LOGINเช้าวันหยุดวันนั้น ฟ้ากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าบ้าน ความคิดวกวนอยู่กับเอกแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกันไป ในใจก็บ่นพึมพำกับตัวเอง "ไม่น่าเลย จะเลิกก็ไม่เลิกไปตั้งนาน มาเลิกอะไรตอนฉันอายุป่านนี้ แล้วคนโสดที่ไหนเค้าจะอยู่รอล่ะเนี่ย"
ทันใดนั้นก็มีนิ้วมาสะกิดไหล่ เธอหันไปทางซ้ายก็ไม่เจอ หันไปทางขวาก็ไม่มี จึงแกล้งนั่งนิ่ง ๆ ไม่หันไปมองอีก สักพักเธอจึงหันกลับไปทางขวา และสิ่งที่เห็นคือใบหน้าคมเข้มของทิวที่อยู่ใกล้จนปลายจมูกแทบจะชนกัน เธอรีบเอนตัวหนีออกมาเล็กน้อย
"นึกแล้วว่าต้องเป็นนาย" ฟ้าพูด "วันหยุดไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ?"
"ไม่ครับ ผมอยากพักผ่อน" ทิวตอบ "แล้วพี่ฟ้าล่ะครับ ไม่ไปไหนเหรอ?"
"ไม่อ่ะ ไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน"
"อ้าว แล้วไม่มีนัดกับแฟนเหรอครับ?"ทิวแกล้งถาม
"จะพูดถึงเรื่องนี้ทำไม คนยิ่งเซ็ง ๆ อยู่"
"อย่าบอกนะว่าพี่เพิ่งอกหัก" ทิวแกล้งแหย่
"อย่าใช้คำว่าอกหักได้ไหม มันจี๊ด ๆ" ฟ้าโอดครวญ "ก็แค่เซ็ง ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาโสดตอนใกล้ ๆ เลข 3 แบบนี้ ปีนี้ก็ 28 แล้ว เพิ่งจะเริ่มโสด แล้วอีกกี่ปีถึงจะหาแฟนได้ล่ะเนี่ย"
"โถ่ นี่พี่กลัวไม่มีแฟนขนาดนั้นเลยเหรอ" ทิวหัวเราะ
"ไม่ใช่ว่ากลัวไม่มีแฟน" ฟ้าอธิบาย "แต่รู้สึกว่าที่ผ่านมาเสียเวลาเปล่า ๆ ลองคิดดูสิ โสดตอน 28 แล้วอีกกี่ปีจะมีคนเข้ามาในชีวิต พี่ก็ต้องโสดอยู่แบบนี้ไปถึง 30 เลยไหม แล้วหนุ่มโสดที่ไหนจะอยู่รอพี่"
"ก็ผมนี่ไง อยู่รอพี่" ทิวพูดพร้อมกับอมยิ้ม
"แหม ๆ ๆ เด็กน้อยอย่างเธอจะไปรู้อะไร สเปคของพี่น่ะต้องเป็นหนุ่มใหญ่ ใจดี อบอุ่น เอาใจใส่ พึ่งพาได้เท่านั้นจ่ะ"
"แล้วพี่ไม่ชอบคนที่อายุน้อยกว่าเหรอ"
"ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น" ฟ้าตอบ "ตั้งแต่เริ่มโตมาก็คิดเสมอว่าต้องมีแฟนที่อายุมากกว่า ที่เป็นที่พึ่งให้เราได้ แต่ทิวลองคิดดูสิ ตอนนี้พี่ 28 ถ้าจะหาหนุ่มที่โตกว่า เขาก็ต้อง 29, 30, 31, 32 ไปเรื่อย ๆ ถามก่อนว่าคนวัยนี้มันจะมีใครโสดรอพี่ไหม หรือต้องรอให้เขาเป็นพ่อหม้ายก่อนแบบนี้เหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งเซ็ง"
"พี่จะเซ็งทำไม" ทิวพูด "พี่ก็หันมาชอบเด็กแบบผมสิ เด็กวัยละอ่อนเอาใจเก่งเหมือนกันนะ"
"ทำไม" ฟ้าแกล้งถาม "ถ้าเกิดว่าพี่สนใจเด็กขึ้นมา จะเสนอตัวให้พี่จีบว่างั้น"
"ผมจะยอมพรีกายถวายชีวีให้พี่ฟ้าเลยแหละ" พูดจบ ทิวก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
ขณะที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่ เสียงของนวลแม่ของฟ้าก็ดังขึ้น "ฟ้า ไปตลาดให้แม่หน่อยได้ไหม วันนี้จะย่างบาร์บีคิว ไปซื้อพวกหมู ไก่ แล้วก็ผักให้แม่หน่อย"
"อ้าว..!พอดีเลย งั้นทิวไปเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก" แม่เอ่ยชวนทิว
"ได้ครับป้านวล" ทิวรับคำทันที "พี่ฟ้า เราปั่นจักรยานไปเหมือนตอนเด็ก ๆ ไหม"
"โห จะไหวเหรอ ตอนเด็กน่ะนายซ้อนท้ายพี่ แต่นี่นายจะซ้อนท้ายพี่ พี่จะปั่นไหวเหรอ?"
"ก็สลับกันไงครับ เดี๋ยวผมปั่นให้พี่นั่งเอง ตอนนี้ผมโตแล้ว"
"เออ อย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย งั้นนายปั่นนะ พี่จะซ้อนท้ายเอง"
"ได้ครับ ไปกันเลย เกาะแน่น ๆ นะครับ"
ทั้งคู่ปั่นจักรยานไปตลาดและพูดคุยหยอกล้อกันไปตลอดทาง หากไม่รู้ว่าทั้งคู่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กก็คงคิดว่าเป็นคู่รักกัน พอถึงตลาด ฟ้าก็เอ่ยถามทิว
"ใกล้จะจบแล้วนี่ ได้ที่ฝึกงานหรือยัง ไปฝึกงานที่ไหน?"
"ผมคิดว่าน่าจะไม่ไกลครับ น่าจะฝึกแถว ๆ นี้แหละ ไม่แถว ๆ ที่ทำงานพี่ ก็แถว ๆ มหา'ลัย มีหลายที่ที่ผมเล็งไว้ ไปฝึกที่เดียวกันกับพี่ไหมล่ะ?"
"มีน้องฝึกงานมาฝึกที่นี่เยอะเลยนะ ตอนที่พี่เรียนจบพี่ก็มาฝึกที่นี่แหละ แล้วก็ทำงานต่อที่นี่เลย สนใจไหม?"
"อืม ไม่รู้สิ ไม่ได้คิดไว้"
"ทำไม อยากให้ผมอยู่ใกล้ ๆ เหรอ?"
"ก็ดีนะ จะได้มีคนช่วยถือของเหมือนตอนนี้ไง มาตลาดก็แสนจะสบาย ไม่ต้องถือของเองให้พะรุงพะรัง"
"ครับ ยินดีให้บริการตลอดชีวิตครับ"
"พูดเองนะ ห้ามคืนคำล่ะ"
ขณะที่ฟ้ากำลังคุยกับทิว ก็ถอยหลังไปด้วยพูดไปด้วย เธอสะดุดเข้ากับพื้นที่ขรุขระ "เฮ้ย! พี่ฟ้าระวัง!!!"
ขณะที่ฟ้ากำลังจะล้มหงายหลัง ทิวคว้ามือและดึงตัวเธอกลับมาจนร่างของเธอแนบกับอกแกร่งของเขา ทั้งคู่สบตากันนิ่งงันไปพักใหญ่ สายตาที่ทิวมองฟ้าช่างอ่อนโยน ห่วงใย และไม่เหมือนสายตาของน้องชายที่มองพี่สาวเลยแม้แต่น้อย ฟ้าใจเต้นเล็กน้อยกับอ้อมแขนที่โอบรอบเอวเธอไว้ เธอรีบผลักอกเขาและผละออกมา
"ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนายมากนะ"
"ระวังหน่อยสิพี่ฟ้า ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กอยู่เลย เดินไม่มองทาง"
"แหม ก็อยู่กับเด็กน้อยแบบนาย พี่ก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนสิ"
"ผมไม่ใช่เด็กน้อยแล้วนะ" ทิวแย้ง "แล้วพี่เองก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้น แค่ 28 เอง ไม่เห็นจะแก่ตรงไหน ผมก็จะ 22 พี่ก็จะ 28 มันห่างกันแค่ 6 ปีเอง ไม่ได้มากขนาดนั้นสักหน่อย ชอบคิดว่าตัวเองแก่อยู่เรื่อยเลย"
"อีกไม่กี่ปีก็เลข 3 แล้วจ้า นายยังเพิ่งค้นพบเลข 2 แต่พี่จะเข้าเลข 3 แล้ว รู้ไหมว่าการที่จะถึงเลข 3 มันใช้เวลาน้อยมาก เผลอแป๊บเดียวก็จะเลข 3 และ ยังใช้ชีวิตไม่เต็มที่กับเลข 2 เลย เซ็ง"
ฟ้าพึมพำบ่นไปตลอดทางที่เดินเลือกซื้อของ โดยมีทิวถือตะกร้าเดินตามและยิ้มตามไปด้วย
"แม่ ฟ้ากลับมาแล้วค่ะ ได้ของมาเพียบเลย จะให้ฟ้าทำอะไรต่อไหมคะ"
"เอาของที่ซื้อมา พวกผักเอาไปล้างให้แม่ก็ได้ลูก" แม่บอก "เดี๋ยววันนี้จะย่างบาร์บีคิวกินกันที่หน้าบ้าน แล้วนี่ แล้วอาแทนจะกลับตอนไหนลูก?"นวลเอ่ยถามทิว
"ไม่แน่ใจครับว่าวันนี้มีงานหรือเปล่า" ทิวตอบ
"โทรบอกอาแทนด้วยนะ วันนี้ป้าจะทำบาร์บีคิว รีบกลับมากินล่ะ"
"ได้ครับ"
เสียงโทรศัพท์ของทิวก็ดังขึ้น "ติ๊งต๊อง" ข้อความไลน์เข้า "ทิวา เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม อย่าเงียบหายไปแบบนี้สิ รู้ไหมว่าคิดถึง"
ทิวรีบกดลดเสียงโทรศัพท์ ฟ้าที่กำลังล้างผักอยู่ได้ยินและหัวเราะออกมาเสียงดัง
"แหม หนุ่มน้อยของพี่ฮอตนะเนี่ย มีสาว ๆ บอกคิดถึง นี่มีกี่คนล่ะ สับรางทันไหม ระวังรถไฟชนกันนะ"
"ไม่มีหรอก" ทิวตอบ "ไม่ได้คบใครแล้ว เคยคบแล้วก็เลิกไปแล้ว"
"อ้าว หักอกหญิงมาเหรอ?"
"เปล่า ก็คบแล้วไปกันไม่ได้ก็เลิกเฉย ๆ ก็แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เหงาก็เลยลองคบดู พอคบแล้วมันไม่ใช่ก็เลยเลิก"
"พวกผู้ชายนี่ก็พูดง่ายเนาะ บทจะเลิกก็เลิกง่าย ๆ" ฟ้าพึมพำประชดประชัน ซึ่งมันตรงกับเรื่องราวของตัวเองที่เพิ่งโดนแฟนบอกเลิกมา ทิวอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่กล้า
สาเหตุหลักที่ทิวย้ายกลับมาอยู่กับอาในช่วงเวลานี้ เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่อยากกลับมา เพราะรู้ว่าฟ้ามีแฟนอยู่แล้ว
ตั้งแต่ที่ทิวรู้ว่าฟ้าโสด เขาก็พร้อมจะเดินหน้าตามความสัมพันธ์เพื่อสานต่อความรู้สึกที่มีมานาน
ทุกเย็นหลังเลิกงาน ทิวจะมายืนรอฟ้าที่ปากซอยเพื่อเดินคุยกลับบ้านด้วยกันเสมอ แต่วันนี้ฟ้าแปลกใจที่ไม่เห็นทิว เธอชะเง้อมองหาพลางพึมพำกับตัวเอง "แปลกจัง วันนี้ไม่เจอทิว" ความรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างแล่นเข้ามาในใจ
ทันใดนั้น เธอเหลือบไปเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนโต้เถียงกันอยู่ เธอเพ่งมองไปจึงเห็นว่าเป็นทิวที่กำลังจะเดินเข้ามาหาเธอ แต่เธอก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ฝ่ายหญิงกำลังตามง้อขอคืนดี แต่ทิวได้แต่พูดว่า "มันจบไปแล้ว เราไปกันไม่ได้ ต่างคนต่างใช้ชีวิตเถอะ" ฝ่ายหญิงดูเหมือนจะไม่ยอม เธอเริ่มโวยวายว่าทิวเปลี่ยนไปเพราะมีคนอื่นถึงบอกเลิกเธอ ฟ้าได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ อย่างไม่กล้าพูดอะไร
ทันใดนั้น ทิวที่หันมาเห็นฟ้า ก็รีบเดินเข้ามาโอบไหล่ฟ้าแล้วดึงร่างเล็กเข้าไปในอ้อมแขน มือหนาโอบเอวบางของเธอไว้แน่น ก่อนจะหันไปพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า "นี่แฟนผม ผมไม่อยากให้แฟนผมคิดมาก กลับไปเถอะ เราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว จบกันด้วยดีเถอะ"
"เลิกอะไร! เมย์ไม่เคยเลิกกับทิวาเลยนะ ทิวาคิดไปเองต่างหากว่าเราเลิกกัน"
"ก็ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่" หญิงสาวเริ่มโมโห เธอก้าวเข้ามาง้างมือจะตบฟ้า แต่ทันใดนั้นก็มีมือหนาอีกข้างมาจับข้อมือของเธอไว้
"หยุดนะ ห้ามทำอะไรผู้หญิงของผม ไม่งั้นผมไม่ปล่อยไว้แน่ แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน" ทิวสะบัดมือหญิงสาวออกเบา ๆ แล้วโอบเอวหญิงสาวเดินเข้ามาในซอยทางกลับบ้าน
ฟ้ายังคงอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ในใจเต็มไปด้วยคำถาม ทิวเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า "ตกใจเหรอพี่ฟ้า ผมขอโทษนะ ตอนนั้นผมคิดอะไรไม่ออก ผมแค่อยากให้เขาเลิกยุ่งกับผม แล้วพี่ฟ้าก็ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี"
ฟ้าตั้งสติได้แล้วพูดว่า "นี่นายใจดำมากเลยนะทิว บอกเลิกผู้หญิงทิ้งผู้หญิงได้เลือดเย็นขนาดนี้เลยเหรอ"
"เปล่าครับ ผมคบกับเมย์ไม่นาน เขาคบกับผมเมื่อหลายเดือนก่อน ผมบอกว่าเราไปกันไม่ได้ ผมขอเลิกกับเขาดี ๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมคบไม่กี่เดือน เพราะรู้ว่าไปต่อไม่ได้ผมก็เลยเลิก แต่เขาไม่ยอมเลิกกับผม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"แล้วแบบนี้จะเอาไงต่อ ไม่สงสารผู้หญิงเหรอ?"
"จะให้ผมพูดยังไงล่ะ ถ้าบอกว่าสงสารแล้วให้ผมไปคบต่อ ฝืนใจคบแบบนี้นะเหรอ มันใช่เรื่องไหม จบก็คือจบ มันไปต่อไม่ได้จริง ๆ"
ฟ้านิ่งเงียบไปพักหนึ่ง แล้วหยุดเดินพูดขึ้นว่า "ก็จริงสินะ ในเมื่อมันไปต่อไม่ได้ ก็แค่จบ ผู้ชายนี่คิดแบบนี้จริง ๆ โดยไม่รู้เลยว่าผู้หญิงเขาจะเสียใจมากน้อยแค่ไหน หรือทำให้เขาเสียเวลาแค่ไหน"
"โถ่พี่ฟ้า มันคนละเรื่องกันเลย มันคนละคนกัน ไม่เกี่ยวเลย ก็ผมไปต่อไม่ได้ พี่จะบังคับใจให้ผมไปต่อกับเขาได้ยังไง ผมกับเขาคบกันไม่ถึง 5 เดือนด้วยซ้ำ ก็มันไปต่อไม่ได้ มันก็ต้องจบไง เขาจะได้ไม่เสียเวลาด้วยไม่ใช่เหรอ ที่พี่คิดกับแฟนเก่าพี่ พี่ก็คิดไม่ใช่เหรอว่าทำไมจะเลิกก็ไม่เลิกตั้งนาน มาบอกตอนที่พี่อายุขนาดนี้"
"นี่นายแอบฟังฉันเหรอ" ฟ้าตกใจเล็กน้อย
"ไม่ได้แอบครับ ผมเดินไปพอดี ไหน ๆ ก็พูดแล้ว พี่เสียใจมากไหมที่เลิกกับแฟน?"
"ใช้คำว่าเสียใจมันก็มีแหละ แต่มันไม่ถึงกับฟูมฟายหรอก มันแค่เสียความรู้สึก เสียเวลาเฉย ๆ ตอนที่พี่คบกับพี่เอกตอนนั้น พี่น่าจะอายุราว ๆ 24 หรือ 25 พอคบกันยังไม่ถึง 6 เดือน พี่เขาก็ต้องย้ายไปประจำสาขาต่างประเทศจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับ แต่เมื่อเดือนที่แล้ว เขากลับมาบอกเลิกพี่ บอกว่าไม่อยากให้พี่เสียเวลา รู้สึกว่าทำไมไม่เลิกตั้งแต่ทีแรกตั้งแต่ไปช่วงแรก ๆ ถ้าเลิกตั้งแต่ตอนนั้นพี่ก็ไม่ต้องปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น ยังมีเวลาศึกษาดูใจกับใครได้บ้าง แต่นี่สถานะมีแฟนมันบังคับพี่ไว้ ทำให้พี่ไม่ได้มีโอกาสเปิดใจกับใครเลย แล้วอยู่ดี ๆ พอจะใกล้เลข 3 ก็มาบอกเลิกกัน โถ่ ใครจะไม่เซ็ง"
ทิวมองดูสีหน้าและอาการของฟ้า ก็ไม่ได้เหมือนเสียใจมากที่โดนแฟนบอกเลิก แต่เหมือนรู้สึกเจ็บใจที่ไม่มีโอกาสหาแฟนใหม่ และตัวเองจะแก่ก่อน ทิวแอบอมยิ้มเล็กน้อย
"ขำอะไร เมื่อกี้เห็นนะ"
"เปล่าครับ ผมแค่ดีใจที่พี่ไม่ได้เศร้าเพราะโดนแฟนบอกเลิก"
"ไม่ได้เศร้าก็ใช่ว่านายจะมาหัวเราะพี่ได้นะ"
"ผมไม่ได้หัวเราะแบบนั้นครับ ผมแค่คิดว่าความคิดพี่มันก็แปลกดี โดนแฟนบอกเลิกไม่ได้เสียใจฟูมฟาย แต่กลัวหาแฟนไม่ได้เพราะว่าอายุมากขึ้น ผมเพิ่งเคยเห็น"
"ก็นายอายุยังน้อย นายก็พูดได้สิ และอีกอย่างหนึ่งผู้ชายวัย 30 หรือมากกว่านั้นน่ะมันก็ยังดูหนุ่ม แต่ผู้หญิงน่ะ ถ้าเข้าสู่เลข 3 นายรู้ไหมว่ามันจะกลายเป็นป้าได้เลยนะ"
"พูดแล้วก็เซ็ง ไปเถอะ กลับบ้านกัน ไม่พูดแล้วเรื่องนี้"
"มามะ ผมถือกระเป๋าให้ จะได้อารมณ์ดีขึ้นนะ"
"นายนี่นะ" ทั้งคู่หยอกล้อกันไปจนถึงหน้าบ้าน ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ฟ้าเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกับทิวยังไม่มีเบอร์หรือ ไลน์ แลกกันไว้เลย "ไม่เป็นไร เดี๋ยววันหลังค่อยบอกค่อยขอแล้วกัน" เธอคิดในใจ
การรอคอยแบบใจจดใจจ่อ
นับจากวันที่ได้พบกันอีกครั้ง การเดินกลับบ้านพร้อมกับฟ้าได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของทิวไปเสียแล้ว มันไม่ใช่แค่การเดินกลับบ้าน แต่คือหน้าที่ที่เขาเต็มใจทำ คือการได้พูดคุย ได้ใช้เวลาร่วมกัน และเป็นจุดเริ่มต้นในการสานสััมพันธ์ที่เขาเฝ้ารอมานานแสนนาน
ค่ำคืนนี้ทิวยืนอยู่ใต้แสงไฟสลัวๆ หน้าปากซอยหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ ถึงแม้จะไม่มีเรียนช่วงบ่าย แต่เขาก็มีเหตุผลให้ต้องมา นั่นก็เพราะเขาดันหากุญแจบ้านไม่เจอ ทำให้ต้องเดินวนไปวนมาอย่างกระสับกระส่าย รอให้ฟ้ามาถึงเพื่อที่จะได้กลับบ้านด้วยกัน
"สงสัยคืนนี้คงต้องไปอาศัยป้านวลรอจนกว่าอาแทนจะกลับ" เขาคิดในใจพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
แต่แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ ฟ้าไม่ได้กลับมาตามเวลาเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ทิวเริ่มรู้สึกใจไม่ดี เขานึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ของเธอที่จะติดต่อได้เลย ทำได้เพียงแค่ยืนรออย่างไม่มีจุดหมาย จนเวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมง ความกังวลเริ่มเกาะกินหัวใจ เขาเริ่มคิดไปต่างๆ นานา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือเปล่า...?
เสียงเพลงจังหวะสนุกสนานดังกระหึ่มไปทั่วรีสอร์ทที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นลานปาร์ตี้กลางแจ้ง เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างสนุกสนานอย่างเต็มที่ ก่อนที่เสียงของซันจะดังขึ้นพร้อมกับแก้วไวน์ในมือ“ทุกคน! ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล!” เขาขึ้นไปยืนบนเวทีเล็กๆ ด้วยท่าทางที่เมาได้ที่แล้ว “ผมในฐานะเพื่อนรักเจ้าบ่าว วันนี้ขอเป็นตัวแทนกลุ่มเพื่อนๆ อวยพรและร่วมยินดีไปกับ ‘คุณทิวา’ หรือที่พวกเราเรียกว่าไอ้ทิวา และ ‘ทิวจ๋า’ ของเจ้าสาวของเรา ขอให้รักกันไปนานๆ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง!”เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังสนั่น “เอาทุกคน! วันนี้ไม่เมาเราไม่เลิก!” ซันชูแก้วขึ้นสูง ก่อนจะหันไปทางทิวกับฟ้าที่ยิ้มให้ด้วยความอบอุ่นอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันท่ามกลางความสนุกสนาน ฝนที่ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มรู้สึกมึนงงเพราะเธอไม่ใช่คนคอแข็ง เธอจึงเดินโซซัดโซเซเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ ดวงตาที่ปรือและหัวที่กำลังหมุนไปมาทำให้เธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เสียงเพลงที่ดังจนกลบทุกอย่างยิ่งทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงใดๆเธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำที่ดูว่างเปล่าและตรงไปที่ชักโครกอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้นก็มีร่างผู้ชายย
งานแต่งงานที่เรียบง่าย ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติเพียงหนึ่งเดือนต่อมา ทิวก็จัดงานแต่งงานอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ณ รีสอร์ทส่วนตัวในเขาใหญ่ ท่ามกลางขุนเขาและลำธารใสที่ไหลผ่าน เสียงหัวเราะและบทสนทนาของแขกที่มาร่วมงานดังก้องไปทั่ว“เฮ้ย! กูตกใจหมดเลย!” เสียงของซันดังลั่นท่ามกลางกลุ่มเพื่อนสนิท “กูก็นึกว่าที่บ้านมันแค่เลี้ยงวัวทำสวนมาตลอด! ชิบหาย! คบกันมาจนเรียนจบ เพิ่งรู้ว่่่าที่บ้านมันเป็นเจ้าของรีสอร์ท!”“มันก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกพวกเรานี่หว่า” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเอ่ยขึ้น “ตอนที่เราถามกันตอนปีหนึ่ง มันก็บอกว่าเลี้ยงวัวกับทำสวน ซึ่งก็จริง ที่บ้านมันเป็นเจ้าของฟาร์มวัวนมก็เลี้ยงวัว ส่วนไร่องุ่นกับผักออร์แกนิกของมันก็นับเป็นทำสวนสิ พวกเรานั่นแหละที่มโนไปเอง”“ใครจะไปคิดว่าจะมีเพื่อนเป็นทายาทรีสอร์ทวะ” เพื่อนคนหนึ่งว่า “ดูมันทำตัวสิ มันก็ไม่ได้ทำตัวว่ามันรวยสักหน่อย”“แต่มันก็ไม่ได้ทำตัวจนนะ” ซันเสริมพลางหัวเราะ “อยากใช้อะไรมันก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ พวกเราต่างหากที่จินตนาการเกินจริงไปเอง”ซันมองไปรอบๆ งานอย่างทึ่งๆ “มึงรู้ไหมตอนที่เจอมันเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งในหัวกูจินตนาการว่ามัน
เสียงของนวลดังขึ้นในความเงียบยามเช้า ขณะที่ฟ้ากำลังง่วนอยู่กับการจัดของ“ฟ้า… แม่ขอถามอะไรหนูหน่อยได้ไหม”ฟ้าหันกลับมามองด้วยความสงสัย สายตาของนวลดูเป็นกังวลมากกว่าปกติ“รอบเดือนหนู… มันไม่ได้มาใช่ไหม”ฟ้าชะงักไปเล็กน้อย เธอพยายามนึกย้อนดูความทรงจำ แต่ความสับสนเข้ามาแทนที่ “ไม่แน่ใจค่ะแม่ ฟ้าก็ลืมนับ… มีอะไรหรือเปล่าคะ”“ตอนนี้หนูรู้สึกยังไงบ้าง เพลียไหม เหนื่อยง่ายหรือเปล่า” นวลถามย้ำ น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยความห่วงใย“ก็เพลียค่ะ เหนื่อยง่ายด้วย” ฟ้ายอมรับอย่างไม่เต็มใจนัก “แต่ก็แค่เหนื่อยธรรมดา พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”“แม่ว่าฟ้าควรไปหาหมอนะ ไปให้หมอตรวจร่างกายให้ดีกว่า” นวลเสนอ “มาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ให้ทิวเขาพาไปเถอะ”“อะไรกันแม่ ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” ฟ้าเริ่มหงุดหงิด “ทำไมฟ้าต้องไปหาหมอด้วย”คำพูดของนวลทำให้เธอรู้สึกร้อนรนอย่างไม่ทราบสาเหตุ “แน่ใจเหรอว่าแค่อาการเหนื่อย ฟ้าไม่รู้สึกผิดปกติกับร่างกายตัวเองเลยหรือไง”นวลไม่รอให้เธอตอบ แต่หันไปทางฝนที่กำลังคุยอยู่กับทิวที่หน้าบ้าน “งั้นเดี๋ยวให้ฝนไปเป็นเพื่อนแล้วกัน แม่จะไปบอกน้อง”“ฝน ไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่ฟ้าหน่อยนะลูก แม่บอกว่าจะให้ท
ความเปลี่ยนแปลงของฟ้าเช้าวันทำงาน ทุกอย่างดูเหมือนจะปกติแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนต่างเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นขณะที่ฟ้ากำลังทำงานอยู่ ก็มีเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น"อ้าวฟ้า หยุดยาวนี้ไปเที่ยวไหนมาเหรอ" พี่มีนาถาม"ไปเขาใหญ่ค่ะ" ฟ้าตอบ"บรรยากาศน่าจะดีนะ อยากไปบ้างจังมีที่แนะนำไหม""ก็มีอยู่หลายที่นะคะ" ฟ้าตอบเลี่ยง ๆ"แล้วฟ้าไปรีสอร์ทไหนอ่ะ เผื่อพี่อยากไปบ้าง"ฟ้าเงียบไป ไม่พูดต่อ "ต้องถามน้องสาวค่ะ ต้องถามฝน เพราะว่าฝนเป็นคนจอง""ฟ้าไม่สบายไหม ทำไมหน้าตาดูซีด ๆ ช่วงนี้ทำงานหนักเกินไปหรือเปล่า มีเรื่องให้เครียดหรือเปล่า""น่าจะเป็นเพราะทางไกลมั้งคะ นั่งรถเหนื่อยมั้ง" ฟ้าตอบ"ไปเขาใหญ่ก็ไม่ไกลนะ ไม่น่าจะเหนื่อยขนาดนั้นนะ เอ๊ะ หรือว่าไปทำอะไรมาหรือเปล่า ร่างกายอ่อนเพลีย" มีนาพูดและรอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มขณะที่ฟ้ากำลังถ่ายเอกสาร กระดาษติดอยู่ในเครื่อง ฟ้าพยายามดึงออกมาแต่ทำไม่ได้ เธอกทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเพื่อนร่วมงานเห็นจึงเข้ามาถามว่าฟ้าเป็นอะไร แต่ฟ้าก็เอาแต่ส่ายหน้าและร้องไห้ วินเพื่อนร่วมงานจึงแนะนำให้เธอกลับไปพักผ่อนที่บ้านในวันนั้น ฟ้าจึงทำงานได้แค่ครึ่งวันก็
บรรยากาศอึมครึมรถยนต์ที่กำลังมุ่งหน้ากลับบ้านเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งและน่าอึดอัด ฝนที่นั่งอยู่เบาะหลังสังเกตเห็นความตึงเครียดของทั้งคู่ จึงเอ่ยปากขึ้น"พี่ฟ้า เดี๋ยวจอดให้ฝนลงก่อนนะ ฝนไม่อยากเข้าบ้าน พี่กับทิวาไปเคลียร์กันเองที่บ้าน" ฝนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ยังไม่อยากเจอหน้าแม่ตอนนี้ด้วย รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด""ให้ฝนลงตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวฝนกลับเอง""จะไม่ไปหาแม่เหรอ?" ฟ้าเอ่ยถาม"ไม่ ฝนจะกลับหอพักเลย""พี่ฟ้าคิดด้วยจะบอกพ่อยังไง หรือจะให้ฝนเป็นคนพูดให้ จะเอายังไงก็บอกฝนมาแล้วกัน เพราะยังไงเรื่องนี้พ่อก็ต้องรู้อยู่แล้ว""โอเค พี่ขอเวลาหน่อยนะ" ฟ้าพูด" อื้ม...พี่ฟ้าฝนยืมมือถือจดเบอร์พ่อแป๊ป มือถือแบตหมด " ทิวขับรถไปจอดเทียบฟุตบาทส่งฝนลง ทำให้ในรถเหลือเพียงทิวและฟ้าแค่สองคน บรรยากาศภายในรถยิ่งเงียบงันลงไปอีก ทิวเห็นสีหน้ากังวลของฟ้าจึงเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้แน่น"เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ อย่าคิดมาก" ทิวปลอบใจ "เรื่องนี้ทิวจะสารภาพกับป้านวลเอง"ฟ้าพยักหน้าด้วยความเหนื่อยล้า"เหนื่อยเหรอ?""อืม เหนื่อยมาก" ฟ้าพยักหน้าพร้อมกับตอบเสียงแผ่วเบา"งั้นนอนพักก
ในช่วงสายของวัน ณ จุดบริการนักท่องเที่ยวของรีสอร์ท ราตรี ผู้เป็นแม่ของ ทิว และ ทับทิม ผู้เป็นย่า เดินทางกลับจากปฏิบัติธรรมก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นรถคนนึงจอดอยู่ผิดที่ราตรี: "อ้าว! นี่รถใครมาจอดอยู่ตรงนี้เนี่ย ทำไมพนักงานถึงไม่บอกให้ไปจอดที่สำหรับลูกค้า"ย่าทับทิม: "รถคันนี้ใช่รถที่ตาทิวซื้อใหม่หรือเปล่า ช่วยแม่ดูหน่อย"เมื่อสอบถามพนักงานก็ได้ความจริงที่ราตรี: "รถคันนี้...ใช้รถของคุณทิวไหม?"พนักงาน: "ใช่ค่ะคุณผู้หญิง"ราตรี: "จะกลับทำไมไม่เห็นบอกแม่เลยนะ!"พนักงาน: "คุณผู้หญิงคะ...คุณทิวพาผู้หญิงมาด้วยนะคะ"ราตรี: "มาตั้งแต่วันไหน"พนักงาน: "มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ"ทั้งคู่หันมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจผสมความสงสัยราตรี: "แล้วตอนนี้คุณทิวอยู่ไหนล่ะ"พนักงาน: "อยู่โซนฝั่งน้ำตกค่ะ เดี๋ยวให้หนูพาไปไหมคะ"ราตรี: "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้"ย่าทับทิม: "ไปดูกัน! ตาทิวพาใครมาอยากเห็นหน้าเหมือนกันแหละ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพาผู้หญิงเข้าบ้าน"ทั้งสองมุ่งหน้าเดินไปหาทิวทันที ระหว่างทางมีเด็กสาวสองคนเดินสวนมา คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์ฝน: "ฮัลโหลพี่ฟ้า ฝนกำลังจะเข้าไปนะคะ ตอนนี







