ายมา พี่ฟ้ากลับมาจากต่างจังหวัด ผมก็นั่งอยู่ตรงนั้นแหละ พี่ต่างหากที่ไม่คิดจะทักผมสักคำ"
"อ๋อ! วันนั้นนายเหรอที่นั่งอยู่ตรงนั้น ก็คิดว่าใครเหมือนเห็นใครแว๊บๆ แต่พอมองไปอีกทีก็ไม่เห็นแล้วนึกว่าเพื่อนพี่แทนมาหา โถ่เอ๊ย!" ฟ้าทำเสียงไม่พอใจ
"ลืมกันได้ขนาดนั้นเลย มันไม่คิดจะสะดุดตาความหล่อความเท่ห์ของผมเลยเหรอ?" ทิวพูดอย่างมั่นใจจนฟ้าอดขำไม่ได้
"หัวเราะทำไม? หลักฐานก็เห็นอยู่ชัดๆ"ทิวพูดอย่างมั่นใจ
ทั้งคู่เดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้าน ก่อนจะแยกกันเข้าบ้าน ทิวเรียกฟ้าไว้ "เดี๋ยว! พรุ่งนี้เดินกลับบ้านพร้อมกันนะ พี่จะได้ไม่ต้องกลัว แล้วไปไล่ฟาดคนนั้นคนนี้อีก"
หญิงสาวยิ้มและส่ายหน้าเล็กน้อย พึมพำกับตัวเอง "แหม ทุกวันนี้โตแล้วพูดได้สิ เมื่อก่อนยังเป็นเด็กน้อยวิ่งตามอยู่เลย" แล้วฟ้าก็ยิ้มเดินเข้าบ้านไป
จากหน้าต่างห้องนอนชั้นสอง ฟ้าเห็นไฟที่ห้องของทิวเปิดอยู่ เขาเปิดหน้าต่างแล้วโบกมือให้ และฟ้าเองก็ยิ้มแล้วโบกมือตอบ ทิวทำมือเหมือนบอกฝันดีให้หญิง ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วปิดหน้าต่างลง
ในขณะที่กำลังจะนอน ฟ้าก็นึกขึ้นได้ว่ายังเคืองที่ทิวหายไปหลายปีอยู่เลย ทำไมเผลอพูดดีด้วยยิ้มด้วย ลืมความโกรธไปเลย แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว...
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานปาร์ตี้กลางแจ้ง เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนที่เสียงของซันจะดังขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ“ทุกคน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล!” เขาขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ด้วยท่าทางที่เมาได้ที่แล้ว “ผมในฐานะเพื่อนรักเจ้าบ่าว วันนี้ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ อวยพรและร่วมยินดีไปกับ ‘คุณทิวา’ หรือที่พวกเราเรียกว่าไอ้ทิวา และ ‘ทิวจ๋า’ ของเจ้าสาวของเรา ขอให้รักกันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังสนั่น “เอาทุกคน! วันนี้ไม่เมาเราไม่เลิก!” ซันชูแก้วขึ้นสูง ก่อนจะหันไปทางทิวกับฟ้าที่ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันท่ามกลางความสนุกสนาน ฝนที่ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มรู้สึกมึนงงเพราะเธอไม่ใช่คนคอแข็ง เธอจึงเดินโซซัดโซเซเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ดวงตาที่ปรือและหัวที่กำลังหมุนไปมาทำให้เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงเพลงที่ดังจนกลบทุกอย่างยิ่งทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆเธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ดูว่างเปล่าและตรงไปที่ชักโครกอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็มีร่างผู้ชายย
งานแต่งงานที่เรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติเพียงหนึ่งเดือนต่อมา ทิวก็จัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ณ รีสอร์ทส่วนตัวในเขาใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของแขกที่มาร่วมงานดังก้องไปทั่ว“เฮ้ย! กูตกใจหมดเลย!” เสียงของซันดังลั่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท “กูก็นึกว่าที่บ้านมันแค่เลี้ยงวัวทำสวนมาตลอด! ชิบหาย! คบกันมาจนเรียนจบ เพิ่งรู้ว่่่าที่บ้านมันเป็นเจ้าของรีสอร์ท!”“มันก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกพวกเรานี่หว่า” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “ตอนที่เราถามกันตอนปีหนึ่ง มันก็บอกว่าเลี้ยงวัวกับทำสวน ซึ่งก็จริง ที่บ้านมันเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมก็เลี้ยงวัว ส่วนไร่องุ่นกับผักออร์แกนิกของมันก็นับเป็นทำสวนสิ พวกเรานั่นแหละที่มโนไปเอง”“ใครจะไปคิดว่าจะมีเพื่อนเป็นทายาทรีสอร์ทวะ” เพื่อนคนหนึ่งว่า “ดูมันทำตัวสิ มันก็ไม่ได้ทำตัวว่ามันรวยสักหน่อย”“แต่มันก็ไม่ได้ทำตัวจนนะ” ซันเสริมพลางหัวเราะ “อยากใช้อะไรมันก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พวกเราต่างหากที่จินตนาการเกินจริงไปเอง”ซันมองไปรอบๆ งานอย่างทึ่งๆ “มึงรู้ไหมตอนที่เจอมันเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งในหัวกูจินตนาการว่ามัน
เสียงของนวลดังขึ้นในความเงียบยามเช้า ขณะที่ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ“ฟ้า… แม่ขอถามอะไรหนูหน่อยได้ไหม”ฟ้าหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของนวลดูเป็นกังวลมากกว่าปกติ“รอบเดือนหนู… มันไม่ได้มาใช่ไหม”ฟ้าชะงักไปเล็กน้อย เธอพยายามนึกย้อนดูความทรงจำ แต่ความสับสนเข้ามาแทนที่ “ไม่แน่ใจค่ะแม่ ฟ้าก็ลืมนับ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้าง เพลียไหม เหนื่อยง่ายหรือเปล่า” นวลถามย้ำ น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความห่วงใย“ก็เพลียค่ะ เหนื่อยง่ายด้วย” ฟ้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “แต่ก็แค่เหนื่อยธรรมดา พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”“แม่ว่าฟ้าควรไปหาหมอนะ ไปให้หมอตรวจร่างกายให้ดีกว่า” นวลเสนอ “มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ให้ทิวเขาพาไปเถอะ”“อะไรกันแม่ ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด “ทำไมฟ้าต้องไปหาหมอด้วย”คำพูดของนวลทำให้เธอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แน่ใจเหรอว่าแค่อาการเหนื่อย ฟ้าไม่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายตัวเองเลยหรือไง”นวลไม่รอให้เธอตอบ แต่หันไปทางฝนที่กำลังคุยอยู่กับทิวที่หน้าบ้าน “งั้นเดี๋ยวให้ฝนไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แม่จะไปบอกน้อง”“ฝน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก แม่บอกว่าจะให้ท
ความเปลี่ยนแปลงของฟ้าเช้าวันทำงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนต่างเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ก็มีเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น"อ้าวฟ้า หยุดยาวนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอ" พี่มีนาถาม"ไปเขาใหญ่ค่ะ" ฟ้าตอบ"บรรยากาศน่าจะดีนะ อยากไปบ้างจังมีที่แนะนำไหม""ก็มีอยู่หลายที่นะคะ" ฟ้าตอบเลี่ยง ๆ"แล้วฟ้าไปรีสอร์ทไหนอ่ะ เผื่อพี่อยากไปบ้าง"ฟ้าเงียบไป ไม่พูดต่อ "ต้องถามน้องสาวค่ะ ต้องถามฝน เพราะว่าฝนเป็นคนจอง""ฟ้าไม่สบายไหม ทำไมหน้าตาดูซีด ๆ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า มีเรื่องให้เครียดหรือเปล่า""น่าจะเป็นเพราะทางไกลมั้งคะ นั่งรถเหนื่อยมั้ง" ฟ้าตอบ"ไปเขาใหญ่ก็ไม่ไกลนะ ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้นนะ เอ๊ะ หรือว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายอ่อนเพลีย" มีนาพูดและรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มขณะที่ฟ้ากำลังถ่ายเอกสาร กระดาษติดอยู่ในเครื่อง ฟ้าพยายามดึงออกมาแต่ทำไม่ได้ เธอกทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเพื่อนร่วมงานเห็นจึงเข้ามาถามว่าฟ้าเป็นอะไร แต่ฟ้าก็เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้ วินเพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันนั้น ฟ้าจึงทำงานได้แค่ครึ่งวันก็
บรรยากาศอึมครึมรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด ฝนที่นั่งอยู่เบาะหลังสังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งคู่ จึงเอ่ยปากขึ้น"พี่ฟ้า เดี๋ยวจอดให้ฝนลงก่อนนะ ฝนไม่อยากเข้าบ้าน พี่กับทิวาไปเคลียร์กันเองที่บ้าน" ฝนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ยังไม่อยากเจอหน้าแม่ตอนนี้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด""ให้ฝนลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฝนกลับเอง""จะไม่ไปหาแม่เหรอ?" ฟ้าเอ่ยถาม"ไม่ ฝนจะกลับหอพักเลย""พี่ฟ้าคิดด้วยจะบอกพ่อยังไง หรือจะให้ฝนเป็นคนพูดให้ จะเอายังไงก็บอกฝนมาแล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้พ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว""โอเค พี่ขอเวลาหน่อยนะ" ฟ้าพูด" อื้ม...พี่ฟ้าฝนยืมมือถือจดเบอร์พ่อแป๊ป มือถือแบตหมด " ทิวขับรถไปจอดเทียบฟุตบาทส่งฝนลง ทำให้ในรถเหลือเพียงทิวและฟ้าแค่สองคน บรรยากาศภายในรถยิ่งเงียบงันลงไปอีก ทิวเห็นสีหน้ากังวลของฟ้าจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้แน่น"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ อย่าคิดมาก" ทิวปลอบใจ "เรื่องนี้ทิวจะสารภาพกับป้านวลเอง"ฟ้าพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า"เหนื่อยเหรอ?""อืม เหนื่อยมาก" ฟ้าพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงแผ่วเบา"งั้นนอนพักก
ในช่วงสายของวัน ณ จุดบริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ราตรี ผู้เป็นแม่ของ ทิว และ ทับทิม ผู้เป็นย่า เดินทางกลับจากปฏิบัติธรรมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคนนึงจอดอยู่ผิดที่ราตรี: "อ้าว! นี่รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้เนี่ย ทำไมพนักงานถึงไม่บอกให้ไปจอดที่สำหรับลูกค้า"ย่าทับทิม: "รถคันนี้ใช่รถที่ตาทิวซื้อใหม่หรือเปล่า ช่วยแม่ดูหน่อย"เมื่อสอบถามพนักงานก็ได้ความจริงที่ราตรี: "รถคันนี้...ใช้รถของคุณทิวไหม?"พนักงาน: "ใช่ค่ะคุณผู้หญิง"ราตรี: "จะกลับทำไมไม่เห็นบอกแม่เลยนะ!"พนักงาน: "คุณผู้หญิงคะ...คุณทิวพาผู้หญิงมาด้วยนะคะ"ราตรี: "มาตั้งแต่วันไหน"พนักงาน: "มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ"ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจผสมความสงสัยราตรี: "แล้วตอนนี้คุณทิวอยู่ไหนล่ะ"พนักงาน: "อยู่โซนฝั่งน้ำตกค่ะ เดี๋ยวให้หนูพาไปไหมคะ"ราตรี: "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้"ย่าทับทิม: "ไปดูกัน! ตาทิวพาใครมาอยากเห็นหน้าเหมือนกันแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพาผู้หญิงเข้าบ้าน"ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปหาทิวทันที ระหว่างทางมีเด็กสาวสองคนเดินสวนมา คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์ฝน: "ฮัลโหลพี่ฟ้า ฝนกำลังจะเข้าไปนะคะ ตอนนี







