แชร์

5-1

ผู้เขียน: ม่านกู่
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-23 16:59:28

พยัคฆ์อัคคียอมบอกความจริงต่อเทพว่าต้องการหยกพันปีไปฟื้นฟูพลังกายของบุตรชายตัวน้อย ซึ่งเล่นซนไปสักหน่อยจึงถูกพิษของป๋ายเซี่ย

สัตว์อสูรจำพวกปูยักษ์มีวิถีนักล่าที่แปลกประหลาด ไม่กลืนเหยื่อเข้าไปทว่าจะฝังคมเขี้ยวไว้ รอให้แผลเน่าและถูกพิษกัดกินเสียก่อน ให้เหยื่อทุรนทุราย ร่างกายขยับไม่ได้เมื่อไรค่อยกลับมาจัดการอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งปีศาจและอสูรไม่ใช่ทุกเผ่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน อสูรหลายตนนี้เป็นพวกเดียวกับพยัคฆ์อัคคี ซึ่งเป็นสัตว์อสูรในตำนาน จัดอยู่ในระดับที่มีพละกำลังใกล้เคียงกับปีศาจ

ส่วนอสูรปักษาซึ่งมาก่อกวนคราวก่อนนั้นต้องการหยกพันปีไปทำอะไรไม่รู้ได้ ถึงคราวนี้ไม่มาปรากฏตัวแต่คราวหน้าไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่

อาเป้ยเห็นสัจธรรมอีกข้อหนึ่งว่ามนุษย์มีการแบ่งแยกเป็นหลายชนเผ่า เหล่าปีศาจและอสูรก็เช่นกัน ถึงบนเทวโลกไม่วุ่นวายเท่าโลกมนุษย์ แสนจะวุ่นวายนัก ต่างฝ่ายสู้รบกันเพื่อสนองกิเลส 

ยกตัวอย่างเช่นท่านเจ้าเมืองหลงอี้จินผู้ส่งเครื่องสังเวยให้แด่เทพด้วยความเชื่อของท่าน ก็ปรารถนาต้องการอำนาจจากเทพ หวังให้ผู้คนเคารพสยบต่อท่าน

ณ สถานที่แห่งนี้ปีศาจยังอาจกลืนกินปีศาจด้วยกันเองเพื่อสูบพลังเวท 

ในขณะที่เทพล้วนฝักใฝ่การบำเพ็ญเพียร ปลีกวิเวกเพื่อสำเร็จผลเป็นเซียน ไม่ใคร่สนใจว่าผู้อื่นลำบากเดือดร้อนหรือไม่อย่างไร

ใจนางอยากช่วยเหลือพยัคฆ์อัคคีตนนี้ นางเข้าใจความรักของแม่ว่ายิ่งใหญ่เพียงใด แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นบนท้องนภา

“ป๋ายเซี่ยเป็นปูอสูรตระกูลน้ำ หนึ่งในอสูรราตรี ยาถอนพิษอยู่ในเรือนเทพแห่งสายน้ำ” 

สายตาทุกคู่มองไปทางเทพในร่างอสรพิษกายายิ่งใหญ่คับฟ้า นัยน์ตารุธิระเปล่งประกาย กลุ่มควันสีดำสนิทจำนวนมากมายรอบกายเทพปีศาจ บ่งบอกว่าการจำศีลเสร็จสมบูรณ์ 

เทพอู่เฉินกลับร่างบุรุษสวมอาภรณ์สีดำ แตะปลายเท้าลงพื้นดินอย่างสง่างามน่าเกรงขาม

“ท่านคงต้องรอเสียหน่อย ข้าจะไปนำดอกบัวสีทองในเรือนใต้เท้าจีกงมาแก้พิษให้ลูกชายท่าน”

“ข้ารอไม่ได้”

น้ำเสียงของพยัคฆ์อัคคีเต็มไปด้วยความก้าวร้าว ด้วยนิสัยอย่างพยัคฆ์ แม้ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่อักขระสีทองฝีมือของอาเป้ย ซึ่งนางมีสีหน้าไม่สดใสนัก เมื่อไม่สามารถปล่อยพยัคฆ์อัคคีให้เป็นอิสระ

สัตว์อสูรตัวเล็กที่ซ่อนเร้นกายอยู่ในกระเป๋าเวทของมารดาผู้เหนื่อยล้าอ่อนกำลัง บริเวณข้างใต้ท้องพยัคฆ์ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ถนัด ในที่สุดก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้

“ท่านต้องยอมลดศักดิ์ศรีลงหากต้องการความช่วยเหลือจากเทพ ตัวข้าไม่ได้โกหกท่านเรื่องหยกพันปี ข้าหาได้รู้ไม่ว่ามันอยู่ที่แห่งใดบนเกาะเทพอุดรนี้ แต่ถ้าท่านไม่อยากจะรอนาน ไปกับพวกข้า...” ในน้ำเสียงเด็ดขาดราวคำสั่งประกาศิต อาเป้ยหน้าตาเบิกบานเพราะว่านางจะได้ไปชมดอกบัวสีทอง นางถูกหยุดเอาไว้ด้วยนัยน์ตาสีแดงฉานในบัดดล

“เจ้าอยู่ที่นี่ อาเป้ย”

อาเป้ยโวยวาย “โธ่! เทพอู่เฉิน ขอข้าไปด้วยซี ข้าเป็นผู้กระทำผิด หลอกลวงเหล่าปีศาจให้หัวเสียอยู่ตั้งหลายวันหลายคืน ข้าควรจะต้องไป”

“ให้นางไปด้วยเถิดท่าน แล้ว... เชือกนี้อยู่ในมือนางด้วยกระมัง”

นางล่ามพยัคฆ์อัคคีเหมือนเป็นสัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น เทพแห่งสายน้ำคนพี่เห็นพ้องต้องกัน ตามมาสมทบ เหยียบลงบนพื้นดินแล้วจึงเร่งเร้า

“รีบไปกันเถอะพวกท่าน ชักช้าไป จะไม่ทันการ”

อาเป้ยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เพียงได้รับอนุญาตให้ติดตามไปเรือนเทพแห่งสายน้ำด้วย นางส่ายคอมองไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิดไร้แสงดาว 

หนึ่งก้านธูปไม่สามารถใช้บอกเวลาในเทวโลก นางบอกไม่ได้ว่าเป็นยามจื่อหรือว่ายามโฉ่ว หนึ่งราตรีช่างแสนยาวนาน แต่บางวันนางรู้สึกว่ามันไม่นานนัก แสงอรุณก็ส่องหัวนางเสียแล้ว

อาเป้ยกระชับเชือกสีทองในมือแน่น นั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทรงตัวอย่างมั่นคง ในอุ้งมือหยาบของอสรพิษกายายิ่งใหญ่ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นเทพ พร้อมกันนั้น เสียงร้องแหลมเล็กของสัตว์อสูรตัวน้อย ฟังดูแล้วแสนเจ็บปวดทุกข์ทรมานทำให้นางก้มหน้าลงมองบริเวณใต้ท้องของมารดาพยัคฆ์ มันเอามือบังร่างตนไว้ ส่งเสียงคำรามเอ็ดลูกว่าไม่ให้ร้อง จากนั้นนางก็ไม่ได้ยินสุ้มเสียงใดอีก พวกมันต่างเงียบสนิทไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกมา

ด้วยความสงสารเวทนา นางจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 

“เจ้าพยัคฆ์ตัวน้อย... อดทนอีกสักนิดเถิด ข้าเชื่อว่าเทพอู่เฉินต้องหาสักหนทางช่วยชีวิตเจ้าให้ได้”

เทพอู่เฉินคอยเงี่ยหูฟังนางพูดคุยกับอสูรพยัคฆ์ ขณะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ที่ผ่านมาเทพอู่เฉินไม่เคยให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่ปีศาจหรืออสูร ยังนึกรังเกียจความอ่อนแอของตนยามเป็นปีศาจ และเขาไม่เคยนึกชื่นชอบปีศาจ

กระนั้นยังไม่ใช่วิสัยของเทพอู่เฉิน จะยอมให้ผู้ใดใช้เขาเป็นพาหนะในการเดินทางไปไหน แม้กระทั่งการนำเครื่องสังเวยจากโลกมนุษย์เดินทางกลับมายังเทวโลก เขาไม่ใคร่สนใจว่ามนุษย์แสนอ่อนแอเหล่านั้นจะตายเพราะพิษจากคมเขี้ยวและน้ำลาย

ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด เขาถึงได้โอนอ่อนยอมตามใจนาง วาดเท้ามังกรทั้งสามข้างที่เหลือ อีกหนึ่งนั้นให้เป็นที่นั่งพักพิงของนางและสองอสูร

ฝ่าเท้ามังกรแห่งสวรรค์เยื้องย่างในเวหาดังวิหคยักษ์ ร่างสีดำทะมึนปกคลุมด้วยไอปีศาจทำให้การเดินทางผ่านสายลมแรงกรรโชก อุปสรรคจากแม่น้ำและเทือกเขาทอดยาว ไม่ใช่ปัญหาต่อเทพปีศาจ

อย่าว่าแต่เทวโลกเลย การข้ามเขตในภพภูมิเดียวกันหรือคนละภพภูมิ เทพอู่เฉินไปไหนมาไหนได้โดยไม่ลำบากแม้แต่น้อย เขาเพียงเป็นเทพอยู่ติดเรือน ไม่ใคร่จะชอบการเดินทางนัก

“เทพอู่เฉินท่านแข็งแกร่ง มีเมตตากรุณาถึงเพียงนี้ ท่านช่วยเหลือผู้ใดได้ท่านก็จะช่วย เชื่อข้าเถิดว่าท่านไม่ได้โกหกเรื่องที่ท่านจะต้อนรับปีศาจเช่นกัน ข้าไม่อยากให้พวกท่านทั้งหลายทะเลาะกัน ข้าจึงยินดีเอาหัวเป็นประกัน”

“คำพูดของเจ้ามีความจริงแค่สองส่วน อีกแปดส่วนล้วนแล้วแต่เป็นคารม ระวังให้ดี สักวันศีรษะเจ้าจะกระเด็นจากบ่าเพราะปากของเจ้า”

บุรุษเทพในร่างอสรพิษแลดูเกรี้ยวกราด นางพูดอะไร ก็จะเห็นเป็นตรงกันข้ามไปเสียหมด ทว่านางกลับเอาอกเอาใจท่านเทพเสียเหลือเกิน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   5-3

    ปัญหาใหญ่ทว่าหากชักช้าไปจะไม่ทันกาล พยัคฆ์อัคคียอมปล่อยลูกของตนออกจากหน้าท้อง สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังเจ้าพยัคฆ์ตัวน้อยกายพยัคฆ์ที่ห่อหุ้มด้วยเปลวอัคคีครึ่งหนึ่งถูกพิษสีเขียว หนอนพิษชอนไชจนเห็นกระดูก นัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ของมันเอ่อคลอหยดน้ำใส มันไม่แม้จะส่งเสียงร้องออกมาเหล่าเทพถึงจะไม่ชอบสัตว์อสูรสักเท่าไร อดไม่ได้ที่จะสงสารเวทนาเจ้าพยัคฆ์ตัวกระจ้อยร่อย“ตำราเล่มหนึ่งกล่าวว่าสัตว์อสูรจำพวกพยัคฆาไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ผู้ใดเห็นเป็นอันขาด นิสัยของท่านช่างคล้ายคลึงกับตัวข้านัก...”“ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า”เทพอู่เฉินเอ่ยขึ้น ชิงลงมือนำหน้า วาดวงเวทสีดำเสกสายน้ำเป็นระลอกคลื่น ดึงแผ่นน้ำขึ้นสูงเพื่อจัดการกับมัจฉาก้าวร้าวให้ขาดอากาศหายใจไปเสีย ไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้สักน้อย ใต้เท้าจีกงรีบปราม “ระวังด้วยเทพอู่เฉิน ดอกบัวสีทองจะขาดน้ำหล่อเลี้ยงรากไม่ได้เป็นอันขาด จะแห้งตายในทันที”“ข้าว่าไม่ง่าย... ต้องร่วมใจเป็นหนึ่ง”อาเป้ยสะบัดปลายเท้า กระโดดข้ามอากาศไปยืนถัดจากเทพอู่เฉินในระยะห่างพอสมควร เพื่อมองทิศทางน้ำในอีกด้านหนึ่ง เทพแห่งสายน้ำทั้งสองเห็นพ้องต้องกัน รีบไปยืนคนละทิศ ทั้งสี่มุมสร

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   5-2

    “ข้าเชื่อก็คือเชื่อ... ท่านเคยได้ยินไหมว่าเปลี่ยนความเชื่อมนุษย์นี้ยากกว่ายกภูเขาทั้งลูกเสียอีก”“ข้าเพิ่งจะเอ็ดเจ้า”“ข้าขอนับเป็นความหวังดี ใช่ว่าท่านอยากจะเอ็ดจะว่าข้าเสียเมื่อไร ท่านใจดีกับข้า” นางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลง “และที่ท่านยอมช่วยเหลือพยัคฆาน้อยวันนี้ นับเป็นบุญกุศลของท่าน ข้าเชื่อเรื่องบุญกรรมวาสนา การทำความดี สิ่งดี ๆ จะย้อนกลับมา”อาเป้ยยิ้ม เงยหน้ามองเทพอู่เฉินในร่างสีดำทะมึนด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าเทพอู่เฉินคงไม่สบอารมณ์นางนัก ไม่หลงกลคารมนาง“เจ้าพูดจาได้ดี... ทั้งที่เพิ่งจะขังเทพผู้ยิ่งใหญ่ของมนุษย์เอาไว้ใต้ที่นอนในห้องใต้ดิน ห่อร่างข้าด้วยผ้าห่มเหม็นเน่าของเจ้า ทำให้ข้าในร่างครึ่งงูครึ่งบุรุษต้องติดอยู่ใต้เตียงถึงสองคืน”อาเป้ยเพิ่งนึกออกว่าลืมท่านเทพเอาไว้ หลังร่ายเวทอำพรางตาเปลี่ยนประตูให้กลายเป็นกำแพง ส่วนตัวนางนั่งน่ะหรือ เล่นหมากเซี่ยงฉี หัวเราะร่าเริงบันเทิงใจ ไปเที่ยวชมพรรณพฤกษาในป่ากับสองบุรุษเทพแห่งสายน้ำ!阿贝 อาเป้ย...宝贝 bǎobèi (เป่าเป้ย)ลูกรัก ที่รัก...ชื่อของนางคงมีรากฐานมาจากคำในความหมายว่านางคือผู้เป็นที่รักต่อทุกสรรพสิ่งเทพอู่เฉินมองเ

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   5-1

    พยัคฆ์อัคคียอมบอกความจริงต่อเทพว่าต้องการหยกพันปีไปฟื้นฟูพลังกายของบุตรชายตัวน้อย ซึ่งเล่นซนไปสักหน่อยจึงถูกพิษของป๋ายเซี่ยสัตว์อสูรจำพวกปูยักษ์มีวิถีนักล่าที่แปลกประหลาด ไม่กลืนเหยื่อเข้าไปทว่าจะฝังคมเขี้ยวไว้ รอให้แผลเน่าและถูกพิษกัดกินเสียก่อน ให้เหยื่อทุรนทุราย ร่างกายขยับไม่ได้เมื่อไรค่อยกลับมาจัดการอีกครั้งหนึ่งทั้งปีศาจและอสูรไม่ใช่ทุกเผ่าจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน อสูรหลายตนนี้เป็นพวกเดียวกับพยัคฆ์อัคคี ซึ่งเป็นสัตว์อสูรในตำนาน จัดอยู่ในระดับที่มีพละกำลังใกล้เคียงกับปีศาจส่วนอสูรปักษาซึ่งมาก่อกวนคราวก่อนนั้นต้องการหยกพันปีไปทำอะไรไม่รู้ได้ ถึงคราวนี้ไม่มาปรากฏตัวแต่คราวหน้าไม่รู้ว่าจะมาหรือไม่อาเป้ยเห็นสัจธรรมอีกข้อหนึ่งว่ามนุษย์มีการแบ่งแยกเป็นหลายชนเผ่า เหล่าปีศาจและอสูรก็เช่นกัน ถึงบนเทวโลกไม่วุ่นวายเท่าโลกมนุษย์ แสนจะวุ่นวายนัก ต่างฝ่ายสู้รบกันเพื่อสนองกิเลส ยกตัวอย่างเช่นท่านเจ้าเมืองหลงอี้จินผู้ส่งเครื่องสังเวยให้แด่เทพด้วยความเชื่อของท่าน ก็ปรารถนาต้องการอำนาจจากเทพ หวังให้ผู้คนเคารพสยบต่อท่านณ สถานที่แห่งนี้ปีศาจยังอาจกลืนกินปีศาจด้วยกันเองเพื่อสูบพลังเวท ในขณะที่เทพ

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   4-3

    ผ่านไปสามราตรีกาลไม่มีอะไรคืบหน้าปีศาจนับสิบตนยังพยายามตามหาเทพอู่เฉินในเรือนแต่ไม่พบท่านตามที่นางว่าทางด้านฝั่งเทพเลิกต่อต้านอสูรปีศาจ ปล่อยให้เดินไปเดินมาตามใจ ระหว่างรอก็ชักชวนกันฆ่าเวลา นั่งฝึกปัญญาด้วยหมากเซี่ยงฉี เหล่าเทพผู้น้อยช่วยกันซ่อมแซมพื้นเรือนด้านหน้าให้กลับมาสวยสะอาดเรียบร้อยดังเดิมแล้ว บ่าวงูทั้งสองยังกลับมาเอาความกับนางเรื่องเทพอู่เฉินไปอยู่ที่ใด“หวังว่าเจ้าจะไม่โป้ปดพวกข้า มิฉะนั้นเจ้าจะถูกลงโทษสถานหนักทีเดียว”“ท่านรอถามเทพอู่เฉินด้วยตัวท่านเองก็แล้วกัน ท่านซื่อหยูอี้ ท่านเซียวอี้หรู ข้าหน่ายจะอธิบายความให้ท่านฟัง เพราะว่าท่านไม่เคยจะฟัง”อาเป้ยกำลังวัดฝีมือกับเทพแห่งสายน้ำ บนโต๊ะหินใต้ต้นไม้สูงใหญ่ ลมพัดเย็นสบาย นางคีบหมากเฉียมุ่งไปดักโจมตีถึงในบ้านของอีกฝ่าย ทว่านางคงไม่ชำนาญงาน จึงไม่ได้ดูเลยว่ามีองครักษ์คอยป้องกันอยู่"เก็บพลังเวทไว้ใช้ยามจำเป็น กำชัยชนะโดยไม่ต้องออกรบ เจ้าเฉลียวฉลาดนัก อาเป้ย” เทพแห่งสายน้ำเอ่ยคำชื่นชมนาง จากเคยว่านางเป็นสตรีควรนิ่งเงียบเสียก็เปลี่ยนความคิดใหม่บนโลกของทวยเทพ เทพสตรีออกเรือนแล้วยังต้องเชื่อฟังและอยู่ในโอวาทสามีเช่นเดียวกับมน

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   4-2

    นางยิ้มแล้วจึงพูด “ข้าขออภัย แต่อาจารย์ข้าพร่ำสอนเรื่องการมีมารยาท หากผู้ใดถามคำถามข้า ข้าควรต้องตอบให้ชัดเจนเท่าที่ข้าทราบ แถมตัวข้ายังมิใช่สตรี มิใช่ภรรยาของผู้ใด ข้าอยู่เยี่ยงบุรุษมาทั้งชีวิต บนโลกมนุษย์ข้ามีป้ายชื่อเด็กชาย เป็นข้ารับใช้นักพรต ตัวข้าไม่เคยมีแม้โอกาสจะได้ปักปิ่นผมเยี่ยงสตรีด้วยซ้ำ”นางยังอวดป้ายชื่อบุรุษของนางว่าอาเป้ย ซึ่งมีสีแตกต่างไปตามแคว้นที่อาศัยให้เทพดูเสียด้วย ทว่าเหล่าเทพคงไม่ได้สนใจ ถือโอกาสพักเอาแรงระหว่างทุกคนหันมองนางเป็นตาเดียวในเมื่อนางเป็นผู้ไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่มีผู้ใดชิงชังนาง อย่างมากคงแค่รำคาญใจเท่านั้น อาเป้ยถีบขาทะยานขึ้นอากาศ​ เหยียบลงบนพื้นหินหน้าพยัคฆา นางเกิดมีความคิดว่าสัตว์อสูรตนนี้เฉลียวฉลาดกว่าตนอื่น น่าจะพูดจารู้เรื่อง“ข้าว่าท่านเอาเวลาไปตามหาหยกพันปีเสียดีกว่า ในเมื่อท่านอู่เฉินให้คำอนุญาตแล้ว ท่านบอกด้วยตัวท่านเองว่ามันอยู่บนเกาะเทพอุดรแห่งนี้ ยังฝากข้าเป็นธุระมา ทั้งเทพและปีศาจ เชิญตามอัธยาศัย” นางก้มศีรษะทำความเคารพทั้งสองฝั่งอย่างนักปราชญ์ ผู้มีปัญญาเป็นที่ตั้ง ต่างฝ่ายจึงสงบสติอารมณ์ลงเพราะคารมของนาง“ข้าเอง... อยู่เฉย ๆ ไม่มีอ

  • เครื่องบรรณาการของเทพงู - เล่ม 1 [TH]   4-1

    เทพอู่เฉินในร่างปีศาจมีช่วงเวลาจำศีลหลายราตรี สักห้าสิบถึงหนึ่งร้อยปีจะลอกคราบเก่าของตนสักครั้งเช่นเดียวกับนางเฟยอี๋ ใช้เวลามากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพลังเวทในกาย ซึ่งหลังจากลงไปรับเครื่องบรรณาการบนโลกมนุษย์ เดินทางข้ามภพภูมิกลับมายังเทวโลกทำให้สูญเสียพลังไปมาก คงซ่อมแซมตนได้ไม่ดีนักเทพและปีศาจต่อสู้กันมาสองราตรีแล้ว...อาเป้ยเดินไปเดินมาอย่างระวังไม่ให้เป็นภาระผู้ใด นางหลบเข้าไปนอนบ้าง เอามือปิดหูปิดประตูห้องเงียบเชียบ เสียงกระบี่ดังกระทบกัน พื้นดินแตกหักเป็นเศษเป็นชิ้น เสียงตะโกนบริภาษอย่างเกรี้ยวกราด แสงสีเสียงทอดดังมาเป็นระยะ ต่างฝ่ายตะโกนโหวกเหวกโวยวายทะเลาะวิวาทกันไม่จบสิ้น ไม่มีวี่แววว่าฝ่ายใดจะยอมเลิกราท้ายที่สุดนางก็ทนไม่ไหว จึงลองเดินหาห้องพักจำศีลของเทพอู่เฉินดูว่าอยู่ที่ใดห้องพักของเทพอู่เฉินหาไม่ยากนัก อยู่ถัดจากลานกว้างที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน นางคิดว่าท่านเทพคงไม่กลัวเกรงในสิ่งใดเลยจำศีลอย่างโจ่งแจ้ง นางยังเห็นว่ามีบุรุษเทพรูปงามร่างสูงใหญ่แต่งการด้วยอาภรณ์งดงามดูมีภูมิฐาน และอีกสี่คงเป็นลูกสมุนของฝั่งเทพแห่งสายน้ำตามมาสมทบนางเคาะประตูห้องอย่างมีมารยาท ทว่าไม่ได้ยินเสีย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status